ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 105 โหมดตะลุมบอน
ตอนที่ 105 โหมดตะลุมบอน
เมื่อได้ยินข่าวกรองจากซานเย่ว์ เยี่ยเว่ยหมิงก็มองหนิวจื้อชุนด้วยความระแวงทันที “เป็นเจ้าใช่ไหมที่ดึงศัตรูมาที่นี่”
สถานการณ์ตอนนี้ก็คือ หากโจมตีอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ โอกาสที่หนิวจื้อชุนจะได้ป้ายอาญาสิทธิ์เข้าประตูจะจำกัดอยู่ที่ศูนย์ เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ เขามีเหตุผลอยู่แล้วที่จะใช้วิธีการนี้มากวนน้ำให้ขุ่น แล้วค่อยจับปลาในน้ำขุ่นอีกที
หนิวจื้อชุนก็รู้ตัวเช่นกันว่าตัวเองน่าสงสัยมาก ถึงขนาดว่าตอนที่ได้รู้ข่าวนี้ ในใจก็ยังแอบตื่นตระหนกอยู่เล็กน้อยด้วย แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคำถามนี้ของเยี่ยเว่ยหมิง เขาก็ยังปฏิเสธด้วยท่าทีแน่วแน่ “ข้าไม่ใช่ ข้าเปล่านะ เจ้าอย่าพูดมั่ว! คนที่นอบน้อมถ่อมตน มีการศึกษาและซื่อตรงอย่างข้าจะทำเรื่องพรรค์นี้ได้อย่างไร”
เยี่ยเว่ยหมิงไม่พัวพันอยู่กับคำถามนี้แล้ว เปลี่ยนเป็นถามว่า “เจ้ามีแผนรับมืออะไรไหม”
หนิวจื้อชุนได้ยินแล้ววิเคราะห์ทันที “ตามที่ข้าสังเกต คนอีกกลุ่มที่โจมตีมนุษย์กลทองแดงก่อนหน้านี้ ตอนที่ผู้ต่อสู้อยู่ห่างจากตัวมนุษย์กลทองแดงในรัศมีสิบเมตร ก็จะถูกตัดสินให้ออกจากสถานะต่อสู้ ส่วนมนุษย์กลทองแดงก็จะฟื้นฟูค่าพลังชีวิตที่เสียไปก่อนหน้านี้อย่างรวดเร็ว…
…หากอีกฝ่ายมุ่งตรงมาที่ปากถ้ำโดยตรง ถึงอย่างไรพวกเราก็ไม่มีทางกำจัดมนุษย์กลทองแดงตัวนี้ทิ้งได้ก่อนที่พวกเขาจะมาถึง ถ้าจะให้ถูกโจมตีขนาบจากพวกเขากับมนุษย์กลทองแดง ไม่สู้ซ่อนตัวก่อนดีกว่า แล้วค่อยหาโอกาสเคลื่อนไหว”
“วีรบุรุษมักมีความคิดอ่านตรงกัน” เยี่ยเว่ยหมิงยกมุมปากเผยรอยยิ้มขาดคุณธรรม แล้วบอกหนิวจื้อชุนอีกว่า “เช่นนั้นก็ทำตามที่เจ้าบอกแล้วกัน”
“เจ้ามั่นใจในนิสัยของข้าขนาดนี้เชียวหรือ”
“เปล่าหรอก!” เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าอย่างจริงจัง “ข้ามั่นใจในความสามารถของตัวเองต่างหาก”
พูดจบก็ไม่สนใจหนิวจื้อชุนที่กำลังทำสีหน้ากลัดกลุ้ม ส่งข้อความไปในช่องทีมทันทีว่า “ซานเย่ว์เข้ามาในถ้ำก่อน พวกเราขึ้นไปซ่อนตัวที่ทางลับบนช่องลม ในเมื่อพวกเขาต้องการจะแย่งมนุษย์กลทองแดงตัวนี้ เช่นนั้นก็ให้พวกเขาโจมตีเสียให้พอ”
“ได้เลย!”
ซานเย่ว์เป็นนักปฏิบัติ หลังจากตอบรับแล้ว ก็พุ่งตัวเข้าถ้ำทันที
ส่วนหนิวจื้อชุนก็อดถามอย่างสงสัยไม่ได้ว่า “เจ้าไม่เคยสำรวจสภาพพื้นที่ของในนี้มาก่อน รู้ได้อย่างไรว่าทางลับอีกทางอยู่บนช่องลม”
“เหลวไหล!” เยี่ยเว่ยหมิงด่าพร้อมรอยยิ้ม “ก่อนหน้านี้พวกเราต้านลมเข้ามา ลมนั่นคงไม่ได้โผล่มาจากความว่างเปล่าหรอกกระมัง เลิกพูดมากได้แล้ว ถอยตอนนี้เลย…”
แล้วก็เป็นอย่างนี้ ทั้งสามทิ้ง BOSS ที่โจมตีไปได้ครึ่งทางโดยไม่อาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อย มาถึงทางลับที่อยู่บนช่องลมด้านบน
ตำแหน่งของทางลับนี้อยู่สูงมาก มันซ่อนอยู่สูงจากเท้าของทั้งสามขึ้นไปสองเมตร ด้านล่างเป็นหน้าผาหินมันวาวตรงดิ่ง อาศัยท่าร่างของเยี่ยเว่ยหมิง ตอนที่ถูกลมต้านก็ต้องเคี่ยวเข็ญพอสมควรกว่าจะกระโดดขึ้นไปได้
ในจุดนี้กลับเป็นอีกสองคนที่ทำได้อย่างอิสระผ่อนคลายกว่า ท่าร่างของซานเย่ว์เหมาะกับการกระโดดสูงกว่าท่าร่างของเยี่ยเว่ยหมิง ส่วนหนิวจื้อชุนก็ยิ่งเคลื่อนไหวได้ปราดเปรียวแบบที่ไม่สอดคล้องกับรูปร่างใหญ่โตของตัวเอง ทำได้สง่างามที่สุดในบรรดาพวกเขาสามคน
ขณะที่ซ่อนตัวให้พ้นจากขอบเขตที่สายตาคนข้างล่างจะมองเห็น หนิวจื้อชุนก็ยังไม่ลืมถือโอกาสโอ้อวด “เป็นอย่างไรล่ะ ตอนที่ตัวข้าใช้วิชาตัวเบา ‘วิชาห่านทอง’ ร้ายกาจมากเลยใช่ไหม”
ตั้งแต่ทั้งสองสู้กับมนุษย์กลทองแดงจนกระทั่งตอนนี้ นักพรตหนิวท่านนี้ก็ถูกเยี่ยเว่ยหมิงยั่วยุอารมณ์สารพัดอย่าง ในที่สุดตอนนี้ก็พบความสามารถที่พอจะโอ้อวดต่อหน้าเยี่ยเว่ยหมิงได้แล้ว เขาข่มจิตวิญญาณความอวดเก่งที่กำลังพลุ่งพล่านไม่ไหว เป็นฝ่ายเริ่มชมตัวเองก่อน
ในช่องทีม
เยี่ยเว่ยหมิง [นับตั้งแต่ตอนนี้ อย่าเพิ่งพูดอะไร พวกเราคุยกันในช่องทีมก็พอ เพราะทิศทางลมจะทำให้เสียงของพวกเราดังออกไปไกลกว่าเดิม]
[หากอีกฝ่ายพบว่ามีการดักซุ่ม พวกเราอยากจะนั่งคอยเก็บเกี่ยวผลประโยชน์อยู่ตรงนี้ก็ไม่ง่ายแล้ว]
หนิวจื้อชุน [ก็ได้ เช่นนั้นพวกเราคุยในช่องทีม เจ้ารู้สึกว่าวิชาตัวเบาของข้าเป็นอย่างไรบ้าง °(°¯᷄◠¯᷅°)° ]
ซานเย่ว์ [ข้ามีคำถามข้อหนึ่ง หากพวกเราอยากนั่งรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์เฉยๆ ตอนอยู่ข้างนอกก่อนหน้านี้ก็ทำได้เหมือนกัน ทำไมตอนนั้นพวกเราไม่ทำล่ะ กลับเลือกใช้วิธีการนี้ในเวลานี้”
เยี่ยเว่ยหมิง [ก็เพราะพวกเราหามนุษย์กลทองแดงตัวนี้เจอก่อน ตามหลักแล้วมันเป็นของพวกเรา]
หนิวจื้อชุน [ถ้าพูดให้ชัดก็คือข้าหาเจอก่อน!]
เยี่ยเว่ยหมิงถามกลับ [พวกเราไม่ใช่ทีมเดียวกันหรอกหรือ แถมเจ้ายังเป็นหัวหน้าทีมด้วย]
ตอนนี้หนิวจื้อชุนเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองกลายเป็นหัวหน้าทีมแล้ว ขณะกำลังปรับโหมดแบ่งสันไอเทมของทีมให้กลายเป็นโหมดแบ่งสันไอเทมแบบสุ่มอย่างเงียบๆ ก็พิมพ์บอกว่า [ในที่สุดพวกเจ้าก็สนใจที่ข้าพูดแล้ว รู้สึกว่าวิชาตัวเบาของข้าเป็นอย่างไรบ้าง (˶˚ᗨ˚˶)]
ซานเย่ว์ [อาหมิง ข้ารู้สึกว่าเจ้ากำลังเล่นสำบัดสำนวนกับข้า พวกเราพูดตามความจริงกันได้ไหม]
เยี่ยเว่ยหมิง [ก็ได้]
[ประการแรก สภาพพื้นที่ของที่นี่เอื้อประโยชน์ต่อพวกเรามากกว่า ทำให้พวกเราเป็นฝ่ายควบคุมได้มากกว่า]
[ประการต่อมา จ้างเย่ว์นั่นไม่ได้เพิ่งหาเรื่องเจ้าเป็นครั้งแรก ถ้าวางกับดักเขา ข้าก็ไม่รู้สึกมีภาระทางใจเลยสักนิด”
หนิวจื้อชุน [นี่! พวกเจ้าให้เกียรติคนอื่นหน่อยได้ไหม ข้ากำลังถามพวกเจ้านะ คิดว่าวิชาตัวเบาของข้าเจ๋งมากไหม! (•᷄⌓•᷅)]
เยี่ยเว่ยหมิง [พวกเขามาแล้ว! ทุกคนระวังตัว อีกประเดี๋ยวเคลื่อนไหวตามคำสั่งข้า]
[ไม่มีปัญหา!] ซานเย่ว์ตอบ
หนิวจื้อชุน [ไม่อยากพูดแล้ว กรุณาอย่ารบกวน…(メ`ロ´)]
ขณะที่ทั้งสามกำลังคุยกันอย่างกระอักกระอ่วนในช่องทีม ด้านนอกก็มีเสียงดังจ้อกแจ้กจอแจ ขณะที่เยี่ยเว่ยหมิงอาศัยผนังของทางลับซ่อนตัว ก็ยื่นศีรษะออกไปมองด้านนอกเงียบๆ เห็นคนกลุ่มหนึ่งมาอยู่ตรงจุดที่ห่างจากมนุษย์กลทองแดงไม่ไกล ผู้ที่อยู่ข้างหน้าสุดก็คือจ้างเย่ว์
เมื่อเห็นเหยื่อมาอยู่ตรงหน้าแล้ว หนึ่งในนั้นก็พลันเสนอว่า “ทุกคน คำแนะนำของข้าก็คือ พวกเราฆ่ามนุษย์กลก่อน แล้วค่อยอาศัยความสามารถของแต่ละคนมาแย่งชิงป้ายอาญาสิทธิ์ เป็นอย่างไร”
“เรื่องนี้ไม่รีบหรอก” ตอนนี้จ้างเย่ว์กลับโบกมือตะโกนเสียงดังว่า “ก่อนหน้านี้พวกเราได้ยินเสียงขลุ่ยสะอื้นจากมนุษย์กลทองแดงตัวนี้ กอปรกับบังเอิญพบปากทางลับทางนี้ตรงช่วงต้นแม่น้ำหลีเจียง เพียงแต่ยังไม่ได้ลงไปสำรวจให้ลึก ถึงได้ค้นพบสถานที่นี้ภายในเวลาอันสั้นอย่างไรล่ะ…
…และตั้งแต่ครั้งแรกที่พวกเราได้ยินเสียงมนุษย์กลทองแดงจนกระทั่งตอนนี้ ก็ผ่านไปไม่ถึงสามนาทีเอง…
…ภายในเวลาสามนาที ไม่ว่าผู้เล่นจะกำจัดมนุษย์กลทองแดง หรือจะถูกมนุษย์กลทองแดงกำจัดทิ้ง ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะรวดเร็วขนาดนี้ ข้าสงสัยว่าจะมีคนหลบอยู่ในที่ลับ เตรียมตัวจะออกมากอบโกยผลประโยชน์ตอนหลัง!…
…ดังนั้นข้าตัดสินใจแล้ว พวกเราเคลียร์สนามก่อนดีกว่า แล้วค่อยสู้กับมนุษย์กลทองแดงตัวนี้ก็ยังไม่สาย”
“เชอะ!” พอจ้างเย่ว์พูดจบ กลับมีคนคัดค้าน “พลังต่อสู้ของมนุษย์กลทองแดงไม่ได้อ่อนแอ ไม่แน่ว่าคนที่มาเจอก่อนอาจจะถูกมันทุบตายไปแล้วก็ได้ ใครอยากเคลียร์สนามก็ไปเถอะ ถึงอย่างไรข้าก็ไม่ไป”
“ได้! เจ้าไม่ไป เช่นนั้นพวกเราไป!” จ้างเย่ว์กล่าวเสียงเย็น “แต่ก่อนที่พวกเราจะเคลียร์สนามเสร็จ ไม่ว่าใครก็ห้ามฆ่ามอนสเตอร์ล่วงหน้าทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าพวกเราไม่เกรงใจ”
ในเกมนี้ หากแย่งมอนสเตอร์กันตอนไม่ได้อยู่ในโหมดตั้งทีม การแบ่งไอเทมดรอปจากมอนสเตอร์ก็จะมีสามหลักการใหญ่ๆ:
1. คนที่โจมตีฆ่ามอนสเตอร์ครั้งแรก
2. คนที่ทำให้มอนสเตอร์เสียค่าพลังชีวิตมากที่สุด
3. คนสุดท้ายที่โจมตีให้มอนสเตอร์ตาย
หลังจากการต่อสู้จบลงแล้ว ระบบจะได้รับข้อมูลโดยละเอียดโดยอิงจากสามหลักการใหญ่ แล้วค่อยใช้ขั้นตอนการคำนวณบางอย่างที่ผู้เล่นไม่รู้มาตัดสินว่าสุดท้ายไอเทมดรอปจากมอนสเตอร์จะเป็นของใคร
ภายในเวลาสามนาทีที่ระบบปกป้อง คนอื่นจะไปเก็บของที่มอนสเตอร์ดรอปไม่ได้
สำหรับคำขอที่แฝงด้วยคำขู่ชัดเจนของจ้างเย่ว์ คนอื่นย่อมแอบไม่พอใจอยู่แล้ว ทว่ามีผู้เล่นอีกสี่คนไปยืนอยู่ข้างหลังจ้างเย่ว์ทันที ทำให้ผู้เล่นคนอื่นเกรงกลัว
แม้จะอยู่ท่ามกลางคนจำนวนมาก จำนวนสมาชิกในทีมเล็กของจ้างเย่ว์คิดเป็นสัดส่วนไม่ถึงหนึ่งในสาม แต่เมื่ออยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ทุกคนขาดความเชื่อใจกัน เห็นได้ชัดว่าทีมเล็กของพวกเขาค่อนข้างสามัคคี กำลังของทีมนี้โดดเด่นอย่างเห็นได้ชัด
ดังนั้นสำหรับคำขอที่ดูไม่มากเกินไปของจ้างเย่ว์ แม้พวกเขาจะไม่เต็มใจ แต่ก็ทำได้เพียงเอ่ยรับอย่างจนปัญญา
ทว่าในตอนนี้ มีเสียงจ้อกแจ้กจอแจดังขึ้นอีกแล้ว พอมองไปตามเสียง กลับเห็นคนอีกกลุ่มที่มีสมาชิกประมาณยี่สิบคนเข้ามาอยู่ในถ้ำใต้ดินแห่งนี้แล้ว
จ้างเย่ว์เห็นดังนั้น ก็ก้าวขึ้นมาข้างหน้าทันที “ทุกคน ข้าแนะนำ…”
“แนะนำแป๊ะเจ้าสิ!”
ไม่เหมือนกับกลุ่มคนก่อนหน้านี้ที่พอจะรู้จักทีมของจ้างเย่ว์อยู่บ้าง คนที่มาใหม่ไม่รู้จักว่าจ้างเย่ว์คือใคร ไม่ทันรอให้เขาพูดจบประโยค คนตรงหน้าก็เริ่มด่าเขาอย่างไม่เกรงใจแล้ว ส่วนผู้เล่นสำนักถังเหมินอีกคนก็ทักทายด้วยอาวุธลับเสียเลย
ส่วนเหตุการณ์ต่อจากนั้น ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจ คนกลุ่มใหญ่ก็ได้เปิดฉาก PK หมู่ขนาดใหญ่อยู่ในถ้ำที่ปิดสนิทแห่งนี้แล้ว