ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 158 เริ่มปฏิบัติการ
ตอนที่ 158 เริ่มปฏิบัติการ
“เต๋าที่อธิบายได้นั้น ไม่ใช่เต๋าแท้ เต๋าคือธรรมชาติ ท่ามกลางสรรพสิ่งบนโลกนี้ ไม่มีสิ่งใดไม่แฝงสัจธรรม…”
ขณะกำลังฟังจางซานเฟิงเทศนาธรรม ในหัวเยี่ยเว่ยหมิงกลับเหมือนมีภาพวิทยายุทธ์ที่ตัวเองเคยเรียนลอยขึ้นมา พิสูจน์กับมหามรรคาฟ้าดินที่จางซานเฟิงกล่าวทีละอย่าง รู้สึกได้รับประโยชน์มากมาย
ในระหว่างนั้น วิทยายุทธ์สองวิชาอย่าง ‘คัมภีร์หลอมกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น’ กับ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ได้รับประโยชน์มากที่สุด!
[ติ๊ง! คุณตั้งใจฟังนักพรตจางซานเฟิงแห่งอู่ตังแสดงธรรม เลเวลกฎเต๋าเพิ่มหนึ่งเลเวล]
[ติ๊ง! คุณตั้งใจฟังนักพรตจางซานเฟิงแห่งอู่ตังแสดงธรรม ด้วยการเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน ทำให้ตระหนักรู้ถึง ‘คัมภีร์หลอมกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น’ ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ได้รับค่าประสบการณ์ ‘คัมภีร์หลอมกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น’ 1000 แต้ม!]
[ติ๊ง! คุณตั้งใจฟังนักพรตจางซานเฟิงแห่งอู่ตังแสดงธรรม ด้วยการเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน ทำให้ตระหนักรู้ถึง ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ได้รับค่าประสบการณ์ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ 1000 แต้ม!]
[ติ๊ง! คุณตั้งใจฟัง…]
……
ภายในเวลาอันสั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่รู้เช่นกันว่าตัวเองได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบไปมากเท่าไรกันแน่
เนื่องจากเขาไม่ได้สนใจเลย และไม่ได้นับเช่นกัน
ความคิดของเขาตอนนี้ถูกดึงดูดด้วยมหามรรคาฟ้าดินจากปากจางซานเฟิงอย่างล้ำลึก ถอนตัวไม่ขึ้น!
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร ในที่สุดการแสดงธรรมของจางซานเฟิงก็จบลง แต่ความคิดของเยี่ยเว่ยหมิงกลับยังจมลึกอยู่ในนั้น ดื่มด่ำกับหลักการที่เหมือนจะฟังเข้าใจแต่ก็ไม่เข้าใจ
“ตื่นขึ้นมา!”
“หา!” เสียงตะคอกที่ดังขึ้นกะทันหัน ปลุกเยี่ยเว่ยหมิงให้ตื่นขึ้นจากสภาวะประหลาดที่ให้คำนิยามได้ยาก
“หา…” ในขณะเดียวกันนี้เอง อินปู้คุยก็ตกใจจนเขย่าศีรษะตัวเองเช่นกัน ตื่นขึ้นมาจากการหลับฝันแล้ว
ขณะมองเด็กหนุ่มสองคนที่แสดงออกต่างกันโดยสิ้นเชิง จางซานเฟิงส่ายหน้าอย่างจนใจ จากนั้นโบกมือ “การแสดงธรรมจบลงแล้ว พวกเจ้าลงไปเถอะ”
“น้อมรับคำสั่ง อาจารย์ปู่”
“ขอรับ นักพรตจาง”
หลังจากออกจากวิหารเจินอู่พร้อมกัน ความรู้สึกเกียจคร้านเหมือนง่วงนอนก่อนหน้านี้ของอินปู้คุยก็หายไป มองเยี่ยเว่ยหมิงด้วยตาเป็นประกายพร้อมอวดว่า “สหายเยี่ย เมื่อครู่นี้เจ้าได้รับประโยชน์อะไรหรือเปล่า ข้าเพียงหลับไปตื่นหนึ่ง ก็ทำให้กฎเต๋าของข้าเพิ่มขึ้นหนึ่งเลเวลแล้ว! เจ้าไม่เคยเรียนกฎเต๋ามาก่อน คาดว่าคงจะก้าวหน้าด้านอื่นสินะ”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วถามกลับอย่างนึกขัน “ใครบอกว่าข้าไม่เคยเรียนกฎเต๋ามาก่อน”
“ข้านึกว่าเจ้าไม่ใช่ศิษย์สำนักเต๋า จึงไม่ได้เปิดใช้ทักษะนี้เสียอีก” อินปู้คุยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม แล้วซักไซ้ทันทีว่า “กฎเต๋าของเจ้าเพิ่มขึ้นหนึ่งเลเวล?”
เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้า บนใบหน้าอินปู้คุยเผยความรู้สึกเหนือกว่าอย่างที่ใช้คำพูดบรรยายออกมาไม่ได้ทันที
เป็นอย่างที่คาดไว้ ยามอาจารย์ปู่แสดงธรรม ก็ยังเป็นศิษย์สำนักอู่ตังที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด!
“กฎเต๋าของข้าเพิ่มขึ้นสามเลเวล จากเลเวลหนึ่งเพิ่มถึงเลเวลสี่แล้ว ทั้งยังได้ค่าตระหนักรู้อีกสองแต้มด้วย!” เยี่ยเว่ยหมิงตอบ
“จริงหรือล้อเล่น” อินปู้คุยเบิกตากว้างราวกับตาวัวทันที “แบบนี้ไม่เหตุผลเลย กฎเต๋าของข้าเพิ่มจากเลเวลสองขึ้นไปเลเวลสามเท่านั้น นี่ไม่ใช่ปัญหาเรื่องเลเวลสักนิด”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า “ยังมีอีก กำลังภายในระดับกลางของข้าวิชาหนึ่ง เพิ่มจากเลเวลห้าไปเป็นเลเวลหก”
“บัดซบ!”
เยี่ยเว่ยหมิงพูดต่อว่า “ยังมีเคล็ดกระบี่ระดับกลางอีกวิชา แม้จะไม่ได้เพิ่มเลเวลโดยตรง แต่กลับได้รับค่าประสบการณ์ 22000 แต้ม”
“บัดซบ! บัดซบ! บัดซบ!…เดี๋ยวก่อนนะ!”
จู่ๆ ก็ตระหนักอะไรขึ้นได้ อินปู้คุยรีบซักไซ้ “เคล็ดกระบี่ระดับกลางวิชานั้นของเจ้าเลเวลเท่าไรแล้วนะ ค่าประสบการณ์สองหมื่นกว่าแต้ม ยังอัปเลเวลมันได้อีกหรือ”
เยี่ยเว่ยหมิงจับภาพ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ส่งไปให้ อินปู้คุยจึงอุทาน ‘บัดซบ’ ต่อไป
ไม่รู้พูดคำว่า ‘บัดซบ’ ไปมากเท่าไรในคราเดียว ในที่สุดอินปู้คุยก็ตัดสินใจพักก่อน เปลี่ยนมาบ่นคร่ำครวญอย่างจนใจแทนว่า “มีสิทธิ์อะไร พวกเราทำภารกิจด้วยกันแท้ๆ ฟังอาจารย์ปู่แสดงธรรมด้วยกันแท้ๆ ทำไมเจ้าได้รับประโยชน์มากมายขนาดนั้น แต่ข้ากลับได้น้อย”
“เพราะข้าตั้งใจฟังอย่างไรล่ะ ทั้งยังอนุมานเปรียบเทียบในใจ” เยี่ยเว่ยหมิงมองอินปู้คุย พร้อมขยิบตาให้อย่างใจเย็น “ส่วนเจ้า…กำลังนอนหลับ”
อินปู้คุยเงยหน้ามองฟ้าอย่างจนใจ น้ำตารินไหลโดยไร้สุ้มเสียง
หลังจากนั้นพักหนึ่ง ในที่สุดก็ส่ายหน้าอย่างหมดอารมณ์ “ข้าอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว ไม่ไปส่งสหายเยี่ยแล้ว ลาก่อน!”
……
ในขณะเดียวกันนี้เอง เฟยอวี๋ที่ทำภารกิจสลับหน้าที่เสร็จและเปลี่ยนไปใส่เครื่องแบบขุนนางที่เป็นอุปกรณ์ภายนอกแบบเดียวกับเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว ตอนนี้กำลังลงรถม้าที่หัวซาน
ท่ามกลางสายตาของศิษย์สำนักหัวซานสองฝั่ง เขาเดินมาถึงตรงหน้าโถงเจิ้งชี่อย่างรวดเร็ว แล้วตะคอกเสียงต่ำว่า “มือปราบเฟยอวี๋แห่งสำนักมือปราบ ได้รับคำสั่งจากหวงโส่วจุน ขอพบเจ้าสำนักเย่ว์แห่งหัวซาน!”
เมื่อกล่าวคำนี้ออกมา ก็ดึงดูดสายตาของบรรดาศิษย์หัวซานที่อยู่โดยรอบทันที
แต่พอนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายอาจจะมาทำภารกิจที่นี่ ก็ไม่มีใครสนใจมากเท่าไร หลังจากมองประเมินเขาศีรษะจดเท้าสองรอบ ก็แยกย้ายกันไปทำงานของตัวเองแล้ว
และในตอนนี้เอง เสียงบุรุษที่ฟังดูสุขุมนุ่มนวลก็ดังมาจากในโถง “ที่แท้ก็เป็นเจ้าหน้าที่ของราชสำนัก เชิญเข้ามาคุยกันข้างใน”
หากเป็น NPC ที่มีฐานะตำแหน่งในสำนักมือปราบจริงๆ เย่ว์ปู้ฉวินถึงกับต้องออกประตูมาต้อนรับ แต่ผู้เล่นกลับไม่ได้รับการปฏิบัติอย่างนี้ ด้วยฐานะน้องใหม่ในยุทธภพอย่างเฟยอวี๋ การที่เย่ว์ปู้ฉวินยอมให้เขาพบ ก็เป็นเพราะเห็นแก่หน้าของหวงโส่วจุน
เมื่อเข้ามาในโถง เฟยอวี๋เห็นบนตำแหน่งที่นั่งหลักมีชายหญิงคู่หนึ่ง ไม่ต้องถามก็รู้ว่าเป็นเจ้าสำนักหัวซานเย่ว์ปู้ฉวินกับหนิงจ้งเจ๋อฮูหยินของเขา
แม้จะไม่ทราบว่าเหตุใดหนิงจ้งเจ๋อจึงมีฐานะในยุทธภพสูงขนาดนั้น ถึงขั้นว่าชื่อเสียงไม่ด้อยกว่าเย่ว์ปู้ฉวินผู้เป็นสามี แต่เรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับเขา การที่เขามาที่นี่ในวันนี้ ก็พื่อมาคุยธุระกับเย่ว์ปู้ฉวิน ดังนั้น…
“เจ้าสำนักเย่ว์ ผู้น้อยบุ่มบ่ามมาในวันนี้ เพราะมีเรื่องที่เกี่ยวกับความรุ่งโรจน์และความเสื่อมโทรมของหัวซานจะคุยกับเจ้าสำนักเย่ว์เป็นการส่วนตัว ท่านว่า…”
“ฮูหยินกับข้าเป็นหนึ่งเดียวกัน นางมีสิทธ์ที่จะรู้เรื่องของหัวซาน”
“ที่จริงเรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรที่พูดไม่ได้ เช่นนั้นก็ได้!” เมื่อเห็นเย่ว์ปู้ฉวินมีท่าทีเหมือนสามีภรรยาเป็นหนึ่งเดียวกัน เฟยอวี๋ก็เข้าประเด็นทันที “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับที่อยู่ของสุดยอดวิชาของสำนักหัวซาน ข้าคิดว่าเจ้าสำนักเย่ว์กับจอมยุทธ์หญิงหนิงต้องเคยได้ยินประโยคนี้มาก่อนแน่นอน ‘ตำราลับเมฆม่วง หลักวิชาเบื้องต้น คัมภีร์ทานตะ…’”
“แค่กๆ…” ฟังไปได้ครึ่งเดียว เย่ว์ปู้ฉวินก็รีบกระแอมตัดบทเฟยอวี๋ แล้วหันมาบอกหนิงจ้งเจ๋อที่อยู่ข้างกันว่า “ฮูหยิน ช่วงนี้ทักษะยุทธ์ของซานเอ๋อร์ก้าวหน้าช้า ข้าสงสัยว่านางเกียจคร้านตอนอยู่ลับหลังข้า แต่ลูกสาวโตแล้ว ข้าเป็นบิดาไม่สมควรจับตาดูอยู่ตลอดเวลา รบกวนให้ฮูหยินดูแลให้เข้มงวดกว่านี้…”
สัญญาณลับระหว่างหนิงจ้งเจ๋อกับเย่ว์ปู้ฉวินย่อมไม่มีอะไรต้องพูดมาก นางรู้ว่าเขาไม่อยากให้ตนได้ยินบทสนทนาต่อไป จึงกล่าวขอตัวแล้วเดินออกจากโถงเจิ้งชี่ไป
เย่ว์ปู้ฉวินเห็นแล้วพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ตอนนี้ถึงได้หันกลับมาถามเฟยอวี๋ว่า “ตอนนี้เหลือเพียงข้ากับเจ้าสองคนแล้ว เมื่อครู่นี้จอมยุทธ์น้อยเฟยอวี๋อยากจะบอกอะไร”
เฟยอวี๋หัวเราะแห้ง คิดในใจว่า เยี่ยเว่ยหมิง เจ้าหมอนั่นคาดการณ์ไม่พลาดเลยสักนิด
ขณะกำลังรู้สึกสับสน เขาก็พูดตามแผนการต่อไป “ไม่ปิดบังความจริง ที่ข้ามาครั้งนี้ ก็เพื่อส่งข่าวที่แท้จริงของ ‘ตำรากระบี่พิชิตมาร’ ที่เกี่ยวข้องกับคัมภีร์ทานตะวันให้เจ้าสำนักเย่ว์ทราบ มีเพียงต้องทราบข่าวนี้เท่านั้น ถึงจะมีโอกาสได้รับ ‘ตำรากระบี่พิชิตมาร’”
“รายละเอียดข่าวเป็นอย่างไรกันแน่” เย่ว์ปู้ฉวินถาม
“เฮ้อ…” ตอนนี้เฟยอวี๋กลับถอนหายใจยาว แล้วเปลี่ยนประเด็นสนทนาอย่างไม่มีปีไม่มีขลุ่ย “ก่อนมาที่นี่ ผู้เล่นสำนักมือปราบของเราเพิ่งได้กระบี่จินสยามา แต่ระหว่างทางกลับถูกโจรขโมยไป…
…เจ้าสำนักเย่ว์ ท่านรู้หรือเปล่า ตามข่าวที่พวกเราสืบมา ผู้ที่ขโมยกระบี่นั่นไปก็คือวั่งเหยียน ผู้เล่นศิษย์สำนักหัวซาน! หากไม่ใช่เพราะสืบเรื่องนี้เองจนรู้ ผู้น้อยก็ไม่กล้าเชื่อจริงๆ ว่าในสำนักฝ่ายธรรมะที่มีชื่อเสียงระดับนี้อย่างสำนักหัวซานจะมีพวกสุนัขกับแมลงวัน[1]อยู่ด้วย…”
เย่ว์ปู้ฉวินได้ยินแล้วอึ้งทันที “มีเรื่องนี้ด้วยหรือ”
……
ในขณะเดียวกันนี้เอง วั่งเหยียนที่กำลังฝึกวิชาอยู่ในห้องฝึกวิชาของสำนักหัวซาน จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบ
[ติ๊ง! รับภารกิจชั่วคราว ‘คืนกระบี่’]
คืนกระบี่
ภายในสิบห้านาทีนี้ กรุณานำกระบี่จินสยาที่ขโมยจากมือศิษย์สำนักมือปราบไปที่โถงเจิ้งชี่ และส่งมอบให้เจ้าสำนักเย่ว์ปู้ฉวิน
ระดับภารกิจ: 2 ดาว
รางวัลภารกิจ: ค่าประสบการณ์ 1000 แต้ม ค่าตบะ 100 แต้ม
บทลงโทษของภารกิจ: ไล่ออกจากสำนัก!
เมื่อเห็นการแจ้งเตือนนี้จากระบบ วั่งเหยียนก็เหม่อไปเลย ในหัวเต็มไปด้วยสามคำถามวัดเชาว์ปัญญา
ฉันเป็นใคร
ฉันอยู่ที่ไหน
ฉันแม่งเล่นเกมบัดซบอะไรอยู่
นี่มันไม่สอดคล้องกับหลักวิทยาศาสตร์!
ฉันเคยเล่นเกมออนไลน์มาเยอะขนาดนั้น แต่แม่งเอ๊ย ไม่เคยเห็นเจ้าสำนักที่วางกับดักลูกศิษย์ตัวเองแบบนี้เลย!
[1] สุนัขกับแมลงวัน 蝇营狗苟 หมายถึง คนที่ยอมทําทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งชื่อเสียงลาภยศ