ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 160 รางวัลภารกิจที่ควรค่าแก่การพิจารณา
ตอนที่ 160 รางวัลภารกิจที่ควรค่าแก่การพิจารณา
เพื่อป้องกันไม่ให้ค่ำคืนยาวนานจนฝันมาก[1] ตอนที่ซานเย่ว์กล่าวขอบคุณจั่วเหลิ่งฉาน ก็ใช้งาน ‘ความรู้เบื้องต้นหมัดฝ่ามือ’ เล่มนี้เสียเลย ทำให้ค่าประสบการณ์ของ ‘ฝ่ามืออัสนีบาต’ เพิ่มขึ้นเยอะมาก
จากนั้นก็เหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ จู่ๆ ก็บอกจั่วเหลิ่งฉานว่า “ใช่แล้ว! มีอีกเรื่องหนึ่ง ตอนที่มาถึงข้าอยากจะบอกเจ้าสำนักจั่ว ผลปรากฏว่าเกือบลืมไป ท่านดูความจำของข้าสิ…”
จั่วเหลิ่งฉานเห็นแล้วอดถามอย่างแปลกใจไม่ได้ “แม่นางซานเย่ว์ มีเรื่องอะไรหรือ”
“ข้าได้ยินเยี่ยเว่ยหมิง ศิษย์พี่ใหญ่ในสำนักเอ่ยถึง เขาบอกว่าช่วงนี้ได้ยินข่าวลือในยุทธภพ ว่าเจ้าสำนักชิงเฉิงอวี๋ชางไห่สมคบกับสำนักฝ่ายมาร อะไรทำนองนั้น” ขณะที่พูด ซานเย่ว์ก็ใช้นิ้วแตะปากเล็กน้อย ทำท่าเหมือนไม่แน่ใจ แล้วพูดต่อว่า “รายละเอียดข้าก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก เหมือนจะพูดไว้อย่างนี้กระมัง”
ดวงตาพยัคฆ์ของจั่วเหลิ่งฉานเป็นประกายทันที “แม่นางซานเย่ว์มีหลักฐานหรือไม่”
“ไม่มีหรอก” ซานเย่ว์ตอบอย่างตรงไปตรงมามาก ไม่พูดไร้สาระแม้แต่น้อย “ข้าเพียงได้ยินอาหมิงพูดถึง มิหนำซ้ำเขาเองก็บังเอิญได้ยินระหว่างทางด้วย จะมีหลักฐานได้อย่างไร”
จั่วเหลิ่งฉานหลุดขำ “การทำงานของสำนักมือปราบ ไม่ใช่ว่าให้ความสำคัญกับหลักฐานหรอกหรือ”
“ปัญหาก็คือพวกเราไม่ได้มีหน้าที่ดูแลเรื่องนี้น่ะสิ” ซานเย่ว์เรียกได้ว่าตอบอย่างมีเหตุผล “สำนักมือปราบของพวกเราเป็นหน่วยงานบังคับใช้กฏหมายของราชสำนัก ดูแลเพียงว่าในยุทธภพมีใครทำผิดกฏหมายบ้านเมืองหรือไม่…
…ส่วนใครจะคบหาเป็นสหายกับใคร เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในขอบเขตที่กฎหมายแคว้นควบคุม ดังนั้นพวกเราจึงไม่สนใจ และไม่มีเหตุผลให้ไปตรวจสอบผู้อื่นด้วย ถูกไหมล่ะ”
จั่วเหลิ่งฉานได้ยินแล้วหัวเราะลั่น “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เป็นจั่วผู้นี้ที่บุ่มบ่ามไป แม่นางซานเย่ว์…บลาๆๆๆ”
ตอนที่จั่วเหลิ่งฉานกับซานเย่ว์กำลังพูดคุยเรื่อยเปื่อยเรื่องกลยุทธ์สี่ดาบ ผู้เล่นทุกคนของสำนักซงซานใน ‘เกมวีรบุรุษนิรันดร์กาล’ กลับได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบพร้อมกัน
[ติ๊ง! รับภารกิจชั่วคราว ‘รวบรวมหลักฐาน’]
รวบรวมหลักฐาน
รวบรวมหลักฐานว่าสำนักชิงเฉิงสมคบกับพรรคฝ่ายมาร
ระดับภารกิจ: 2 ดาว
รางวัลภารกิจ: มอบรางวัลตามความสำคัญและความสมจริงของหลักฐาน (หมายเหตุ: ภารกิจนี้มอบหมายให้ผู้เล่นทุกคนของสำนักซงซาน รางวัลมากมาย ผู้ที่รวบรวมหลักฐานที่มีมูลค่าสูงสุดได้ภายในเวลาสิบวัน จะได้รางวัลเป็นเคล็ดฝ่ามือระดับสูง ‘ฝ่ามือต้าซงหยาง’ หรือเคล็ดกระบี่ระดับสูง ‘กระบี่อู่สือเอ้อร์’ เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง!)
ผู้เล่นเขาซงซานบางส่วนที่ไหวตัวเร็ว ทันทีที่ได้รับภารกิจ นอกจากตกตะลึงแล้ว ที่มากกว่านั้นกลับรู้สึกฉงนสนเท่ห์
ภารกิจนี้หากครุ่นคิดดีๆ…
ก็ควรค่าแก่การพิจารณาอยู่นะ!
……
เมืองเปี้ยนจิง โรงเตี๊ยมเย่ว์ไหล ในห้องเดี่ยวที่เงียบสงบและตกแต่งอย่างประณีต
ข้างโต๊ะอาหารมีหนุ่มสาวห้าคนนั่งอยู่ พวกเขาคือเยี่ยเว่ยหมิง เฟยอวี๋ ซานเย่ว์ สามศิษย์สำนักมือปราบ รวมทั้งผู้ช่วยนอกสำนักมือปราบอีกสองคน ถังซานไฉ่ ยอดฝีมือด้านถูกฝังพร้อมศพแห่งสำนักถังเหมิน สะพานสวรรค์คริสตัล ศิษย์พี่หญิงแห่งสำนักสุสานโบราณ
บนโต๊ะจัดวางอาหารรายการต่างๆ ไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย มีทั้งกระเพาะวัว เนื้อย่าง ปลาผัด หมูสันนอกผัดจิ๊กโฉ่ว ซี่โครงย่าง ไข่เยี่ยวม้าดอกสน รากบัวชุบแป้งทอด แมงกะพรุนยำสไบนาง อาหารจานเย็นสี่อย่าง อาหารจานร้อนสี่อย่าง กระบี่จินสยาวางตรงกลาง
ขณะมองกระบี่จินสยาที่กลับคืนสู่เจ้าของเดิมแล้ว ทุกคนก็รู้สึกทอดถอนใจเป็นอย่างมาก
พันหมื่นวาจาสรุปได้ประโยคเดียว
“ประมูลขาย เสนอราคา!”
“ข้ายอมแพ้!” เฟยอวี๋แสดงท่าทีเป็นคนแรก ในฐานะที่เป็นนักดาบ ความจำเป็นของเขาที่ต้องใช้กระบี่วิเศษเป็นศูนย์ ต่อให้ในอนาคตจะฝึกวิชาอื่นควบคู่กัน แต่ก็ได้เพียงวิทยายุทธ์หมัดมวย อาวุธลับที่ไม่ขัดกับวิชาดาบเท่านั้น
ส่วนเคล็ดกระบี่?
ไม่ได้อยู่ในขอบเขตการพิจารณา!
“ข้าเองก็ยอมแพ้เช่นกัน!” เหตุผลของซานเย่ว์คล้ายกับเฟยอวี๋ ไม่พูดซ้ำอีก
พวกเขาสองคนล้วนไม่ต้องการกระบี่ ได้แต่รอแบ่งผลกำไร ทุกคนต่างรู้อยู่แก่ใจ ว่าต่อไปก็ขึ้นอยู่กับการแข่งขันด้านกำลังทรัพย์ของยอดฝีมือกระบี่สามคนตรงนี้แล้ว
ทั้งสามมองหน้ากันไปมองหน้ากันมา ผ่านไปนานก็ยังไม่มีใครพูดอะไร
จนกระทั่งซานเย่ว์เริ่มอดทนรอไม่ไหว จึงใช้ข้อศอกสะกิดแขนสะพานสวรรค์น้อยเบาๆ อีกฝ่ายถึงได้เหมือนตื่นขึ้นจากฝัน แล้วกล่าวอย่างเก้อเขินเล็กน้อยว่า “อาวุธประเภทกระบี่มีปริมาณความต้องการสูงมากในตลาด ราคาก็สูงสุดในบรรดาอาวุธระดับเดียวกัน…
…ด้วยค่าสเตตัสของกระบี่จินสยาเล่มนี้ บวกกับมูลค่าเพิ่มเติมจากรูปลักษณ์ภายนอก หากนำไปประมูลขาย ราคาซื้อขายสุดท้ายก็จะประมาณเจ็ดร้อยห้าสิบเหรียญทอง…
…ต่อให้หักค่าใช้จ่ายในการประมูลขาย ก็ราคาประมาณเจ็ดร้อยสิบสองเหรียญทอง ห้าสิบเหรียญทองแดง”
ดูจากการที่นางพูดเรื่องราคาตลาดของกระบี่เล่มนี้ได้อย่างเป็นแบบแผนชัดเจน ก็ดูออกได้ไม่ยากว่าน้องสะพานสวรรค์น้อยชื่นชอบกระบี่เล่มนี้มาก ในระหว่างที่ตามหากระบี่วิเศษกลับคืนมา นางถึงขั้นไปสำรวจตลาดมาแล้ว ไม่อย่างนั้นจะกล่าวได้อย่างแม่นยำชัดเจนขนาดนี้ได้อย่างไร
เพียงแต่ผลจากการสำรวจนี้ ยังทำให้นางรู้สึกจุกใจอยู่บ้าง
“แต่ตอนนี้บนตัวข้ามีเพียงสี่ร้อยเหรียญทองกว่า ต่อให้หักผลกำไรส่วนนั้นไป ก็ยังขาดอีกร้อยเจ็ดสิบเหรียญทอง” พอพูดจบ ก็แบมือบอกว่า “ดังนั้น ข้าซื้อระบี่เล่มนี้ไม่ไหวหรอก”
“ที่จริงข้ารู้สึกว่า…” ตอนนี้ซานเย่ว์กลับเรียบเรียงคำพูดครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยว่า “ที่จริงรอยเจ็ดสิบเหรียญทอง แบ่งให้ทุกคนก็เฉลี่ยคนละไม่ถึงห้าสิบเหรียญทอง ข้าว่ากระบี่เล่มนี้ขายให้สะพานสวรรค์น้อยไปสี่ร้อยเหรียญทองเลยก็สิ้นเรื่องแล้ว พวกเราสี่คนรวบรวมได้คนละหนึ่งร้อยเหรียญทองพอดี”
ในฐานะเพื่อนสาวคนสนิท ซานเย่ว์ยังไม่ลืมจะช่วงชิงผลประโยชน์ให้สะพานสวรรค์น้อย
เมื่อได้ยินดังนั้น คนที่เหลือก็ไม่มีความเห็นแย้งอะไร แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับส่ายหน้าห้าม “ข้าว่าไม่เหมาะสม”
ทุกคนมองไปที่เขาพร้อมกัน แต่กลับได้ยินเขาพูดต่อไปว่า “เรื่องที่ทุกคนแบ่งอุปกรณ์กัน ต้องทำให้ชัดเจนและยุติธรรม ต้องแยกเรื่องส่วนรวมกับส่วนตัวให้ชัดเจน วันนี้สะพานสวรรค์น้อยได้กระบี่วิเศษเล่มนี้ไปอย่างได้เปรียบ ก็เพราะคนอื่นมีความต้องการไม่มาก แต่หากในภายหลังพบเจอสถานการณ์ที่ขัดแย้งกันล่ะ ดังนั้น ดังนั้นกระบี่เล่มนี้ควรจะจ่ายเท่าไรก็จ่ายเท่านั้น ห้ามขาดไปแม้แต่เหรียญเดียว”
ขณะที่พูด ก็ส่งคำขอซื้อขายให้สะพานสวรรค์น้อย วางเงินสดลงไปสามร้อยเหรียญทอง “นี่นับเป็นเงินที่ข้าให้เจ้ายืมเป็นการส่วนตัว รอให้เจ้าหายขัดสนแล้วค่อยคืนให้ข้า”
หลังจากวางเงินนี้แล้ว ในใจเยี่ยเว่ยหมิงกลับแอบรู้สึกภาคภูมิใจ
ตอนนี้ตัวเองกลายเป็นเจ้าหนี้ของสะพานสวรรค์น้อยแล้ว ต่อไปนี้หากเจอ BOSS ที่สู้ด้วยไม่ไหวอีก อยากจะขอให้นางยื่นมือเข้ามาช่วยก็ถือว่าได้ยึดหลักคุณธรรมมากขึ้นแล้ว
“ตอนนี้ การประมูลขายดำเนินต่อไป”
เงินไม่ตึงมือแล้ว สะพานสวรรค์น้อยลองเสนอราคา “เจ็ดร้อยยี่สิบเหรียญทอง”
“ข้ายอมแพ้” เยี่ยเว่ยหมิงพูดก่อน “ข้ามีกระบี่มังกรคำรามอยู่กับตัวแล้ว อีกทั้งรูปลักษณ์ภายนอกของกระบี่เล่มนี้ ข้าคิดว่าลวดลายมันเยอะไป”
“ข้ายอมแล้วเช่นกัน” ถังซานไฉ่ยักไหล่ “แม้กระบี่เล่มนี้จะมีค่าสเตตัสดีมาก แต่ข้าก็ยังรู้สึกว่าค่าสเตตัสของกระบี่ลมสนดีกว่านิดหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็โจมตีตีด้วยอาวุธลับเป็นหลัก ไม่คิดจะทุ่มเทกับเคล็ดกระบี่มากนัก”
ตกลงตามนี้ กระบี่จินสยาถูกน้องสะพานสวรรค์น้อยซื้อไปในราคาเจ็ดร้อยยี่สิบเหรียญทอง ทั้งห้าคนได้เงินปันผลไปคนละหนึ่งร้อยสี่สิบสี่เหรียญทอง
บัญชีเหล่านี้ ล้วนเป็นหัวหน้าทีมอย่างเยี่ยเว่ยหมิงที่คำนวณออกมาภายในไม่กี่วินาที
ไม่อย่างนั้นจะมีคำกล่าวว่าความสนใจคือแรงขับเคลื่อนที่ดีที่สุดหรือ
ตั้งแต่ได้เรียนเคล็ดจิต ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ระดับทักษะทางคณิตศาสตร์ของเยี่ยเว่ยหมิงก็ก้าวหน้าเร็วราวกับเทพ
หลังจากแบ่งของกันเรียบร้อยแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็บอกให้ทุกคนกินอาหารทันที
ในฐานะผู้ได้รับประโยชน์สูงสุดของภารกิจครั้งนี้ บวกกับเป็นผู้บัญชาการภารกิจ ‘ปราบสำนักชิงเฉิง’ อาหารมือนี้ก็ย่อม…
หารค่าอาหารเท่าๆ กัน!
หลังจากคีบรากบัวทอดชิ้นหนึ่งขึ้นมาเคี้ยวแล้วกลืนลงไป เยี่ยเว่ยหมิงก็พูดก่อน พูดกับสะพานสวรรค์น้อยที่กำลังเก็บกระบี่จินสยาอย่างเบิกบานใจว่า “สะพานสวรรค์น้อย ต่อไปเตรียมจะไปชีวิตอิสระเสรีที่ไหนล่ะ”
“ข้าจะไปเมืองเทียนจิน” สะพานสวรรค์น้อยที่กำลังชื่นมื่นตอบตรงๆ ว่า “ได้ยินว่าที่นั่นมีงานประลองยุทธ์ใหญ่ วันนี้เป็นวันรับสมัครและคัดเลือกก่อนประลองพอดี พรุ่งนี้จะจัดการประลองรอบตัดสิน…
…ได้ยินว่ารางวัลของการประลองยุทธ์นั่นอุดมสมบูรณ์มาก มีทั้งค่าประสบการณ์ ค่าตบะ เงิน ส่วนรายละเอียดว่าได้เท่าไรก็นับตามอันดับ ยิ่งอันดับสูง รางวัลก็ยิ่งจัดเต็ม…
…หากติดสามอันดับแรก ก็จะได้ออกทีวีด้วยนะ!”
ขณะที่พูด ใบหน้างามก็เผยความรู้สึกเฝ้าคอย “หากครั้งนี้ข้าได้อันดับดีๆ ในการประลองยุทธ์ครั้งนี้ ข้าก็อาจจะคืนเงินที่ติดเจ้าไว้เร็วก็ได้ คิกคิก…”
[1] ค่ำคืนยาวนานจนฝันมากมาก 夜长梦多 หมายถึง เวลายิ่งยาวนาน อุปสรรคก็ยิ่งมีมาก