ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 89
เมื่อคิดได้ดังนั้นนักวิจัยลุกขึ้นยืนแต่เมื่อเห็น หลินเฉิง จ้องมองเขา เขารีบนั่งลงอีกครั้ง จากนั้นเขาพยายามคิดถึงรายละเอียดเกี่ยวกับงานวิจัยในใจของเขาและพูดออกมาว่า
“จากการทดลองของเราพบว่า โครงสร้างทางกายภาพของผู้ที่ปลุกพลังขึ้นไม่ได้แตกต่างจากคนปกติมากนักแต่ที่น่าแปลกก็คืออัตราการพัฒนาเซลล์สมองของคนเหล่านี้สูงกว่าคนปกติทั่วไปมาก มนุษย์ธรรมดาผลิตเซลล์สมองน้อยกว่า 10% แต่ผู้ที่ปลุกพลังจะสามารถพัฒนาเซลล์สมองได้มากกว่า 15% คุณรู้ไหมว่าอัตราการพัฒนาเซลล์สมองของ ไอสไตน์นั้นสูงกว่าบุคคลธรรมดาเพียง 3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น และนอกจากนี้ต่อมไพเนียลสของคนเหล่านั้นมีขนาดใหญ่กว่าคนธรรมดามาก!”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้นักวิจัยเฝ้ามอง หลินเฉิง และเห็นว่า หลินเฉิง ยังคงฟังเขาอยู่ดังนั้นเขาจึงไอออกมา 2 ครั้งแล้วพูดต่อ
“เราจึงมุ่งเน้นไปที่ประเด็นทั้งสองในการวิจัย! หลังจากการวิจัยสถิติในการทดลองเราพบว่า การปลุกพลังนั้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภท 1 พลังที่เสริมสร้างการทำงานทางกายภาพและพลังแบบพิเศษ ข่าวนี้เคยหลุดออกไปจากนักวิจัยคนก่อนหน้านี้แต่ระดับความลับของมันยังไม่สูงมาก จุดสำคัญในการวิจัยของพวกเราก็คือ อัตราการเกิดซ้ำ! เราได้พบว่าหากเราสามารถปลุกพลังซ้ำๆจะทำให้ความสามารถนั้นเพิ่มขึ้นสูงมากกว่าเดิม เช่นประเภทความแข็งแกร่ง แต่เราเองไม่มีวัตถุในการทดสอบมากนักและอัตราการเกิดซ้ำของพลังพิเศษยังไม่พบกับหัวข้อการวิจัยนี้ แต่เราไม่สามารถยืนยันได้ว่าพลังพิเศษนั้นจะไม่สามารถเพิ่มซ้ำได้.. สำหรับความแตกต่างระหว่างคนทั้ง 2 ประเภท เนื่องจากเรามีตัวทดลองน้อยเกินไปจึงสรุปผลไม่ได้ในขณะนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้แน่ใจก็คือการเพิ่มพลังซ้ำให้กับผู้มีพลังทำให้พวกเขาทรงพลังราวกับพระเจ้า!”
เมื่อฟังคำตอบจากมืออาชีพอย่างนักวิจัย หลินเฉิง พยักหน้าและเก็บข้อมูลที่ซับซ้อนเหล่านี้ คนธรรมดาไม่สามารถดูได้ถ้าพวกเขาไม่คิดที่จะบุกที่นี่ เกรงว่าคงเป็นเวลาอีกนานกว่าพวกเขาจะรู้ว่ามีการทดลองมนุษย์เกิดขึ้นที่นี่
ทันใดนั้น หลินเฉิง ก็นึกถึงคำพูดบางอย่างและถามขึ้นมาว่า
“คุณคิดยังไงเกี่ยวกับการสกัดพลังออกมา?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้นักวิจัยถอนหายใจและตอบยังไม่เต็มใจว่า
“นี่…เอาเป็นว่าพวกเราได้รับคำสั่งเราก็เริ่มพยายามแยกเซลล์สมองบางส่วนจากตัวทดลองและนำไปปลูกถ่าย แต่น่าเสียดายการปลูกถ่ายเซลล์สมอง 10 ครั้งได้ล้มเหลว..”
“แต่หลังจากการทดลองเหล่านี้ซ้ำๆเราได้พบอย่างอื่น เราเรียกของเหลวพิเศษนี้ว่า สารเหลวเพิ่มความแข็งแกร่ง สารเหลวเพิ่มความแข็งแกร่งชนิดนี้ส่วนใหญ่สกัดมาจากต่อมไพเนียลของผู้ที่ถูกพลังขึ้น หลังจากการทดลองหลายครั้งในที่สุดเราก็ประสบความสำเร็จเพียงแค่หนึ่งเดียว แต่น่าเสียดายที่ตัวอย่างการทดลองอื่นๆที่ไม่ประสบผลความสำเร็จสามารถมีชีวิตได้อยู่เพียง 1 สัปดาห์ก่อนที่จะเสียชีวิตไป
“สารเหลวเพิ่มความแข็งแกร่ง?มันมีไว้ทำอะไร?”
เมื่อได้ยินชื่อแปลกๆ หลินเฉิง รีบถามอย่างรวดเร็ว
เมื่อได้ยินคำถามดวงตาของนักวิจัยเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆเขาพูดโดยเสียงที่ไม่สั่นกลัวอีกต่อไป
“อันที่จริง คุณสามารถคิดได้ว่ามันคือของเหลวชนิดหนึ่งที่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้อย่างรวดเร็ว สำหรับผู้มีพลัง! อย่างไรก็ตามอาจมีความเป็นไปได้ว่ามีปัญหาบางอย่างเกี่ยวกับวิธีการสกัดสารเหลวนี้ยังมีองค์ประกอบบางอย่างที่ไม่รู้จักในนั้นและยังไม่ได้รับการทดสอบ ดังนั้นคนข้างเคียงของมันจึงร้ายแรงกว่าที่คิด”
เมื่อได้ยินดังนั้น หลินเฉิง ขมวดคิ้วและถามขึ้นว่า
“มันมีความสามารถอย่างอื่นหรือเปล่า? คุณสามารถเอาชนะผลข้างเคียงนี้ได้หรือยังและเริ่มใช้สารเหลวนี้แล้วใช่หรือไม่?”
เมื่อเห็นการวิเคราะห์ของ หลินเฉิง เป็นไปอย่างรวดเร็วการแสดงออกของนักวิจัยเป็นตกตะลึง
“ คุณ..คุณพูดถูกต้องพวกเราสามารถเอาชนะผลข้างเคียงที่ร้ายแรงที่ได้และเริ่มดื่มสารเหลวแล้ว”
เมื่อได้ยินคำตอบของนักวิจัย หลินเฉิง พูดอย่างเย้ยหยันว่า
“คุณชายหวังใช่ไหม?”
เมื่อนักวิจัยได้ยิน หลินเฉิง พูดเขาเองก็ไม่ปฏิเสธและถอนหายใจลึกอย่างช่วยไม่ได้
“ถูกต้อง…อย่างไรก็ตามคุณชายหวังไม่สามารถเอาชนะคนข้างเคียงได้อย่างสมบูรณ์ การแสดงออกของเขานั้นทรงพลังมากยิ่งขึ้นและดูเหมือนว่าเขาจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยบางอย่างทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดตลอดเวลาอีกครั้งเวลานอนของเขายังยืดยาวออกไป ดูเหมือนว่ามันทำให้เขาต้องนอนมากกว่า 15 ชั่วโมงต่อวัน!”
หลินเฉิง มองนักวิจัยที่อยู่ตรงหน้าเขาขมวดคิ้วและรู้สึกลังเลเล็กน้อย ในที่สุดเขาก็พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
“คุณน่าทึ่งมาก ในสภาพแวดล้อมแบบนี้คุณยังสามารถทำการทดลองได้ในระดับนี้แต่น่าเสียดาย คุณต้องตายไม่ใช่เพราะคุณทำการทดลองกับมนุษย์แต่เป็นเพราะ คุณเห็นผม!”
หลังจากนั้น หลินเฉิง ดึงมีดออกมาจากด้านหลัง และนักวิจัยกำลังพยายามที่จะหลบหนี หลินเฉิง เองก็พยายามจะไล่ตามนักวิจัยแต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าสมองของเขาเจ็บปวดอย่างรุนแรง จนเขาไม่สามารถถือมีดไว้ได้ เขาจับหัวตัวเองกระแทกลงกับโซฟาอย่างแรง หลังจากความเจ็บปวดของเขาสงบลง หลินเฉิง เงยหน้าขึ้นและก็เห็นชายชุดดำคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตู
“ถ้าฉันไม่ได้ตื่นขึ้นมากลางดึกเพื่อมาเข้าห้องน้ำ และรู้ถึงสถานการณ์ในห้องทดลองนี้ นักวิจัยอันทรงคุณค่าของพวกเราอาจถูกสังหารไปแล้ว? แกมันไอ้โง่!”
หลังจากที่เห็น หลินเฉิง พยายามลุกขึ้นชายในชุดสีดำจ้องมอง หลินเฉิง อย่างดุเดือดและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หลังจากที่ หลินเฉิง ยังคงรู้สึกเจ็บปวดในหัวของเขาเป็นบางครั้ง หลินเฉิง พยายามจับมีดไว้ในมือแน่นและจ้องมองชายชุดดำที่อยู่ตรงประตู จากนั้นถามด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า
“คุณเป็นใคร?”
ชายในชุดดำไม่สนใจคำถามของ หลินเฉิง เขาหันไปถามนักวิจัยว่า
“แกบอกอะไรกับเขาไปบ้าง?”
นักวิจัยรู้สึกตื่นเต้นทันทีเมื่อเห็นชายชุดดำปรากฏตัวในเวลานี้เขาได้ยินคำถามอย่างชัดเจนและตอบอย่างรวดเร็วว่า
“เพียง..เพียงแค่ข้อมูลสำคัญบางอย่าง!คุณควรที่จะรีบกำจัดชายคนนี้ เขาอันตรายเกินไป!เขาตัดนิ้วของเสี่ยวหลี่ คุณก็รู้ว่าเสี่ยวหลี่เป็นผู้ช่วยที่ดีที่สุดของผม….”
เมื่อได้ยินคำตอบของนักวิจัยชายในชุดสีดำเงียบไป 2-3 วินาทีจากนั้นเดินไปบีบคอนักวิจัยคนนั้นแหละพูดว่า
“แกลืมพลังของฉันแล้วอย่างนั้นหรอ คุณชายหวังบอกว่าแกต้องเก็บความลับเท่ากับชีวิต แต่แกกลับบอกความลับให้กับคนอื่น สมควรตาย!”
ร่างของนักวิจัยชายชรานั้นค่อยๆอ่อนแรงจนหมดลมหายใจภายในเงื้อมมือของชายชุดดำทันที!