ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 113 คนผีร่วมวิถี
ตอนที่ 113 คนผีร่วมวิถี
สินค้าสามแบบหลัง ต่อให้จ่ายเงินทั้งหมดแล้วก็ไม่มีทางรับสินค้าได้ในทันที แต่ต้องรอสามวัน
แม้จะไม่รู้ว่าระบบออกแบบให้น้ำเน่าน่ารังเกียจขนาดนี้เพราะต้องการให้สมจริงยิ่งขึ้นหรือเปล่า แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็แสดงออกว่าเข้าใจได้
ถึงอย่างไรเขาก็ซื้อไม่ไหว!
ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังมองโลงไม้หยางมู่ โลงไม้สนและโลงไม้หวงฮว่าที่ราคาถูกลงมาหน่อย พร้อมพิจารณาว่าจะซื้อดีหรือไม่ ซานเย่ว์ก็ชิงก้าวขึ้นมาพูดกับผู้จัดการร้านแล้วว่า “ผู้จัดการ โลงศพของร้านท่าน ขายให้พวกเราถูกกว่านี้ได้ไหม”
ตอนที่น้องซานเย่ว์กล่าวคำนี้ออกมา ก็อย่าว่าแต่เยี่ยเว่ยหมิงเลย ขนาดผู้จัดการร้านโลงศพที่เป็น NPC ของระบบก็ยังอึ้งไปพักหนึ่ง
ตอนซื้อของประเภทนี้ ยังจะมีคนต่อรองราคาอยู่อีกหรือ!
สีหน้าประหลาดใจของผู้จัดการร้านคงอยู่สามวินาที ในฐานะที่ผู้จัดการร้านเป็น NPC ระดับต่ำทั่วไป หลังจากขอยืมสติปัญญาจากระบบมานิดหน่อยแล้ว ถึงได้กลับมาทำงานได้เป็นปกติ “ซื้อเยอะคำนวณง่าย”
หากเป็นในชีวิตจริง การพูดจาเช่นนี้ก็เท่ากับชี้หน้าด่ากันแล้ว ทั้งยังเป็นประเภทที่ติดเอฟเฟ็กต์สาปแช่งด้วย อาจจะดึงดูดให้เกิด PK กันในชีวิตจริงได้เลย
แต่ประโยคนี้กลับทำให้เยี่ยเว่ยหมิงเกิดความคิดบางอย่างในใจ แต่เขาเป็นคนรู้จักข้อบกพร่องของตนเอง จึงไม่ได้พูดแทรกในเวลานี้ เพียงส่งข้อความให้ซานเย่ว์ทำต่อไปผ่านช่องทีม
จากนั้นสาวน้อยก็เริ่มแสดงละคร “ซื้อเยอะคำนวณง่ายนี้ มีวิธีการคำนวณอย่างไร”
……
หลังจากนั้นสามนาที ผู้จัดการร้านที่ขาดประสบการณ์ต่อรองราคาอย่างร้ายแรง ในที่สุดก็บอกราคาอย่างจนใจอีกครั้ง “ที่ร้านเราหากมียอดซื้อสองร้อยเหรียญทองในครั้งเดียว ก็จะได้เป็นสมาชิกถาวร จะได้รับส่วนลดพิเศษสองในสิบส่วนตลอดไป หากแม่นางไม่พอใจกับราคานี้ ข้าก็ทำได้เพียงเชิญให้ทั้งสองไปดูที่ร้านอื่นแล้ว”
หลังจากได้รับคำตอบ ซานเย่ว์ก็ไม่ได้เซ้าซี้ไม่เลิก นางจับภาพหน้าจอส่งให้เยี่ยเว่ยหมิง บอกว่าระบบเตือนว่านี่คือเส้นตายของผู้จัดการร้านแล้ว
เมื่อมองจำนวนเงินในบัญชีตัวเอง เยี่ยเว่ยหมิงก็ซื้อโลงไม้หวงฮว่าหนึ่งใบ โลงไม้สนสองใบ เป็นจำนวนเงินสองร้อยเหรียญทองพอดี!
หลังจากจ่ายเงินแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ถือโอกาสสมัครเป็นสมาชิก VIP ของร้านขายโลงศพซูโจวฉี่หลิง จากนั้นก็นำโลงศพใหม่เอี่ยมออกจากร้านขายโลงศพร้านนี้ไป แล้วไปยังตึกตงโพที่นัดกับน้องสะพานสวรรค์น้อยไว้แล้ว
สำหรับผู้เล่นคนใดก็ตาม อาหารระดับสูงในภัตตาคารถือเป็นความฟุ่มเฟือยเกินจำเป็น เยี่ยเว่ยหมิงย่อมกินดื่มอย่างเต็มที่ไม่ได้อยู่แล้ว เขาเลือกเพียงกับข้าวง่ายๆ ไม่กี่อย่างมาเลี้ยงสาวน้อยเท่านั้น
หลังจากสุราอาหารถูกวางบนโต๊ะได้ไม่นาน เงาร่างอ่อนช้อยของสะพานสวรรค์น้อยก็ปรากฏตัวอยู่ตรงประตูห้องส่วนตัว
เยี่ยเว่ยหมิงรีบเรียกสะพานสวรรค์น้อยให้นั่งลง แล้วนางก็ถามอย่างแปลกใจวว่า “พี่ใหญ่เว่ยหมิง ข้าจำได้ว่าเจ้าเหมือนจะมีช่องทางข่าวพิเศษ รู้หรือเปล่าว่าเหมียวเหรินเฟิ่งคนนี้เป็นบุคคลอย่างไรกันแน่ เทียบความสามารถกับอวี๋ชางไห่แล้วเป็นอย่างไร”
เยี่ยเว่ยหมิงตอบด้วยสีหน้าจริงจัง “ที่จริงแล้ว อวี๋ชางไห่ที่ถูกพวกเราสังหารก่อนหน้านี้เป็นเพียงร่างแยกที่อยู่ภายใต้โหมดภารกิจเท่านั้น ไม่อาจใช้การต่อสู้ครั้งนั้นมาตัดสินความสามารถของอวี๋ชางไห่ได้ ส่วนเหมียวเหรินเฟิ่งคนนี้ ตามที่เฟยอวี๋บอกมา ด้วยความสามารถที่เขาแสดงออกมา อย่างน้อยก็ร้ายกาจกว่าอวี๋ชางไห่ที่อยู่ในสถนะภารกิจตั้งเยอะ!”
สะพานสวรรค์น้อยซักไซ้ต่ออย่างไม่ยอมแพ้ “แล้วช่องทางข่าวสารอื่นของเจ้าล่ะ เขาว่าอย่างไรกันแน่”
เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่ “อยู่ในแผนที่พิเศษ ติดต่อไม่ได้”
ที่จริงแล้ว ไม่ต้องให้สะพานสวรรค์น้อยเตือน ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงประสบกับเรื่องนี้ ก็ติดต่อกับไป๋ตู้ประจำตัวอย่างอินปู้คุยทันที แต่หลังจากเขาออกจากแผนที่ภารกิจพิเศษแล้วถึงได้พบว่า ไม่น่าเชื่อว่าตอนนี้อินปู้คุยจะอยู่ในแผนที่ภารกิจด้วยเช่นกัน ไม่มีทางใช้พิราบสื่อสารได้เลย
เชื่อมต่อฐานข้อมูลไม่ได้ เยี่ยเว่ยหมิงเองก็นึกเสียดายมากเช่นกัน
เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้า ถอดแหวนกระบี่อวิ๋นไถบนมือมือขวาออก นำแหวนมาถือไว้ในมือ แล้วยื่นให้ตรงหน้าสะพานสวรรค์น้อยพร้อมรอยยิ้ม “ข้ามอบสิ่งนี้ให้เจ้า ดูว่าชอบหรือเปล่า”
“หา!” สะพานสวรรค์น้อยเห็นแล้วตกใจมาก บนใบหน้างามเผยเมฆสีแดงเรื่อสองแห่งทันที “นี่เจ้าตรงเกินไปหรือเปล่า”
“ตรงเกินไป?” แม้เยี่ยเว่ยหมิงจะไม่เข้าใจ แต่ก็ยังอธิบายอย่างจริงจังมากว่า “ปฏิบัติการครั้งนี้ไม่เหมือนกับภารกิจสำนักคุ้มภัยฝูเวยครั้งก่อน เจ้ามาช่วยข้าไม่เพียงแค่ไม่ได้รางวัลภารกิจใดๆ กลับต้องเสี่ยงอันตรายไม่น้อยด้วย ค่าสเตตัสของแหวนมิตินี้ไม่เลวเลย เลยนำมาเป็นน้ำใจเล็กน้อยของข้า ถึงอย่างไรก็ต้องร่วมงานกัน ข้ารู้สึกว่าเรื่องแบบนี้ต้องตรงไปตรงมาสักหน่อย”
“โอ้สวรรค์!” พอซานเย่ว์ที่อยู่ข้างๆ ได้ยินบทสนทนาของพวกเขา ก็เอามือปิดหน้าแล้วกล่าวย่างจนใจว่า “อาหมิง เจ้าเข้าใจผิดแล้ว”
เยี่ยเว่ยหมิง “???”
พอซานเย่ว์เห็นหน้าตาซื่อบื้อของเขา ก็ทำได้เพียงเตือนว่า “ใครเขาเจอผู้หญิงครั้งแรกแล้วมอบแหวนมิติให้อย่างเจ้ากัน นี่น่ะหรือที่เจ้าบอกว่าเตรียมไว้นานแล้ว”
ซานเย่ว์พูดอย่างชัดเจนมากแล้ว หากเยี่ยเว่ยหมิงยังไม่เข้าใจอีก เขาก็ไม่ใช่ชายแท้แล้ว เป็นคนซื่อบื้อต่างหาก!
โดยทั่วไป ผู้ชายจะส่งแหวนมิติให้ผู้หญิงในสถานการณ์อย่างไรล่ะ
นึกย้อนไปถึงฉากน้ำเน่าในละครกับภาพยนตร์สิ นั่นมันเป็นตอนขอแต่งงาน!
ไม่แปลกใจที่น้องสะพานสวรรค์น้อยจะตอบสนองได้แปลกขนาดนั้น ที่แท้ปัญหาก็อยู่ตรงนี้นี่เอง
หลังจากรู้ถึงประเด็นสำคัญแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็รีบเก็บแหวนมิติ หัวเราะกลบเกลื่อนความเก้อเขินพร้อมบอกว่า “ข้าลืมพิจารณาไป น้องสะพานสวรรค์น้อยอย่าถือสาเลยนะ ที่จริงครั้งนี้ข้าเพียงต้องการให้เจ้ามาร่วมมือกันรับมือกับศัตรูเฉยๆ หากเจ้าต้องการอะไรก็บอกมาตรงๆ ได้เลย ข้าจะคิดหาทางเอง”
สะพานสวรรค์น้อยส่ายหน้า “ที่จริงข้าก็หวังว่าจะมีโอกาสออกทีวีให้เยอะขึ้นเช่นกัน พี่ใหญ่เยี่ยไม่ต้องเกรงใจหรอก หากพี่ใหญ่เยี่ยต้องการจะมอบอะไรสักอย่างให้จริงๆ ไม่รู้ว่ายังมีเนื้อย่างที่เพิ่มพละกำลังชั่วคราวเหมือนครั้งก่อนอยู่ไหม ความสามารถของข้ายังต่างกับเจ้าไม่ใช่น้อยๆ หากไม่มีโบนัสค่าสเตตัสจากเนื้อย่าง เกรงว่าจะร่วมมือกับเจ้าอย่างสมบูรณ์แบบได้ยาก”
“เนื้อย่างของข้ายังเหลืออีกสองชิ้น แต่นั่นต้องกินในระหว่างต่อสู้อยู่แล้ว จะนับเป็นของตอบแทนได้อย่างไร”
“เอาละ ในเมื่อน้องสะพานสวรรค์น้อยพูดอย่างนี้แล้ว ชายชาตรีอย่างเจ้าจะบ่นอะไรขนาดนี้” ซานเย่ว์พูดแทรกได้ทันเวลา ตัดบททั้งสองไม่ให้เถียงกัน จากนั้นก็ปลดปิ่นไข่มุกบนศีรษะอีกครั้ง แล้วหันไปบอกสะพานสวรรค์น้อยว่า “น้องสะพานสวรรค์น้อย เจ้าดูสิว่าปิ่นไข่มุกเล่มนี้สวยไหม”
“ว้าว! สวยจังเลย เจ้าซื้อมาจากไหน”
……
จากนั้น สองสาวก็พูดวนอยู่กับประเด็นเรื่องปิ่นไข่มุก เสื้อผ้า อะไรทำนองนั้น พวกนางเริ่มสอบถามกันอย่างดุเดือดด้วยบรรยากาศที่เป็นมิตร ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงที่อยู่ข้างกันฟังแล้วงงเหมือนหลงทางอยู่ในหมอก ทั้งยังหาโอกาสพูดแทรกไม่ได้ด้วย
หลังจากส่ายหน้าอย่างจนใจ เยี่ยเว่ยหมิงก็เพียงเตือนพวกนางว่าอย่างลืมกินอาหาร จากนั้นก็กินของตัวเองพร้อมนำตำราลับเคล็ดกระบี่ระดับสูงที่ได้จากภารกิจหมู่บ้านชื่อสยาออกมา
ตั้งแต่ออกจากอาณาเขตของหมู่บ้านชื่อสยา ตำราลับเล่มนี้ก็ปลดล็อกเองโดยอัตโนมัติแล้ว ตอนนี้ค่าสเตตัสของมันก็คือ
[คนผีร่วมวิถี (ระดับสูง): เคล็ดกระบี่ระดับสูงของสำนักคงต้ง เป็นกระบวนท่าสังหารเฉียบขาดที่ละทิ้งตัวเองและพังพินาศไปพร้อมศัตรู]
เงื่อนไขการฝึก: ท่าร่าง 50 ความว่องไว 80 กำลังภายในสูงสุดไม่ต่ำกว่า 2000!