ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 123 หมู่บ้านหนิวเจีย โรงเตี๊ยมชวีซาน
ตอนที่ 123 หมู่บ้านหนิวเจีย โรงเตี๊ยมชวีซาน
ขั้นตอนที่ทุกคนตรวจสอบภารกิจ ฟังดูค่อนข้างซับซ้อน แต่ความจริงไม่ได้มีอะไรวกวน หากใช้ภาษาที่เรียบง่ายตรงไปตรงมาที่สุดมาอธิบายก็คือ…
เฟยอวี๋ที่รับปากว่าจะช่วยก่อนหน้านี้ สะพานสวรรค์น้อยที่อยากเห็นว่าตัวเองจะมีโอกาสออกทีวีหรือไม่ รวมทั้งถังซานไฉ่ที่อยากมาร่วมสนุกด้วยเฉยๆ เยี่ยเว่ยหมิงพาพวกเขาเลี้ยวจากเขาเล่อซานกลับไปเมืองเทียนอิน แล้วนั่งรถม้าจากเมืองเทียนอินกลับไปที่เมืองเปี้ยนเหลียง
หลังจากกลับมาถึงเมืองเปี้ยนเหลียงแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็นำทั้งสองมาที่จวนลู่ติ่งกงทันที จุดประสงค์ก็คือจะขอให้เหวยเสี่ยวเป่านำทางเข้าพระราชวังเพื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุเป็นครั้งที่สอง ระหว่างทางเจอซานเย่ว์ที่ทำภารกิจอยู่ในเมืองพอดี นางหนูคนนี้จึงเข้ามาประสมโรงด้วยเสียเลย
ทว่าเห็นได้ชัดว่าสหายเสี่ยวเป่าผู้นี้เข้าใจโลกมากกว่าเจ้าคนฮุบของรางวัล…แค่กๆ เหมียวเหรินเฟิ่ง เมื่อได้ยินว่าพวกเขาจะมาช่วยไขคดีด้วยกัน ก็ถึงขั้นที่ไม่ต้องรอให้เยี่ยเว่ยหมิงเป็นฝ่ายขอเอง เขาแจกภารกิจให้โดยทันที
[ช่วยไขคดี]
ระดับภารกิจ: 4 ดาว
ช่วยเยี่ยเว่ยหมิง ผู้เล่นสำนักมือปราบเทพไขคดีขโมยของในพระราชวัง
รางวัลภารกิจ:
ค่าประสบการณ์ 10000
ค่าตบะ 3000
เงิน 200 เหรียญทอง!
…..
ค่าประสบการณ์และค่าตบะที่เป็นรางวัลของพวกเขา ส่วนใหญ่เหมือนกับของเยี่ยเว่ยหมิง มีเพียงอุปกรณ์ลับรายการสุดท้ายที่เปลี่ยนเป็นเงินแทน แต่ระดับภารกิจกลับลดลงหนึ่งระดับแล้ว
จากสิ่งนี้จะเห็นได้เลยว่า เหวยเสี่ยวเป่าเตรียมรางวัลลับไว้ในเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว แล้วยังเป็นของรางวัลมูลค่าสองร้อยเหรียญทองขึ้นไปด้วย!
สามคนที่ได้รับภารกิจก็ย่อมพึงพอใจอยู่แล้ว จากนั้นพวกเขาก็เข้าพระราชวังไปด้วยการนำทางของเหวยเสี่ยวเป่า
หลังจากตรวจสอบที่เกิดเหตุดูคร่าวๆ เฟยอวี๋ก็ยืนยันทิศทางที่หัวขโมยหลบหนีไปได้ทันที
การไล่ตามนี้ใช้เวลาเจ็ดวันเต็มๆ เนื่องจากในขั้นตอนการสะกดรอยตามไม่อนุญาตให้ใช้รถม้า ทุกคนทำได้เพียงเดินเท้าจากพระราชวังในเมืองเปี้ยนเหลียงมาจนถึงหมู่บ้านมือใหม่ที่ชื่อว่าหมู่บ้านหนิวเจียซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองหังโจว ทำให้พวกเขาอดทึ่งในการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ของ NPC ในเกมนี้ไม่ได้
หมู่บ้านมือใหม่คืออะไร
ก็คือหมู่บ้านธรรมดาที่หลังจากเปิดเซิร์ฟไปได้สิบวันก็หาผู้เล่นสักคนหนึ่งได้ยากมาก
พวกเขาเพิ่งมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน เยี่ยเว่ยหมิงก็ได้รับพิราบสื่อสารจากหนิวจื้อชุนแล้ว
[สหายเยี่ย อยู่ที่ไหน] หนิวจื้อชุน
ตอนนี้ทุกคนผ่อนฝีเท้าให้ช้าลงแล้ว เฟยอวี๋ที่เป็นผู้นำสะกดรอยตาม ตอนนี้กำลังหาเบาะแสพร้อมนำทางไปข้างหน้า ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็ตามอยู่ข้างหลังอย่างสบายอกสบายใจ ตอบกลับข้อความหนิวจื้อชุน [หมู่บ้านหนิวเจีย มีอะไรหรือ]
[หมู่บ้านหนิวเจีย! หมู่บ้านมือใหม่ที่ข้าเกิดก็คือหมู่บ้านหนิวเจีย เจ้าไปที่นั่นทำไม] หนิวจื้อชุน
[บังเอิญขนาดนั้นเชียวหรือ] เยี่ยเว่ยหมิง
[เหอะๆ อาจะเป็นเพราะ ID ของข้าแซ่หนิวกระมัง] หนิวจื้อชุน
[ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล! ข้ามาที่นี่เพื่อสืบคดีพระราชวังถูกขโมยของ ในเมื่อเจ้าเกิดที่หมู่บ้านหนิวเจีย เช่นนั้นเจ้ารู้หรือเปล่าว่าในหมู่บ้านหนิวเจียมียอดฝีมือร้ายกาจอะไรไหม] เยี่ยเว่ยหมิง
[ข้ารู้เพียงว่าในหมู่บ้านหนิวเจียมีสองทายาทของตระกูลผู้จงรักภักดี คนหนึ่งชื่อหยางเถี่ยซิน บอกว่าตัวเองเป็นทายาทของหยางไจ้ซิง ส่วนอีกคนชื่อกัวเสี้ยวเทียน ว่ากันว่าเป็นทายาทของหลู่ฟางกัวเซิ่ง ผู้กล้าแห่งเขาเหลียงซาน] หนิวจื้อชุน
[ตกลงว่าเป็นหลู่ฟางโหวผู้อ่อนโยน หรือเป็นกัวเซิ่งผู้ที่เอาชนะเซวียเหรินกุ้ยได้กันแน่ (o__)ノ] เยี่ยเว่ยหมิง
[เป็นกัวเซิ่ง! ข้าจำฉายาผิดเอง แต่ต่อมามีอยู่ครั้งหนึ่งที่ข้าทำภารกิจเสร็จแล้วกลับมาหมู่บ้านหนิวเจีย ก็พบว่าสองคนนั้นไม่อยู่แล้ว คงจะไม่เกี่ยวข้องกับหัวขโมยที่เจ้ากำลังตามหากระมัง] หนิวจื้อชุน
[เช่นนั้นจู่ๆ เจ้าติดต่อข้ามาเพราะเรื่องอะไรกันแน่] เยี่ยเว่ยหมิง
[สหายเยี่ย ไม่รู้ว่าเจ้ารู้จักคนที่ชื่อวั่งเหยียนหรือเปล่า เขายังรู้จักสิ่งของแบบเดียวกับที่อยู่ในมือของเจ้าด้วย ‘กระสอบข้าวแสนสาหัส’] หนิวจื้อชุน
เมื่อเห็นข้อความนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ชะงักทันที หลังจากถามอีกถึงได้รู้ว่าที่แท้หลังจากทั้งสามคนร่วมงานกันที่หมู่บ้านชื่อสยาแล้ว ก็มีคนไม่น้อยเห็นหนิวจื้อชุนกับเยี่ยเว่ยหมิงอยู่ด้วยกัน ส่วนวั่งเหยียนก็ไม่รู้ว่ามีจุดประสงค์อะไร ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นฝ่ายมาหาหนิวจื้อชุนก่อน ออกเงินทุนห้าสิบเหรียญทอง ให้ช่วยหากระสอบข้าวสารที่อยู่ในมือเยี่ยเว่ยหมิง
แต่หนิวจื้อชุนเป็นใครกัน
เขาเป็นคนที่จะทรยศสหายเพียงเพราะเงินแค่ห้าสิบเหรียญทองอย่างนั้นหรือ
ก็อย่างที่เขาบอก ถ้าไม่ถึงห้าร้อยเหรียญทอง ก็อย่าแม้แต่จะคิด!
ดังนั้น หนิวจื้อชุนจึงตอบรับคำขอของอีกฝ่ายไปเพื่อบังหน้า แต่กลับเล่าที่มาที่ไปทั้งหมดของเรื่องนี้ให้เยี่ยเว่ยหมิงฟัง
ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าจะมีคนเฝ้าคิดถึง ‘กระสอบข้าว’ ของเขาอยู่ตลอด แม้เขาจะรู้สึกมาตลอดว่าสิ่งนี้เป็นตัวถ่วงที่กินพื้นที่ในกระเป๋า แต่ก็ยังเลือกปฏิเสธอย่างไม่ลังเล แล้วก็กล่าวขอบคุณหนิวจื้อชุนที่ยึดหลักคุณธรรม
ด้วยการนำทางของเฟยอวี๋ ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงประตูโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งที่ชื่อว่าโรงเตี๊ยมชวีซาน
พอหยุดฝีเท้าแล้ว เฟยอวี๋ก็หันกลับมาบอกเยี่ยเว่ยหมิงว่า “ตามข้อความที่ทักษะของข้าแจ้งเตือน หัวขโมยน่าจะซ่อนตัวอยู่ในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ ศัตรูตัวใหญ่อยู่ตรงหน้าแล้ว เจ้าควรจะหยุดแชทก่อนหรือเปล่า”
เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่ “คุยกันเสร็จแล้ว”
“หากคุยเสร็จแล้ว พวกเราก็เข้าไปกันเถอะ”
“ช้าก่อน” ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็นำถุงผ้าไหมที่โหยวจิ้นมอบให้เขาตอนแรกออกมา อีกฝ่ายกำชับว่าหลังจากเจอผู้ร้ายตัวจริงแล้วถึงจะเปิดได้
เมื่อเปิดถุงผ้าไหมออกแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็นำตัวอักษรแถวหนึ่งออกมาต่อหน้าทุกคน พอคลี่ออกกลับพบว่าบนนั้นเขียนไว้หกตัวอักษร
จับเป็นที่วัดถู่ตี้
ในขณะเดียวกันนี้เอง เสียงแจ้งเตือนระบบก็ดังขึ้นแล้ว
[ติ๊ง! ปลดล็อกภารกิจลับ จับเป็นหัวขโมย!]
[จับเป็นหัวขโมย]
ระดับภารกิจ: 5 ดาว
หัวหน้าโหยวจิ้นแห่งสำนักมือปราบเทพได้กระจายกำลังล้อมวัดถูตี้ที่อยู่ห่างจากหมู่บ้านหนิวเจียสิบลี้ไว้อย่างหนาแน่นแล้ว หาทางล่อหัวขโมยให้ไปถึงที่นั่น และช่วยหัวหน้าโหยวจับเป็น
รางวัลภารกิจ:
ค่าประสบการณ์ 10000 แต้ม
ค่าตบะ 2000 แต้ม
อุปกรณ์ทองคำ 1 ชิ้น
……
หลังจากอ่านข้อความจบ เยี่ยเว่ยหมิงก็บอกในช่องทีมว่า [ดูท่าแล้ว ครั้งนี้ศัตรูคงจะโหดเหี้ยมมากจริงๆ ไม่น่าเชื่อว่าโหยวจิ้นจะออกปฏิบัติการด้วยตัวเอง ทั้งยังซุ่มกำลังไว้ตรงวัดถู่ตี้ที่อยู่ห่างออกไปสิบลี้อีก พวกเราแค่ต้องคิดหาทางล่อหัวขโมยให้ไปถึงที่นั่นก็พอ]
……
ในขณะเดียวกัน ตรงริมทางขึ้นเขาจงหนาน ร่างสูงใหญ่ของหนิวจื้อชุนนั่งพิงอยู่บนแผ่นศิลารูปทรงยาวแผ่นหนึ่ง ท่าทางดูขี้เกียจมาก
ตรงหน้าเขามีผู้เล่นที่แต่งกายเหมือนศิษย์สำนักหัวซานคนหนึ่งยืนอยู่ เป็นวั่งเหยียนนั่นเอง
หลังจากอ่านข้อความสุดท้ายของเยี่ยเว่ยหมิงเสร็จ หนิวจื้อชุนก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา แล้วบอกว่า “ขออภัยจริงๆ สหายวั่งเหยียน เยี่ยเว่ยหมิงเหมือนจะสังเกตอะไรได้ ไม่ยอมรับเลยว่าในมือเขามีของสิ่งนี้อยู่ ข้าคงไร้วาสนากับสองร้อยเหรียญทองนั่นของเจ้าแล้ว”
“น่าเสียดายเกินไปแล้ว” หลังจากวั่งเหยียนได้ยินคำตอบนี้ ก็กุมหมัดคารวะหนิวจื้อชุนด้วยความเสียดาย จากนั้นใช้ท่าร่างเหาะลงเขาไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมา ยังออกไปได้ไม่ไกลเท่าไร ก็มีพิราบขาวตัวหนึ่งบินออกจากตัวเขาแล้ว ก่อนจะหายไปในชั่วพริบตาเดียว
หนิวจื้อชุนที่ได้เห็นฉากนี้กลับยิงฟันยิ้ม แล้วพึมพำกับตัวเอง “เพราะไม่ได้ผลลัพธ์อะไรจากข้า ก็เลยส่งพิราบสื่อสารออกไปทันที ดูท่าแล้ว วั่งเหยียนก็เป็นเพียงคนทรยศเท่านั้นเอง แต่คนทรยศเสนอราคามาตั้งสองร้อยเหรียญทอง เช่นนั้นคนที่อยากได้ข้าวนั่นเป็นเทพปราชญ์มาจากที่ไหนกันแน่ แล้ว ‘กระสอบข้าวแสนสาหัส’ เป็นสมบัติล้ำค่าที่วิเศษวิโสอะไรนักหนา”
“น่าสนใจ น่าสนใจเกินไปแล้ว”
“เจ้ากำลังบอกว่าอะไรน่าสนใจ” จู่ๆ ก็มีเสียงที่ทำให้หนิวจื้อชุนตกใจ พอหันกลับมา ก็พบว่าเป็นนักพรตเต๋าวัยกลางคน กำลังยืนอยู่ไม่ห่างจากตรงนี้ กำลังมองเขาด้วยความสนใจ
เมื่อเห็นนักพรตเต๋าวัยกลางคน หนิวจื้อชุนก็หุบรอยยิ้มไม่สงบเสงี่ยมทันที “ท่านอาจารย์”
ที่แท้นักพรตเต๋าวัยกลางคนผู้นี้ก็คืออาจารย์หนิวจื้อชุน นักพรตฉางชุนชิวชู่จีแห่งสำนักฉวนเจิน
ชิวชู่จีพยักหน้าอย่างพึงพอใจ แล้วบอกหนิวจื้อชุนว่า “การลงเขาครั้งก่อน ทำให้ความสามารถของเจ้าก้าวหน้าขึ้นไม่น้อย อาจารย์มีหนึ่งภารกิจต้องมอบหมายให้เจ้า คิดว่าความสามารถของเจ้าน่าจะแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้แล้ว”
หนิวจื้อชุนได้ยินแล้วตาเป็นประหาย “ภารกิจอะไรขอรับ”
ชิวชู่จีหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกจากหน้าอก “ข้ามีจดหมายฉบับหนึ่ง เจ้าส่งมันไปที่ทะเลทราย ส่งให้ถึงมือจอมยุทธ์เคอ หนึ่งในเจ็ดจอมยุทธ์เจียงหนานด้วยตัวเอง”