ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 10 สำนักคุ้มภัยหลงเหมิน
ตอนที่ 10 สำนักคุ้มภัยหลงเหมิน
ระดับภารกิจใน ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ไม่ได้แบ่งกันซี้ซั้ว ตามที่เยี่ยเว่ยหมิงสังเกตก่อนหน้านี้ พบว่าภารกิจระดับหนึ่งดาวโดยทั่วไปคือภารกิจวิ่งเต้นที่ไม่ยากเลยแม้แต่น้อย ส่วนระดับสองดาวก็คือตีมอนตัวเล็ก ถ้าเป็นระดับสามดาวส่วนใหญ่จะเกี่ยวกับการไขปริศนาอย่างง่ายๆ หรือไม่ก็โจมตีพวกตัวละครหลัก
ส่วนภารกิจที่เลเวลสูงกว่านั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังไม่เคยสัมผัสมาก่อน คงไม่ดีถ้าจะตัดสินใจรับภารกิจสุ่มสี่สุ่มห้า แต่ตามกฎการอนุมานนี้ ภารกิจระดับห้าอย่างน้อยก็ต้องเจอกับคนระดับโฉวป้า อย่ามองว่าเยี่ยเว่ยหมิงเคยฆ่าโฉวป้าตายมาแล้ว เพราะในใจเขานั้นรู้ดีที่สุด ว่าเขาสร้างวีรกรรมนี้ให้สำเร็จได้อย่างไรกันแน่
ด้วยความสามารถของเขาในตอนนี้ ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนก็ย่อมเพิ่มขึ้นอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ถ้าจะให้เขาปะทะกับโฉวป้าซึ่งๆ หน้า ก็ยังมีสิทธิ์แค่ถูกอีกฝ่ายกดบนพื้นแล้วบดขยี้
จุดที่แตกต่างก็มีแค่ ตอนอยู่ในมืออีกฝ่ายยังยืนหยัดได้สามกระบวนท่า หรือห้ากระบวนท่า
หรือพูดได้อีกอย่างว่า ไม่มีความแตกต่างกัน
แน่นอน เมื่อเทียบกับระดับความยากของภารกิจแล้ว สาเหตุที่สำคัญกว่านั้นก็คือ รางวัลของภารกิจนี้ไม่ได้เรื่องเลย!
ค่าประสบการณ์ 5000 แต้ม ค่าตบะ 500 แต้มค่า นับดูคร่าวๆ ก็เยอะกว่ารางวัลในภารกิจระดับสี่ดาวนิดหน่อยเท่านั้นเอง แล้วก็เยอะแค่รางวัลส่วนที่เป็นเงินที่มากกว่ารางวัลภารกิจระดับห้าดาวอื่นๆ เยอะมาก
หนึ่งร้อยเหรียญทองสำหรับปัจจุบันนี้ ก็นับว่าเป็นเงินก้อนจำนวนมหาศาลแล้วจริงๆ
แต่ปัญหาก็คือ สิ่งที่สำคัญที่สุดในช่วงแรกของเกมก็คือสร้างรากฐานให้มั่นคง จะต้องการเงินมากขนาดนั้นไปทำอะไร
เลเวลทักษะชีวิตของบรรดาผู้เล่น โดยทั่วไปฝึกขึ้นมาไม่ได้ ต่อให้มีเงินเจ้าก็ซื้อของดีไม่ได้สักเท่าไร รอให้ผู้เล่นอัปเลเวลขึ้นมาแล้ว เงินหนึ่งร้อยเหรียญทองนี้บางทีอาจจะนับว่าเป็นความร่ำรวยพอหอมปากหอมคอได้ แต่กำลังซื้อก็ยังลดลงเยอะมาก
กอปรกับภารกิจคุ้มครองนั้นยุ่งยากที่สุด ดังนั้นภารกิจนี้ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่คุ้ม
โหยวจิ้นจ้องเยี่ยเว่ยหมิงด้วยแววตาล้ำลึกอยู่ครู่ใหญ่ ยังคงบอกว่า “หากเจ้าไม่ได้สนใจเงินทองมาก ข้าก็นำเคล็ดกระบี่ระดับกลางหนึ่งชุดมาเป็นรางวัลชดเชยแทนเงินได้”
[ติ๊ง! ปรับเปลี่ยนภารกิจ:สำนักคุ้มภัยหลงเหมิน ระดับภารกิจ: 5 ดาว]
……
รางวัลภารกิจ: ค่าประสบการณ์ 5000 แต้ม ค่าตบะ 500 แต้ม เคล็ดกระบี่ระดับกลาง
บทลงโทษจากภารกิจล้มเหลว: ปรับเงินค่าจ้าง 3 เดือน ในระหว่างนั้นจะไม่ได้รับสวัสดิการใดๆ ของสำนักนอกจากห้องชุดส่วนตัว]
เชดโด้! ต้องโหดขนาดนี้ไหม
เคล็ดกระบี่ระดับกลางมันเจ๋งจริงๆ แต่นายเพิ่มบทลงโทษจากภารกิจล้มเหลวขึ้นมานี่มันใช่เรื่องเหรอ?
หนังสือคำสั่งทางทหาร?
ปรับค่าจ้างสามเดือน บทลงโทษนี้ก็ไม่เท่าไร ด้วยเงินเดือนของมือปราบยศขั้นเก้าอย่างเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ แต่ละเดือนได้แค่สิบตำลึงทอง ทำภารกิจแค่ไม่กี่อย่างก็หาคืนมาได้แล้ว แต่การไม่ได้รับสวัสดิการของสำนักมันต้มตุ๋นกันเกินไปหน่อยไหม
สิ่งที่เรียกว่าสวัสดิการสำนัก ก็คือนโยบายสิทธิพิเศษที่สำนักมีให้ผู้เล่น ผู้เล่นสามารถรับได้ผ่านการใช้เงินรวมทั้งสิ่งที่สำนักอื่นเรียกกันว่าค่าผลงานสำนัก ส่วนสำนักมือปราบเทพเรียกว่าเกียรติคุณ ราคาถูกกว่าข้างนอกเยอะมาก
ยกตัวอย่างเช่นยาและอุปกรณ์บางอย่างที่ตลาดไม่มี รวมทั้งเวลาใช้งานห้องฝึกตอนที่ฝึกทักษะยุทธ์เอฟเฟกต์ทวีคูณ เป็นต้น
สวัสดิการเหล่านี้หากระงับใช้งานสามเดือน ก็ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อการเพิ่มความสามารถของเขาจริงๆ
ก็แค่เคล็ดกระบี่ระดับกลางเท่านั้นเอง คุ้มกับความเสี่ยงแบบนี้เหรอ
เยี่ยเว่ยหมิงเบะปากอย่างดูถูก จากนั้นก็…
[ติ๊ง! รับภารกิจสำนักคุ้มภัยหลงเหมินสำเร็จแล้ว กรุณารีบไปทำความเข้าใจสถานการณ์ที่สำนักคุ้มภัยหลงเหมินแห่งหังโจว]
เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงรับภารกิจไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ โหยวจิ้นก็พยักหน้าอย่างปลื้มใจ จากนั้นหยิบจดหมายฉบับหนึ่งจากหน้าอกยื่นให้เยี่ยเว่ยหมิง “นี่คือจดหมายขอความช่วยเหลือที่ตูต้าจิ่น เจ้าสำนักคุ้มภัยหลงเหมินส่งมา ข้างในอาจจะมีเบาะแสบางอย่าง บางทีอาจจะช่วยเรื่องไขคดีของเจ้าได้บ้าง”
[ติ๊ง! ไอเทมที่ได้รับ ‘จดหมายขอความช่วยเหลือของสำนักคุ้มภัยหลงเหมิน’]
“เช่นนั้นก็ขอบคุณหัวหน้าโหยวแล้ว”
จดหมายขอความช่วยเหลือของสำนักคุ้มภัยหลงเหมิน: เนื้อหาในจดหมาย ‘ขึ้นสามค่ำเดือนก่อน สำนักคุ้มภัยหลงเหมินได้รับงานคุ้มภัยประหลาด…’
ดูท่าแล้วระบบนี้ยังเอาใจใส่มาก เพราะกังวลว่าผู้เล่นจะไม่เข้าใจอักษรจีนโบราณ โดยเฉพาะอักษรจีนที่เป็นตัวหวัด ส่วนใหญ่ถ้าเป็นเนื้อหาที่เกี่ยวข้อง ระบบก็จะแปลให้คุณทั้งหมด
เยี่ยเว่ยหมิงอ่านเนื้อหาผ่านๆ ครู่เดียว เนื้อหาคร่าวๆ ก็คือพวกเขาได้รับงานคุ้มภัยคน อีกทั้งคุณชายอินก็จ่ายหนัก มอบหมายงานคุ้มภัยด้วยทองคำสองพันตำลึง ทำให้พวกเขาไม่มีทางปฏิเสธได้เลย โดยมีคำขอเดียวก็คือ ต้องคุ้มภัยให้คนผู้หนึ่งที่ขยับตัวไม่ได้ให้ถึงมือนักพรตจางซานเฟิง[1] เจ้าสำนักอู่ตัง[2]อย่างปลอดภัย
ระหว่างทางที่คุ้มกันส่งคนค่อนข้างราบรื่น จนกระทั่งพวกเขามาถึงตีนเขาของเขาอู่ตัง กลับเจอคนที่ปลอมตัวเป็นจอมยุทธ์เจ็ดแห่งอู่ตังรับตัวคนผู้นั้นไป จากนั้นชายหนุ่มโชคร้ายคนนั้นก็ถูกคนชั่วหักกระดูกข้อต่อแหลกละเอียดด้วยเคล็ดวิชาดรรชนีวชิระของสำนักเส้าหลิน ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ คนที่ถูกคุ้มกันมาส่งก็คืออวี้ไต้เหยียน[3] ลูกศิษย์สายตรงคนที่สามของจางซานเฟิงผู้ก่อตั้งสำนักอู่ตัง!
ตอนนี้ปัญหาก็ยุ่งยากแล้ว เพราะก่อนหน้านี้คุณชายอินที่ไหว้วานให้คุ้มภัยได้ลั่นวาจาไว้ว่าถ้าเกิดความผิดพลาดก็จะฆ่าล้างสำนักคุ้มภัยหลงเหมิน อีกทั้งลูกศิษย์ทั้งเจ็ดของจางซานเฟิงก็มีความสัมพันธ์แนบแน่นลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นคนไหน สำนักคุ้มภัยหลงเหมินเล็กๆ ก็ไปมีเรื่องด้วยไม่ไหว ตอนนี้ไปล่วงเกินคนโหดสองกลุ่มในคราวเดียว ตูต้าจิ่นหวาดหวั่นแล้วจริงๆ ถึงได้รีบเขียนจดหมายขอความช่วยเหลือจากจวนขุนนาง
เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงอ่านจดหมายจบแล้ว โหยวจิ้นก็กล่าวอย่างสบายอารมณ์ว่า “ตูต้าจิ่นนั่นเดิมทีเป็นศิษย์ฆราวาสเส้าหลิน ตอนที่เขาขอความช่วยเหลือจากจวนขุนนาง จะต้องขอความช่วยเหลือจากสำนักด้วยแน่นอน ที่เขาขอความช่วยเหลือจากพวกเรา คงเพียงเพราะอยากได้ความปลอดภัยอีกชั้น บางทีภารกิจนี้เจ้าอาจจะตีเนียนเข้าไปปะปนในให้ผ่านๆ ก็ไป”
หึ หึ…
ภารกิจที่ตีเนียนเข้าไปปะปนทำภารกิจให้ผ่านแล้วเรียกว่าภารกิจระดับห้าดาวได้ นี่นายมีปัญญาเรื่องไอคิว หรือนายคิดว่าไอคิวของฉันมีปัญหากันแน่?
แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ได้ซักถามเรื่องนี้ ในเมื่อรับภารกิจมาแล้ว ที่เหลือก็ ‘ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้านทาน[4]’ ก็แล้วกัน
เมื่อเก็บจดหมายแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ขึ้นรถม้ามุ่งตรงสู่หังโจวทันที
ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงมาถึงหังโจว สีของท้องฟ้าก็ดูใกล้จะพลบค่ำแล้ว เขาไปหาอะไรกินตามรายทางเพื่อเติมท้องให้อิ่มก่อน จากนั้นก็ซื้อม้วนเสื่อสองมัด แต่ละมัดมีเก้าสิบเก้าผืน นอกจากนี้ยังมีสุราสยงหวง[5]ป้องกันตัวหลายขวด สิ่งนี้เอาไว้ใช้งานตอนหาสมบัติที่ห้องใต้ดินของเจดีย์เหลยเฟิง
เมื่อเห็นสีของท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงจึงออกเดินทางไปที่สำนักคุ้มภัยหลงเหมิน
ใช้งานท่าร่างแปดก้าวไล่ทันคางคก ความเร็วในการวิ่งของเยี่ยเว่ยหมิงเพิ่มขึ้นเกือบหนึ่งเท่า ทว่าอย่างไรเสียหังโจวก็เป็นเมืองใหญ่ แม้เขาจะอาศัยความเร็วนี้ แต่ตอนที่ไปถึงสำนักคุ้มภัยหลงเหมิน สีของท้องฟ้าก็มืดสนิทแล้ว
เพิ่งจะเดินเท้ามาถึงถนนนอกสำนักคุ้มภัยหลงเหมิน ก็ได้ยินเสียงเสียงอาวุธกระทบกันพร้อมเสียงตะโกนด่าดังมาแล้ว
คงไม่เร็วขนาดนี้หรอกมั้ง?
ในหัวใจบีบตึงทันที เยี่ยเว่ยหมิงรีบกรอกกำลังภายในใส่สองเท้า ความเร็วที่เดิมทีก็สุดยอดอยู่แล้ว ตอนนี้เพิ่มขึ้นเยอะมาก ชั่วพริบตาเดียวก็มาถึงนอกประตูใหญ่ของสำนักคุ้มภัย พอมองเข้าไปในประตูใหญ่ เขาก็ใจแป้วไปแล้วเกินครึ่งทันที
ในเขตลานบ้านใหญ่ของสำนักคุ้มภัย เห็นกลุ่มคนที่แต่งตัวเหมือนพระกับกับผู้เล่นกลุ่มหนึ่งที่แต่งตัวเหมือนนักพรตเต๋ากำลังกำลังตีกันด้วยอารมณ์เดือดพล่าน อีกด้านยังมี NPC พระหกเจ็ดรูปกำลังล้อมโจมตีชายหนุ่มคนหนึ่งที่สองมือถือตะขอเหล็กและพู่กันผู้พิพากษาด้วย
นอกจากนี้ ยังมีศพระเกะระกะเกลื่อนพื้น เลือดสดแทบจะสาดกระจายทั่วทุกตารางนิ้วของสำนักคุ้มภัย!
[ติ๊ง! สำนักคุ้มภัยหลงเหมินถูกสังหารแล้ว สำนักคุ้มภัยไม่เหลือผู้รอดชีวิตแม้แต่คนเดียว ปรับเปลี่ยนภารกิจ]
[คดีฆ่าล้างสำนัก ระดับภารกิจ: 5 ดาว
สืบหาต้นสายปลายเหตุคดีฆ่าล้างสำนักคุ้มภัยหลงเหมิน เพราะเกี่ยวข้องกับสองสำนักใหญ่อย่างเส้าหลินและอู่ตัง กรุณาปฏิบัติภารกิจด้วยความระมัดระวัง!
รางวัลภารกิจ: ค่าประสบการณ์ 5000 แต้ม ค่าตบะ 500 แต้ม เคล็ดกระบี่ระดับกลาง
บทลงโทษจากภารกิจล้มเหลว: ปรับค่าจ้าง 3 เดือน ในระหว่างนั้นจะไม่ได้รับสวัสดิการใดๆ ของสำนักนอกจากห้องชุดส่วนตัว]
เส้าหลิน อู่ตัง…
หรือว่านี่ต่างหากคือโฉมหน้าที่แท้จริงของภารกิจระดับห้าดาว?
ในใจเขาให้ความสำคัญกับภารกิจนี้มากขึ้นหลายส่วน เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้รีบเข้าไปร่วมวงการต่อสู้ของสองฝ่าย แต่เดินเข้าไปในลานบ้านอีกข้าง สายตากวาดมองบนตัวศพที่นอนกองเป็นกำแพงอยู่บนพื้นอย่างรวดเร็ว
ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงพยายามรวบรวมเบาะแสให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ จู่ๆ ก็มีศิษย์เส้าหลินสองคนมาขวางตรงหน้าเขา “น้องชาย พวกเรากำลังทำภารกิจ กรุณาหลีกทางหน่อย”
[1] จางซานเฟิง หรือที่รู้จักกันในชื่อเตียซำฮง
[2] สำนักอู่ตัง หรือที่รู้จักกันในชื่อสำนักบู๊ตึ๊ง
[3] อวี้ไต้เหยียน หรือที่รู้จักกันในชื่อยู้ไต้ง้ำ
[4] ทหารมาใช้ขุนพลต้านรับ น้ำมาใช้ดินต้านทาน 兵来将挡,水来土掩 เปรียบเปรว่า ไม่ว่าจะมาด้วยวิธีไหนก็รับมือได้
[5] สุราสยงหวง 雄黄酒 เป็นเหล้าผสมกำมะถัน เป็นสารที่มีพิษ แต่มีฤทธิ์ใช้ต้านพิษและฆ่าเชื้อโรคได้