ผมมีระบบแคปซูลในวันสิ้นโลก - บทที่ 93 การแลกเปลี่ยนแคปซูลยา VX-D
ผู้คนในห้องต่างเงียบตั้งแต่ที่ หลินเฉิง เข้ามา และในขณะนี้ในที่สุดพวกเขาก็เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้น เฉินฮงหยวน เดินเข้ามาหา มู่หวู่หยวนและถามด้วยน้ำเสียงอ่อนแอ
“มู่…รองผู้บัญชาการมู่ ดีใจที่คุณยังมีชีวิตอยู่! ผมรู้สึกละอายใจที่ไม่ได้ช่วยเหลือคุณก่อนหน้านี้….”
หลังจากพูดจบร่างกายสูงเกือบ 2 เมตรของเขาสั่นเทาโดยไม่คาดคิดว่าเขาจะร้องไห้จริงๆ!
มู่หวู่หยวน ถอนหายใจอย่างอ่อนโยนและพูดว่า
“เสี่ยวหยวน…คุณไม่จำเป็นต้องตำหนิตัวเอง!การที่คุณอยู่ที่นี่หมายความว่าคุณได้ละทิ้งจิ้งจอกเฒ่าไปแล้ว ไม่เพียงแค่นั้นคุณยังดูแลรุ่นน้องคนอื่นเป็นอย่างดี
เมื่อได้ยินข้อความสบายๆของ มู่หวู่หยวน เฉินฮงหยวน จึงอดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาออกมา!
หลินเฉิง นั่งอยู่บนโซฟาด้วยความงุนงง ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงร้องให้ดังขึ้นเมื่อเขามองไปก็เห็น เฉินฮงหยวน กำลังนั่งคุกเข่าต่อหน้า มู่หวู่หยวน ในลักษณะน้ำมูกและน้ำตาไหล จากนั้น หลินเฉิง จึงหันหน้าไปหา มู่หวู่หยวน และพูดว่า
“ขอบคุณ สำหรับข้อมูลที่คุณบอกผม มันสำคัญกับผมมาก!ในทางกลับกันผมจะช่วยคุณแก้ปัญหาทั้งหมดในเขตปลอดภัยนี้ ก่อนอื่นคุณช่วยบอกผมได้ไหมว่าทำไมคนเหล่านั้นถึงกักขังคุณและพวกเขาไม่ได้ฆ่าคุณ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น มู่หวู่หยวน พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
“ นั่นเป็นเพราะผมยังมีความสำคัญต่อพวกเขา!”
หลังจากพูดจบ มู่หวู่หยวน เหลือบมองคนในห้อง แล้วดึงแขน หลินเฉิง เข้ามาใกล้จากนั้นพูดเบาๆว่า
“มีคนอยู่ที่นี่มากเกินไป…ผมจะบอกรายละเอียดเพิ่มเติมก็ต่อเมื่อคนเหล่านี้แยกย้ายกันไปก่อน…นอกจากนี้คุณช่วยบอกผมได้หรือไม่ว่าคุณกับเฉิงอี้มีความสัมพันธ์กันอย่างไร คุณเป็นญาติกันอย่างนั้นหรอ?”
หลินเฉิง ได้ยินคำถามของ มู่หวู่หยวน เขาส่ายหัวแล้วพูดว่า
“ไม่ใช่!ผมเป็นแค่เด็กกำพร้าไม่มีความเกี่ยวข้องกับครอบครัวของลุงหลี่และป้าฉิน พวกเขาเป็นผู้อุปถัมภ์ให้กับผมตั้งแต่ยังเด็ก ดังนั้นเมื่อวันอวสานโลกมาถึงผมจึงอยากกลับไปหาพวกเขา เพื่อปกป้องและตอบแทนพวกเขา!”
เมื่อได้ยินคำตอบที่ไม่คาดคิด มู่หวู่หยวน จ้องมองและถอนหายใจจากนั้นพูดว่า
“ช่างเป็นชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยความกตัญญู! ในยุคภัยพิบัตินี้ผู้คนต่างเอาตัวรอดและเห็นแก่ตัวพวกเขาจะไม่ใส่ใจคนอื่นที่ไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ชายชราอย่างฉันมีอายุมาหลายปีแล้วไม่เคย คนแบบนายมาก่อน..”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ มู่หวู่หยวน ถอนหายใจ
“ตอนนี้นายควรจะออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด! นายช่วยฉันจากหวังเฉิง ซึ่งเป็นคนที่ไม่ควรต่อกรมากที่สุดเขาไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไป ทหารที่มีอยู่ไม่สามารถทำอะไรเขาได้ นายมีเป้าหมายของตัวเองดังนั้นไม่ควรที่จะสละชีวิตอยู่ที่นี่อย่างไร้ประโยชน์!”
แววตาของ หลินเฉิง ส่องประกายเขาเงยหน้าขึ้นและมองคนที่อยู่ในห้องนี้จากนั้นถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาๆว่า
“คุณจะทำยังไงต่อหลังจากที่ผมออกจากที่นี่ คนพวกนี้จะต่อต้านผู้มีพลังที่สามารถควบคุมไฟได้อย่างนั้นหรอ?ด้วยความเคารพพลังการต่อสู้ของคนเหล่านี้มันช่าง….”
เมื่อได้ยินคำพูดที่เต็มไปด้วยความหมายของ หลินเฉิง อารมณ์ของ มู่หวู่หยวน หนักอี้ง อย่างไรก็ตามเขาส่ายหัวและพูดว่า
“แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องยาก แต่เนื่องจากตอนนี้ผมได้ออกมาจากการจับกุมแล้วผมจะพยายามรวบรวมคนที่ถูกกดขี่ในพื้นที่ทหารนี้เพื่อสู้กับหวังฉวน แม้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถสู้ได้แต่พวกเขาจะไม่ยอมถูกกดขี่อย่างแน่นอน!
เมื่อเห็นว่า มู่หวู่หยวน ได้วางแผนไว้แล้วก็ตกตะลึง
“คุณลุง คุณกำลังล้อเล่นกับชีวิตอย่างนั้นหรอ?”
“ไม่ใช่!แต่ถ้านายได้เห็นความน่ากลัวของหวังเฉิง จะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้!”
หลินเฉิง กำลังพูดกับ มู่หวู่หยวน ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงผู้หญิงดังขึ้น หลินเฉิง เงยหน้าและเห็นว่าผู้หญิงคนที่พูดคือ รั่วเหมิง ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ
“เธอพูดถูก หวังเฉิงเป็นบุคคลที่ทรงพลังจริงๆ…เขาทรงพลังมาก!เขามีพลังที่แข็งแกร่งและสามารถพลิกสถานการณ์การต่อสู้ทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว แม้เราจะเอาชีวิตเข้าแลกโอกาสที่จะชนะก็มีน้อยมาก!”
เมื่อได้ยินคำพูดของคนสองคนยืนยันความสามารถของ หวังเฉิง ความสนใจของ หลินเฉิง มีต่อผู้ชายคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
“เอาละ..ตอนนี้หน่วยลาดตระเวนยังคงค้นหาพวกเราทุกคนทุกแห่ง แต่ล่องลอยบนถนนได้ถูกฉันจัดการลบร่องรอยแล้วคนเหล่านี้ควรจะตามหาอีกสักพัก ทำไมเราไม่หยุดพักและรอจนกว่ารุ่งเช้าในวันพรุ่งนี้เพื่อดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
มู่หวู่หยวน พยักหน้าเห็นด้วย หลังจากความปั่นป่วนที่ หลินเฉิง ได้สร้างขึ้น น้ำนิ่งที่เคยสงบนั้นถูกกวนให้ขุ่น แม้ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่แต่กองกำลังทหารพยายามที่จะปิดบังเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด
รั่วเหมิง พยักหน้าและตบไหล่ของ หลินเฉิง จากนั้นพูดว่า
“ไม่ว่าผลสุดท้ายจะเป็นยังไงตราบใดถ้าคุณยังไม่ตาย ฉันอยากจะคุยกับคุณเรื่องความร่วมมือในสถานที่แห่งนี้! อันที่จริงแล้วฉันมาที่นี่วันนี้ก็เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับความร่วมมือกับคุณ แต่ฉันไม่ได้ตระหนักเลยว่าคุณเป็นชายหนุ่มที่กล้าหาญ เพียงพริบตาคุณสามารถสร้างความโกลาหลได้อย่างรวดเร็ว….ขอให้คุณโชคดี!”
เมื่อพูดจบ รั่วเหมิง ก็บิดสะโพกของเธออย่างเซ็กซี่และเดินจากไป เมื่อมองตามหลังของหญิงสาว หลินเฉิง ทำได้แต่ส่ายหัว มู่หยิงเสวี่ย พยุง มู่หวู่หยวน ผู้อ่อนล้าเข้าไปในห้องลับของ เฉินฮงหยวน จากนั้น หลินเฉิง เองก็เข้าไปห้องลับที่อยู่ใกล้เคียงกันจากนั้นปิดประตูและเข้าสู่เมนูระบบแคปซูล
เมื่อเขาเห็นศพของเด็กเขาตั้งใจที่จะฆ่า คุณชายหวัง เหตุผลเพราะเขารู้สึกโกรธในสิ่งที่ หวังเฉิง ทำส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็เพราะว่าการกำจัดผู้มีพลังทำให้เขาได้รับค่าพลังงานอย่างมหาศาล!
ดังนั้นไม่ว่าผู้คนของ มู่หวู่หยวน จะทำอะไรเขาจะไม่ยอมปล่อย “ความมั่งคั่ง”ที่น่าอัศจรรย์นี้ไปอย่างแน่นอน เขาเพิ่งฆ่าชายชุดดำ หลินเฉิง รีบตรวจสอบค่าพลังงานที่เขาได้รับทันที และเขาพบว่าชายคนนั้นให้ค่าพลังงานถึง 2000 คะแนน ในเวลานี้เขาเกือบจะกรีดร้องด้วยความดีใจ
อันที่จริงแล้วความสามารถของผู้มีพลังนั้นมีความแตกต่างกันออกไปอีกทั้งยังได้รับคะแนนแตกต่างกันออกไปอีกด้วย แม้ว่าเฉินหยูหมินสามารถทำให้ผิวของเขาแข็งแกร่งและสามารถยับยั้งมีดของ หลินเฉิง ได้โดยตรง แต่การเคลื่อนไหวของเขายังคงเชื่องช้าในขณะที่ชายในชุดดำไม่มีพลังป้องกันแต่เขามีความสามารถในการจู่โจมมากกว่า!
พลังที่ทำให้ผิวหนังสามารถป้องกันมีดหรือปืนได้นั้นเป็นสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับชีวิตของผู้คน แต่สำหรับ หลินเฉิง พลังของเขาเทียบได้แค่ไก่เท่านั้น
ส่วนการโจมตีทางจิตใจของชายชุดดำ ค่อนข้างมีประสิทธิภาพสูง จากความเป็นจริงที่ว่าเขาสามารถทำร้ายผู้คนในระยะ 100 เมตรได้ นอกจากนี้การฝึกฝนของชายชุดดำดูเหมือนจะลึกซึ้งกว่าเฉินหยูหมิน ดังนั้นไม่น่าแปลกใจที่เขาจะกลายเป็นค่าพลังงานถึง 2000 คะแนน
การได้ค่าพลังงานเพิ่มขึ้น 2000 คะแนนทำให้ตอนนี้ หลินเฉิง มีค่าพลังงาน 5107 คะแนน หลินเฉิง ไม่ลังเลที่จะแลกเปลี่ยนแคปซูลเสริมสร้างร่างกายระดับ D VX-1D หลังจากที่เขาเปิดแคปซูลปรากฏหลอดแก้วที่คุ้นเคย
เนื่องจากเคยมีประสบการณ์มาก่อนด้านนี้ หลินเฉิง จึงไม่รู้สึกกังวลมาก เขานั่งเงียบๆอยู่บนเตียงและรอการออกฤทธิ์ของยา ประมาณ 20 นาที หลินเฉิง ก็รู้สึกถึงอาการใจสั่นอย่างรุนแรง จากนั้น หลินเฉิง ก็รู้สึกว่าร่างกายของเขาล้มลงกับเตียงและสลบไป