ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 138 พูดคุยเคล้าเสียงหัวเราะ น้ำลดหินโผล่!
ตอนที่ 138 พูดคุยเคล้าเสียงหัวเราะ น้ำลดหินโผล่!
เมื่อได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงบอกว่ากระบี่วิเศษหายไปแล้ว เพื่อนร่วมทีมสี่คนที่อยู่ตรงนั้นก็ไม่มีใครสงสัยเลยว่าเขาพูดโกหก
แม้แต่เฟยอวี๋ที่เอะอะก็ชอบหาเรื่องเขายังเสียดสีว่า “นึกไม่ถึงว่าคนเจ้าเล่ห์สับปลับอย่างเจ้า ก็มีวันที่พลาดพลั้งเหมือนกัน ไม่ง่ายเลยจริงๆ”
เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้โมโหเพราะคำพูดเสียดสีของเขา กลับแสดงท่าทีแปลกใจเล็กน้อยด้วยซ้ำ “แต่จะว่าไปแล้ว เจ้าไม่สงสัยสักนิดเลยหรือว่านี่เป็นข้ออ้างของข้าเพื่อจะฮุบอุปกรณ์คุณภาพสูงสุดชิ้นนี้เอาไว้คนเดียว”
เฟยอวี๋ส่ายหน้า “ไม่ใช่ว่าข้าเชื่อในคุณธรรมของเจ้า แต่ข้าไม่ประเมินสติปัญญาเจ้าต่ำต่างหาก เจ้าเป็นคู่ต่อสู้ที่ข้าสิ้นเปลืองกำลังความคิดไปหมดแล้วแต่ยังเอาชนะไม่ได้ หากเจ้าใช้ข้ออ้างโง่ๆ เช่นนี้เพื่อจะฮุบอุปกรณ์ชิ้นเดียว เช่นนั้นคนแพ้อย่างข้าจะนับเป็นอะไรล่ะ เป็นคนปัญญาอ่อนกระมัง”
“ขอบคุณที่ชม”
เฟยอวี๋ได้ยินแล้วอยากจะเอาศีรษะโขกกำแพงตาย ข้าเพียงไม่อยากเป็นคนสติปัญญาต่ำสุดในเวลานี้ก็เท่านั้นเอง ทำไมกลายเป็นชมเจ้าเสียแล้วล่ะ
บทมันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ!
o(≧口≦)o
เพียงแต่เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาเองก็ทำได้เพียงเปลี่ยนประเด็นสนทนา “ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาลำพองใจ ลองคิดให้ดีว่าทำของหล่นไว้ที่ไหนกันแน่”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วขมวดคิ้วครุ่นคิด “ตอนนั้นหลังจากเหวยเสี่ยวเป่าจากไปแล้ว เจ้าบอกว่าให้พวกเราคุยไปกินไป ข้าจึงเก็บของเข้ากระเป๋าไปแล้ว แล้วในระหว่างนั้นก็ไม่ได้หยิบออกมาดูอีกเลย เมื่อครู่ตอนคิดจะนำของออกมาให้ทุกคนดูค่าสเตตัสแล้วปรึกษากันว่าจะจัดการอย่างไร ถึงได้พบว่าของไม่อยู่แล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้น ถังซานไฉ่ก็พลันเอ่ยว่า “หากข้าเดาไม่ผิด มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นทักษะการขโมย”
“ทักษะการขโมย?” สะพานสวรรค์น้อยที่อยู่ข้างกันอดถามอย่างสงสัยไม่ได้ว่า “นั่นเป็นทักษะอะไรกัน เป็นทักษะที่มีไว้ขโมยของโดยเฉพาะอย่างนั้นหรือ ในยุทธภพมีสำนักอย่างนี้อยู่ด้วยหรือ”
ถังซานไฉ่แบมือยักไหล่ “ข้าไม่แน่ใจว่าในยุทธภพมีสำนักอย่างนี้อยู่หรือเปล่า แต่ในเกมออนไลน์ที่ข้าเคยเล่นเมื่อก่อนมีทักษะอย่างนี้อยู่จริง ยิ่งไปกว่านั้น ในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ นี้ แม้แต่สำนักจับโจรอย่างสำนักมือปราบเทพของพวกเจ้ายังมีเลย หากมีสำนักหรือทักษะที่สอนคนให้เป็นโจร ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลมากไม่ใช่หรือ”
“หากเป็นอย่างนี้…” เยี่ยเว่ยหมิงขมวดคิ้วพึมพำ “อย่าบอกนะว่าเป็นวั่งเหยียน จะว่าไปแล้ว ระหว่างทางที่กลับมา ก็มีเพียงเขาที่เคยสัมผัสตัวข้า”
“ต้องเป็นเขาไม่ผิดแน่!” คนที่พูดก็คือซานเย่ว์
สายตาของทุกคนมองไปที่ตัวนางพร้อมกัน แต่กลับได้ยินนางพูดต่อว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าหมอนั่นถูกอาหมิงชนกระเด็น แล้วหลังจากนั้นพวกเจ้าก็สนทนากัน ตอนนั้นอาหมิงตะโกนเรียกชื่อเขาก่อน แล้วเขาตอบว่า ‘บังเอิญจริงๆ’ คำตอบแบบนี้เดิมก็ไม่มีอะไรแปลกหรอก แต่ทักษะของข้ากลับแจ้งเตือนว่าเขากำลังโกหก”
หลังจากถอนหายใจอย่างจนใจเฮือกหนึ่ง ซานเย่ว์ก็พูดต่ออย่างกลัดกลุ้มว่า “ตอนนั้นข้าเพียงรู้สึกแปลก แต่กลับไม่ได้สนใจเท่าไรนัก ถึงอย่างไรไม่ว่าประโยคนี้จะจริงหรือเท็จก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว แล้วข้าก็ไม่ควรไปยุ่งเรื่องคนอื่นด้วย พอมาคิดดูตอนนี้ ข้ากลัวว่าเขาจะไม่ได้บังเอิญชนอาหมิง แต่รอพวกเราอยู่นานแล้ว”
“จะว่าไปแล้ว ข้าก็ยังคิดไม่ตกกับคำถามนี้” แม้แต่สะพานสวรรค์น้อยที่ค่อนข้างไร้เดียงสาก็ค้นพบจุดที่ไม่สมเหตุสมผลเช่นกัน “ตามหลักแล้ว เจ้าคนที่ชื่อวั่งเหยียนนั่นไม่น่าจะรู้เส้นทางของพวกเราสิ นอกเสียจากเขาจะมีทักษะพิเศษคล้ายเฟยอวี๋ อย่างน้อยเขาก็ไม่น่าจะรู้เรื่องกระบี่จินสยา”
“สิ่งนี้อธิบายได้ง่ายมาก”
ตอนนี้สายตาของเยี่ยเว่ยหมิงเปลี่ยนเป็นฉายประกายแล้ว “พวกเราคงจะจำได้ว่าก่อนเข้าโรงเตี๊ยมซานชวี ข้าได้ส่งข้อความหาใครบางคน คนที่ข้าคุยด้วยย่อมไม่ใช่วั่งเหยียนคนนี้อยู่แล้ว ข้ากับเขาเคยพบหน้ากันครั้งเดียวเท่านั้น นับว่าเป็นเพียงคนรู้จักกัน แต่คนที่คุยกับข้าตอนนั้นกลับเอ่ยถึงวั่งเหยียนคนนี้พอดี”
หลังจากเงียบไปครู่เดียว เขาก็กล่าวเสริมอีกว่า “ยิ่งไปกว่านั้น หากข้าเดาไม่ผิด เป้าหมายที่แท้จริงของเขาก็ไม่ใช่กระบี่จินสยาเช่นกัน แต่เป็นของอีกอย่างบนตัวข้า ตอนนั้นสหายอีกคนของข้า…”
พอพูดถึงตรงนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็มองซานเย่ว์แวบหนึ่ง แล้วบอกอีกว่า “สหายคนนั้นของข้าก็คือหนิวจื้อชุนศิษย์สำนักฉวนเจิน ซานเย่ว์ เจ้าก็รู้จักเขา หนิวจื้อชุนบอกว่าวั่งเหยียนเตรียมจะจ่ายเงินซื้อของชิ้นนี้ไปในราคาห้าสิบเหรียญทองผ่านทางเขา”
ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็ส่งลิงก์ไอเทม ‘กระสอบข้าวแสนสาหัส’ ไปในช่องทีม “พวกเจ้าก็เห็นแล้วเช่นกันว่าของสิ่งนี้นำมาซื้อขายไม่ได้ ข้าจึงไม่ได้ขาย แต่ข้าประเมินความหมกมุ่นที่เขามีต่อของสิ่งนี้ต่ำไป ในเมื่อซื้อขายไม่สำเร็จ ไม่น่าเชื่อว่าจะเปลี่ยนเป็นขโมยแทน”
ทุกคนได้ยินแล้วพากันพยักหน้า ในเกมนี้มีของพิเศษมากมาย บางทีรอจนยานอวกาศไปถึงที่หมายแล้ว ก็อาจจะยังไม่ค้นพบวิธีใช้งานของมันด้วยซ้ำ แต่เมื่อเจ้าต้องการของสิ่งนี้เมื่อไร ก็มักจะแสดงว่ามันจะนำผลประโยชน์มาสู่เจ้าอย่างเหนือจินตนาการ
ขณะที่คุยกันไปสองสามประโยค คดีขโมยของอันลึกลับซับซ้อนนี้ก็ถูกเผยความจริงให้กระจ่างแล้ว
ปัญหาเดียวในตอนนี้ก็คือ จะไปตามหาเจ้าหัวขโมยที่ชื่อวั่งเหยียนนั่นอย่างไร
ดังนั้น ทุกคนจึงหันหน้าไปมองเฟยอวี๋พร้อมกัน
เฟยอวี๋เองก็ไม่ได้ทำให้ทุกคนผิดหวัง บอกทันทีว่า “เขาซี่จ้าว ดันเจี้ยนวังใต้ดิน เจดีย์เหลยเฟิง”
เมื่อเอ่ยถึงดันเจี้ยนวังใต้ดินของเจดีย์เหลยเฟิง เยี่ยเว่ยหมิงกับถังซานไฉ่ก็สบตากันโดยไม่รู้ตัว ถึงอย่างไรเรื่องในครั้งนั้นก็ทำให้ยอดฝีมือในเกมสองคนนี้เจอกันเป็นครั้งแรก จึงจดจำได้อย่างลึกซึ้ง
ทุกคนอยู่ในเกมมาได้ระยะหนึ่งแล้วโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ไม่ต้องถามเลย ทุกคนจินตนาการได้ว่าหลังจากคนคนหนึ่งได้อุปกรณ์คุณภาพสูงสุดไปแล้ว จะต้องอยากหาสถานที่ทดลองประสิทธิภาพของมันแน่นอน
ที่ดันเจี้ยนวังใต้ดินในเจดีย์เหลยเฟิง BOSS เลเวลสูงสุดเป็นเพียงนักดาบเลเวลสิบห้าเท่านั้น สำหรับผู้เล่นที่มีฝีมือธรรมดาทั่วไป นั่นนับว่าเป็นสถานที่ทดลองใช้กระบี่ที่ไม่เลวเลย
หลังจากมองสุราอาหารที่วางสมบูรณ์เต็มโต๊ะครู่หนึ่ง สะพานสวรรค์น้อยก็ถามอย่างค่อนข้างจนใจว่า “ตอนนี้พวกเราจะไปดักรอหน้าดันเจี้ยนเลย หรือจะกินอาหารก่อน”
“เรื่องนี้ชักช้าไม่ได้ พวกเราแยกกันเคลื่อนไหว” เยี่ยเว่ยหมิงตัดสินใจทันที เป็นการตัดสินใจที่ทำให้สะพานสวรรค์น้อยผิดหวังมาก จากนั้นก็หันไปทางนอกห้องเดี่ยวแล้วตะโกนว่า “พนักงาน ห่อให้ด้วย!”
……
เขาซี่จ้าว นอกเจดีย์เหลยเฟิง
วั่งเหยียนเดินออกจากดันเจี้ยนอย่างชุ่มฉ่ำหัวใจ บนใบหน้าเผยรอยยิ้มเปี่ยมสุข
เดิมทีวันนี้เขาเตรียมจะใช้มือเปล่าจอมฉกของเขาขโมย ‘กระสอบข้าวแสนสาหัส’ บนตัวเยี่ยเว่ยหมิง แต่กลับนึกไม่ถึงว่า ‘ตั้งใจปลูกดอกไม้แต่ดอกไม้ไม่บาน ไม่ตั้งใจปักกิ่งหลิว แต่กิ่งหลิวกลับเติบโตให้ร่มเย็น[1]’ ฉกไม่ได้กระสอบข้าว กลับได้กระบี่วิเศษคุณภาพทองคำที่ค่าสเตตัสยอดเยี่ยมมาแทน!
เมื่อมีกระบี่วิเศษเล่มนี้แล้ว ก็ทำให้ความสามารถของเขาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งเท่าในชั่วพริบตาเดียว!
วังใต้ดินของเจดีย์เหลยเฟิงที่ก่อนหน้านี้บุกเดี่ยวฆ่ามอนสเตอร์แล้วเปลืองแรง ตอนนี้ถูกเขาบุกสังหารตลอดทางราวกับฟันแตงหั่นผัก
นึกไม่ถึงจริงๆ ว่าบนตัวเยี่ยเว่ยหมิงจะมีของดีมากมายขนาดนั้น
แค่มูลค่าของกระบี่วิเศษเล่มนี้อย่างเดียว ก็สูงกว่าค่าตอบแทนที่เจ้าอ้วนชนะฟ้าให้สัญญาไว้ตั้งเยอะแล้ว!
โชคดีที่ก่อนหน้านี้หนิวจื้อชุนไม่ได้ระวังตัว พลั้งปากบอกข้าว่าเยี่ยเว่ยหมิงทำภารกิจอยู่ที่หมู่บ้านหนิวเจีย ไม่อย่างนั้นหากอยากจะหาตัวเขาให้พบก็ไม่ง่ายเลยจริงๆ
สงสัยต้องจับตาดูเยี่ยเว่ยหมิงให้มากๆ หน่อย ไม่ว่าจะเป็นกระสอบข้าวหรืออุปกรณ์คุณภาพสูงสุด ได้เพิ่มอีกชิ้นก็ถือว่าได้กำไรอีกชิ้น
ตอนที่วั่งเหยียนคิดในใจ กำลังตัดสินใจว่าหลังจากนี้จะให้การต้อนรับเยี่ยเว่ยหมิงบ่อยๆ ทันใดนั้นกลับมีเสียงของคนแปลกหน้าดังขึ้นขัดจังหวะความคิดของเขา “หึหึ หัวขโมยวั่งเหยียน ในที่สุดเจ้าก็โผล่หัวออกมาจากดันเจี้ยนแล้ว”
[1] ตั้งใจปลูกดอกไม้แต่ดอกไม้ไม่บาน ไม่ตั้งใจปักกิ่งหลิว แต่กิ่งหลิวกลับเติบโตให้ร่มเย็น 有心栽花花不开 无心插柳柳成荫 หมายถึง บางครั้งทำสิ่งใดอย่างตั้งใจหวังผลกลับไม่ได้ผลตามคาด แต่บางครั้งทำบางอย่างโดยไม่ตั้งใจไม่หวังผลกลับได้ผลเกินคาด