ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 117 สายลมโศกา
ตอนที่ 117 สายลมโศกา
ทักษะประจำสำนักของสำนักมือปราบเทพเป็นของดีจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นเวทชันสูตรศพ เวทบรรจุศพของเยี่ยเว่ยหมิง หรือการจับโกหกของซานเย่ว์ ก็ล้วนเป็นทักษะเทพที่เรียกว่าระดับ BUG ได้เลย มีเพียงเฟยอวี๋ที่ความพันธ์กับพวกเขาสองคนไม่ดีเท่าไร ทักษะตัวอักษร ‘ดิน’ ของเขาจึงค่อนข้างลึกลับสำหรับพวกเขาทั้งสองคน
จนกระทั่งวันนี้ ทุกคนถึงได้เห็นกับตาถึงความน่ากลัวของทักษะ ‘สืบเสาะหมื่นลี้’ ของเจ้าหมอนี่!
ทั้งสี่คนขึ้นรถม้าไปยังจุดภารกิจที่เหมียวเหรินเฟิ่งบอก หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงตรวจสอบที่เกิดเหตุคร่าวๆ ครู่หนึ่ง ถึงได้พบร่องรอยการต่อสู้บางอย่าง อีกทั้งผู้ร้ายก็เหมือนจะใช้ดาบเป็นอาวุธ เขารู้เพียงเท่านี้
แต่เฟยอวี๋เลิศล้ำขึ้นไปอีก วินิจฉัยทิศทางที่ผู้ร้ายหลบหนีไปเสียเลย ถึงขั้นว่าเป้าหมายถัดไปของอีกฝ่ายอยู่ตรงไหนก็พูดออกมาแล้ว
ความสามารถในการสืบเสาะน่ากลัวขนาดนี้ เกรงว่าคงใกล้เคียงกับ GPS ระบุตำแหน่งแล้วกระมัง
จากนั้น ทั้งสี่ก็ไล่ตามไปยังทิศทางที่เฟยอวี๋ชี้บอก ระหว่างทางเจอทางแยกหลายครั้ง แต่เฟยอวี๋ก็อาศัยสกิลที่เหมือน BUG ของเขาชี้ทิศทางของคนร้ายได้โดยตรง ถึงขนาดไม่ส่งผลกระทบต่อเส้นทางเพราะการสืบหาเบาะแสด้วย
ในระหว่างที่สะกดรอยตามนี้ นอกจากจะนั่งรถม้าไม่ได้ ก็เรียกได้ว่าไล่ตามด้วยความเร็วสูงสุดของผู้เล่นแล้ว
หลังจากผ่านไปประมาณสองชั่วยาม ในที่สุดพวกเขาก็เจอเรือนเล็กที่ตั้งโดดเดี่ยวอยู่ตรงตีนไหล่เขานิรนาม
เรือนแห่งนี้เรียบง่ายมาก นอกจากกำแพงรั้วธรรมดากับบ้านมุงฟางที่ดูเก่าชำรุดหลังหนึ่ง ก็มีเพียงกองฟืนที่ตั้งซ้อนกันสูงอยู่ตรงมุมกำแพงลานบ้าน
พวกเขามาหยุดยืนอยู่นอกลานบ้าน ส่วนเฟยอวี๋ก็ชี้ไปยังบ้านมุงฟางที่อยู่กลางลานบ้าน “ผู้ร้ายที่จู่โจมกลุ่มพ่อค้าซ่อนตัวอยู่ในบ้านมุงฟางนั่น หากข้อมูลที่เหมียวเหรินเฟิ่งให้มาไม่ผิดพลาด เขาก็คงจะเป็นเหยียนจี!”
ตอนนี้ ในบ้านมุงฟางมีเสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้น “ทุกท่านเดินทางมาไกล เหยียนจีช่างหวาดกลัว สถานที่รกร้างไม่มีสุราอาหารชั้นดีมาต้อนรับ มีเพียงน้ำชาหนึ่งถ้วยที่ช่วยดับกระหายให้บรรดาจอมยุทธ์น้อยได้ พวกเราเจรจากันด้วยเหตุผลก่อนค่อยลงมือ ดื่มน้ำชาก่อนแล้วค่อยลงมือก็ยังไม่สาย”
เมื่อมองไปตามเสียง ก็เห็นชายวัยกลางคนผอมแห้งคนหนึ่งปรากฏตัวอยู่หลังหน้าต่างบ้านมุงฟาง กำลังกวักมือทักทายพวกเขา บนใบหน้ายังเผยรอยยิ้มไร้พิษภัยอีกด้วย
หากไม่ใช่เพราะได้ฟังเหมียวเหรินเฟิ่งบรรยายถึงความชั่วร้ายของคนผู้นี้ ก็ยากจะนึกเชื่อมโยงเขากับมหาโจรที่เป็นยายแก่ไร้ฟันพิงกำแพงกินโจ๊ก (พ้องเสียงกับคำว่าเลวทรามต่ำช้าไร้ยางอายถึงขีดสุด) นั่นเข้าด้วยกันได้
“พวกเราไม่เข้าไปแล้วกัน เชิญท่านออกมาดีกว่า ดาบกระบี่ไม่มีตา อาจทำลายข้าวของในบ้านท่านพังได้” ขณะที่ปากพูดอย่างนี้ มือซ้ายของเยี่ยเว่ยหมิงก็เริ่มงอนิ้วคำนวณแล้ว
เปิดใช้ผลแอคทิฟสกิลไท้ซัวเป็นไฉน!
[ติ๊ง! อีกฝ่ายไม่ได้อยู่ในขอบเขตการโจมตี ไม่สามารถคำนวณได้ การเปิดใช้ผลแอคทิฟสกิลไท้ซัวเป็นไฉนล้มเหลว!]
แม่งเอ๊ย…
มีหน้าต่างกั้น ระยะห่างยังใกล้ไม่พอ!
ส่วนเหยียนจีก็ถือโอกาสปิดหน้าต่าง พร้อมทั้งส่งเสียงดังมาจากข้างใน “ศีรษะของเหยียนจีอยู่นี่แล้ว หากจอมยุทธ์น้อยทั้งหลายอยากได้ ก็มาเอาไปได้เลย”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ยอมออกมา ถังซานไฉ่ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ “เขาไม่ยอมออกมา พวกเราต้องเข้าไปหรือเปล่า”
และในตอนนี้ เฟยอวี๋ก็ก้าวขึ้นมาผลักประตูลานบ้านออก “ไม่เข้าถ้ำเสือ แล้วจะได้ลูกเสือหรือ ไหนๆ ก็มาแล้ว พวกเราก็ต้องเข้าไปดูอยู่แล้ว”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วเตือนทันที “อย่าลืมนะ เหมียวเหรินเฟิ่งบอกว่าเขาเชี่ยวชาญเรื่องใช้พิษ ต้องป้องกันนะ!”
“นั่นมันจะมีอะไรกัน” สำหรับการเตือนด้วยเจตนาดีของเยี่ยเว่ยหมิง เฟยอวี๋ยังคงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจว่า “ในเมื่อเขาอาจจะวางยาพิษลงในน้ำชา เช่นนั้นพวกเราไม่ไปดื่มชาของเขาก็สิ้นเรื่องแล้ว จะให้ยืนรออยู่ข้างนอกเฉยๆ โดยไม่ทำอะไรไม่ได้หรอกกระมัง”
ขณะที่พูด เฟยอวี๋ผลักประตูบ้านมุงฟางออกแล้ว จากนั้นหันกลับมายิ้มให้สหาย เพียงแต่ตอนที่เขายิ้ม ในดวงตากลับมีน้ำตาสองสายที่สื่อความหมายคลุมเครือไหลออกมาแล้ว
หนึ่งเงาร่างอันสง่างาม
หันกลับมาพร้อมยิ้มอ่อน
น้ำตาที่ไร้คนเข้าใจ
ภาพเหตุการณ์นี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะให้ความรู้สึกว่า ‘ลมโชยชายฝั่งแม่น้ำอี้จนหนาวเหน็บ[1]’
ขณะกำลังสงสัยว่าทำไมเจ้าหมอนี่ถึงน้ำตาไหลโดยไม่มีสาเหตุตอนนี้ เท้าข้างหนึ่งของเฟยอวี๋ที่เหยียบเข้าไปในประตูกลับอ่อนยวบ เงาร่างอันสง่างามล้มลงพื้นทันที
ตุ้บ!
เขาที่นึกว่าตัวเองทั้งหล่อทั้งสง่างาม หรือพูดง่ายๆ ว่าหล่อคูล ที่แท้ก็ถูกทำให้ล้มลงอย่างกะทันหัน ล้มลงแบบโง่ๆ แล้ว
นี่มันสถานการณ์อะไรกัน!
ในขณะที่ตกใจ เฟยอวี๋ก็รีบตรวจดูอาการของตัวเอง จากนั้นก็ตะโกนอย่างตกใจว่า “ไม่ว่าใครก็อย่าเข้ามา ข้าถูกพิษแล้ว!”
ในขณะเดียวกันนี้เอง ในช่องทีมก็ปรากฏภาพหน้าจอที่เฟยอวี๋ใช้มืออันรวดเร็วของชายโสดยี่สิบปีส่งเข้ามา
[สายลมโศกา: สถานะถูกพิษ หากถูกพิษสายลมโศกา ภายในเวลาหนึ่งชั่วโมง พละกำลัง ความแข็งแกร่ง ท่าร่าง ความว่องไวจะลดลง 90% ใช้กำลังภายในไม่ได้!]
ช่างเป็นพิษที่ร้ายกาจ
ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้คนถูกพิษได้อย่างเงียบเชียบไร้เสียง ทั้งยังสูญเสียแรงความสามารถในการต้านทานในชั่วพริบตาเดียว นี่มัน BUG ชัดๆ!
ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึง ในบ้านมุงฟางกลับมีเสียงของเหยียนจีดังออกมา “ข้าบอกว่าเชิญให้พวกเจ้ามาดื่มชา พวกเจ้าก็นึกว่าข้าจะวางยาพิษลงในน้ำชาจริงหรือ…
…ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว!…
…ยังมีสายลมโศกานี่อีก ข้าทุ่มเทกำลังความคิดไปไม่น้อย เป็นของดีที่ได้มาจากเขตตะวันตก เตรียมไว้เพื่อเหมียวเหรินเฟิ่งโดยเฉพาะ แต่น่าเสียดายที่ครั้งนี้ข้าแอบวางยาเจ้าไว้คนเดียว ทำให้เจ้าเด็กนี่ได้เปรียบจริงๆ สิ้นเปลืองของล้ำค่าของข้า!”
หลังจากเสียงของเหยียนจีดังขึ้น เฟยอวี๋ที่เอนกายอยู่บนพื้นก็เห็นเหยียนจีที่ร่างกายผอมแห้งถือดาบหัวผีเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม “กับดักประเภทนี้ หากใช้อีกครั้งก็แสดงประโยชน์ได้ยากแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าส่งเจ้าไปสวรรค์ก่อนแล้วกัน”
ขณะที่พูด เหยียนจีก็ยกดาบหัวผีในมือขึ้นมาแล้ว หัวใจของเฟยอวี๋ก็จมลงก้นเหวทันที
จบเห่!
นึกไม่ถึงว่าเคลื่อนทัพออกศึกไม่ทันคว้าชัย ตัวมาตายเสียก่อน ไม่น่าเชื่อว่าตัวเองจะเลอะเลือนจนถึงขั้นถูก BOSS วางกับดักตายแล้ว!
เขานึกเสียใจทีหลังที่ตัวเองดื้อรั้น ไม่ฟังคำพูดอันล้ำค่าดั่งทองของเยี่ยเว่ยหมิง!
เฟยอวี๋หลับตาลงพร้อมความเสียใจอันไร้ที่สิ้นสุด
จากนั้น เขาก็พลันรู้สึกแน่นตรงข้อเท้า ตามมาด้วยแรงดึงมหาศาล จากนั้นเขาก็รู้สึกถึงภาวะไร้น้ำหนักอยู่พักหนึ่ง ทั้งตัวถูกดึงจนลอยขึ้นไปกลางอากาศ
เขารีบลืมตาขึ้น พบว่ายามหน้าสิ่วหน้าขวานนี้ น้องสะพานสวรรค์น้อยโยนผ้าแพรขาวเส้นหนึ่งออกมาพันข้อเท้าของเขา ช่วยเขาออกมาจากคมดาบของเหยียนจีแล้ว
การดึงของสะพานสวรรค์น้อยครั้งนี้ ทำให้ร่างของเฟยอวี๋ลอยออกไปนอกเขตลานบ้านของบ้านมุงฟางแล้ว ถึงอย่างไรนางก็เป็นผู้หญิง ไม่สะดวกจะยื่นมือไปประคอง ทำได้เพียงบอกเยี่ยเว่ยหมิงที่อยู่ข้างกายว่า “รับเขาไว้”
“ไม่มีปัญหา” เยี่ยเว่ยหมิงตอบรับอย่างง่ายดายมาก แต่เท้ากลับไม่ขยับแม้แต่น้อย
จะให้ข้าอ้าแขนไปอุ้มสหายผู้ชายอย่างนั้นหรือ
อย่าล้อเล่นได้ไหม!
ตกลงพื้นก็ไม่ตายหรอก ตกแล้วร่างกายแข็งแรงกว่าเดิม!
โชคดีที่ในบรรดาพวกเขายังมีถังซานไฉ่ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับเฟยอวี๋ พอได้ยินนางพูดก็กระโจนตัวขึ้นมาทันที รับเฟยอวี๋ที่ไร้เรี่ยวแรงมาไว้ในอ้อมกอด ทำให้เขาไม่ต้องล้มคะมำให้อับอายขายหน้าผู้คน
แต่ตอนนี้พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับปัญหาใหม่แล้ว
“ในบ้านมีพิษ พวกเราเข้าไปไม่ได้” ขณะที่เก็บผ้าแพรขาว สะพานสวรรค์น้อยก็ขมวดคิ้วถามว่า “แต่เหยียนจีนั่นก็ไม่ยอมออกมา พวกเราจะทำอย่างไรกันดี”
[1] ลมโชยชายฝั่งแม่น้ำอี้จนหนาวเหน็บ ท่อนต่อไปคือ ผู้กล้าไปแล้วไม่หวนกลับ เป็นท่อนหนึ่งของกลอนสั้นที่แต่งโดย จิงเคอ หนึ่งในมือสังหารผู้โด่งดังในประวัติศาสตร์จีน ผู้ลอบสังหารฉินอ๋องเจิ้ง