ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 92 ข่าวด
ทันทีที่เขากระโดดออกมาจากหน้าต่าง หลินเฉิง ก็รู้สึกว่าพายุหิมะโหมกระหน่ำอย่างรุนแรงกระทบไปหน้าของเขา เขาเหยียดมือซ้ายออกไปเพื่อเกาะกับกำแพงในขณะที่มือขวาพยายามจับเชือกแน่นเพื่อป้องกันไม่ให้ มู่หวู่หยวน หล่นลงกระแทกพื้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีกระจกตกมาก่อนหน้านี้การที่ให้ มู่หวู่หยวน ลงกระแทกพื้นโดยตรงอาจไม่ใช่เรื่องที่สมควร
ทหารที่มาเสริมพบว่า มู่หวู่หยวน ได้หายไปอีกทั้งยังพบว่าหน้าต่างถูกทำลาย หลินเฉิง ไม่กล้าที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป หากเขายังคงชักช้าอยู่ที่นี่ พวกเขาคงเป็นเพียงเป้าหมายที่มีชีวิตหอยตัวอยู่กลางอากาศ คนเหล่านี้สามารถฆ่าพวกเขาในการยิงปืนเพียงนัด 2 นัด
หลินเฉิง รีบสวมแว่นตากันหิมะและพยายามตบแก้มของ มู่หวู่หยวน แล้วเมื่อเห็นว่าสภาวะของ มู่หวู่หยวน นั้นไม่ได้อยู่ในปัญหาร้ายแรง หลินเฉิง จึงดึงเชือกปีนเขาด้วยมือซ้ายส่วนมือขวาประคองตัวของ มู่หวู่หยวน เอาไว้ พายุหิมะพัดแรงมากทำให้ร่างกายของพวกเขาแกว่งจากซ้ายไปขวาและไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองลงได้
ในเวลาเดียวกันบนพื้นเจ้าหน้าที่กำลังส่องไฟเพื่อตรวจสอบพื้นที่ต่างๆ ทหารกลุ่มหนึ่งยังคงตะโกนและลาดตระเวนภายใต้พายุหิมะ หลังจากที่พวกเขาเดินผ่านจุดที่ หลินเฉิง ห้อยตัวอยู่ หลินเฉิง ก็ลงบนพื้นอย่างปลอดภัย จากนั้นเขาแบกมู่หวู่หยวนไว้ด้านหลังและมัดด้วยเชือกแน่น และรอช่วงเวลาที่แสงไฟฉายหายไป หลินเฉิง รีบออกจากที่ซ่อนของตัวเองและเร่งความเร็วถึงขีดสุดหลบหนีทันที!
น้ำหนักของ มู่หวู่หยวน เบากว่าที่คิด ทำให้พอรู้ว่าในช่วงที่เขาถูกกักตัวนั้นเขาถูกทรมานมากแค่ไหน ความเร็วของ หลินเฉิง ยังคงเหมือนเสือชีต้า เขาวิ่งไปตามตรอกแคบและหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นเพียงสักครู่จุดที่ หลินเฉิง เคยอยู่ก็มีแสงของไฟฉายส่องออกมา ทหารลาดตระเวนปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ณ จุดนั้น แม้ว่าจะมี มู่หวู่หยวน อยู่บนหลัง หลินเฉิง ก็สามารถกระโดดไปมาได้อย่างรวดเร็วและสามารถหลบหนีพร้อมซ่อนตัวกลับไปยังค่ายทหารได้
เมื่อมาถึงประตูอาคารของ เฉินฮงหยวน หลินเฉิง รีบพุ่งเข้าไปทันทีในขณะที่มู่หวู่หยวนอยู่บนด้านหลังของเขา ทันใดนั้น หลินเฉิง ก็พบว่ามีหลายคนอยู่ในสำนักงานนี้ มู่หยิงเสวี่ย, เฉินฮงหยวน และหลินเฟิง พวกเขากำลังพูดคุยกันถึงสิ่งที่เกิดขึ้นด้านนอก และเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงเตะประตูพวกเขาหันไปมองอย่างตกใจ และยิ่งตกใจยิ่งกว่าเมื่อเห็นว่า มู่หวู่หยวน อยู่บนหลังของ หลินเฉิง
“ คุณลุง!”
เมื่อเห็น มู่หวู่หยวน ที่ถูกมัดไว้แน่นบนหลังของ หลินเฉิง มู่หยิงเสวี่ย ตะโกนออกมาและรีบวิ่งไปหา หลินเฉิง พร้อมกับพยายามแก้เชือกที่ผูกติดเอาไว้
มู่หวู่หยวน ได้ยินเสียงอุทานที่คุ้นเคยเขาจะเงยหน้าขึ้น และเห็นหลานสาวของตัวเองยืนอยู่ด้านหน้า ทันใดนั้นเขาตกใจจนพูดไม่ออก
“เสวี่ย…เสวี่ยน้อย..นั่นเธอหรอ…”
เมื่อ มู่หยิงเสวี่ย พยายามช่วยพยุง มู่หวู่หยวน ลงมาจากหลังของ หลินเฉิง มู่หวู่หยวน ชี้ไปที่ มู่หยิงเสวี่ย และถามด้วยความตกใจ
“เธอมาที่นี่ได้ยังไง?แล้วพ่อแม่ของเธอล่ะ”
“พ่อกับแม่….”
“เอาล่ะ พวกคุณค่อยคุยกันทีหลังได้ไหม!”
ก่อนที่ มู่หยิงเสวี่ย จะพูดอะไรออกมา หลินเฉิง ก็ขัดจังหวะการสนทนาของทั้งสองคน เขารีบพา มู่หวู่หยวน ไปนั่งที่โซฟาและพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า
“ผมชื่อ หลินเฉิง เป็นเพื่อนร่วมชั้นของ มู่หยิงเสวี่ย !ในตอนที่เราอยู่ซงโจวเราได้ทำข้อตกลงบางอย่าง ผมรับผิดชอบในการส่งเธอมาที่นี่อย่างปลอดภัย ในทางกลับกันคุณจะต้องบอกบางสิ่งกับผม!”
เมื่อได้ยินคำพูดของ หลินเฉิง มู่หวู่หยวน ที่ต้องการคุยกับมู่หยิงเสวี่ยก็พยักหน้า จากนั้น หลินเฉิง ก็พูดต่อ
“ในเมื่อคุณเข้าใจแล้ว ขอเริ่มเลยแล้วกัน อันดับแรกมีเขตปลอดภัยในเมืองเซียงโจวหรือไม่ ข้อ 2 มีอุปกรณ์ที่สามารถสื่อสารกับเขตปลอดภัยเซียงโจวโดยตรงหรือเปล่า และข้อที่ 3 อะไรคือจุดเริ่มต้นของวันอวสานโลก มีผู้ได้รับสิทธิพิเศษหรือเปล่า”
เมื่อฟังคำถามของ หลินเฉิง แม้ว่า เฉินฮงหยวน จะอ่อนแอในขณะนี้แต่เขาก็รู้ว่าชายหนุ่มคนนี้อาจมีเรื่องเร่งด่วนมาก ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่เสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือตัวเองซึ่งเป็นเพียงชายชราและไม่เกี่ยวข้องกับเขา มู่หวู่หยวน คิดอยู่ชั่วครู่หนึ่งโดยไม่คำนึงถึงร่างกายที่อ่อนแอของเขาเขาพยายามที่จะตอบคำถาม
“แคก ที่เขตเซียงโจวมีพื้นที่ปลอดภัยอย่างแน่นอนเนื่องจาก เซียงโจวมีบทบาทสำคัญเป็นเมืองแห่งเศรษฐกิจ สำหรับอุปกรณ์ที่สามารถสื่อสารโดยตรงกับเขตปลอดภัยเซียงโจว พวกเราไม่มีของแบบนั้น พวกเขาใช้การกระจายเสียงเช่นเดียวกับเขตทหารเหลียนเฉิง ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้นั้น….”
เมื่อพูดถึงจุดนี้ มู่หวู่หยวนไอ 2 ครั้งและเห็นว่า มู่หยิงเสวี่ย มองหน้า เขาด้วยความเป็นห่วงเขาจึงโบกมือให้กับหญิงสาวเพื่อแสดงว่าเขานั้นยังไหวอยู่ จากนั้นเขามองไปหา หลินเฉิง และพูดว่า
“ นายต้องการถามฉันว่ามีเจ้าหน้าที่ระดับไหนที่สามารถรู้เหตุการณ์นี้ล่วงหน้าและอพยพกรใช่หรือไม่ มันคงเป็นการโกหกถ้าฉันจะบอกว่าวันอวสานโลกนั้นเกิดขึ้นอย่างฉับพลันแผนการที่พวกเขาคิดก่อนหน้านี้ได้ถูกยกเลิกโดยตรงดังนั้นเจ้าหน้าที่ที่สามารถอพยพก่อนการเริ่มต้นของวันอวสานโลกนั้นค่อนข้างที่จะพูดได้ยาก….ก่อนอื่นนายพอบอกฉันได้ไหมว่านายต้องการพบกับใคร บางทีฉันอาจจะรู้จักเขา! ในตอนสมัยที่ฉันยังหนุ่มฉันเคยรับราชการอยู่ที่เซียงโจว 6 ปี..”
เมื่อฟังที่ มู่หวู่หยวน พูด หลินเฉิง เริ่มรู้สึกผิดหวัง เขาส่ายหัวและพูดด้วยความหวังสุดท้ายว่า
“คนที่ผมกำลังมองหาคือเจ้าหน้าที่ธรรมดา มีชื่อว่า หลี่เฉิงอี้ และภรรยาของเขาชื่อว่าฉิน….”
“หลี่้เฉิงอี้ ลูกชายของนายพลหลี่หงลี่อย่างนั้นหรอ?
เมื่อได้ยินว่าคนที่ หลินเฉิง ต้องการพบเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ธรรมดา มู่หวู่หยวน รู้สึกหดหู่ทันทีแต่ทันใดนั้นเมื่อเขาได้ยินชื่อว่าคนที่ต้องการพบชื่อ หลี่เฉิงอี้ ดวงตาของ มู่หวู่หยวน ส่องประกายทันทีและรีบถาม หลินเฉิง อย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นว่าจู่ๆ มู่หวู่หยวน ก็ตื่นเต้นมันทำให้ หลินเฉิง จุดประกายความหวังอีกครั้งและพูดอย่างไม่แน่ใจว่า
“ผมไม่รู้ว่าพ่อของลุงหลี่ เป็นใคร เขาไม่เคยพูดให้ผมฟังผมรู้แค่ว่าภรรยาของเขาชื่อ ฉินซูอี้..”
“ฉินซูอี้..ฉินซูอี้..ฮ่าฮ่า นี่มัน!..เป็นเรื่องบังเอิญมาก…หลิน.. หลินเฉิง ใช่ไหม ฉันสามารถพูดได้เลยว่าถ้านายกำลังมองหาครอบครัวของ หลี่เฉิงอี้ นายไม่ต้องกังวล! หากครอบครัวของเขาไม่สามารถอพยพได้ทันเวลาคงไม่มีใครในเซียงโจวที่จะอยู่รอด!”
เมื่อได้ยิน หลินเฉิง ให้รายละเอียดเกี่ยวกับครอบครัวของหลี่เฉิงอี้ มู่หวู่หยวน หัวเราะและพูดกับชายหนุ่มอย่างตื่นเต้น
“จริงหรอ!คุณหมายความว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะมีชีวิตรอดใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินความมั่นใจของ มู่หวู่หยวน หลินเฉิง จ้องมองชายชราและยืนยันกับเขาทันที หลินเฉิง ยังรู้สึกกังวลใจ มู่หวู่หยวน จึงหัวเราะดังๆและพูดว่า
“ใช่!แม้ผมจะไม่กล้ารับประกัน 100% แต่พวกเขามีโอกาสรอดสูงมาก!ยิ่งกว่านั้นพวกเขามีนายพลหลี่อยู่เบื้องหลัง..”
เมื่อได้ยินคำตอบที่ต้องการ หลินเฉิง รู้สึกอบอุ่นใจมากขึ้น ตลอดเวลาเขารู้สึกใจของเขากำลังรับภาระอันหนักอึ้ง เมื่อได้ยินคำพูดของ มู่หวู่หยวน เขารู้สึกโล่งใจดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง เขานั่งลงบนโซฟาและพูดเบาๆว่า
“เยี่ยมมาก….เยี่ยมมาก”
เมื่อเห็น หลินเฉิง นั่งอยู่บนโซฟาด้วยดวงตาที่แดงกล่ำพร้อมกับพื้นทำด้วยเสียงเบาๆดวงตาของมู่หยิงเสวี่ย ก็เปลี่ยนเป็นสีแดง จากจุดเริ่มต้นของวันอวสานโลกเธอไม่เคยเห็น หลินเฉิง เป็นแบบนี้มาก่อนแม้ว่าชายหนุ่มจะอยู่ในวัยเดียวกันกับเธอ แต่เขาไม่เคยแสดงออกถึงความอ่อนแอ ในเวลานี้เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกมีความสุขไปพร้อมกับเขา..