ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 190 หยางกั้ว เขาเก่งมากไหม
ตอนที่ 190 หยางกั้ว เขาเก่งมากไหม
เมื่อได้เห็นภารกิจนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็มือสั่นทันที ถึงขั้นไม่จับจดหมายเอาไว้ ปล่อยให้มันตกลงจากฝ่ามือไปแล้ว จากนั้นเมื่อลมพัดมาวูบหนึ่ง มันก็ลอยไปไกลก่อนจะหายไป
กลับมาที่กระเป๋าสะพายหลังของเขา
อืม…
นี่ก็คือกฎของระบบ
ไอเทมที่เป็นของผู้เล่น หากไม่ได้ตั้งใจทิ้ง หลังจากลอยไปไกลได้สักระยะ มันก็จะถูกเก็บกลับเข้ามาในสัมภาระโดยอัตโนมัติ
ถ้าไม่อย่างนั้น ทุกคนก็คงไม่ต้องปวดหัวกับทักษะการขโมยที่เพ้อเจ้อนั่นหรอก ยังจะต้องทำซ้ำไปซ้ำมาไปทำไม แย่งไปตรงๆ ก็สิ้นเรื่องแล้วไม่ใช่หรือ
เพียงแต่จุดที่เยี่ยเว่ยหมิงสนใจตอนนี้ไม่ได้อยู่บนกระดาษแผ่นนั้น แต่เป็นภารกิจนี้ที่แม่งขี้โกงเกินไปแล้ว!
หยางกั้วเป็นใครกัน
เยี่ยเว่ยหมิงยังจำที่อินปู้คุยเคยบอกได้ ว่านั่นคือพระเอกของเรื่องนี้!
หลังจากพระเอกของเรื่องฝึกทักษะยุทธ์สำเร็จแล้ว ความสามารถจะอ่อนด้อยได้หรือ
ถูกพระเอกของเรื่องไล่ฆ่า…
แค่คิดก็รู้สึกปวดไข่แล้ว!
พึ่บพั่บๆๆ…
ตอนนี้ จู่ๆ นกพิราบขาวตัวหนึ่งก็ปรากฏตัวอยู่ตรงจุดที่ไม่ไกลจากเขา วิธีการบินของมันเหมือนกำลังวาดเค้าโครงคำว่า ‘ส่าปี[1]ไหมล่ะ’ บนท้องฟ้า จากนั้นก็มาเกาะบนบ่าของเยี่ยเว่ยหมิงแล้วหายไป
[บัดซบ ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะฆ่าซาทงเทียนด้วยตัวคนเดียว! หากเจ้าฆ่าเช่นนี้ต่อไป ไม่ใช่ว่าเตรียมจะฆ่าล้างจวนอ๋องจ้าวหรอกหรือ]…อินปู้คุย
เมื่อเห็นชื่อนี้ บนใบหน้าเยี่ยเว่ยหมิงก็เผยรอยยิ้มเจื่อน ตอนนี้กำลังจะตอบ อีกฝ่ายกลับส่งข้อความมาอีก
[กลยุทธ์ที่ข้าบอกไว้ก่อนหน้านี้เรียบร้อยแล้ว เจ้าฆ่าได้สบายๆ เลย หลังจากดูกลยุทธ์แล้วค่อยพิจารณาว่าจะฆ่า หรือเก็บไว้ก็ยังไม่สาย]…อินปู้คุย
ตอนนี้เอง ข้อความของเยี่ยเว่ยหมิงก็ถูกส่งออกไปอย่างเร็วที่สุดเช่นกัน
[เจ้ารอก่อน! ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า รีบมาก เกี่ยวกับความเป็นความตาย!]…เยี่ยเว่ยหมิง
[เรื่องอะไรร้ายแรงขนาดนั้น]…อินปู้คุย
เยี่ยเว่ยหมิงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง แล้วพิมพ์ข้อความอีกครั้ง
[คำถามแรก หยางกั้วเป็นใคร ข้ารู้ว่าเขาเป็นพระเอกของเรื่องอะไรสักอย่าง แต่ทางที่ดีเจ้าช่วยบอกให้ละเอียดกว่านี้สักหน่อย]…เยี่ยเว่ยหมิง
อินปู้คุยตอบข้อความกลับเร็วมากเช่นกัน
[หยางกั้ว เปลี่ยนชื่อแล้ว หยางคัง หรือบุตรชายของหวันเหยียนคังกับมู่เนี่ยนฉือที่เจ้าสังหารตายไปก่อนหน้านี้ พบเจอชะตากรรมโหดร้ายทั้งชีวิต แต่กลับกลายเป็นคนที่ไม่ธรรมดา เรื่องราวความรักระหว่างเขากับเสี่ยวหลงหนี่ว์[2]ก็ยิ่งทำให้คนซาบซึ้งใจทั้งแผ่นดิน เรื่องมันยาวมาก]…อินปู้คุย
[ตอนนี้ข้าไม่อยากรู้เรื่องความรักของเขา สิ่งที่ข้าอยากรู้ก็คือ เขาเก่งกาจมากหรือเปล่า]…เยี่ยเว่ยหมิง
ครั้งนี้อินปู้คุยไม่ได้ตอบกลับอย่างรวดเร็ว ใช้เวลานานมาก
[คำถามที่ว่าเขาเก่งกาจหรือไม่…
ก็พระเอกของเรื่องน่ะ เจ้าคิดเอาเองแล้วกัน!…
…หลังจากเรียนทักษะยุทธ์สำเร็จ คาดว่าคงอยู่ระดับเดียวกับห้ายอดฝีมือแห่งใต้หล้า…
…นอกจากนี้เขายังมีอินทรีเทพตัวหนึ่งเป็นสัตว์เลี้ยง คงเลเวลประมาณร้อยห้าสิบกระมัง…
…ยังมีอีกนะ ภรรยาของเขาก็มีฝีมือร้ายกาจมากเช่นกัน ประมาณเลเวลร้อยหกสิบห้าเห็นจะได้…
…เจ้าก็รู้จักกระบี่คู่ผนึกรวม อีกฝ่ายกุมกระบี่สองมือด้วยตัวคนเดียว ก็ใช้กระบี่คู่ผนึกรวมได้แล้ว ทั้งยังเป็นกระบี่คู่ผนึกรวมที่ไม่มีจุดด้อยด้วย!…
…จะว่าไปแล้ว จู่ๆ เจ้าถามถึงเรื่องนี้ทำไม]…อินปู้คุย
เมื่ออ่านข้อความนี้จบ เยี่ยเว่ยหมิงก็ราวกับรู้สึกได้ถึงเจตนาร้ายอันลึกซึ้งที่มาจากระบบ
เขาส่ายหน้า แล้วจับภาพหน้าจอข้อมูลภารกิจที่เพิ่งได้มาส่งไป แนบคำถามไปด้วยว่า [ฉินหนานฉินเป็นใคร]
หลังจากได้อ่านข้อความ อินปู้คุยก็ส่งคำว่า ‘บัดซบ’ ให้เขาสิบสามตัว จากนั้นบอกเขาว่าต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จให้ได้ ไม่ว่าจะต้องจ่ายด้วยอะไรก็ตาม!
ส่วนคำถามที่ว่าฉินหนานฉินเป็นใคร
อินปู้คุยบอกว่าเขาไม่เคยได้ยินมาก่อน คงเป็นตัวละครที่ผู้ออกแบบเกมสร้างขึ้นมากระมัง
เมื่อคุยกันผ่านจดหมายจบแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกกดดันเหมือนแบกภูเขา
เล่นเกมมาตั้งนาน นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าความกดดันนั้นน่ากลัวขนาดนี้
เขาไม่อยากประมือกับหยางกั้ว
ฉากน้ำเน่าอย่างการล้างแค้นให้บิดาแม่งดราม่าเกินไปจริงๆ สำหรับเนื้อเรื่องดราม่าแบบนี้ คนที่สง่างามสดใสอย่างเยี่ยเว่ยหมิง ถ้าเลี่ยงได้ก็ต้องเลี่ยงอยู่แล้ว
สาเหตุที่สำคัญที่สุดก็คือ…สู้ไม่ไหวจริงๆ!
หยางกั้วเลเวลหนึ่งร้อยแปดสิบ+อินทรีเทพเลเวลหนึ่งร้อยห้าสิบ+ภรรยาหยางกั้วเลเวลหนึ่งร้อยเจ็ดสิบ การรวมตัวแบบนี้งดงามจนทำให้คนรู้สึกสิ้นหวังแล้ว
ยามเผชิญหน้ากับการรวมกลุ่มอันงดงามแบบนี้ สำนักมือปราบจะปกป้องข้าไหวหรือเปล่า
เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้า ยังรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่ตัวเองทำไหว ทางที่ดีอย่าไปรบกวนคนอื่นเลย
เขานำจดหมายขอความช่วยเหลือของฉินหนานฉินออกมาอีกครั้ง
เบาะแสมีเพียงกระดาษแผ่นนี้ บนนั้นกลับไม่มีชื่อตัวละครที่มากกว่านี้สักคน หากผู้เล่นทั่วไปเผชิญกับสถานการณ์นี้ จะต้องรู้สึกว่าตัวเองจนปัญญาแน่นอน
แต่เยี่ยเว่ยหมิงไม่ใช่ผู้เล่นทั่วไป เข้าเป็นมือปราบยศขั้นหกของสำนักมือปราบ!
ถ้าอยากจะตัวฉินหนานฉินให้พบ เขามีสองวิธีการให้เลือก
วิธีการแรกก็คือ เรียกเฟยอวี๋มาช่วย ทักษะ ‘สืบเสาะหมื่นลี้’ ของเจ้าหมอนั่นเหมือนเป็นอาวุธชั้นเลิศในการหาคนจริงๆ
แต่ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเฟยอวี๋ไม่ค่อยดีนัก จะขอให้อีกฝ่ายช่วยก็ต้องติดหนี้น้ำใจกันหนึ่งครั้ง หรือไม่ก็ต้องจ่ายบางอย่าง
นอกจากนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่อยากให้เจ้าหมอนั่นรู้ภารกิจของตัวเองด้วย
ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจใช้วิธีการที่สองก่อน
พอเกิดความคิดนี้ขึ้น เขาก็เรียกอาหวงออกจากกำไลมิติสัตว์เลี้ยงอีกครั้ง จากนั้นนำจดหมายขอความช่วยเหลือของฉินหนานฉินยื่นไปตรงจมูกของมัน “อาหวง! ดมดูหน่อย จะตามหาเจ้าของเดิมของสิ่งนี้ได้ไหม”
“โฮ่งๆๆ…” อาหวงเห่าใส่เยี่ยเว่ยหมิงสองสามคำ จากนั้นหันตัวและวิ่งสั่นหัวส่ายหางไปทางเมืองเทียนจิน
ทำได้จริงๆ ด้วย!
……
ให้อาหวงหาคน ประสิทธิภาพไม่ดีเท่าทักษะ ‘สืบเสาะหมื่นลี้’ ของเฟยอวี๋แน่นอน
จุดที่ชัดเจนที่สุดก็คือ มันไม่เร็วเท่าเฟยอวี๋!
ระยะทางช่วงหนึ่งที่ไม่ไกลมาก อาหวงกลับใช้เวลาวิ่งไปครึ่งชั่วโมงกว่า ในที่สุดก็คือจุดที่อยู่ห่างจากเมืองเทียนจินออกไปสามลี้ พบหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ชื่อว่า ‘หมู่บ้านรั่วหวา’
เพียงแต่ตอนที่อยู่ห่างจาก ‘หมู่บ้านรั่วหวา’ ประมาณสามสิบจั้ง[3] จู่ๆ อาหวงก็ไม่วิ่งต่อ มันขดตัวเป็นวงกลม ตัวสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ แววตาเผยอาการหวาดกลัวมาก เทียบกับตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงเจอมันครั้งแรก ตอนนี้มันดูว่านอนสอนง่ายยิ่งกว่าตอนอยู่ใกล้โก่วเหยียนหวังที่จะจับมันไปต้มเสียอีก
เป็นอย่างที่คาดไว้ ภายนอกหมู่บ้านภูเขาแห่งนี้ดูสงบ แต่ความจริงผิดปกติและอันตรายอย่างนั้นหรือ
แต่คิดไปคิดมาก็รู้สึกว่าใช่ ในเมื่อเป็นภารกิจระดับหกดาว ก็ไม่ควรจะง่ายเกินไป
หากไม่ใช่เพราะเวลากระชั้นชิด เยี่ยเว่ยหมิงก็อยากจะกลับไปตั้งใจฝึกทักษะยุทธ์ หรือไม่ก็จัดการเรื่องทางฝั่งสำนักชิงเฉิง อัปเลเวล ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ให้เต็มก่อนแล้วค่อยบุกหมู่บ้านนี้อีกที
แต่เวลาไม่คอยใคร เยี่ยเว่ยหมิงไม่อยากถูกหยางกั้วที่ฝึกทักษะยุทธ์สำเร็จแล้วพาภรรยากับสัตว์เลี้ยงมาไล่ล่าสังหารทั่วโลก จึงได้แต่พยายามช่วยผู้หญิงที่ชื่อฉินหนานฉินนั่นออกมาให้เร็วที่สุด
เยี่ยเว่ยหมิงสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่งแล้วก้าวมาข้างหน้า เคาะประตูใหญ่ของหมู่บ้านภูเขา
ผู้ที่เปิดประตูคือชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่บึกบึน แต่เลเวลไม่สูง เลเวลยี่สิบเท่านั้น ยังไม่ใช่ BOSS ดูจากพลังแล้วเป็นได้เป็นเพียงมอนสเตอร์อีลิท
หลังจากอีกฝ่ายเห็นเยี่ยเว่ยหมิง ก็ถามด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรว่า “เจ้าเป็นใคร มาทำอะไรที่นี่”
เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มน้อยๆ หยิบมีดสั้นที่สลักว่า ‘กัวจิ้ง’ ออกมาจากหน้าอก ขณะเดียวกันก็ปรับลมหายใจ พยายามทำให้ตัวเองดูใจเย็นที่สุด “ท่านอ๋องน้อยสั่งให้ข้ามาหาคนที่ชื่อว่าฉินหนานฉิน นี่คือของที่ระลึกที่เขาให้ข้า”
ชายฉกรรจ์ที่เฝ้าประตูเห็นแล้วชะงัก ท่าทีไม่เป็นมิตรเจือจางลงในชั่วพริบตาที่เห็นมีดสั้น “เจ้าตามข้ามาเถอะ”
[1] ส่าปี 傻逼 คำที่หยาบคายมากๆ 逼 อวัยวะเพศหญิง 傻โง่
[2] เสี่ยวหลงหนี่ว์ 小龙女 หรือที่คนไทยรู้จักกันในชื่อเซียวเหล่งนึ่ง
[3] จั้ง หน่วยวัดของจีน 1 จั้งเท่ากับ 500 เมตร