ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 161 การประลองยุทธ์เลือกคู่
ตอนที่ 161 การประลองยุทธ์เลือกคู่
พอได้ยินว่ามีงานประลองยุทธ์ครั้งใหญ่ เยี่ยเว่ยหมิงก็เกิดความสนใจทันที “การประลองยุทธ์นั่นมีเงื่อนไขอะไรโดยละเอียดไหม หรือว่าผู้เล่นทุกคนลงทะเบียนเข้าร่วมได้ มีประกาศรางวัลตัดสินล่วงหน้าไหม อันดับหนึ่งได้รางวัลอะไร”
“นี่!” เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงอยากจะเข้าร่วมงานประลองยุทธ์ครั้งใหญ่อะไรนั่นในเวลานี้ เฟยอวี๋ก็คัดค้านอย่างไม่พอใจทันที “เจ้าเป็นผู้บัญชาการของปฏิบัติการนี้ เจ้าทำเช่นนี้เท่ากับมีความผิดฐานละทิ้งหน้าที่นะ เข้าใจไหม”
“ร้อนใจอะไร กำหนดไว้แล้วว่าหลังจากนี้ครึ่งเดือนค่อยเคลื่อนไหว ค่อยลงมือในงานเลี้ยงวันเกิดของอวี๋ชางไห่ไม่ใช่หรือ” เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “ครึ่งเดือนก่อนที่จะเคลื่อนไหว เป็นช่วงเวลาในการบ่มเพาะและรอให้แผนการสุกงอม พวกเราไม่เหมาะจะทำอะไรมากเกินไปอยู่แล้ว ได้แต่รอดูสถานการณ์เงียบๆ เท่านั้น ติดตามทิศทางการเคลื่อนไหวของสำนักชิงเฉิงกับเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงในยุทธภพก็พอแล้ว”
ขณะที่พูด เขายังทำท่าทางผ่อนคลายมากด้วย แล้วพูดต่อว่า “ทักษะของซานเย่ว์เหมาะกับการสังเกตสีหน้าท่าทาง ให้นางไปวนเวียนในโรงน้ำชา โรงเตี๊ยมแถวๆ สำนักชิงเฉิงก็ได้ ส่วนทักษะของเฟยอวี๋ก็ยิ่งเก่งกาจ รับหน้าที่รวบรวมเหตุการณ์ลมพัดใบหญ้าไหว[1]ในยุทธภพได้ สิ่งนี้ก็ไม่ยากเช่นกัน…
…ดังนั้น เรื่องนี้มอบหมายให้พวกเจ้าแล้วข้าวางใจมาก”
ซานเย่ว์ถลึงตาใส่เยี่ยเว่ยหมิงแวบหนึ่งอย่างไม่พอใจ “แสดงว่ามีเพียงเจ้าที่ออกไปหาอิสระได้คนเดียวน่ะสิ”
เยี่ยเว่ยหมิงขยิบตา “ก็ใช่”
ซานเย่ว์ “…”
“ข้าไม่ขัดข้องอะไร ช่วงนี้ข้าจะสังเกตความเคลื่อนไหวเล็กน้อยในยุทธภพ เจ้าวางใจได้” เฟยอวี๋กล่าว
เมื่อกล่าวคำนี้ออกมา สายตาของทุกคนก็ไปรวมอยู่บนตัวเฟยอวี๋พร้อมกัน ส่วนเฟยอวี๋ก็คีบอาหารเข้าปากคำหนึ่งอย่างเยือกเย็นแล้วบอกว่า “ข้าไม่ได้หลงระเริงเหมือนใครบางคน ข้ามีคุณธรรมต่อหน้าที่มาก”
ซานเย่ว์หันไปมองเยี่ยเว่ยหมิง พอพบว่าอีกฝ่ายกำลังมองนางอยู่ ก็ได้แต่พยักหน้าอย่างจนใจ “ข้าก็เชื่อฟังตามงานที่เจ้ามอบหมายเช่นกัน”
เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มบางๆ แล้วปลอบใจทั้งสองว่า “ที่จริงแล้ว ภารกิจครั้งนี้ทุกคนได้รับการแจกจ่ายงานต่างกัน ในอนาคตตอนนับรางวัล ก็ไม่ได้อิงตามมาตรฐานเดียวกันแน่นอน ต้องมีปรับเปลี่ยนเล็กน้อยตามการแสดงผลงานที่แตกต่างกันแน่…
…คนเก่งกาจอย่างพวกเจ้าสองคนมีผลงานมาก เมื่อถึงเวลาคำนวณสรุปรางวัลภารกิจ จะต้องมีเรื่องดีใจเหนือความคาดหมายแน่…
…อย่างไรเสียใน ‘เกมวีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ก็มีกฎการอนุรักษ์ที่ทำมากได้มาก ทุกคนล้วนได้บทเรียนมาแล้วไม่ใช่แค่ครั้งเดียว ไม่ใช่หรอกหรือ”
ซานเย่ว์ยังคงบุ้ยปากอย่างไม่ค่อยพอใจนัก “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าก็ยังจะออกไปเที่ยวเตร่อีกหรือ”
เยี่ยเว่ยหมิงขยิบตา “เพราะข้ารู้สึกว่าหากออกไปเที่ยวเตร่สักรอบ บางทีอาจจะได้รางวัลชนะเลิศจากงานประลองยุทธ์ครั้งใหญ่นั่นก็ได้ จะได้เอามาชดเชยความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น”
“ก็ได้” ซานเย่ว์ยกมือยอมแพ้ “เจ้าเป็นผู้บัญชาการ เจ้ามีอำนาจตัดสินใจ”
ตกลงตามนั้น เยี่ยเว่ยหมิงโยนงานให้เพื่อนได้อย่างชอบธรรม ส่วนซานเย่ว์กับเฟยอวี๋ ตอนที่ตีมอนสเตอร์อัปเลเวลและทำภารกิจ ก็ยังต้องแบ่งหน้าที่กันจับตาดูความเคลื่อนไหวของสำนักชิงเฉิงรวมทั้งข่าวคราวในยุทธภพด้วย
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว พวกเขาก็ต่างคนต่างแยกย้าย
เฟยอวี๋กับถังซานไฉ่เดินอยู่บนถนนใหญ่ของเมืองเปี้ยนจิง เฟยอวี๋ไม่พูดอะไรสักคำ แต่สีหน้ากลับเจือด้วยความภาคภูมิใจจางๆ ส่วนถังซานไฉ่เมื่อเห็นดังนั้นก็อดถามไม่ได้ว่า “เจ้าถูกเยี่ยเว่ยหมิงมอบหมายงานหนักให้ทำ ไม่น่าเชื่อว่าจะไม่คัดค้านเลยสักนิด ดูไม่เหมือนลักษณะในยามปกติของเจ้าเลย”
เมื่อได้ยินคำถามของถังซานไฉ่ เฟยอวี๋ก็แอบสะใจทันที แผนการอันเหนือชั้นที่วางไว้นานแล้วก่อนหน้านี้ ในที่สุดก็หาคนที่จะร่วมแบ่งปันเรื่องราวได้แล้ว!
“เหอะๆ ไม่ปิดบังเจ้า ข้ากำลังตามใจเขา!”
ถังซานไฉ่ “?”
เฟยอวี๋เห็นปฏิกิริยาของเขาแล้วภูมิใจกว่าเดิม ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงไม่อยู่ ในที่สุดเขาก็ได้โอ้อวดสติปัญญาอย่างถึงอกถึงใจแล้ว ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกใครหักหน้าแล้ว!
หลังจากกระแอมหนึ่งทีให้เสียงชัดเจนขึ้น เฟยอวี๋ถึงได้บอกสาเหตุที่ตัวเองเชื่อฟังการมอบหมายงานโดยไร้เงื่อนไข “เจ้าน่าจะจำการคาดเดาที่ข้าเคยบอกให้เจ้าฟังครั้งก่อนได้ใช่ไหม การคาดเดาถึงบทบาทที่แฝงเร้นอยู่ในเกมนี้”
ถังซานไฉ่พยักหน้าสื่อว่าจำได้ แล้วถามอีกว่า “แต่เกี่ยวอะไรกับเรื่องในวันนี้”
“ที่จริงแล้ว บางครั้งเวลาเปรียบเทียบความประพฤติดีเลวของคนสองคน เจ้าไม่จำเป็นต้องทำตัวให้ดีมากเสมอไป ขอเพียงอีกฝ่ายทำตัวแย่กว่าเจ้าก็พอแล้ว” เฟยอวี๋ทำท่าราวกับมีสิตปัญญาลึกล้ำ กล่าวเสียงเรียบว่า “ที่จริงแล้ว ข้าหวังให้เยี่ยเว่ยหมิงใช้อำนาจแก้แค้นเรื่องส่วนตัวในระหว่างทำภารกิจมาตลอด หวังให้เขาวางกับดักข้าสักครั้งสองครั้ง เพราะหากเป็นอย่างนั้น เขาจะต้องถูกหักคะแนนแฝงมากขึ้นแน่นอน!…
…เพียงแต่ไม่รู้ว่าเจ้าหมอนั่นจะเข้าใจถึงจุดนี้ด้วยหรือเปล่า หรือเป็นเพราะเหตุผลอย่างอื่น เขาถึงไม่เคยทำเรื่องอย่างว่าในระหว่างภารกิจเลย เพียงแต่ครั้งนี้…” รอยยิ้มบนใบหน้ายิ่งดูภาคภูมิใจมากขึ้นเรื่อยๆ เฟยอวี๋พูดต่อไปว่า “ครั้งนี้ในฐานะที่เขาเป็นผู้บัญชาการ ไม่น่าเชื่อว่าจะผลักงานในภารกิจให้ข้ากับซานเย่ว์หมด แล้วตัวเองก็ออกไปใช้ชีวิตอิสระ เจ้าเดาสิว่าเขาจะถูกหักกี่คะแนน”
“ดังนั้น!” หลังจากสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง บนตัวเฟยอวี๋ก็ราวกับเปล่งรัศมีออกมา “นี่กำลังจะเป็นโอกาสให้ข้ากลับมาเหนือกว่าเขา ข้าจะต้องประพฤติตัวให้ดีกว่า ต้องช่วงชิงโอกาสชนะกลับมาให้ได้”
เมื่อได้ยินเฟยอวี๋กล่าวเช่นนี้ ถังซานไฉ่ก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน จากนั้นก็ตบบ่าเขาแรงๆ พร้อมกล่าวว่า “สู้ๆ นะสหาย! แม้ในด้านความสามารถเยี่ยเว่ยหมิงจะเหนือกว่าเจ้าหนึ่งระดับ แต่ความมุมานะสามารถชดเชยความไม่ฉลาดได้ ขอเพียงเจ้ารักษาสภาพจิตใจอย่างนี้ไว้ได้ตลอดหลายปีระหว่างอยู่ในเกม ข้าเชื่อว่าในการประเมินคะแนนสะสมตอนสุดท้าย เจ้าจะต้องกลับมาเหนือกว่าเขาแน่นอน”
“การแพ้ชนะในเกมใช่เรื่องใหญ่เสียที่ไหน เก่งในชีวิตจริงต่างหากถึงจะเรียกว่าเก่งจริง!”
“เมื่อถึงตอนนั้น เจ้าก็จะอยู่ในระดับสูงกว่าเขา คอยนั่งวิจารณ์งานสำคัญในประเทศได้แล้ว ส่วนเขาก็จะวิ่งเต้นทำงานให้เจ้าอย่างสุขุมรอบคอบ ทำงานที่เจ้ามอบหมายให้อย่างเอาจริงเอาจัง”
พูดไปพูดมา เขาก็โอบบ่าเฟยอวี๋ “หากรวยแล้ว ก็อย่าลืมกันนะ!”
เมื่อพูดจบแล้ว ถังซานไฉ่ถึงได้พบว่าสีหน้าของเฟยอวี๋จู่ๆ ก็แปลกไป “สหาย เจ้าทำสีหน้าอะไรของเจ้า”
เฟยอวี๋ส่ายหน้า เพียงแต่ลักษณะเผด็จการก้าวร้าวก่อนหน้านี้หายไปหมดในคราเดียว
เหมือนบทบาทที่ฉันแสดงในตอนนี้ เป็นแขนซ้ายแขนขวาที่ได้มาตรฐานของเยี่ยเว่ยหมิงไม่ใช่หรอกหรือ
ฉันหลงดีใจอยู่ตั้งนาน ก็เพื่อที่จะพิสูจน์ให้ระบบรู้ว่าฉันเหมาะสมจะเป็นแขนซ้ายแขนขวาให้เขาอย่างนั้นหรือ
(╯‵□′)╯︵┴─┴
เหลือเชื่อเลย!
ส่วนถังซานไฉ่ก็เห็นได้ชัดว่าไม่ได้คิดมากเท่าเฟยอวี๋ เมื่อเห็นเขาทำสีหน้าแปลกไป ก็ได้แต่ถามอย่างเป็นห่วง “สหาย เจ้าไม่เป็นอะไรนะ”
“ไม่เป็นอะไร” เฟยอวี๋ส่ายหน้า สีหน้ากลับเริ่มเปลี่ยนเป็นเศร้าสลดและคาดหวัง “ข้าจะต้องแสดงออกให้ดีในภารกิจครั้งนี้ ข้าต้องทำให้ดีที่สุดเท่าที่ตัวเองจะทำได้”
เรื่องมาถึงขั้นนี้แล้ว เฟยอวี๋เลือกได้เพียงว่าจะเป็น ‘แขนซ้ายแขนขวาที่ได้มาตรฐาน’ หรือ ‘แม้แต่เป็นแขนซ้ายแขนขวาที่ก็ยังทำได้ไม่ดี’
เขายังจะทำอย่างไรได้อีก
เขาเองก็สิ้นหวังมากเช่นกัน!
……
ขณะที่เฟยอวี๋รู้สึกสิ้นหวัง สีหน้าของเยี่ยเว่ยหมิงก็ย่ำแย่เช่นเดียวกัน
เขาในตอนนี้กำลังชี้อักษรตัวใหญ่ที่เขียนอยู่บนสังเวียน สีหน้ามีแต่ความจนใจขณะถามสะพานสวรรค์น้อยที่กำลังตื่นเต้นอยู่ข้างกายว่า “นี่น่ะหรืองานประลองยุทธ์ครั้งใหญ่ที่เจ้าบอก”
เมื่อมองตามที่เขาชี้ กลับเห็นด้านบนสังเวียนมีแผ่นป้ายยาวสีแดงหนึ่งผืน บนนั้นเขียนตัวอักษรที่นุ่มนวลทว่าแข็งแกร่ง
……
การประลองยุทธ์เลือกคู่!
[1] ลมพัดใบหญ้าไหว 风吹草动 อุปมาถึงเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงเล็กน้อย