ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 144 วิธีการของเยี่ยเว่ยหมิง (2)
ตอนที่ 144 วิธีการของเยี่ยเว่ยหมิง (2)
หากพูดโดยยืนอยู่ในมุมของผู้เล่น ปัญหาก็เรียบง่ายยิ่งกว่าเดิมแล้ว
บรรดาผู้เล่นที่อยู่ในเกมกำลังเสาะหาอะไร
ความสามารถ ทักษะยุทธ์ อุปกรณ์ ทักษะ…นับไปนับมา ก็ไม่มีอะไรนอกเหนือจากนี้
ส่วนผลประโยชน์ของสำนักน่ะหรือ
นั่นก็คือของเล่นอะไร เพิ่มค่าสเตตัสได้หรือเปล่า
ในเมื่อทำไม่ได้ พวกผู้เล่นก็ย่อมไม่สนใจอยู่แล้ว
หลังจากมอบตัวแล้ว ขอเพียงพวกเขารายงานปัญหาอย่างชัดเจน ก็จะได้รับเงินสด 100 เหรียญทองแล้ว! ราคาที่เขาต้องจ่าย ก็แค่ติดคุกไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้นเอง
ในเวลาไม่กี่ชั่วโมงนี้ จะหาเงินได้ถึง 100 เหรียญทองเชียวหรือ
ถ้ามองจากทั้งเกม จะมีสักกี่คนที่กล้าบอกว่าตัวเองทำได้
แน่นอน ถ้าผู้เล่นที่เข้าร่วมภารกิจฉลาดมากพอ เขาจะต้องคิดได้ว่าเรื่องนี้อาจทำให้สูญเสียความเชื่อใจจากอวี๋ชางไห่ จะทำให้ค่าความรู้สึกดีลดลงเยอะมาก
แต่ก็เช่นเดียวกัน หากผู้เล่นฉลาดมากพอ จากข้อความของเยี่ยเว่ยหมิงกับสิ่งที่อวี๋ชางไห่ทำก่อนหน้านี้ ก็จะได้ข้อสรุปอันน่าตกใจแน่นอน
อวี๋ชางไห่ต้องตายแน่!
ในเมื่อจะต้องตายแล้ว ค่าความรู้สึกดีของเขายังจะมีประโยชน์อะไรอีก
อย่างมากก็รอให้สำนักชิงเฉิงเปลี่ยนเจ้าสำนักคนใหม่ แล้วค่อยเรียกค่าความรู้สึกดีกลับมาอีกครั้งก็ได้
ถึงอย่างไรก็มีความเป็นไปได้สูงว่าผู้เล่นที่เข้าร่วมภารกิจประเภทนี้จะไม่ได้มีแค่คนสองคน ผลประโยชน์นี้ถ้าเจ้าไม่เอาคนอื่นก็เอา ถึงตอนนั้นอวี๋ชางไห่ก็ยังต้องตายเหมือนเดิม
ในเมื่อการแก้ปัญหาถูกกำหนดไว้แล้ว ทำไมไม่นำผลประโยชน์เพียงอย่างเดียวมาไว้ในมือตัวเองเสียเลยล่ะ
หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงเล่าทฤษฎีของตัวเองให้พวกเขาฟังคร่าวๆ รอบหนึ่ง สหายสี่คนนี้ก็ตะลึงค้างไปเลย!
ถ้าวิเคราะห์ตามทฤษฎีของเขา ภารกิจนี้ของเฟยอวี๋ต้องใช้เงินถึงจะสำเร็จ
ต่อให้ไม่สำเร็จ แต่การทุ่มค่าโฆษณายี่สิบเหรียญทองก็ไม่ขาดทุนแน่นอน!
อย่างน้อยจากเรื่องนี้ก็วิเคราะห์สิ่งที่น่าสนใจได้มากมาย และสิ่งเหล่านนี้หากนำมาจัดระเบียบความคิดให้ชัดเจน ก็จะมีประโยชน์ต่อประสบการณ์การเล่นเกมไม่รู้จบ!
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้…” เฟยอวี๋ที่เห็นด้วยกับข้อเสนอของเยี่ยเว่ยหมิงก็บอกทันทีว่า “ข้าก็จะเปิดโหมดจ่ายเงินตอนใช้ทักษะสืบเสาะหมื่นลี้ แล้วจับตำแหน่งของวั่งเหยียนนั่น”
“ตอนนี้ยังไม่ต้องใช้ ที่จริงตำแหน่งของเขาตอนนี้ ไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะสืบเสาะหมื่นลี้ของเจ้าข้าก็รู้แล้ว” เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มบางๆ จากนั้นถามกลับว่า “ลองเปลี่ยนมุมมองความคิด ตอนที่เจ้าถูกไล่สังหารจนเริ่มตั้งคำถามกับชีวิต แล้วต้องเลือกสถานที่คืนชีพสักแห่ง เจ้าจะเลือกไปคืนชีพที่ไหน”
“ก็ย่อมเป็นสำนักมือปราบเทพอยู่แล้ว!” หลังจากให้คำตอบโดยไม่ต้องตรึกตรองก่อน เฟยอวี๋ก็อดกล่าวอย่างจนใจไม่ได้ “ดูท่าแล้ว ตอนนี้พวกเราคงยังทำอะไรเขาไม่ได้”
การดักสังหารผู้เล่นสำนักหัวซานสักคนตรงจุดคืนชีพสำนักหัวซาน ฉากนี้แค่คิดก็ยังรู้สึกว่างดงามเกินไป ไม่ใช่สิ่งที่คนฉลาดจะทำได้แน่นอน
เพราะถ้าไม่ระวัง ก็จะถูกผู้เล่น + NPC ของอีกฝ่ายดักสังหารคืนตรงจุดคืนชีพสามรอบ
“ที่จริงก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะหลบอยู่ในสำนักตลอดไปโดยไม่ออกมา” เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มอย่างมั่นใจในตัวเอง “พวกเรากลับสำนักมือปราบเทพ จัดการภารกิจของเจ้าให้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยถือโอกาสเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ต่างๆ จากภารกิจก่อนหน้านี้ ขณะเดียวกันก็ต้องทำให้วั่งเหยียนนั่นคลายความระมัดระวังตัวด้วย”
“หลังจากพวกเราจัดการเรื่องต่างๆ ในมือสำเร็จแล้ว พวกเราค่อยถือโอกาสรับภารกิจไล่สังหารอะไรสักอย่าง ถึงตอนนั้นเจ้าก็เปิดใช้วิธีการลับของทักษะสืบเสาะหมื่นลี้ ไล่สังหารต่อไป!”
เมื่อเยี่ยเว่ยหมิงเปิดเผยความคิดของตัวเองออกมา สหายอีกสี่คนก็ฟังจนของพองสยองเกล้าอยู่พักหนึ่ง
วิธีการที่เจ้าหมอนี่ใช้รับมือกับศัตรู ช่างไร้คุณธรรมเกินไปจริงๆ!
หากรับภารกิจไล่จับก่อน จากนั้นค่อย PK กับอีกฝ่าย ก็จะเปิดใช้โหมดปกป้องตัวเองของผู้เล่นสำนักมือปราบเทพได้ เมื่อระบบตัดสินได้ว่าอีกฝ่ายเริ่มโจมตีก่อน ก็จะให้อีกฝ่ายไปคืนชีพในคุกใหญ่ของสำนักมือปราบเทพด้วยข้อหาขัดขวางงานราชการและโจมตีขุนนางที่กำลังปฏิบัติหน้าที่
ขณะเดียวกันก็ต้องถูกลงโทษอยู่ในคุกเป็นเวลาอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง!
และในเวลาหนึ่งชั่วโมงนี้ ก็จะหลีกเลี่ยงการตั้งค่าป้องกันของระบบ ‘ผู้เล่นตายต่อเนื่องสามครั้งภายในหนึ่งชั่วโมง จะเลือกจุดคืนชีพเองได้อย่างอิสระ’ ได้อย่างเห็นผล
เมื่อถึงเวลานั้น ขอเพียงพวกเขาสามคนผลัดกันจัดการเขา ก็จะขังเขาไว้ในคุกใหญ่ไม่ให้ออกมาเห็นเดือนเห็นตะวันได้อีกตลอดไป
หากเขาไม่ยอมแพ้ ก็เลิกคิดไปได้เลยว่าจะได้ออกจากคุกใหญ่ของสำนักมือปราบเทพ!
ร้ายกาจเกินไปแล้ว!
ไร้คุณธรรมเกินไปแล้ว!
แต่ข้าก็ชอบ!
หึ หึ หึ หึ…
“เอ่อ คือ” อาจเพราะปรับตัวกับบรรยากาศมากเล่ห์เพทุบายอย่างนี้ไม่ได้ ถังซานไฉ่กระแอมหนึ่งทีแล้วบอกว่า “ในเมื่อตรงนี้ไม่มีธุระของข้าแล้ว เช่นนั้นข้ากลับสำนักก่อนดีกว่า”
“ตอนได้ฟังสหายเยี่ยวิเคราะห์จากมุมมองของจิตใจนักออกแบบเกมกับจิตใจผู้เล่น ทำให้ข้าได้เบิกเนตรไปแล้วไม่น้อย เตรียมจะกลับไปจัดการเรื่องบางอย่างก่อนสักหน่อย…
…รอให้ถึงเวลาที่ต้องไล่สังหารวั่งเหยียน หรือมีความต้องการอื่นๆ พวกเจ้าก็ติดต่อข้าได้ทุกเมื่อ”
ถังซานไฉ่เพิ่งจะพูดจบ สะพานสวรรค์น้อยก็รีบบอกว่า “ภารกิจครั้งนี้ก็ทำให้ข้าได้รับสิ่งต่างๆ ไม่น้อยเลย ข้าเตรียมจะกลับไปยื่นขอเตียงหยกเย็นเพื่อเก็บตัวฝึกวิชาสักสองสามวัน เพิ่มความสามารถให้ได้ก่อน”
แม้ปากนางจะกล่าวเช่นนี้ แต่ความจริงทุกคนต่างก็เข้าใจว่านางเพียงกระดากเช่นสตรีคนหนึ่ง ไม่อยากกระตือรือร้นกับเรื่องของกระบี่จินสยามากเกินไป
อย่างไรเสีย ไม่ว่าใครก็มองออกทั้งนั้นว่าผู้ที่ต้องการใช้กระบี่เล่มนี้มากที่สุดก็คือนาง
สหายร่วมทีมนอกสำนักทยอยกันกลับไป ส่วนพวกเยี่ยเว่ยหมิงก็นั่งรถม้ากลับเมืองเปี้ยนเหลียงโดยตรง
ผลปรากฏว่าตอนเพิ่งมาถึงประตูใหญ่ของสำนักมือปราบเทพ ก็เห็นเนี่ยนเสียวเหนี่ยน ผู้เล่นสำนักชิงเฉิงคนหนึ่งที่บอกว่าตัวเองเกี่ยวข้องกับภารกิจของ ‘สำนักคุ้มภัยฝูเวย’ มามอบตัว
จากนั้นภารกิจของเฟยอวี๋ก็สำเร็จแล้ว
ต่อมาซานเย่ว์ก็ได้รับภารกิจสอบสวน
แน่นอนว่าโหยวจิ้นเรียกพวกเขาสามคนเข้าไปบ่นทั้งเรื่องที่มีประโยชน์และไร้ประโยชน์ในห้องทำงานก่อน พอบ่นเสร็จแล้วถึงแจกภารกิจเหล่านี้ให้
สุดท้ายโหยวจิ้นก็ไม่ลืมกำชับว่า “ช่วงนี้สำนักมือปราบเทพอาจจะมีการเคลื่อนไหวใหญ่ ในหลายวันต่อจากนี้ พวกเจ้าอย่าออกไปทำภารกิจที่ต้องใช้เวลานาน ตั้งใจย่อยสิ่งที่ได้รับมาให้ดี ทำให้ความสามารถของตัวเองแข็งแกร่งมั่นคง นี่ต่างหากคือเรื่องที่ถูกต้อง เว่ยหมิง ซานเย่ว์ พวกเจ้าสองคนออกไปก่อน เฟยอวี๋อยู่ต่อ”
หลังจากทั้งสองออกไปแล้ว โหยวจิ้นก็พลันลืมตา “ในฐานะมือปราบคนหนึ่งของสำนักมือปราบเทพ เจ้าดูสภาพตัวเองสักหน่อย แต่งตัวเป็นอะไรไปแล้ว”
……
ตอนออกจากหอหน้ากากเหล็ก เยี่ยเว่ยหมิงบอกกับซานเย่ว์ที่อยู่ข้างกายว่า “ภารกิจสอบสวนเนี่ยนเสียวเหนี่ยน เจ้าคงไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหม”
“ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว!” ซานเย่ว์ยืดอก กล่าวอย่างทะนงตัว “เดิมทีเขาก็มาเพื่อมอบตัวอยู่แล้ว ไม่มีทางปิดปากเงียบเหมือนหลินผิงจือตอนแรกหรอก ขอเพียงเขายอมพูด ทักษะของข้าก็แยกแยะจริงเท็จได้”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า “เช่นนั้นข้าก็วางใจแล้ว เจ้าสู้ๆ นะ ข้าจะกลับห้องไปนับสิ่งที่ได้จากภารกิจครั้งนี้สักหน่อย ไม่อยู่เป็นเพื่อนเจ้าแล้ว”
พอเริ่มนับก็พบว่า นอกจากตำราลับตระหนักรู้สามเล่มที่ได้จากการเก็บศพเหยียนจี ก็ยังมี ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ ที่ได้จากหวงเย่าซือก่อนหน้านี้อีก เขาต้องจัดเรียงสิ่งที่ได้มาเหล่านี้อย่างตั้งใจจริงๆ
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ
ประเด็นสำคัญก็คือ หลังจากทำภารกิจสังหารเหยียนจีและภารกิจจับเป็นชวีหลิงเฟิงสำเร็จอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดค่าตบะก็เพียงพอสำหรับเพิ่ม ‘เคล็ดชำระปราณ’ ให้ถึงเลเวลสิบซึ่งเป็นระดับสมบูรณ์แล้ว!
หลังจากฝึก ‘เคล็ดชำระปราณ’ จนถึงเลเวลสิบที่เป็นระดับสมบูรณ์แล้ว ก็เติมเต็มเงื่อนไขจำเป็นข้อสุดท้ายของการฝึกกำลังภายในระดับสูงอย่าง ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ !