ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 19 อาวุธล้ำค่า หน้าไม้เทพจูเก๋อ
ตอนที่ 19 อาวุธล้ำค่า: หน้าไม้เทพจูเก๋อ
“ตกลงเมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น”
“เห็นอยู่ชัดๆ ว่าเจ้ายังไม่ได้ทำอะไรเลย แต่โจรลุ่มน้ำนั่นเอาแต่จ้องเจ้าไม่วางตา ถึงขนาดว่าโดนข้าสังหารตายแล้ว แต่เป้าหมายโจมตีแรกของมันก็ยังเป็นเจ้าอยู่ดี ข้ามีแต่ต้องไปขวางอยู่ในแนวโจมตีของมันกับเจ้า มันถึงจะยอมโจมตีกลับมาสักครั้งหนึ่ง” พอก้มตัวลงตรวจคลำศพของโจรลุ่มน้ำได้ครู่หนึ่ง ไอเทมก็ดรอปออกมาและแบ่งเข้ากระเป๋าของทั้งสองคนโดยอัตโนมัติ ในที่สุดโหยวโหยวก็ทนไม่ไหวจนต้องถามออกมา
เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มเจื่อนพลางส่ายหน้า ตอบอย่างจนใจว่า “ข้าเพิ่งเรียนรู้เคล็ดกระบี่ที่สุดยอดมากระบวนท่าหนึ่ง เพียงแต่ตอนเปิดใช้งานนั้นยากไปหน่อย แต่ดูจากตอนนี้ เอฟเฟ็กต์เย้ยหยันของมันไม่เบาเลยทีเดียว”
โหยวโหยวได้ยินดังนั้นก็เข้าใจทันที “เจ้าอยากจะทดสอบประสิทธิภาพของกระบวนท่านั้นสินะ”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้าอย่างเก้อเขิน ถึงอย่างไรตัวเองก็ทดสอบทักษะยุทธ์ จึงทำให้ทั้งสองเสียเวลาร่วมกัน
แต่คาดไม่ถึงว่าโหยวโหยวจะไม่ถือสาแม้แต่น้อย เพียงโบกมือบอกว่า “เจ้าทดสอบต่อไปได้เลย ข้ารับหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้เจ้าเอง ครั้งนี้ไม่ใช้หน้าไม้แล้ว จะใช้แค่หมัดกับเท้าค่อยๆ เล่นสนุกกับพวกเขา”
มีคุณธรรมน้ำมิตร!
เยี่ยเว่ยหมิงใจร้อนอยากจะลองใช้ผลแอคทีฟสกิลของ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ สักครั้งจริงๆ จึงไม่ได้เกรงใจนาง แล้ว เริ่มงอนิ้วคำนวณอีกครั้ง โจรลุ่มน้ำซีหูที่ถูกเขาตรึงร่างไว้ก็โมโหจนขนพองราวกับแมวถูกเหยียบหาง คำรามอย่างมีน้ำโหพร้อมพุ่งเข้ามา
ครั้งนี้เป็นเพราะได้ความร่วมมือจากโหยวโหยว เยี่ยเว่ยหมิงจึงไม่ต้องกังวลเรื่องความปลอดภัยของตัวเองอีก เพียงตั้งหน้าตั้งตาคำนวณโจทย์เลขที่เด้งขึ้นมาหน้าระบบเท่านั้น
หนึ่งข้อ สองข้อ สามข้อ…ห้าข้อ…
จนกระทั่งในตอนเยี่ยเว่ยหมิงคำนวณโจทย์เลขข้อที่เจ็ด โจรลุ่มน้ำซีหูก็ถูกโหยวโหยวทุบตาย
ต้องเข้าใจก่อนว่า โหยวโหยวเป็นศิษย์สำนักถังเหมิน การโจมตีหลักคืออาวุธลับ วิชากังฟูหมัดมวย เดิมทีก็ไม่ได้มีพลังอะไรมากมายนัก เพื่อที่จะลดพลังโจมตีลง นางถึงกับไม่ใส่แม้กระทั่งนวมด้วยซ้ำ
แต่แม้จะเป็นเช่นนี้ จนกระทั่งโจรลุ่มน้ำซีหูคนนั้นตายไปแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังเปิดใช้ผลแอคทีฟสกิลของไท้ซัวเป็นไฉนไม่สำเร็จ
เอฟเฟ็กต์ที่เกิดขึ้นจริงของกระบวนท่านี้ ก็อย่างที่เห็นนี่แหละ!
แต่ว่าจากการทดลองครั้งนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ได้ค้นพบสิ่งหนึ่งที่สะดุดตาไม่น้อย นั่นก็คือกังฟูหมัดมวยของโหยวโหยวนั้นไม่เลวเลยทีเดียว นี่ไม่ได้ขัดแย้งกับที่เคยบอกว่านางไม่เคยเรียนกังฟูหมัดมวยมาก่อน เพราะสิ่งที่นางใช้เดิมทีก็ไม่ใช่สกิลในเกม แต่ดูเหมือนจะเป็นเทคนิคการต่อสู้ในชีวิตจริงมากกว่า แม้ว่าการโจมตีจะไม่มีโบนัสอะไร แต่ความรวดเร็วและรุนแรงของกระบวนท่า กลับทำให้โจรซีหูที่มีอาวุธร้ายในมือไร้ซึ่งแรงจะต้านทานได้
“เอาใหม่!”
ไม่รอให้เยี่ยเว่ยหมิงเอ่ยคำขอโทษออกมา โหยวโหยวก็ถูหมัดถูมือรอแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงเริ่มทดสอบต่อ
โจรลุ่มน้ำคนที่สาม ถูกโหยวโหยวฆ่าตายตอนเยี่ยเว่ยหมิงคำนวณโจทย์เลขข้อที่แปด
คนที่สี่ โดนฆ่าตายตอนคำนวณโจทย์เลขข้อที่เก้า…
คนที่ห้า ข้อสิบ…
คนที่หก ก็ยังข้อสิบอยู่…
มาถึงโจรลุ่มน้ำซีหูคนสุดท้ายในทางเดินนี้ ตอนที่ถูกโหยวโหยวโจมตีจนพลังชีวิตเหลือไม่ถึงร้อยแต้ม ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็เริ่มเคลื่อนไหวแล้ว แต่เขาเดินมาพร้อมกับกระบี่ กระบี่หลงเฉวียนกลายเป็นลำแสงเส้นหนึ่ง ปักเข้ากลางอกของโจรลุ่มน้ำซีหู
ไซซีกุมดวงใจ!
ปลิดชีพ!
พอเก็บกระบี่เข้าฝักแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงสัมผัสถึงความรู้สึกยามแทงกระบี่ออกไปเมื่อครู่อย่างเงียบๆ ผลแอคทีฟสกิลของไท้ซัวเป็นไฉนนี่ มหัศจรรย์ได้ขนาดนี้เชียวหรือ?
เมื่อครู่นี้ หลังจากเขาคิดโจทย์เลขครบทั้งสิบข้อเรียบร้อย ฉับพลันนั้นก็รู้สึกจิตใจเฉียบแหลมขึ้นมา ราวกับทุกอย่างรอบตัวล้วนอยู่ภายใต้การคำนวณของเขา การโจมตีของตนต่อให้ศัตรูอยากจะป้องกันแต่ก็ทำไม่ได้ จะหนีก็หนีไม่พ้น การแทงกระบี่ตามออกไป นับเป็นการเคลื่อนไหวอันสมบูรณ์แบบที่กระตุ้นกล้ามเนื้อทุกส่วนทั่วทั้งร่างกาย กำลังภายในทุกกระแสสาย ความเข้ากันได้ระหว่างกำลังภายในและกล้ามเนื้อก็อยู่ในระดับที่ยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดเช่นกัน
ในตอนนั้นเอง เขารู้สึกได้ว่าตัวเองได้กุมชะตาชีวิตของอีกฝ่ายไว้ในมือได้อย่างเบ็ดเสร็จ!
สุดยอดกระบวนท่าไท้ซัวเป็นไฉน!
แต่เงื่อนไขการเปิดใช้นี่มันก็ออกจะโคตรทุเรศเกินไปหน่อย!
เห็นเยี่ยเว่ยหมิงยืนถือดาบอยู่ที่เดิมไม่ขยับ ทั้งใบหน้ายังแสดงอาการเคลิบเคลิ้ม โหยวโหยวไม่ได้สนใจนัก เพียงบอกว่า “ข้าว่าเคล็ดกระบี่ที่เจ้าเพิ่งเรียนมานี้ใช้งานจริงไม่ค่อยได้”
“จุดนี้ข้าก็สังเกตเห็นแล้วเหมือนกัน” เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้าอย่างจนปัญญา
มองดูค่าประสบการณ์ที่อยู่ตรงสกิล
ค่าประสบการณ์: 1/1000
ผลแอคทีฟสกิลของเคล็ดจิตนี้ ไม่เพียงเปิดใช้งานยาก หนำซ้ำเงื่อนไขการอัปเลเวลจำเป็นจะต้องโหดขนาดนี้เลยเหรอ?
ให้นั่งคิดเลขอยู่ตั้งนานสองนาน แต่ให้ค่าประสบการณ์มาแค่หนึ่งแต้ม?
ดูท่าเคล็ดจิตนี้จะไม่ได้พึ่งการฝึกเท่าไร คงได้แต่หวังพึ่งค่าตบะให้มาช่วยเพิ่มให้เสียแล้ว
ต่อมาเหมือนจะนึกอะไรออก พูดเสริมอีกว่า “จากที่เห็นตอนนี้ กระบวนท่าเดียวที่เป็นจุดเด่นคงจะเป็นเอฟเฟ็กต์พิเศษเย้ยหยันอันทรงพลังนั่น สกิลนี้ถ้าอยู่ในเกมออนไลน์ทั่วไป จะต้องเป็นสกิลเทพหนึ่งเดียวประจำสายแทงค์แน่นอน ไม่ต้องกังวลเลยว่าจะเกิดออฟแทงค์ แต่ก็ยังไม่รู้ว่า เอฟเฟ็กต์นี้ถ้าเอามาใช้กับผู้เล่นด้วยกันแล้ว จะยังให้ผลเหมือนเดิมหรือเปล่า”
“ลองดูเดี๋ยวก็รู้เอง” เห็นชัดเลยว่าโหยวโหยวเป็นพวกชอบลงมือทำ ถอยหลังไปสองสามก้าวอย่างรวดเร็วแล้วเอ่ยขึ้น “ตอนนี้เจ้าลองเอาข้าเป็นเป้าโจมตี ลองดูผลลัพธ์”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้าเล็กน้อย สายตาจับจ้องไปที่โหยวโหยว มือซ้ายงอนิ้วคำนวณ โหยวโหยวกลับเบิกตาโต ร่างกายถอยไปด้านหลังหลายก้าวแบบไม่ทันคิด
เยี่ยเว่ยหมิงเห็นดังนั้นก็หยุดคำนวณ ถามว่า “เมื่อครู่รู้สึกอย่างไรบ้าง”
โหยวโหยวมองเยี่ยเว่ยหมิงด้วยใจผวา “น่ากลัวมาก ตอนที่เจ้าใช้สกิล ข้ารู้สึกราวกับถูกอะไรบางอย่างที่น่ากลัวมากๆ จ้องมองอยู่ เหมือนกับว่า…ถูกคนเอาปืนมาจ่อหัว หรือน่ากลัวกว่านั้น!”
พูดอย่างกับว่าเคยโดนเอาปืนจ่อหัวอย่างนั้นแหละ
เยี่ยเว่ยหมิงจดจำคำบรรยายของนางอย่างเงียบๆ จากนั้นโบกมือบอก “ในเมื่อกระบวนท่านี้มันใช้ไม่ได้จริง เช่นนั้นก็ไม่ฝึกแล้ว อย่างไรเสีย การจัดการแผนที่นี้ให้ราบคาบสำคัญกว่า”
ส่วนเงื่อนไขการเปิดใช้บ้าบอของผลแอคทีฟสกิล ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่ได้ใส่ใจมากนัก ต่อให้เปิดใช้ผลแอคทีฟสกิลไม่ได้ เพียงแค่โบนัสผลพาสซีฟของมัน ก็มีประโยชน์มากพอแล้ว
เกิดเป็นคนต้องรู้จักพอ
กล่าวกันว่า ชายหญิงทำงานร่วมกันไม่เหนื่อย ความเข้าคู่กันของคนหนึ่งที่โจมตีระยะไกล อีกคนหนึ่งโจมตีระยะประชิดนั้น ช่างเหมาะกับกลยุทธ์การต่อสู้อย่างยิ่ง เคล็ดกระบี่ของเยี่ยเว่ยหมิงปราดเปรียวว่องไว ตั้งรับอยู่แนวหน้าก็เดินหน้าต่อไปได้โดยไร้บาดแผล ส่วนโหยวโหยวที่อยู่ด้านหลังนั้นเป็นมือหน้าไม้คอยยิงต่อเนื่อง แทบไม่ต้องคิดถึงเรื่องตำแหน่งการเคลื่อนไหวก็ยืนยิงได้อย่างไม่ต้องเกรงกลัว
วังใต้ดินที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ ทั้งคู่ใช้เวลาเพียงไม่ถึงสองชั่วโมง ก็กวาดล้างได้หมดสิ้น เหลือก็แต่ BOSS เฉินหมิงในห้องโถงของวังใต้ดินแล้ว
มองเห็น BOSS ที่เดินวนไปวนมาในห้องโถงของวังใต้ดินอยู่ไกลๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “หัวหน้าของดันเจี้ยนวังใต้ดินนี่ออกแบบมาง่ายไปหน่อยไหมนะ นึกไม่ถึงว่าข้างกาย BOSS จะไม่มีคนคุ้มกันเลยแม้แต่คนเดียว ในสถานการณ์ทั่วไป มีมอนสเตอร์อยู่รอบกาย แบบนั้นถึงจะเป็นฉาก BOSS ที่ควรจะเป็นสิ”
โหยวโหยวที่ตามหลังเขามาติดๆ กลับพูดขึ้นอย่างจริงจังว่า “นี่ไม่ใช่ BOSS ทั่วไปแน่นอน เจ้าดูเลเวลเขาดีๆ”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินจึงเบนสายตามองไปบนตัวของ BOSS ที่กำลังยืนอยู่
[เฉินหมิง
เลเวล: 30
พลังชีวิต: 6500/6500]
……
พอได้เห็น เยี่ยเว่ยหมิงก็ขมวดคิ้วทันที “เลเวลสามสิบ! ล้อเล่นอะไรกัน BOSS ที่เลเวลขนาดนี้ ทำไมถึงมาปรากฏตัวในวังใต้ดินได้”
ไม่แปลกใจที่เยี่ยเว่ยหมิงจะตกใจ
ถ้าอยู่ในสถานการณ์ทั่วไป ตอนออกแบบดันเจี้ยนในเกมจะพยายามทำเลเวล BOSS กับมอนสเตอร์ตัวเล็กให้สมดุลกัน อย่างเช่น โจรลุ่มน้ำในวังใต้ดิน เลเวลจะสูงกว่าข้างนอกอยู่เล็กน้อย อยู่ประมาณระหว่างเลเวลสิบเอ็ดถึงเลเวลสิบสามเช่นนั้น BOSS ในแผนที่เดียวกัน เลเวลก็ควรจะประมาณสิบห้า สูงสุดก็ไม่ควรถึงเลเวลยี่สิบ ไม่อย่างนั้นก็พูดได้อย่างเดียวว่าแผนที่ที่ออกแบบมามีปัญหา
ผู้เล่นที่เลเวลต่ำ แน่นอนว่าไม่มีคุณสมบัติพอที่จะท้ารบ BOSS ส่วนผู้เล่นที่เลเวลสูง โจมตีมอนสเตอร์ตัวเล็กพวกนี้ก็ไม่ได้ค่าประสบการณ์อีก คุณว่าแผนที่นี้ออกแบบมาให้ผู้เล่นเลเวลไหนเล่นกัน
หากจะบอกว่าเฉินหมิงคือ BOSS ลับก็ว่าไปอย่าง เพราะถึงอย่างไร BOSS ลับก็มีถมเถไป และไม่ได้มีไว้ให้ผู้เล่นใช้แผนที่นี้ฝึกเลเวล แต่ว่าเฉินหมิงเป็นหัวหน้าของมอนตัวเล็กพวกนั้น ดูอย่างไรก็ไม่เหมือน BOSS ลับนะ!
พูดตามหลักก็คือ ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ เกมที่ได้รับการยืนยันจากรัฐบาล และเป็นเกมเดียวที่ให้ความบันเทิงแก่ผู้อพยพระหว่างดวงดาว ไม่ควรจะเกิดข้อผิดพลาดระดับล่างแบบนี้สิถึงจะถูก
แต่ความผิดพลาดแบบนี้ ก็ดันมาเกิดขึ้นอยู่ตรงหน้า
คุณกล้าเชื่อไหมล่ะ?
“เพราะเลเวลของ BOSS ตัวนี้มีส่วนเสริม” ตอนนี้ โหยวโหยวเอ่ยปากพูดความสงสัยในใจของเยี่ยเว่ยหมิง “เห็นหน้าไม้ที่เขาถืออยู่ในมือนั่นไหม หน้าไม้นั้นมีชื่อว่าหน้าไม้เทพจูเก๋อ[1] เป็นหนึ่งในอาวุธลับสิบอย่างที่แข็งแกร่งที่สุดของสำนักถังเหมิน เป็นระดับอาวุธล้ำค่า ตอนที่ข้ารับภารกิจ อาจารย์บอกข้าว่า หากมีหน้าไม้นี้ในมือ จะทำให้พลังของเฉินหมิงเพิ่มขึ้นได้อีกสิบห้าเลเวล ให้ข้ารับมืออย่างระมัดระวัง”
[1] จูเก๋อ 诸葛 หรือขงเบ้งในเรื่องสามก๊ก