ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 116 รางวัลภารกิจ เพิ่มเลเวลเคล็ดกระบี่หนึ่งเลเวล!
ตอนที่ 116 รางวัลภารกิจ: เพิ่มเลเวลเคล็ดกระบี่หนึ่งเลเวล!
ที่จริงแล้ว เหมียวเหรินเฟิ่งก็แค่ถูกใจทักษะ ‘สืบเสาะหมื่นลี้’ กับ ‘แยกแยะจริงเท็จ’ ของเฟยอวี๋ อยากจะมอบหมายภารกิจลอบสังหารให้เขา
แต่ตามกฎของเกม NPC ห้ามใช้วิธีการที่ใกล้เคียงกับการไล่สังหารแบบนี้มาบังคับให้ผู้เล่นรับภารกิจ แต่ใครใช้ให้เจ้าคนมีตาแต่ไร้แววอย่างเฟยอวี๋ไปล่วงเกินอีกฝ่ายล่ะ
ดังนั้น เหมียวเหรินเฟิ่งจึงเตรียมจะโจมตีให้เขายอมแพ้ก่อน จากนั้นก็ให้เขาช่วยตนทำงาน
แต่เมื่อลงมือสู้กันแล้ว พระหน้าทองท่านนี้กลับได้แต่ส่ายหน้า
เจ้าหนุ่มนี่ยังความสามารถไม่ถึง!
ความสามารถของเฟยอวี๋แม้ปัจจุบันจะนับเป็นยอดฝีมือท่ามกลางผู้เล่น แต่เมื่อเทียบกับคนที่เหมียวเหรินเฟิ่งต้องการไล่สังหารแล้ว กลับยังแตกต่างกันเกินไป!
เพื่อให้งานของตัวเองราบรื่นมากขึ้น จอมยุทธ์เหมียวจึงแสร้งไล่สังหารเสียเลย บีบให้เขาเข้าไปในถ้ำหลิงอวิ๋นจนเอาตัวรอดออกมาไม่ได้ จากนั้น ก็ใช้กลยุทธ์ล่อศัตรูคนอื่นมาช่วย เริ่มจากล่อถังซานไฉ่ออกมาก่อน จากนั้นก็เป็นเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อย
กระทั่งได้เห็นกระบี่คู่ผนึกรวมของเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์แล้ว เหมียวเหรินเฟิ่งถึงได้รู้สึกพอใจ
ความสามารถอย่างนี้ หากระวังตัวสักหน่อย ก็น่าจะรับมือกับเจ้าคนต่ำทรามนั่นไหว
เมื่อได้ฟังเหมียวเหรินเฟิ่งอธิบาย ทั้งสองถึงได้เข้าใจที่มาที่ไปของเรื่องนี้ บางจุดที่ก่อนหน้านี้ยังไม่เข้าใจ ตอนนี้ก็เข้าใจกระจ่างในฉับพลันแล้ว
เหมือนจะมีเพียงเหตุผลนี้เท่านั้น ที่อธิบายได้ว่าเหตุใดพวกเฟยอวี๋ที่ถูกยอดฝีมือระดับเหมียวเหรินเฟิ่งไล่สังหาร แต่จนกระทั่งป่านนนี้แล้วก็ยังไม่ตายเสียที
แม้จะได้รับคำตอบแล้ว แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับรู้สึกว่านี่เป็นโอกาสอันล้ำค่าที่จะล้วงข่าวจากปาก NPC ระดับสูง จึงแสร้งพูดเหมือนไม่ได้ตั้งใจ “หากข้ากับสะพานสวรรค์น้อยไม่ปรากฏตัว หรือกำลังที่มาสนับสนุนของเฟยอวี๋ยังไม่ทำให้ท่านรู้สึกพอใจได้ จอมยุทธ์เหมียวเตรียมจะจัดการเฟยอวี๋อย่างไร”
“ข้าจะกักพวกเขาไว้ในนั้นสามวัน หากภายในสามวันยังไม่เห็นกำลังหนุนที่ทำให้ข้าพอใจ ข้าก็จะล้มเลิกความคิดก่อนหน้านี้ แล้วออกไปจากที่นี่เสียเลย” เหมียวเหรินเฟิ่งตอบ
หรือพูดได้อีกอย่างว่า เฟยอวี๋ไม่ต้องตายก็ได้ แต่จะเสียโอกาสในการทำภารกิจลับ
หลังจากพยักหน้าสื่อว่าเข้าใจแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ส่งพิราบสื่อสารให้เฟยอวี๋เสียเลย “ออกมาเถอะ รับภารกิจแล้ว เหมียวเหรินเฟิ่งรับปากแล้วว่าจะไม่สังหารพวกเจ้า”
หลังจากนั้นประมาณสามนาที เฟยอวี๋กับถังซานไฉ่ก็เดินออกมาจากถ้ำหลิงอวิ๋นอย่างระแวดระวัง เมื่อเห็นว่าเหมียวเหรินเฟิ่งไม่มีท่าทีว่าจะไล่สังหารพวกเขาต่อแล้วจริงๆ ถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วเดินมายืนข้างกายเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อย
เฟยอวี๋ใช้แววตาสื่ออารมณ์หลากหลายมองเยี่ยเว่ยหมิงที่ช่วยเขาออกจากอันตราย หลังจากเก็บกดอยู่นาน ถึงได้กล่าวออกมาอย่างยากลำบากว่า “ขอบใจนะ บุญคุณที่ช่วยชีวิตในวันนี้ ข้าจะจดจำไว้”
“เชอะ…” เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วกลับโบกมือ “ในเกมไม่ได้ตายจริงสักหน่อย จะจริงจังขนาดนั้นไปทำไม”
“แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน” เฟยอวี๋กล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “เพราะข้าทำให้สหายลำบากไปด้วย”
ลองคิดโดยเปลี่ยนมุมมอง หากเรื่องนี้เกิดขึ้นกับตน ไม่ใช่แค่ตนที่ถูกขังไว้ แต่ยังพาสะพานสวรรค์น้อยมาลำบากจนหนีไม่พ้นไปด้วยอีกคน เกรงใจว่าในใจของตนก็คงจะเป็นทุกข์เหมือนเจ้าหมอนี่กระมัง
สิ่งเดียวที่แตกต่างกันก็คือ เยี่ยเว่ยหมิงได้เตรียมทางหนีทีไล่เอาไว้แล้วก่อนขึ้นเขา ต่อให้เหมียวเหรินเฟิ่งจะเล่นงานจนถึงที่สุดและพวกเขาก็สู้ไม่ไหวจริงๆ แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็มีวิธีการที่จะหนีไปอย่างปลอดภัย ไม่นั่งรอโดยไม่หาทางออกไว้ก่อนเหมือนพวกเฟยอวี๋แน่นอน
ตอนนี้ถังซานไฉ่ก็ก้าวออกมาแล้วเช่นกัน หลังจากกล่าวขอบคุณเยี่ยเว่ยหมิง ก็ออกแรงตบบ่าเฟยอวี๋ แต่กลับไม่ได้พูดอะไรอีก
รอจนกระทั่งตอนนี้ เหมียวเหรินเฟิ่งที่อยู่ในฐานะผู้มอบหมายภารกิจถึงได้เอ่ยปาก อธิบายต้นสายปลายเหตุของภารกิจนี้ให้พวกเขาฟังรอบหนึ่ง
เรื่องที่เหมียวเหรินเฟิ่งเล่านั้นยาวมาก เนื้อหาเกี่ยวข้องกับบุญคุณความแค้นของคนหลายรุ่นจากสี่ตระกูลใหญ่
ถึงอย่างไรก็เป็นเพราะความแค้นที่บ้านเมืองถูกรุกรานอะไรทำนองนั้น สุดท้ายก็นำไปสู่การสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายระหว่างเหมียวเหรินเฟิ่งกับยอดฝีมือที่ชื่อหูอี้เตา ทั้งสองสู้กันต่อเนื่องหลายวัน ในระหว่างนั้นได้ผ่านเรื่องราวมากมายที่ทำให้เห็นถึงจิตใจอันเข้มแข็งและซื่อสัตย์ของเหมียวเหรินเฟิ่ง เกิดเป็นโครงเรื่องน้ำเน่าลดทอนสติปัญญาในสายตาผู้เล่นอยู่บ้าง นั่นก็คือจากตอนแรกที่ทั้งสองเป็นศัตรูกัน ตอนหลังก็ค่อยๆ กลายเป็นเพื่อนกันแล้ว
แต่กลับคาดไม่ถึงว่าการประลองยุทธ์ที่สง่าผ่าเผยสนามหนึ่ง สุดท้ายกลับเป็นเพราะมีคนต่ำช้ามาเป็นก้างขวางคอ จึงกลายเป็นการลอบสังหารแทน!
หมอกระดูกคนหนึ่งที่ชื่อว่าเหยียนจีแอบเขาไปในบ้านของเขากับหูอี้เตาอย่างเงียบเชียบ แอบทาพิษร้ายไว้บนอาวุธของทั้งสอง ผลปราฏว่าในระหว่างการต่อสู้ หูอี้เตาไม่ทันระวังถูกดาบบาดแขน พิษร้ายแล่นสู่หัวใจ แล้วจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุคคนหนึ่งก็สิ้นชีพด้วยน้ำมือคนต่ำทรามหน้าเนื้อใจเสือไปอย่างนั้นแล้ว
เหมียวเหรินเฟิ่งตามสืบมาหลายปี สุดท้ายก็ยืนยันได้แล้วว่าคนที่วางยาพิษคือหมอกระดูกที่ชื่อเหยียนจี อีกฝ่ายทำไปเพราะอยากได้ ‘เคล็ดดาบตระกูลหู’ สองหน้านั่นของตระกูลหู อยากจะอาศัยสิ่งนี้เพื่อให้ตัวเองกลายเป็นมหาโจรที่มีทักษะยุทธ์ไม่ธรรมดา จะได้ปล้นฆ่าไปทั่วได้สะดวก
เหมียวเหรินเฟิ่งตั้งใจจะไปกำจัดเจ้าชั่วนี่เพื่อล้างแค้นให้หูอี้เตา
แต่ช่วยไม่ได้ที่เจ้าชั่วนี่มีนิสัยปลิ้นปล้อนสับปลับ เหมียวเหรินเฟิ่งลงมือหลายครั้งแล้ว แต่สุดท้ายกลับคว้าน้ำเหลว
พอตอนหลัง ระหว่างทางกลับบ้านหลังจากไปไล่สังหารเหยียนจีล้มเหลว เหมียวเหรินเฟิ่งก็บังเอิญพบกับเฟยอวี๋
ส่วนเรื่องราวหลังจากนั้น พวกเขาก็ย่อมรู้หมดแล้ว
เมื่อฟังเหมียวเหรินเฟิ่งเล่าเรื่องของหูอี้เตาจบแล้ว สะพานสวรรค์น้อยที่อยู่ข้างๆ ก็ทอดถอนใจไม่หยุด
เป็นคู่จิ้นที่เลิศจริงๆ!
ผลปรากฏว่าได้อยู่คนละโลกเสียอย่างนั้น!
น่าเสียดายจริงๆ น่าเศร้า…เฮ้อๆ
ไม่สนใจความคิดคับแค้นต่อนิยายวายในใจของผู้หญิงบางคน หลังจากเหมียวเหรินเฟิ่งเล่าเรื่องนี้จบแล้ว ก็แจกภารกิจนี้ให้พวกเขาสี่คนเสียเลย
[สังหารเหยียนจี]
ระดับภารกิจ: 5 ดาว
มหาโจรเหยียนจี ใช้วิธีการต่ำช้าไร้ยางอายลอบสังหารหูอี้เตา จอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งยุค เหมียวเหรินเฟิ่งฝากฝังให้พวกเจ้าโจมตีสังหารคนคนนี้ ปลอบโยนวิญญาณจอมยุทธ์ผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่บนสวรรค์
รางวัลภารกิจ: เลือกเคล็ดกระบี่หรือเคล็ดดาบหนึ่งวิชาแล้วขอคำชี้แนะจากเหมียวเหรินเฟิ่งได้ เพิ่มเลเวลเคล็ดกระบี่/เคล็ดดาบ 1 เลเวล!
บทลงโทษภารกิจล้มเหลว: ถูกเหมียวเหรินเฟิ่งไล่สังหารสามวัน!
คำแนะนำภารกิจ: เหยียนจีปรากฏตัวครั้งสุดท้ายตรง XXX นอกเมืองฝูโจว ดักสังหารกลุ่มพ่อค้าของ XXX ไปกลุ่มหนึ่ง ไปหาเบาะแสจากที่นั่นได้
……
เคล็ดดาบหรือเคล็ดกระบี่ที่กำหนดจะเพิ่มหนึ่งเลเวล!
ตอนที่ได้เห็นรางวัลภารกิจ ทั้งสี่ก็เริ่มหายใจถี่แล้ว
สำหรับพวกเขาแล้ว รางวัลนี้ถือว่าสุดยอดจริงๆ!
ในบรรดาพวกเขาสี่คน เยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยฝึกเคล็ดกระบี่เป็นหลัก อีกทั้งเคล็ดกระบี่ที่พวกเขาใช้ก็เลเวลสูงมากแล้ว หากอัปเลเวลต่อไป ก็เรียกได้ว่าต้องใช้ค่าตบะจำนวนมหาศาล
และรางวัลภารกิจที่เหมียวเหรินเฟิ่งให้ครั้งนี้ ก็เลิศกว่ารางวัลของภารกิจขนาดใหญ่อย่างสำนักคุ้มภัยฝูเวยก่อนหน้านี้เสียอีก!
โดยเฉพาะเยี่ยเว่ยหมิง หากเขาอยากอัปเลเวล ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ อีก ค่าประสบการณ์ที่ต้องใช้ก็สูงถึงสามแสน แต่ถ้าทำภารกิจนี้สำเร็จ…แค่ลองคิดก็รู้สึกฮึกเหิมแล้ว
ส่วนเฟยอวี๋ก็ฝึกวิชาดาบเป็นหลัก อยู่ในขอบเขตรางวัลภารกิจเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น เดิมทีเขาก็ฝึก ‘เคล็ดดาบตระกูลหู’ อยู่แล้ว เหมียวเหรินเฟิ่งบอกว่าตนชำนาญเคล็ดวิชานี้มาก
แม้แต่ถังซานไฉ่เอง ถึงจะฝึกอาวุธลับเป็นหลัก แต่เขาก็ฝึกเคล็ดกระบี่ลมสนควบคู่ด้วยเช่นกัน สำหรับเข ารางวัลภารกิจนี้อาจไม่สำคัญเท่าของคนอื่น แต่ก็ยังมีแรงดึงดูดมากอยู่ดี
ส่วนบทลงโทษจากภารกิจล้มเหลว พวกเขาก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจเท่าไรนัก
ในเมื่อเหยียนจีทำให้เหมียวเหรินเฟิ่งไร้หนทางได้ ก็แสดงว่าเหมียวเหรินเฟิ่งนอกจากมีทักษะยุทธ์แล้ว ความสามารถในการไล่ตามเบาะแสก็ธรรมดามาก ขอเพียงไม่ได้ถูกเขาเพ่งเล็งตั้งแต่แรกเหมือนเฟยอวี๋ พวกเขาก็ไม่ถึงขั้นใช้เวลาสามวันก็ยังยืนหยัดไม่ไหวหรอก
เมื่อเห็นผู้เล่นสี่คนนี้รับภารกิจแล้วเตรียมตัวจะออกไป จู่ๆ เหมียวเหรินเฟิ่งก็เอ่ยว่า “ก่อนจะไป ข้าอยากจะเตือนพวกเจ้าสักหน่อย”
เขาพูดต่อว่า “หนึ่ง เหยียนจีเชี่ยวชาญการใช้พิษมาก ตอนที่พวกเจ้าลงมือจะต้องระวังให้มากๆ หน่อย”
“ส่วนข้อสอง…” ขณะที่พูด สายตาของเหมียวเหรินเฟิ่งก็ไปหยุดอยู่บนตัวเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อย “การผนึกรวมวิชาของพวกเจ้าทั้งสองยอดเยี่ยมจริงๆ แต่ร่างของพวกเจ้ายังไม่รู้ใจกันมากพอ เดิมทีควรจะเป็นคู่รักถึงจะใช้เคล็ดกระบี่นี้ได้อย่างประสิทธิภาพ พวกเจ้าถึงจะใช้งานมันอย่างเคารพรักซึ่งกันและกัน…
…เคล็ดกระบี่เช่นนี้ ยามสู้กับศัตรูในโหมดภารกิจ หรือสู้กับพวกที่ฝีมือไม่สูงก็ยังถือว่าราบรื่น…
…หากชดเชยจุดอ่อนนี้ไม่ได้ ยามเผชิญหน้ากับยอดฝีมือ ก็ไม่เพียงแค่จะกลายเป็นที่พึ่งของพวกเจ้าไม่ได้ กลับกลายเป็นช่องโหว่ใหญ่สุดของพวกเจ้าด้วยซ้ำ หากเป็นอย่างนั้น ต่างคนต่างสู้ยังปลอดภัยกว่า…
…เหยียนจีนั่นที่ข้าให้พวกเจ้าไปสู้ แม้จะไม่ใช่ศัตรูที่อยู่ภายใต้โหมดภารกิจ แต่ความสามารถของเขาก็ธรรมดา ยังไม่พอให้มองออกถึงจุดอ่อนเคล็ดกระบี่ของพวกเจ้าได้ แต่หากเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งกว่านี้ นั่นก็พูดยากแล้ว…
…ก็อย่างที่บอก นอกเสียจากว่าพวกเจ้าจะชดเชยจุดอ่อนได้ วิชานี้ถึงจะสมบูรณ์แบบ…
…ข้าพูดไปเยอะแล้ว พวกเจ้าไปเถอะ”