ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 114 โจมตีครั้งเดียวถึงตาย!
ตอนที่ 114 โจมตีครั้งเดียวถึงตาย!
เคล็ดวิชา ‘คนผีร่วมวิถี’ นี้มีเพียงกระบวนท่าเดียว ทั้งยังเป็นกระบวนท่าที่ทำให้พังพินาศไปพร้อมกันด้วย จากสิ่งนี้จะเห็นได้เลยว่าตอนที่กงเหย่เฉียนให้ตำราลับกับตนนั้นไม่ได้มีเจตนาดี!
ตำราลับเล่มนี้ เกรงว่าจะหยิบออกมาเพราะคิดจะวางกับดักตน
เพียงแต่เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก
หากมองตามกฎของเกม ในเมื่อตำราลับเล่มนี้ถูกกำหนดให้เป็นเคล็ดวิชาระดับสูง เช่นนั้นก็ต้องมีเหตุผลให้ถูกกำหนดเป็นระดับสูงแน่นอน แม้จะมีเพียงกระบวนท่าเดียว ทั้งยังตั้งค่าให้ต้องแหลกลาญไปพร้อมกันสองฝ่าย แต่จะต้องมีจุดแข็งอย่างอื่นมาชดเชยจุดบกพร่องเหล่านี้แน่นอน!
ไม่มีอะไรต้องลังเล เยี่ยเว่ยหมิงเปิดตำราลับ แล้วเริ่มอ่านศึกษาด้วยตัวเองทีละตัวอักษรทันที
เนื่องจากมีเพียงกระบวนท่าเดียวเท่านั้น เนื้อหาจึงค่อนข้างน้อย เยี่ยเว่ยหมิงใช้เวลาไม่ถึงสามนาทีก็อ่านเรียบร้อยแล้ว
จากนั้น…
[ติ๊ง! คุณอ่านศึกษาตำราลับ ‘คนผีร่วมวิถี’ อย่างละเอียด ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่ระดับสูง ‘คนผีร่วมวิถี’ สำเร็จ]
ไม่น่าเชื่อว่าครั้งนี้จะไม่มีรางวัลพิเศษใดๆ เลย
เขาเปิดหน้าคอลัมน์สกิล หลังจากได้เห็นค่าสเตตัสของ ‘คนผีร่วมวิถี’ ก็ปล่อยวางความฉงนสนเท่ห์ก่อนหน้านี้ทันที
[คนผีร่วมวิถี]
สละตนโจมตี คนผีร่วมวิถี!
(เป็นเคล็ดวิชาพิเศษ ไม่มีการเลื่อนระดับ)
โจมตี +300%
แม่นยำ +200%
ที่แท้ก็เป็นเคล็ดกระบี่ที่ไม่มีเลเวล ไม่แปลกใจที่เมื่ออ่านตำราลับตามคำชี้แนะของอาจ่งแล้ว ก็ไม่ได้รับของรางวัลอย่างอื่นอีก
แต่ประสิทธิภาพของกระบวนท่านี้ ก็น่ากดไลก์จริงๆ!
พลังโจมตีเพิ่มขึ้น 300%!
ขอเพียงแทงกระบี่นี้ลงไป แม้จะเป็นทั้งเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ แต่จะมีผู้เล่นสักกี่คนที่ต้านประสิทธิภาพกระบี่นี้ของเขาไหว!
นี่ไม่ใช่เพียงกระบวนท่าหนึ่งของเคล็ดกระบี่ระดับสูงเท่านั้น แต่เป็นกระบวนท่าที่ไม่ต้องการการฝึกใดๆ หลังจากเรียนสำเร็จแล้วก็จะเป็นเคล็ดกระบี่ระดับสูงที่เลเวลเต็มทันที!
จุดบกพร่องเพียงอย่างเดียว ก็คงเป็นเรื่องที่แม้จะมีดาเมจไม่น้อย แต่ก็ใช้วิธีการตามปกติไม่ได้อยู่ดี ทำได้เพียงใช้เป็นท่าไม้ตายเฉพาะตัว
เพียงแต่จุดบกพร่องเล็กน้อยไม่อาจปิดบังจุดเด่นได้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังพึงพอใจกับกระบวนท่าของ ‘คนผีร่วมวิถี’ มาก
เยี่ยเว่ยหมิงใช้เวลาไม่ถึงสามนาทีเพื่ออ่านตำราลับ ส่วนประเด็นสนทนาเรื่องเสื้อผ้าเครื่องประดับของสองสาว ก็เห็นได้ชัดว่าไม่มีทางจบลงได้ภายในเวลาสั้นๆ นี้แน่ เยี่ยเว่ยหมิงจึงนำ ‘ตระหนักรู้วิชากลไก’ ที่ได้จากการคลำศพมนุษย์กลทองแดงก่อนหน้านี้ออกมา แล้วก็เริ่มพลิกอ่านทีละหน้าอย่างละเอียดเสียเลย
และความจริงก็ได้พิสูจน์แล้ว ว่าตราบใดที่เป็นตำราลับจากหมู่บ้านชื่อสยา เนื้อหาก็สั้นกระชับแต่ยอดเยี่ยมหมด หลังจากผ่านไปห้านาที ตำราลับวิชากลไกเล่มแรกก็กลายเป็นแสงสีขาวหายไปจากมือเขาแล้ว หลังจากผ่านไปสิบวินาที เขาก็ใช้งานเอฟเฟ็กต์เรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน วิชากลไกที่ไม่มีจุดให้เพิ่มค่าประสบการณ์ก็โอนไปที่ทักษะ ‘อนุมาน’ โดยอัตโนมัติ ทักษะ ‘อนุมาน’ ของเขาได้ค่าประสบการณ์เพิ่ม 875 แต้มแล้ว
จากนั้นก็เป็นเล่มที่สอง…
เมื่อเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกันครั้งนี้ ก็โชคดีที่เพิ่มไปบนเคล็ดจิต ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ทำให้สุดยอดวิชานี้เพิ่มค่าประสบการณ์แล้ว 875 แต้ม
จากนั้นเล่มที่สามก็เป็นอย่างนี้เช่นกัน…
เล่มที่สี่…
……
มี ‘ตระหนักรู้วิชากลไก’ ทั้งหมดแปดเล่ม หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน สุดท้ายก็มีสามเล่มที่เพิ่มค่าประสบการณ์ไปยังทักษะ ‘อนุมาน’ มีห้าเล่มที่เพิ่มทักษะไปยังเคล็ดจิต ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’
จากนั้นค่าสเตตัสของสองเคล็ดวิชานี้ก็เปลี่ยนแล้ว…
[คำนวณ]เลเวล: 2
ค่าประสบการณ์: 1625/2000
กระบวนท่าของทักษะยุทธ์ทั้งหมด โจมตี +10%
ป้องกัน +10%
แม่นยำ +10%
เสริมเอฟเฟ็กต์ให้สกิลพิเศษ
……
ไท้ซัวเป็นไฉน (สุดยอดวิชา)เลเวล: 3
ค่าประสบการณ์: 3595/4000
ดาเมจโจมตี +30%
แม่นยำ +30%
ดาเมจคริติคอล +30%
ดาเมจโจมตีจุดสำคัญ มีโอกาส 5% ที่จะโจมตีครั้งเดียวถึงตาย!
……
เป็นอย่างที่คาดไว้ ทุกครั้งที่เกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ ก็ล้วนได้เบิกบานใจกับผลการเก็บเกี่ยวอันอุดมสมบูรณ์เสมอ!
ทักษะ ‘คำนวณ’ ก็ยังดีหน่อย หลังจากเพิ่มหนึ่งเลเวลแล้ว ก็ไม่ได้ทำให้ความสามารถของเขาเพิ่มขึ้นชัดเจนนัก ส่วนที่บอกว่าลดระดับความยากของการคำนวณเคล็ดจิตไท้ซัวเป็นไฉน…
จนกระทั่งตอนนี้ ไม่ว่าศัตรูคนใดก็ตามที่ทำให้เขาคำนวณอย่างสงบใจ ไม่ว่าจะลดระดับความยากหรือไม่ก็ยังคำนวณได้อยู่ดี ส่วนบรรดาศัตรูที่โจมตีกลับได้เก่ง ต่อให้ลดระดับความยากอีกหนึ่งเท่าก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี
แต่การเพิ่มผลลัพธ์ของ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ นั้นยอดเยี่ยมจริงๆ!
ยังไม่ต้องพูดถึงว่าในอึดใจเดียวนี้เพิ่มดาเมจโจมตี แม่นยำและดาเมจคริติคอล 10% แค่เพิ่มโอกาสโจมตีครั้งเดียวถึงตายของดาเมจโจมตีจุดสำคัญ 5% อย่างเดียว ก็เพียงพอที่จะทำให้คนตะลึงจนอ้าปากค้างแล้ว
โจมตีครั้งเดียวถึงตาย!
เป็นไปตามชื่อ การโจมตีมองข้ามค่าป้องกัน ค่าพลังชีวิตสูงสุดและปัจจัยต่างๆ ไปได้เลย เมื่อเปิดใช้งานเอฟเฟ็กต์นี้ ก็ปลิดชีพได้ทันที!
พูดตามทฤษฎีแล้ว ขอเพียงเติมเต็มเงื่อนไขดาเมจโจมตีจุดสำคัญ และใช้เอฟเฟ็กต์พิเศษโจมตีครั้งเดียวถึงตาย 5% ต่อให้เป็น BOSS เลเวลสองร้อย เยี่ยเว่ยหมิงก็ใช้กระบี่เดียวส่งขึ้นสวรรค์ได้อยู่ดี!
มันก็ไม่มีเหตุผลอย่างนี้แหละ!
แน่นอน หากต้องการจะทำให้ได้อย่างนี้ ก็ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่า เขาสามารถโจมตีจุดสำคัญของอีกฝ่ายได้อย่างแม่นยำ
ส่วนใหญ่เกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ยิ่ง NPC เลเวลสูง การใช้งานก็จะยิ่งยาก ไม่ได้ง่ายเหมือนสู้กับมนุษย์กลธรรมดาอย่างนั้น
หากเจอ NPC ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง ต่อให้ผู้เล่นจะพยายามสู้สุดกำลัง แต่ก็อาจสัมผัสชายเสื้ออีกฝ่ายไม่ได้ด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการโจมตีจุดสำคัญของอีกฝ่ายอย่างแม่นยำเลย
หรือไม่ก็ต้องรอเปิดใช้งานเอฟเฟ็กต์ไท้ซัวเป็นไฉนให้สำเร็จก่อนเท่านั้น เรื่องนั้นถึงจะเป็นไปได้
……
หลังจากจัดระเบียบสิ่งที่ได้อย่างพออกพอใจแล้ว ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้พบว่าประเด็นสนทนาของสองสาวใกล้จะจบแล้ว แม้จะยังพูดอยู่ แต่ก็ใช้ปากกินอาหารมากกว่าพูดแล้ว
เนื่องจากศักดิ์ศรีของลูกผู้ชาย ความเร็วเรื่องกินอาหารย่อมแพ้ผู้หญิงไม่ได้อยู่แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงรีบเร่งความเร็วในการคีบอาหารเข้าปากทันที หลังจากนั้นครู่หนึ่ง อาหารสี่อย่างและน้ำแกงหนึ่งอย่างบนโต๊ะก็ลงไปอยู่ในท้องของหนึ่งชายสองหญิงหมดแล้ว
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ซานเย่ว์กลับเป็นฝ่ายกล่าวอำลาทั้งสองก่อน บอกว่าจะกลับไปคุยเรื่องราคากับร้านค้าร้านหนึ่งในเมืองหลวงสักหน่อย เยี่ยเว่ยหมิงฟังแล้วทำหน้างุนงง
เขากับสะพานสวรรค์น้อยขึ้นรถม้าจากเฉิงตูไปยังเทียนอิน แล้วก็ขึ้นเรือจากเทียนอินไปที่ตีนเขาเล่อซาน เยี่ยเว่ยหมิงยังคงครุ่นคิดกับคำพูดก่อนหน้านี้ของซานเย่ว์
จะว่าไปแล้ว นางหนูนั่นจะเช่าร้านไปทำไมกัน
แต่พอคิดได้ว่าตอนอีกฝ่ายทำอะไรล้วนไม่เกี่ยวกับตน เยี่ยเว่ยหมิงก็อดทนไว้และไม่ได้เอ่ยถาม
กลับเป็นสะพานสวรรค์น้อยที่จู่ๆ ก็เอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา นางบอกเยี่ยเว่ยหมิงว่า “ก่อนหน้านี้ข้ากับซานเย่ว์ปรึกษากันว่าจะรวมทุนกันเปิดร้านค้าแห่งหนึ่ง ทักษะของนางเหมาะจะทำธุรกิจ ข้าพอจะเจียดเวลามาช่วยดูแลได้บ้าง พวกเราเห็นว่าเมื่อครู่นี้พี่ใหญ่เยี่ยจดจ่ออยู่กับการอ่านหนังสือ จึงไม่ได้รบกวน ตอนนี้เห็นเจ้าไม่ได้แบ่งสมาธิไปกับเรื่องอื่นแล้ว พิจารณาเรื่องร่วมหุ้นดูสักหน่อยไหม”
ที่แท้สองสาวก็คุยเรื่องที่เป็นการเป็นงานได้ด้วยหรือ
เยี่ยเว่ยหมิงลังเลอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าตอบ “ข้าอาจจะไม่มีเวลามาทำธุรกิจ อย่างมากก็ทำได้เพียงลงหุ้นลมนิดหน่อย แล้วก็…ตอนนี้ในมือข้าไม่ได้มีเงินเย็นมากขนาดนั้น…”
จะว่าไปแล้วก็รู้สึกละอายอยู่บ้าง ต้องโทษที่โลงศพแม่งราคาแพงเกินไป!
โชคดีที่ผู้เล่นในเกมฟื้นชีพได้ทุกเมื่อ ไม่อย่างนั้นคงตายไม่ไหวจริงๆ
นี่เป็นเรื่องราวที่น่าเศร้าเรื่องหนึ่ง…
เมื่อเดินตามเส้นทางภูเขาไปจนถึงยอดเขา ในที่สุดทั้งสองก็เห็น NPC เหมียวเหรินเฟิ่งที่อยู่ตรงปากถ้ำหลิงอวิ๋นแล้ว
อีกฝ่ายรูปร่างสูงใหญ่กำยำ แต่ใบหน้าสีเหลือง ให้ความรู้สึกว่าทุกข์ใจเพระาอาการป่วย ดูแล้วเหมือนเก็บกดเพราะเพิ่งเล่นเกมมาเจ็ดวันเจ็ดคืน แล้วยังถูกคนอื่นฮุบอุปกรณ์ไว้คนเดียวด้วย
เขาแอบส่งสายตายให้สะพานสวรรค์น้อยที่อยู่ข้างกายอย่างแนบเนียน แล้วนางก็กินเนื้อย่างที่เยี่ยเว่ยหมิงให้นางไว้ล่วงหน้าหนึ่งคำทันที ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็เป็นฝ่ายเข้าไปกุมหมัดคารวะก่อน “เรียนถามผู้อาวุโส ท่านคือจอมยุทธ์เหมียวผู้เลื่องชื่อลือนามหรือไม่”
จากคำบรรยายของเฟยอวี๋ก่อนหน้านี้ สาเหตุที่เขาถูกเหมียวเหรินเฟิ่งไล่สังหาร ล้วนเป็นเพราะแกว่งเท้าหาเสี้ยนเอง
ส่วนวิธีช่วยชีวิตคนของถังซานไฉ่ก็ไม่ได้มีเกียรติเท่าไรนัก เขาอยากจะลอบโจมตีอยู่ตรงจุดลับ เดิมทีอยากจะล่อเหมียวเหรินเฟิ่งออกไป เพื่อให้เฟยอวี๋มีโอกาสหนี แต่กลับคาดไม่ถึงว่าวิชาตัวเบาของเหมียวเหรินเฟิ่งจะเหนือกว่าเขาเยอะ ปรากฏว่าทำให้ตัวเองเข้าไปพัวพันด้วยแล้ว
เมื่อรวมสองข้อที่กล่าวมาข้างต้น เหมียวเหรินเฟิ่งก็อาจจะไม่ใช่ราชามารที่ไร้เหตุผลจริงๆ ก็ได้
บางที อาจจะใช้วิธีการพูดคุยแก้ปัญหานี้อย่างสันติได้ก็ได้
แน่นอน เพื่อคำนึงถึงความปลอดภัย เยี่ยเว่ยหมิงก็ให้สะพานสวรรค์น้อยกินเนื้อย่างก่อน กันไว้ดีกว่าแก้
ตอนที่ได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงถาม เหมียวเหรินเฟิ่งกลับชำเลืองรองเท้าขุนนางของเขา แล้วหยามเหยียดว่า “ผู้เลื่องชื่อลือนาม? เช่นนั้นเจ้าลองบอกมาสิ ว่าฉายาของเหมียวผู้นี้คืออะไร”
“อันนี้…”
เยี่ยเว่ยหมิงถูกเหมียวเหรินเฟิ่งถามจนตอบไม่ถูก ติดต่อกับอินปู้คุยก็ไม่ได้ แล้วฉันจะไปรู้ไหมว่านายมีฉายาอะไร
ขนาดฉายาของอวี๋ชางไห่คืออะไรฉันยังไม่รู้เลย แล้วจะไปสนใจนายได้ยังไง
เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงตอบไม่ได้ ในดวงตาเหมียวเหรินเฟิ่งก็ฉายแววเหยียดหยามยิ่งกว่าเดิม “ไม่รู้แม้กระทั่งฉายาของข้า ยังมาบอกว่าข้าเลื่องชื่อลือนาม ดูท่าแล้วสุนัขรับใช้ราชสำนักคงขี้ประจบสอพลอกันทั้งฝูง!”