ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 108 แลกของรางวัล
ตอนที่ 108 แลกของรางวัล
หลังจากยืนยันเจ้าของป้ายอาญาสิทธิ์แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็มีท่าทีอยากจะทดลองเล่น อยากจะลองใช้เสื่อม้วนศพมนุษย์กลทองแดงที่สภาพยับเยินขึ้นมา
[ได้รับตำราลับ ‘ตระหนักรู้วิชากลไก’ ×1!]
แบบนี้ก็ได้เหรอ
การเก็บเกี่ยวที่เหนือความคาดหมายนี้ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงตื่นเต้นมาก เขารีบดูค่าสเตตัสของตำราลับเล่มนี้
[ตระหนักรู้วิชากลไก: บันทึกความรู้และประสบการณ์ใช้งานวิชากลไก หลังจากใช้แล้วจะเพิ่มค่าประสบการณ์วิชากลไก 2000 แต้ม!]
เป็นอย่างที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ ในเมื่อการประลองคัดเลือกนี้ตั้งกติกาโดยใช้วิธีการเลี้ยงแมลงพิษ เช่นนั้นก็แสดงว่าต้องมีคนแน่นอน ถึงขนาดว่าอาจจะมีคนไม่น้อยที่โดนดักซุ่มโจมตีอยู่ใกล้กับค่ายส่งตัว
โดยเฉพาะหากต้องเจอกับคู่ต่อสู้ที่รับมือยาก มีจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ แต่บนตัวพวกเขากลับไม่มีทรัพย์สินเลย เช่นนั้นไม่สู้เที่ยวหลอกเอาเงินคนอื่นไปทั่วดีกว่า เก็บเกี่ยวคะแนนสะสมมากๆ หน่อย จากนั้นนั่งรอให้ภารกิจดันเจี้ยนจบลง แล้วค่อยถูกบังคับส่งออกไป
แน่นอน สาเหตุสำคัญที่สุดที่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงเลือกอย่างนี้ก็คือ…
หากภารกิจคัดเลือกยังไม่จบลง กงเหย่เฉียนก็จะไม่รับของไว้
ในเมื่อออกไปแล้วก็ได้แต่รออยู่เฉยๆ ไม่สู้ตามหาหมาป่าอยู่ในดันเจี้ยนต่อไปดีกว่า
แต่สิ่งทำให้พวกเยี่ยเว่ยหมิงคิดไม่ถึงก็คือ เดิมทีพวกเขาคิดว่ามีเพียงการฆ่าหมาป่าเท่านั้นที่ทำให้ได้คะแนนสะสม แต่ตอนนี้กลับได้เก็บเกี่ยวแบบถึงอกถึงใจเพราะการตัดสินใจอันชาญฉลาดนี้
ตอนทั้งสามเดินไปถึงทางออกที่เจอกันก่อนหน้านี้ กลับพบว่ามนุษย์กลทองแดงที่เคยถูกผู้เล่นหลายสิบคนล้อมโจมตีจะยังมีชีวิตอยู่!
พวกผู้เล่นตายไปหมดแล้ว แต่ BOSS ที่ไม่ได้แข็งแกร่งสักเท่าไรยังมีชีวิตอยู่!
“เอ่อ…” ขณะมองมนุษย์กลทองแดงเดินวนอยู่ที่เดิม ซานเย่ว์ก็อดอ้าปากกว้างไม่ได้ เธอถามอย่างตกใจถึงขีดสุดว่า “มนุษย์กลทองแดงนี่ อย่าบอกนะว่าหลังจากฆ่าแล้วยังรีเฟรชออกมาใหม่ได้อีก”
เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าทันที “เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ในข้อมูลแนะนำภารกิจบอกว่ามนุษย์กลทองแดงมีเพียงสิบตัว ถ้ารีเฟรชออกมาใหม่มันก็คนละเรื่องกันน่ะสิ อีกทั้งการออกแบบประเภทนี้ เดิมทีก็ไม่สอดคล้องกับการประลองโหมดเลี้ยงแมลงพิษสนามนี้อยู่แล้ว”
หนิวจื้อชุนที่อยู่ข้างๆ ก็กล่าวเสริมเช่นกัน “ที่จริงพลังต่อสู้ของมนุษย์กลทองแดงก็ไม่ได้สูงมาก ทีมสามคนที่พลังแข็งแกร่งขึ้นมาหน่อย ถ้าอยากจะจัดการมันก็มีปัญหาแค่เรื่องเวลาเท่านั้น แต่ประเด็นก็คือหมาป่าเยอะเนื้อน้อย ถ้าพวกผู้เล่นแย่งชิงกันขึ้นมา ก็ต้องทำทุกวิถีทางอย่างสุดความสามารถอยู่แล้ว”
“ดังนั้น” เยี่ยเว่ยหมิงพูดต่อว่า “ผู้เล่นพวกนั้นที่ไม่มีความเชื่อใจระหว่างกัน ก็มีทางเลือกเพียงสองทาง หนึ่งคือฆ่ามอนสเตอร์ก่อน เพียงแต่ข้อตกลงแบบนี้ ขอเพียงมีใครสักคนแอบเล่นไม่ซื่อขึ้นมา ข้อตกลงนี้ก็จะถูกทำลายทันที ทางเลือกที่สองก็คือเข้าไปอยู่อีกโหมดหนึ่ง นั่นก็คือเข้าไปทำศึกเลือดระหว่างผู้เล่นด้วยกันก่อน สู้ไม่หยุดจนกว่าจะเหลือแค่คนเดียว”
หนิวจื้อชุนพยักหน้า “แต่มนุษย์กลทองแดงแม้จะไม่ได้พลังแข็งแกร่งมาก แต่ก็ทำให้ผู้เล่นตายได้สักคนสองคนอย่างไม่มีปัญหา ดังนั้น มนุษย์กลทองแดงตัวนี้ต้องเป็นตัวเดียวกับก่อนหน้านี้ไม่ผิดแน่ ครั้งนี้ข้าแนะนำให้พวกเราแบ่งไอเทมแบบสุ่มแล้วกัน”
เขาไม่เชื่อว่าตัวเองจะโชคร้ายขนาดนั้นทุกครั้ง
ที่จริงตอนนี้ต่อให้หนิวจื้อชุนจะขอป้ายอาญาสิทธิ์แผ่นนี้โดยตรง พวกเยี่ยเว่ยหมิงก็จะไม่คัดค้านเช่นกัน ถึงอย่างไรเขากับซานเย่ว์ก็ได้สิ่งนี้มาคนละแผ่นแล้ว ได้มากกว่านี้ก็อาจจะไม่มีประโยชน์
แต่สำหรับคำขอนี้ของหนิวจื้อชุน เยี่ยเว่ยหมิงกลับตอบว่า “ไม่มีปัญหา แต่ศพเป็นของข้าแล้วกัน”
“สหายเยี่ยยังเรียนรู้วิชากลไกมาด้วยใช่ไหม”
เยี่ยเว่ยหมิงให้คำตอบเขาเป็นรอยยิ้มบางๆ ที่มีลับลมคมใน มือซ้ายงอนิ้วคำนวณ เตรียมตัวพร้อมฆ่ามอนสเตอร์แล้ว
ก็อย่างที่ทั้งสองคุยกันไว้ก่อนหน้านี้ พลังต่อสู้ของมนุษย์กลทองแดงไม่ได้แข็งแกร่ง เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ห่วงหน้าพะวงหลัง ทั้งสามใช้เวลาเพียงสามนาทีกว่า ก็โจมตีจนมันกลายเป็นเศษเหล็ก จากนั้นถือโอกาสดรอปป้ายอาญาสิทธิ์เข้าประตูหนึ่งแผ่น
เมื่ออยู่ในโหมดแบ่งไอเทมแบบสุ่ม ป้ายอาญาสิทธิ์ตกลงในกระเป๋าสัมภาระของหนิวจื้อชุนแล้ว เขาตื้นตันใจจนกระโดดโลดเต้น หัวเราะดีใจจนน้ำตาไหล เหมือนเด็กน้อยที่น้ำหนักสองร้อยชั่ง
ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็ได้ตำราลับ ‘ตระหนักรู้วิชากลไก’ หนึ่งเล่มตามความปรารถนา
ทุกคนล้วนดีใจ
ตอนนี้สมาชิกทั้งสามคนในทีมล้วนมีป้ายอาญาสิทธิ์คนละแผ่น พวกเขาเดินทางอยู่ในแผนที่ดันเจี้ยนเพื่อสังหารหมาป่า ในระหว่างนั้น ทุกครั้งที่เห็นมนุษย์กลทองแดงถูกโจมตีจนพัง เยี่ยเว่ยหมิงก็จะใช้ผ้าห่มม้วนมันเก็บไว้ ถือโอกาสรับตำราลับ ‘ตระหนักรู้วิชากลไก’
แต่ตอนที่เวลาภารกิจใกล้จะสิ้นสุด พวกเขากลับคาดไม่ถึงว่าจะได้พบกับมนุษย์กลทองแดงที่ยังไม่ตายหนึ่งตัว
ดังนั้น ในกระเป๋าสะพายหลังของเยี่ยเว่ยหมิงจึงมีป้ายอาญาสิทธิ์เข้าประตูเพิ่มขึ้นมาอีกแผ่น
ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่ารัศมีสิบลี้เป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างกว้างใหญ่ ตอนที่เวลาภารกิจสิบชั่วโมงสิ้นสุดลง แล้วทั้งสามถูกระบบบังคับส่งกลับไปที่หมู่บ้านชื่อสยา เยี่ยเว่ยหมิงก็เก็บศพของมนุษย์กลทองแดงได้ทั้งหมดแปดร่าง และได้ตำราลับ ‘ตระหนักรู้วิชากลไก’ ทั้งหมดแปดเล่มเช่นเดียวกัน
ไม่อย่างนั้นจะบอกได้หรือว่าภารกิจขนาดใหญ่นั้นยอดเยี่ยมเสมอ
สิ่งเดียวที่น่าเสียดายก็คือ แผนที่นี้ใหญ่เกินไปแล้ว ใหญ่จนต่อให้ทั้งสามเร่งความเร็วก็ยังเดินทางไม่ทั่วอยู่ดี สุดท้ายก็หามนุษย์กลทองแดงที่ยังมีชีวิตอีกสองตัวไม่เจอ ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงแอบรู้สึกเสียดายนิดหน่อย
ตอนที่นาฬิกาจับเวลานับถอยหลังจนเหลือหลักวินาที พวกเยี่ยเว่ยหมิงก็ไปปรากฏตัวอยู่บนสังเวียนกลางสนามประลองยุทธ์ ที่ออกไปพร้อมพวกเขายังมีผู้เล่นอีกสิบกว่าคน เมื่อคนพวกนี้ปรากฏตัว ก็เริ่มกวาดสายตามองไปรอบๆ ทันที บ้างก็มีสายตาป้องกัน บางก็มีสายตาละโมบ เห็นได้ชัดว่ามีความคิดแตกต่างกันไป
ในตอนนี้เอง เสียงแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้นข้างหูของทุกคนแล้ว
[ติ๊ง! การประลองคัดเลือกเข้าตระกูลมู่หรงจบลงแล้ว เชิญผู้เล่นที่เข้าร่วมประลองนำคะแนนสะสมไปแลกของรางวัลกับอาปี้ที่ลานตะวันออก เชิญผู้เล่นที่ได้ป้ายอาญาสิทธิ์เข้าประตูไปหากงเหย่เฉียนที่โถงหลักเพื่อแลกเป็นระเบียบการเข้าสำนัก หรือแลกรางวัลที่สอดคล้องกัน]
หลังจากได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบ เยี่ยเว่ยหมิงก็บอกผ่านช่องทีมทันที [พวกเราไปแลกรางวัลคะแนนสะสมก่อน แล้วค่อยไปหากงเหย่เฉียน”
เมื่อเห็นข้อความนี้ ซานเย่ว์ก็พยักหน้าโดยจิตใต้สำนัก ส่วนหนิวจื้อชุนก็ยิ้มให้อย่างเข้าใจ
ทั้งสามคนมุ่งตรงไปยังลานตะวันออก ยังไม่ทันเดินออกจากสนามประลองยุทธ์ ข้างหลังก็มีเสียงต่อสู้ดังมาแล้ว พอหันกลับไปมอง กลับเห็นผู้เล่นคนหนึ่งที่กำลังมุ่งหน้าไปยังโถงหลักถูกผู้เล่นสิบกว่าคนล้อมโจมตี ชั่วพริบตาเดียวก็กลายเป็นแสงสีขาวไปแล้ว
เพียงแต่หลังจากผู้เล่นคนนั้นถูกฆ่าตายและดรอปของ ก็ไม่ได้มีป้ายอาญาสิทธิ์เข้าประตูตกลงมา
จนกระทั่งตอนนี้ ถึงได้มี NPC คนหนึ่งของหมู่บ้านชื่อสยาออกมาอธิบายว่าหลังจากดันเจี้ยนนี้จบลง ก็จะไม่มีการดรอปป้ายอาญาสิทธิ์เข้าประตูเพราะผู้เล่นตายอีก ขณะเดียวกันก็ประกาศตัดสิทธิ์การแลกรางวัลของผู้เล่นสิบกว่าคนที่เข้ามาล้อมโจมตี
ตอนที่ NPC โบกมือ คะแนนสะสมบนตัวผู้เล่นสิบกว่าคนนั้นก็กลายเป็นศูนย์ ตามด้วยเสียงร้องโวยวายกับเสียงด่าทอที่ดังก้องทั้งเขตลานบ้าน
หลังจากนั้น ก็มีผู้เล่นลองโจมตี NPC น่ารังเกียจที่ถอดผลงานจากความพยายามของพวกเขา ผลปรากฏว่าถูก NPC ที่ชื่อเฟิงปัวเอ้อที่โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้โจมตีจนกลายเป็นแสงสีขาวไปหมด…
เมื่อฉากอันวุ่นวายจบลง ทั้งสามคนก็มาถึงลานตะวันออกแล้ว ไปหา NPC ที่ชื่ออาปี้
ส่วน NPC ที่ชื่ออาปี้นั่นก็บอกกับผู้เล่นทุกคนที่มาหาเขาว่า “ส่งกติกาการแลกรางวัลไปที่อินเตอร์เฟสระบบของทุกคนแล้ว ทุกคนแลกเอาเองตามความต้องการได้เลย”
แตะเปิดหน้าอินเตอร์เฟสระบบ แต่กลับเห็นว่าวิธีการแลกคะแนนสะสมมีสองแบบ
1. นำคะแนนสะสมไปแลกค่าตบะได้โดยตรง อัตราการแลกอยู่ที่ 1:1
2. นำคะแนนสะสมมาแลกอุปกรณ์หรือยาเม็ดและไอเทมต่างๆ ได้ ตระกูลมู่หรงมีไอเทมให้แลกไม่ต่ำกว่าร้อยชนิด การแลกไอเทมแต่ละชนิดมีเงื่อนไขต่างกัน แต่ระบบได้ลิสต์รายการแลกเปลี่ยนอย่างเอาใจใส่ไว้เรียบร้อยแล้ว
เมื่อมองคะแนนสะสม 16360 แต้มของตัวเอง เยี่ยเว่ยหมิงก็ยกมุมปากยิ้มด้วยความตื่นเต้นอยากทดลอง