ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 189 ช่วยชีวิตฉินหนานฉิน
ตอนที่ 189 ช่วยชีวิตฉินหนานฉิน
เยี่ยเว่ยหมิงรู้ได้อย่างไรน่ะหรือ
ก็ต้องเดาอยู่แล้ว!
แต่ไม่ใช่การหลับหูหลับตาเดาไปเรื่อย เป็นการเดาที่มีหลักฐานและเหตุผลรองรับ
หัวใจสำคัญของภารกิจก็คือ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ ขนาดชื่อยังตั้งว่า ‘อานุภาพพิชิตมังกร’ เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้เก้าในสิบว่าภารกิจในอนาคตจะเกี่ยวข้องกับ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ ด้วยเช่นกัน
ยิ่งไปกว่านั้น ผู้ที่แจกรางวัลภารกิจก็ยังเป็นหงชีกงอีก ยิ่งทำให้เขาแน่ใจการคาดเดาของตัวเอง
หากไม่ชี้แนะวิธีการใช้ ‘มังกรซ่อนกบดาน’ ให้เขา อย่าบอกนะว่าจะสอน ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ ให้เขาอีกหนึ่งกระบวนท่า
หากเป็นอย่างนั้นจริง เยี่ยเว่ยหมิงก็จะไม่ถือสาแน่นอน
เขาสาบาน!
ดังนั้น เพื่อให้ได้รับรางวัลจำนวนสูงสุด ก่อนที่หงชีกงจะแจกรางวัล เยี่ยเว่ยหมิงจึงอัปเลเวล ‘มังกรซ่อนกบดาน’ ให้สูงจนอัปเลเวลมากกว่านี้ไม่ได้อีก
แต่การกระทำที่อวดฉลาดของเขา กลับทำลายความตั้งใจของหงชีกงได้ยาก
อิงตามขั้นตอนการแจกรางวัลภารกิจ เขาควรจะชี้แนะพลังฝ่ามือให้เยี่ยเว่ยหมิงจนได้อัปหนึ่งเลเวลจริงๆ นั่นยังเป็นรางวัลภารกิจพื้นฐานที่สุดด้วย หรือพูดอีกอย่างก็คือ ใช้ ‘มังกรซ่อนกบดาน’ โจมตีจนซาทงเทียนทำอะไรไม่ถูก จากนั้นให้หงชีกงมากู้สถานการณ์จนทำภารกิจสำเร็จด้วยระดับความสำเร็จต่ำที่สุด
ตามเงื่อนไขลับของภารกิจ หากตอนสู้กับซาทงเทียน เยี่ยเว่ยหมิงยืนหยัดได้สามกระบวนท่า อีกทั้งรักษาค่าพลังชีวิตไว้ได้หนึ่งในสามส่วนขึ้นไป รางวัลก็จะเพิ่มอีกหนึ่งระดับ หงชีกงจะชี้แนะ ‘มังกรซ่อนกบดาน’ ให้เขาจนได้อัปเลเวลสูงขึ้นสองเลเวล
เยี่ยเว่ยหมิงโจมตีไม่ถึงสามกระบวนท่า แต่ก็ใช่ว่าเขาจะยืนหยัดไม่ถึงสามกระบวนท่า เป็นซาทงเทียนต่างหากที่ยืนหยัดไม่ถึงสามกระบวนท่าก็ถูกเขาเล่นงานจนตายแล้ว!
แล้วทีนี้จะนับอย่างไร
อิงตามตรรกะก่อนหน้านี้ อย่างน้อยก็น่าจะเพิ่มได้อีกสามเลเวลสิ
ที่จริงเพิ่มไม่ถึงสามเลเวลก็ไม่เป็นอะไร หงชีกงไม่ใช่คนตระหนี่ ถึงขั้นว่าเมื่อได้เห็นเขาแสดงความสามารถแล้ว อาจจะเพิ่มให้เขาได้สี่เลเวลด้วยซ้ำ อัปให้ ‘มังกรซ่อนกบดาน’ ของเขาสูงถึงเลเวลห้า
แต่เจ้าเด็กนี่ ไม่น่าเชื่อว่าจะเดารางวัลออกตั้งแต่แรกแล้ว ฉวยโอกาสตอนที่ตนยังไม่ปรากฏตัว ใช้ค่าตบะเพิ่มเลเวล มังกรซ่อนกบดาน’ ให้ถึงเลเวลแปดในคราเดียว!
นี่เจ้ากำลังใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของระบบ เจ้ารู้ตัวหรือเปล่า
ต้องทราบไว้ว่า การอัปเลเวลทักษะยุทธ์จากเลเวลหนึ่งจนถึงเลเวลห้า ที่จริงแล้วใช้ค่าประสบการณ์ไม่เยอะเลย
ยกตัวอย่างเช่นมังกรซ่อนกบดาน ใช้ค่าประสบการณ์เพียงสามพันเจ็ดร้อยแต้มก็ทำได้แล้ว
แต่การจะเพิ่มจากเลเวลแปดให้ถึงเลเวลสิบซึ่งเป็นเลเวลสูงสุด กลับต้องใช้ค่าประสบการณ์ถึงสองแสนห้าหมื่นแต้มถึงจะทำได้!
หลังจากลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายหงชีกงก็ยังบอกว่า “เจ้าเด็กนี่ ไม่น่าเชื่อว่าใช้ ‘มังกรซ่อนกบดาน’ ที่ข้าสอนให้เจ้าแล้วจะสังหารยอดฝีมืออย่างซาทงเทียนได้ ไม่ทำให้ตาแก่ขอทานคนนี้เสียหน้าจริงๆ ทำได้งดงาม!”
เยี่ยเว่ยหมิงเกาศีรษะอย่างเก้อเขิน หงชีกงเห็นแล้วกลอกตามองบนอยู่พักหนึ่ง
เสแสร้ง เจ้าเสแสร้งต่อไปเถอะ!
พอเปลี่ยนประเด็นสนทนา น้ำเสียงของหงชีกงก็เริ่มจริงจังขึ้น “แต่เจ้ารู้หรือไม่ สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรไม่ควรใช้อย่างที่เจ้าใช้ กระบวนท่านี้ชื่อว่า ‘มังกรซ่อนกบดาน’ สิ่งที่ซ่อนกบดานคือมังกร เจ้ารู้จักมังกรหรือเปล่า มังกรไม่ได้ปลอมตัวเป็นหมูเพื่อกินเสือ!”
เยี่ยเว่ยหมิงเอาแต่พยักหน้า
ตอนนี้คงเป็นช่วงของการชี้แนะกระบวนท่าแล้วจริงๆ แม้จะไม่ได้เห็นด้วยกับที่หงชีกงพูดทั้งหมด แต่ก็ไม่ได้โต้เถียงเช่นกัน
ผิดถูกล้วนไม่สำคัญ ตราบใดที่ไม่ส่งผลกระทบต่อผลลัพธ์การชี้แนะของหงชีกงก็พอ
หงชีกงเห็นแล้วอดขมวดคิ้วไม่ได้ โบกมืออย่างทนรำคาญไม่ไหว “มีอะไรก็พูดมาตรงๆ มัวอึกอักไม่สบายใจเลยสักนิด”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วลองถามหยั่งเชิง “เช่นนั้นข้าพูดได้ใช่ไหม”
“เจ้าพูดมา!”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า แล้วบอกว่า “ที่จริงข้ารู้สึกว่า…หากตัวเองไม่ใช่มังกรอยู่แล้ว ต่อให้ปลอมตัวเป็นหมูก็กินเสือไม่ไหวอยู่ดี”
หงชีกงได้ยินแล้วชะงักไป เจ้าเด็กนี่พูดจามีเหตุผล เขาไม่รู้จะเถียงอย่างไร
หงชีกงส่ายหน้า แต่ยังบอกว่า “‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ นั้นต้องโจมตีความโอหังและความน่าเกรงขามของมังกรออกมา ปลอมตัวเป็นหมูมากินเสืออย่างเจ้าน่ะ เข้าใจความหมายที่แท้จริงของ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ แล้วหรือ”
เยี่ยเว่ยหมิงเอามือลูบจมูก “เอ่อ คือ หากจะให้โจมตีจนเกิดความน่าเกรงขาม ด้วยค่าสเตตัสเท่านี้ของข้า จะใช้ท่า ‘มังกรซ่อนกบดาน’ โจมตีซาทงเทียนตายได้หรือ”
หงชีกงถูกคำตอบของเขาทำให้สะอึกจนเถียงไม่ออกอีกครั้ง “เจ้าหุบปาก! ต่อไปฟังข้าพูดก็พอ”
“ไม่มีปัญหา”
“‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ ที่จริงแล้วเป็นอย่างนี้ มังกรซ่อนกบดานคือ…”
[ติ๊ง! ได้รับคำชี้แนะจากหงชีกง เลเวล ‘มังกรซ่อนกบดาน’ ของคุณเพิ่มขึ้น ตอนนี้เป็นเลเวลเก้าแล้ว!]
“ที่จริงอิงตามระดับความสำเร็จในการทำภารกิจของเจ้า ข้าชี้แนะให้เลเวลกระบวนท่านี้เพิ่มขึ้นสักสามสี่เลเวลเลยก็ได้ แต่เจ้าเด็กนี่เจ้าเล่ห์เกินไป นึกไม่ถึงว่าจะเพิ่มถึงเลเวลแปดในคราเดียว!…
…ตอนนี้ข้าเพิ่มเลเวลให้มันได้เพียงหนึ่งเลเวล แต่หนึ่งเลเวลนี้ ก็ยากว่าสามสี่เลเวลก่อนหน้านี้สิบกว่าเท่า!…
…เจ้าเด็กนี่ได้ทีชุบมือเปิบใหญ่แล้ว!”
เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มบางๆ เผยสีหน้าขวยเขินหนักมาก
หงชีกงกลอกตาอีกครั้ง “วันนี้ก็พอเท่านี้ ขอตัวก่อน!”
เมื่อพูดจบ ฟิ้ว! หงชีกงก็แสดงท่าร่างหายตัวไปอีกครั้ง
ครั้งนี้ เขาน่าจะไปจริงๆ แล้ว
เยี่ยเว่ยหมิงเก็บสายตากลับมา ดูที่ค่าสเตตัสของ ‘มังกรซ่อนกบดาน’ อีกครั้ง
[มังกรซ่อนกบดาน (ระดับสูง)]
……
เลเวล: 9
ค่าประสบการณ์: 0/200000
ป้องกัน +450%
โจมตี +450%
แม่นยำ +450%
กำลังภายในที่ใช้: 480 แต้ม
……
ดูแล้วเหมือนไม่ต่างกับตอนเลเวลแปดมากนัก ยังห่างกับเลเวลสิบอยู่มาก
เป็นอย่างที่คาดไว้ ทักษะยุทธ์วิชาหนึ่ง จะต้องเพิ่มถึงระดับสมบูรณ์ ซึ่งก็คือเลเลวลสิบ ถึงจะแสดงคุณภาพแบบ ‘เปลี่ยนของผุพังให้กลายเป็นความอัศจรรย์’ ออกมาได้
เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้า แล้วเริ่มคลำศพกับบรรจุศพ
[ทวนเถี่ยเจียงประตูปีศาจ (ทองคำ)]
อาวุธที่พญามังกรประตูปีศาจซาทงเทียนใช้บ่อย เป็นอาวุธมีด้าม
โจมตี +280
ป้องกัน +50
กำลังภายใน +10%
[ทวนล่าชีพ (ระดับต้น)]
วิทยายุทธ์ของพรรคหวงเหอ เมื่อฝึกถึงระดับล้ำลึก ก็จะมีประสิทธิภาพไม่ธรรมดา
เงื่อนไขการฝึก
ความแข็งแกร่ง 35
พละกำลัง 40
เงิน: 300 เหรียญทอง
……
ไม่ได้เรื่อง!
เป็นบอสเลเวลห้าสิบห้าเหมือนกัน ต่อให้ไม่ใช่ร่างสมบูรณ์โหมดปกติ แต่ความแตกต่างระหว่างซาทงเทียนกับโหวทงไห่ศิษย์น้องของเขาก็เหมือนจะมากไปหน่อย
อาจเป็นเพราะในภารกิจพิเศษนี้ เยี่ยเว่ยหมิงได้เพิ่มเลเวล ‘มังกรซ่อนกบดาน’ ก่อนต่อสู้ จึงถือว่าเขาไม่ได้ใช้ความสามารถที่แท้จริงเอาชนะซาทงเทียน ไอเทมดรอปก็เลยถูกลดลงเกินครึ่ง
คิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าเป็นไปได้
ยกตัวอย่างเช่นค่าประสบการณ์กับค่าตบะที่ได้หลังจากฆ่าซาทงเทียน ดูเหมือนได้เยอะกว่าโหวทงไห่ แต่สถานการณ์ตอนนั้นเป็นห้าคนตั้งทีมกัน แม้จะกล่าวไม่ได้ว่าทุกคนได้คะแนนพื้นฐานเท่ากัน แต่ค่าประสบการณ์กับค่าตบะที่แบ่งไปให้ผู้เล่นทุกคนต้องมีลดลงบ้างแน่นอน
ส่วนรายละเอียดว่าลดลงอย่างไร เยี่ยเว่ยหมิงเองรู้ดีที่สุด แต่มีอยู่จุดหนึ่งที่มั่นใจได้ นั่นก็คือผลตอบแทนที่ได้จากการตั้งทีมฆ่าบอสน้อยกว่าลุยเดี่ยวฆ่าบอสแน่นอน
แล้วซาทงเทียนคนนี้ก็คือบอสที่เยี่ยเว่ยหมิงฆ่าตายด้วยตัวคนเดียว แต่ค่าประสบการณ์กับค่าตบะที่เขาได้รับกลับสูงกว่าตอนได้จากโหวทงไห่ไม่เท่าไร
ดูจากจุดนี้อย่างเดียว ก็เพียงพอที่จะอธิบายถึงปัญหาได้แล้ว
เมื่อเข้าใจกุญแจสำคัญ เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่คิดวนเวียนถึงปัญหาไอเทมดรอปของซาทงเทียนอีก เปิดโลงบรรจุศพเพื่อรับตำรา ‘ตระหนักรู้กำลังภายใน’ ‘ตระหนักรู้อาวุธยาว’ ‘ตระหนักรู้วิชาตัวเบา’
ส่วนใหญ่ต่างกับที่ดรอปได้จากโหวทงไห่ศิษย์น้องของเขาไม่มากนัก ด้านคุณภาพยังแย่กว่านิดหน่อย อาจะเป็นเพราะเหมือนกับก่อนหน้านี้ ไม่ซ้ำกันอีก
หลังจากเก็บทั้งหมดเรียบร้อยแล้ว เว่ยหมิงก็นำพลั่วออกมาขุดดินฝังศิษย์พี่ศิษย์น้องรวมกัน ให้พวกเขาได้ตายแล้วฝังหลุมเดียวกัน
มองจากจุดนี้ เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกว่าตัวเองยังน้ำใจงามมาก
ต่อให้ปฏิบัติกับศัตรู ก็ยังมีเมตตากรุณาขนาดนี้เลย
ฝังศิษย์พี่ศิษย์น้องไว้ในหลุมศพเดียวกัน ในอนาคตเวลาจะกลายเป็นผีเสื้อ[1]จะได้สะดวกใช่ไหมล่ะ
ตอนนี้เขาถึงได้เปิดดูสัมภาระของตัวเอง หยิบจดหมายที่ดรอปได้จากหยางคังก่อนหน้านี้ออกมา
จดหมาย: เป็นจดหมายฉบับหนี่งที่ไม่มีหน้าซอง ในนั้นเหมือนจะซ่อนภารกิจที่สำคัญกว่าปกติเอาไว้
ไม่มีเครื่องหมายวงเล็บข้างหลัง คงจะเปิดตอนไหนก็ได้ละมั้ง
เยี่ยเว่ยหมิงไม่พูดมากแล้ว ฉีกซองจดหมายออก นำจดหมายแผ่นหนึ่งที่อยู่นั้นออกมาเสียเลย
หลังจากเปิดจดหมายออกแล้ว บนนั้นกลับมีตัวอักษรธรรมดาแปดตัว
[ใครจะช่วยชีวิตข้าได้บ้าง?]…ฉินหนานฉิน
[ติ๊ง! ได้รับภารกิจภารกิจ ‘ช่วยชีวิตฉินหนานฉิน’]
[กรุณาหาตัวสาวน้อยฉินหนานฉินที่กำลังลำบากให้เจอภายในสามวัน (ภารกิจนี้ทำได้คนเดียวเท่านั้น หากตั้งทีม ระดับความยากจะเพิ่มขึ้นจากเดิมหลายเท่า!)]
ระดับภารกิจ: 6 ดาว
รางวัลภารกิจ: ยังไม่ทราบ
[บทลงโทษเมื่อภารกิจล้มเหลว: หยางกั้ว บุตรชายของหยางคัง หลังจากเรียนทักษะยุทธ์สำเร็จแล้วจะล้างแค้นให้บิดา จะตามไล่ล่าสังหารคุณไม่หยุดจนกว่าจะสังหารจนคุณกลับหมู่บ้านมือใหม่!]
[นับถอยหลังภารกิจ: 2 วัน 23 ชั่วโมง 59 วินาที]
[1] กลายเป็นผีเสื้อ 化蝶 ล้อเล่นตัวเอกจากนิยายเรื่องม่านประเพณี เรื่องราวของศิษย์พี่กับศิษย์น้องที่รักกันแต่ไม่สมหวัง สุดท้ายฆ่าตัวตายและวิญญาณกลายร่างเป็นผีเสื้อสองตัวบินเคียงคู่กัน