ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 180 รองเท้าเจ้าลมกรด
ตอนที่ 180 รองเท้าเจ้าลมกรด
ชั่วพริบตาที่ได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็เหม่อลอยไปเลย
ตอนนี้เขาสงสัยอย่างหนักว่าระบบเดาออกใช่หรือไม่ว่าต่อไปเขาจะทำอะไร ถึงได้ใช้วิธีการที่แทบจะไร้เหตุผลแบบนี้มาปกป้องหวันเหยียนคังเอาไว้
เพียงแต่ภารกิจขนาดใหญ่แบบนี้ ถ้าให้จบลงอย่างฉาบฉวยแบบนี้จะดีหรือ
ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังเก็บโปเกบอล…แค่กๆ ประกาศิตกระบี่บุปผาโรยอย่างกลุ้มใจ ในช่องทีมกลับมีข้อความของหนึ่งดาบสามเฉือนเด้งขึ้นมา [ข้าเพิ่งเห็นหนึ่งในคนสุดท้ายของสี่ผีแห่งแม่น้ำหวงเหอ ‘แส้ปล้นวิญญาณ’ หม่าชิงสยงถูกกลุ่มผู้เล่นล้อมโจมตีจนตาย จากนั้นประกาศระบบก็โผล่มาทันที ข้าว่าเงื่อนไขที่ทำให้ภารกิจนี้จบลง ก็เพราะพวกเขาสี่คนถูกผู้เล่นฆ่าตายหมดแล้ว?]
มีการทำงานแบบนี้ด้วยหรือ
เยี่ยเว่ยหมิงเบะปาก รู้สึกว่าคำอธิบายนี้เหมือนจะสมเหตุสมผลมาก
ช่วงตะลุมบอนของสังเวียนประลองยุทธ์เลือกคู่ ‘เนี่ยนฉือแชมเปียนส์คัพ’ ถือเป็นภารกิจเนื้อเรื่อง เช่นนั้นก็แสดงว่ามีเงื่อนไขให้ปลดล็อกและจบภารกิจแน่นอน
เงื่อนไขที่ปลดล็อกภารกิจก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว เป็นเพราะเยี่ยเว่ยหมิงใช้ ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’
แต่เงื่อนไขที่ทำให้ภารกิจจบลง ก็ควรจะมีคำนิยามที่ละเอียดสักอย่าง
เช่นนั้นจะให้คำนิยามอย่างไรดี
กำหนดเวลา?
เห็นได้ชัดว่าระบบไม่ได้มีการนับเวลาถอยหลัง ตัดข้อนี้ไปได้เลย
กำจัดหวันเหยียนคัง?
ข้อนี้ก็ยิ่งไม่ถูก ตอนที่ประกาศภารกิจ ระบบถึงขั้นบอกเพียงว่าให้ผู้เล่นท้าสู้ลูกสมุนของหวันเหยียนคังเท่านั้น ไม่ใช่ท้าทายหวันเหยียนคัง กอปรกับเขาเสี่ยงตายไปครั้งหนึ่ง แม้แต่ BOSS อย่างโอวหยางเฟิงก็กระโดดออกมากู้สถานการณ์แล้ว จากสิ่งนี้จะเห็นได้ว่าระบบเตรียมประกันไว้ให้เขาหลายชั้นมาก ไม่อยากให้เจ้าหมอนี่ตายอยู่ในภารกิจครั้งนี้
ดังนั้นเมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์อย่างนี้ แม้หวันเหยียนคังจะอ่อนแอ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะถูกผู้เล่นฆ่าตาย
กัวจิ้งถูกฆ่าตายแล้วหรือ
เรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นไปได้ ถ้าเขาถูกฆ่าตายได้ โอวหยางเค่อก็ไม่ถึงขั้นทุบเขาอยู่ตั้งนานแต่ก็ไม่เห็นเขาเป็นอะไร
เจ้าหมอนี่ก็ทนไม้ทนมืออยู่นะ!
รอให้หวังชู่อีกับห้ายอดฝีมือสู้กันจนรู้แพ้รู้ชนะ?
หึหึ!
ตัวเลขการตายที่แน่นอนของอีกห้ายอดฝีมือที่เหลือ?
นี่ก็ยังเป็นไปไม่ได้
ถึงอย่างไรพวกเยี่ยเว่ยหมิงก็ทำให้โหวทงไห่ตายได้ เดิมทีก็เป็นการท้าสู้ข้ามเลเวลอยู่แล้ว เรียกได้ว่าทำภารกิจที่เป็นไปไม่ได้ให้สำเร็จได้ หากไม่มีกระบี่คู่ผนึกรวมของเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อย หรือไม่มีการบัญชาการอันเข้มแข็งของน้องดาบ ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะได้รับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่นี้
ถึงขนาดว่าแม้แต่เสวียนเสี่ยวปี่กับเซียวเหยาถอนใจ แม้จะไม่ใช่ว่าหาตัวแทนไม่ได้ แต่บทบาทที่พวกเขาแสดงก็ขาดไม่ได้อยู่ดี
ถ้าไม่ตรงกับเงื่อนไขข้อใดข้อหนึ่งที่กล่าวมาข้างต้น ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะทำภารกิจที่ยากขนาดนี้สำเร็จ ดังนั้นจึงไม่มีทางที่จะเป็นเงื่อนไขของการจบภารกิจเนื้อเรื่อง
ถ้าอย่างนั้น ต่อให้ใช้วิธีการหักออกมาคำนวณ ก็เหลือเพียงเรื่องของสี่ผีแห่งแม่น้ำหวงเหอที่เป็นไปได้มากที่สุด
เลเวลของพวกเขาไม่สูงไม่ต่ำ ส่งมาให้ผู้เล่นท้าทายได้พอดี ถือโอกาสมอบสวัสดิการให้
หากพวกเขาตายหมดแล้ว แต่ภารกิจดำเนินต่อไป
นั่นไม่ใช่เรื่องที่ดีมากหรอกหรือ
หลังจากเข้าใจกุญแจสำคัญต่างๆ แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงได้แต่ทอดถอนใจที่เวลาไม่คอยเขา
ถ้าพวกเขายืนหยัดได้อีกสักหน่อย ไม่แน่ว่าอาจสังหารหวันเหยียนคังที่อยู่ในการคุ้มครองของโอวหยางเฟิงตายได้จริงๆ ดูว่าระบบจะนำผลตอบแทนดีๆ อะไรมาตบรางวัลให้วีรกรรมของพวกเขา
อย่างไรเสีย การจบลงของภารกิจครั้งนี้ ก็ไม่ใช่เพราะระบบบังคับ แต่เป็นเพราะสาเหตุอย่างอื่น
หรือพูดอีกอย่างว่า หวันเหยียนคังคนนี้ก็ไม่ได้ฆ่าไม่ตายตามที่หมายความ ขอเพียงทำตามขั้นตอนได้อย่างเหมาะสม…
“หวังเฟยเสด็จ!”
หลังจากระบบประกาศว่าภารกิจจบลง โอวหยางเฟิงกับโอวหยางเค่อก็ใช้ท่าร่างออกไปจากที่นี่ก่อน จากนั้นก็มีกำลังพลกลุ่มหนึ่งปรากฏตัวโดดเด่นท่ามกลางฝูงชน ตรงกลางมีเกี้ยวสีแดงหนึ่งหลังเคลื่อนมาจอดยังด้านล่างสังเวียนประลองยุทธ์เลือกคู่
จากนั้นก็มีฉากไร้สาระอย่างต่อเนื่อง ถ้าใช้ประโยคง่ายๆ มาอธิบายก็คือ หวังเฟยต้องการพาตัวหวันเหยียนคังไป แล้วก็ไม่มีใครออกหน้ามาห้าม
เพียงแต่ในระหว่างขั้นตอนนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็พบว่าตาเฒ่าที่ชื่อมู่อี้นั่น มองหวังเฟยด้วยสายตาที่…ลามกมาก
สำหรับบิดาบุญธรรมคนนี้ของมู่เนี่ยนฉือ ตั้งแต่ต้นจนจบ เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ได้รู้สึกดีอะไรด้วยอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ถือสาที่จะใช้จิตอกุศลมาประเมินบิดาบุญธรรมผู้ชั่วร้ายคนนี้
“นี่!” ตอนนี้เอง เพื่อนในทีมชั่วคราวก็เลี้ยวกลับมาอีกครั้งแล้ว เสวียนเสี่ยวปี่ที่เป็นหนึ่งในนั้นอดถามอย่างแปลกใจไม่ได้ว่า “เมื่อครู่หลังจากสังหารหวันเหยียนคังตาย พวกเจ้าได้ของดีอะไรกันมาบ้าง”
เซียวเหยาถอนใจตอบว่า “ขยะ!” ขณะที่พูดก็ส่งลิงก์อุปกรณ์ไปในช่องทีมด้วย
[แผ่นกวีหนงฟาง: งานประพันธ์เขียนอักษรของจักรพรรดิซ่งฮุยจง คัดลอกตามจะยกระดับฝีมือการเขียนอักษร]
กระดาษเขียนอักษรง่ายๆ แผ่นเดียว ไม่เพิ่มผลใดๆ ต่อทักษะยุทธ์ ไม่แปลกใจที่เซียวเหยาถอนใจบอกว่ามันคือขยะ มันคือขยะจริงๆ!
ทว่าหลังจากเสวียนเสี่ยวปี่เห็นแผ่นกวีแล้ว เขากลับตาเป็นประกาย แล้วส่งลิงก์อุปกรณ์เข้าไปในช่องทีมทันที
[กาสุราหยกขาว: การสุราที่สลักจากหยกขาวนมแพะ ช่วยเพิ่มคุณภาพของสุราชั้นดีได้ 3-5 แต้ม]
“เซียวเหยา แผ่นกวีนั่นข้าชอบมาก แต่การสุรานี้เป็นของที่ดรอปได้จาก…เอ่อ หวันเหยียนคังที่อยู่ในสถานะเฉียดตายหรือ พวกเรามาแลกกันไหม”
“ได้! ไม่มีปัญหา!”
ทันทีที่ได้เห็นกาสุราใบนี้ เซียวเหยาถอนใจก็ไม่ละสายตาเช่นกัน เขาพยักหน้าตกลงและแลกกันอย่างไม่ลังเลสักนิด
หลังจากทั้งสองแลกของกันเรียบร้อยแล้ว น้องดาบกลับพยักหน้าบอกว่า “ข้ามีของชิ้นหนึ่งที่ไม่เลวเลย แต่ไม่คิดจะแลกหรอก ดังนั้น…เก็บเป็นความลับ!”
“เชอะ!” เยี่ยเว่ยหมิงเบะปาก “เช่นนั้นข้าก็เก็บเป็นความลับเหมือนกัน สะพานสวรรค์น้อยก็เก็บเป็นความลับด้วย”
สะพานสวรรค์น้อยหัวเราะคิกคัก แสดงออกว่าสนับสนุนความคิดของเยี่ยเว่ยหมิง
ที่จริงแล้ว นางไม่ถือสาเรื่องเก็บความลับหรือไม่เก็บความลับ แค่ได้ออกทีวีนางก็มีความสุขมากแล้ว
โจมตีบอสหมด ภารกิจจบสิ้น
ต่อมาก็เหลือแค่นำคะแนนสะสมไปแลกเป็นของรางวัล ไม่จำเป็นต้องทำเป็นทีม
ดังนั้น เยี่ยเว่ยหมิงจึงเพิ่มเซียวเหยาถอนใจเป็นเพื่อนก่อน จากนั้นเตะพวกเขาสามคนออกจากทีมในคราวเดียว
“อ้อ ใช่ เจ้าดรอปได้อะไรกันแน่” เมื่อคนที่ไม่ค่อยสนิทออกจากทีมไปแล้ว ในที่สุดสะพานสวรรค์น้อยก็ข่มความอยากรู้อยากเห็นไม่ไหว เป็นฝ่ายเอ่ยถามเยี่ยเว่ยหมิงก่อน
สำหรับสะพานสวรรค์น้อย เยี่ยเว่ยหมิงไม่มีอะไรต้องปิดบัง ส่งลิงก์อุปกรณ์เข้าไปในช่องทีมที่เหลือกันแค่สองคนทันที
[รองเท้าเจ้าลมกรด (อาวุธล้ำค่า): รองเท้าบูทที่ไต้จง ฉายา ‘เจ้าลมกรด’ จากเรื่องวีรบุรุษเขาเหลียงซานสวมใส่ ท่าร่าง +300 ความว่องไว +200 เลเวลของทักษะประเภทวิชาตัวเบาทั้งหมด +1!]
สะพานสวรรค์น้อยเห็นแล้วพยักหน้า “ค่าสเตตัสสูงกว่าของข้าตั้งเยอะ แต่ภายนอกไม่สวยเท่าของข้า” ขณะที่พูดอยู่นั้น นางก็ส่งลิงก์อุปกรณ์ออกมาเช่นกัน
[หยกพกหลิงหลง (ทองคำ): หยกพกที่แกะสลักอย่างประณีตจากหยกเนื้อแข็ง มีผลบำรุงพลังชีวิต พลังชีวิตสูงสุด +600 กำลังภายในสูงสุด +600 ท่าร่าง +10 ความว่องไว +10]
“เป็นของที่ดีมากเลย ไม่เพียงแค่ภายนอกสวยงาม แถมค่าสเตตัสยังเหมาะกับเจ้ามากด้วย”
ทั้งสองพูดคุยเคล้าเสียงหัวเราะขณะเดินไปทางสังเวียน เตรียมจะไปแลกของรางวัลกับมู่เนี่ยนฉือ แต่กลับคาดไม่ถึงว่าจะเจอกับคนชุดแดงหน้าตาดุร้าย
เป็นหลวงจีนหลิงจื้อ หนึ่งในห้ายอดฝีมือแห่งจวนอ๋องจ้าว
หลวงจีนหลิงจื้อมาขวางทางตรงหน้าเยี่ยเว่ยหมิงกับสะพานสวรรค์น้อยที่กำลังเดินไปแลกรางวัลตรงสังเวียน แล้วกล่าวอย่างโอหังว่า “เจ้าเด็กเปรต ท่านอ๋องน้อยให้ข้ามาบอกเจ้า ว่าให้ส่งสิ่งที่ไม่ใช่ของเจ้าออกมา”
“อ้อ?” เยี่ยเว่ยหมิงเลิกคิ้ว “แล้วถ้าข้าไม่ให้ล่ะ”