ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 191 ฆ่าคนไร้รูป วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์
ตอนที่ 191 ฆ่าคนไร้รูป วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์
เมื่อเดินตามหลังทหารยามหมู่บ้านภูเขาเลเวลยี่สิบเข้ามาในหมู่บ้านรั่วหวา กลับเห็นทิวทัศน์ในหมู่บ้านงดงามเป็นพิเศษ ดอกเหมยเบ่งบานอยู่แทบทั่วทุกซอกทุกมุม
ไม่ว่าจะมองอย่างไร ที่นี่ก็ไม่เหมือนถ้ำเสือบ่อมังกร[1] กลับเหมือนดินแดนในอุดมคติมากกว่า
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่ประมาทเลยสักนิด แค่ประเมินจากภารกิจระดับหกดาวอย่างเดียว ก็เพียงพอจะอธิบายได้แล้วว่าสถานที่นี้ไม่เป็นมิตรแน่นอน!
เพื่อเพิ่มโอกาสชนะสูงสุดให้เขาในภารกิจที่เกี่ยวข้องกับความเป็นความตายนี้ ระหว่างที่เดินทางและอาหวงผ่อนความเร็ว เขาถือโอกาสใช้งานตำราลับตระหนักรู้ทั้งหมดที่ได้จากซาทงเทียนและโหวทงไห่ก่อนหน้านี้จนหมดแล้ว
ค่าประสบการณ์ของกำลังภายในที่ได้รับ ทำให้ค่าประสบการณ์ ‘เคล็ดวิชาจักรวาล’ ของเยี่ยเว่ยหมิงเพิ่มขึ้นเป็น 31500/32000 ในรวดเดียว
ได้ตัวเลขสูงขนาดนี้ก็ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว เขาใช้ค่าตบะที่เหลือเติมเข้าไป อัปเลเวลมันให้ถึงหกเสียเลย
[เคล็ดวิชาจักรวาล (ระดับสูง)]
เลเวล: 6
ค่าประสบการณ์: 0/64000
……
พลังชีวิต +1200
กำลังภายใน +3000
ความแข็งแกร่ง +180
พละกำลัง +180
ท่าร่าง +180
ความว่องไว +180
เอฟเฟ็กต์พิเศษ: ชำระปราณ
……
ส่วนค่าประสบการณ์วิชาตัวเบา ก็นำมาใช้ได้กับ ‘แปดก้าวไล่ทันคางคก’ เท่านั้น หลังจากใช้ตำราลับตระหนักรู้หมดไปสองเล่ม ก็ทำให้วิชาตัวเบานี้เพิ่มถึงเลเวลเจ็ดทันที
[แปดก้าวไล่ทันคางคก (ระดับต้น)]
……
เลเวล: 7 (+1)
ค่าประสบการณ์: 0/32000
ท่าร่าง +140 (+20)
(ในวงเล็บเป็นเลเวลสกิลรวมทั้งโบนัสค่าสเตตัสที่เพิ่มขึ้นเพราะอาศัยอุปกรณ์)
……
ส่วน ‘ตระหนักรู้อาวุธยาว’ สองเล่ม หลังจากใช้วิธีการเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกัน ก็แบ่งเพิ่มไปบนทักษะ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ กับ ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ แล้ว
เล่มแรกทำให้ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ของเขาเพิ่มขึ้นหนึ่งเลเวล ทำให้ค่าสเตตัสเปลี่ยนเป็น…
[ไท้ซัวเป็นไฉน (สุดยอดวิชา)]
……
เลเวล: 4
ค่าประสบการณ์: 3350/10000
โจมตี +40%
แม่นยำ +40%
คริติคอลดาเมจ +40% โจมตีถูกจุดสำคัญมีโอกาสโจมตีครั้งเดียวปลิดชีพ 5%!
มองจากภาพรวม ค่าสเตตัสของ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ที่เพิ่มเป็นเลเวลสี่ ก็คือการเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนทีละเลเวล ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นดีใจเป็นพิเศษ
สิ่งที่สำคัญที่สุดในค่าสเตตัสก็คือตรงที่บอกว่า ‘มีโอกาสโจมตีครั้งเดียวปลิดชีพ 5%’ ไม่ได้เพิ่มขึ้น
แต่การเพิ่มเลเวลของ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ครั้งนี้ ก็ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงล้มเลิกแผนที่จะเรียนวิทยายุทธ์ ‘ทวนล่าชีพ’ และใช้งานดาบสองคมสามแฉกโดยสิ้นเชิงแล้ว
อย่างไรเสีย ทุกทักษะที่เขาเรียนเพิ่มขึ้นมา ก็ใช้วิธีการเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกันกับตำราลับแทนได้ หากนำอาวุธทั้งหมดมาเรียน เช่นนั้นจะยังอัปเลเวล ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ได้อย่างไรอีก
ยิ่งไปกว่ากัน หากอาศัยแค่ ‘ทวนล่าชีพ’ ระดับต้นเล่มเดียว ต่อให้เหมาะสมกับค่าสเตตัสโหดๆ ของดาบสองคมสามแฉก แต่ก็อาจจะไม่ทำให้เนื้อแท้ของความสามารถเขาเพิ่มขึ้นอยู่ดี
มีผลเสียมากกว่าผลดี!
พิจารณาขายสองสิ่งนี้ทิ้ง แลกเป็นเงินมาซื้อโลงศพเก็บไว้มากๆ ดีกว่า
ส่วน ‘ตระหนักรู้อาวุธยาว’ เล่มสุดท้าย หลังจากอ่านศึกษาอย่างจริงจัง ก็ทำให้เขาได้รับค่าประสบการณ์อาวุธยาว 12000 แต้ม เมื่อเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกันแล้วก็กลายเป็นค่าประสบการณ์ 3750 แต้มของ ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ หากเทียบกับค่าประประสบการณ์ 50000 แต้มที่ต้องใช้ในการอัปเลเวล ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ ก็เปรียบเหมือนน้ำหนึ่งแก้วกับรถขนฟืนที่ไฟไหม้[2] ยังอยู่ห่างจากการอัปเลเวลอีกไกล
หลังจากใช้งานตำราลับตระหนักรู้ทั้งหมดแล้ว ต่อให้ความสามารถโดยรวมของเยี่ยเว่ยหมิงเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย แต่ก็ทำให้มีความมั่นใจกับภารกิจต่อไปมากขึ้น
……
ตลอดทางที่เดินตามหลังทหารยาม เยี่ยเว่ยหมิงแสร้งทำเป็นเหลียวซ้ายแลขวาชมทิวทัศน์ แต่ความจริงแล้วกำลังจดจำสภาพพื้นที่รอบข้างเงียบๆ อยู่ในใจ จะได้รับมือกับเหตุการณ์กะทันหันได้สะดวก
[ติ๊ง! ใช้งานพาสซีฟสกิล ‘เวทชันสูตรศพ’ คุณพบว่าบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ชิดมุมประตูหน้าต่างปิดสนิท ต้นเหมยหลายต้นที่อยู่รอบๆ เหี่ยวเฉาหมดแล้ว ดูวังเวงมืดครึ้ม แปลกประหลาดมาก]
สถานที่ที่ดูประหลาดชัดเจนขนาดนี้ ต่อให้ระบบไม่แจ้งเตือน เยี่ยเว่ยหมิงก็สังเกตได้อยู่ดีว่ามีปัญหา
ถึงขนาดว่านอกจากข้อสงสัยที่ระบบแจ้งเตือน เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังพบจุดที่น่าสงสัยอย่างอื่นด้วย
นั่นก็คือทหารยามหมู่บ้านภูเขาที่กำลังนำทางให้เขา ตอนเดินเข้าใกล้บ้านหลังนี้ เจ้าตัวตั้งใจกดเสียงลมหายใจให้เบาลง ร่างกายดูแข็งทื่อเล็กน้อย ก้าวเท้าเร็วขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ราวกับในบ้านนั้นซ่อนปีศาจร้ายกินคนเอาไว้ตนหนึ่ง พร้อมจะกระโจนออกมากินเขาทุกเมื่อ!
เยี่ยเว่ยหมิงเกิดความคิดบางอย่างในใจ แล้วแสร้งถามเหมือนไม่ตั้งใจ “บ้านข้างหน้าดูแปลกมาก ในนั้น…”
“ชู่!” ไม่รอให้เยี่ยเว่ยหมิงพูดจบ ทหารยามที่นำทางรีบหันกลับมา ทำสัญญาณมือบอกให้เขาเงียบ จากนั้นข่มเสียงเบาพูดอย่างดุร้าย “ถ้าไม่อยากตายก็อยู่ให้ห่างจากบ้านหลังนั้นหน่อย อย่าเที่ยวสืบข่าวซี้ซั้ว แสร้งทำเป็นไม่เห็นก็พอ!”
เมื่อเห็นเขามีท่าทางระมัดระวังขนาดนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยิ่งแน่ใจว่าบ้านหลังนี้มีปัญหาแน่นอน!
แต่ถ้าอยากถามข่าวอะไรจากปากเจ้าหมอนี่ ดูท่าคงจะเป็นไปไม่ได้แล้ว
เพื่อไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น เยี่ยเว่ยหมิงทำได้เพียงล้มเลิกความคิดที่จะล้วงข้อมูลจากปากอีกฝ่าย ได้แต่เดินตามหลังอีกฝ่ายเข้าไปในจุดลึกของหมู่บ้านภูเขาเงียบๆ
หลังจากเดินผ่านเรือนขนาบข้างอีกหลังหนึ่ง ทหารยามร่างกำยำพาเยี่ยเว่ยหมิงไปหยุดอยู่หน้าตึกศาลาสองชั้นหลังหนึ่ง แล้วก้าวเข้าไปตะโกนเสียงดัง “แม่นางฉิน จวนท่านอ๋องน้อยส่งคนมาพบท่าน”
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง ก็มีเสียงอันเย็นชาดังมาจากข้างใน “เข้ามาเถอะ”
ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้กลับเริ่มขมวดคิ้ว
ดูจากท่าทีที่ทหารยามมีต่อคนในบ้าน เหมือนอีกฝ่ายจะมีฐานะสูงมากในหมู่บ้านนี้
นางยังต้องการให้คนอื่นช่วยอีกหรือ
ตอนนี้ ทหารยามเปิดประตูออกมาแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงทำได้เพียงตามอีกฝ่ายเข้าไปข้างในด้วยความสงสัย จากนั้นก็เห็นสตรีชุดขาวผมยาวคลุมบ่ากำลังนั่งอยู่ตรงขอบเตียง เหมือนกำลังชมทิวทัศน์ด้านนอก
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของทั้งสอง สตรีชุดขาวก็หันตัวกลับมา ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงแอบกล่าวชมในใจ ช่างเป็นผู้หญิงที่ขาวบริสุทธิ์!
อาภรณ์ขาว ตัวก็ยิ่งขาว!
ผิวกายของนางขาวหมดจดจนขาดเลือดฝาดอย่างที่ควรจะมี ทำให้คนรู้สึกว่าสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง ด้วยเหตุนี้เอง จึงกระตุ้นให้ผู้ชายเกิดความรักและสงสารได้ง่าย
ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงเห็นอีกฝ่าย สายตาของสตรีชุดขาวผู้นี้ก็มองมาที่เขาเช่นกัน แต่กลับมองเขาอย่างเย็นชาแวบเดียว ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงรำคาญนิดหน่อย “มีเรื่องอะไรหรือ”
แม่สาวน้อยคนนี้อวดดีจริงๆ!
เยี่ยเว่ยหมิงหงุดหงิดอยู่ในใจ แต่เพื่อไม่ให้ถูกทั้งบ้านหยางกั้วไล่สังหาร จึงอดทนถามว่า “ท่านคือแม่นางฉินหนานฉินหรือ”
สตรีชุดขาวได้ยินแล้วอดงุนงงไม่ได้ แต่ยังพยักหน้าตอบ “ไม่ผิดหรอก เป็นข้าเอง”
“เช่นนั้นก็ถูกแล้ว” เยี่ยเว่ยหมิงบอกว่า “ท่านอ๋องน้อยสั่งให้ข้าคุยเรื่องบางอย่างกับแม่นางฉินเป็นการส่วนตัว พี่ใหญ่ท่านนี้ รบกวนออกไปก่อนได้หรือไม่”
“อะไรนะ!” เมื่อได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงพูดแบบนี้ ก็ไม่รอให้ฉินหนานฉินตอบ ทหารยามที่พาเขามาข้างในพลันเผยสีหน้าไม่เป็นมิตร “ท่านอ๋องน้อยไม่มีทางยอมให้ชายอื่นอยู่กับแม่นางฉินตามลำพัง เจ้าโกหก!”
“อย่าอารมณ์ขึ้นสิ” เยี่ยเว่ยหมิงพูดพร้อมกวักมือเรียกอีกฝ่าย บอกใบ้ให้เขาเอาหูเข้ามาใกล้ๆ
ทหารยามคนนั้นแม้จะสงสัยในตัวเขา แต่พอนึกถึง ‘ของที่ระลึก’ ของหวันเหยียนคังที่อยู่ไม่ห่างจากมือเขา ก็ยังเข้าใกล้เยี่ยเว่ยหมิงด้วยสีหน้าสงสัย
จากนั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็ดีดบนขมับของอีกฝ่ายหนึ่งทีอย่างแนบเนียนไร้ร่องรอย
-8211!
[1] ถ้ำเสือบ่อมังกร 龙潭虎穴 เปรียบเปรยถึงสถานที่อันตราย
[2] น้ำแก้วหนึ่งกับรถขนฟืนที่ไฟไหม้ 杯水车薪 หมายถึงสิ่งที่มีพละกำลังน้อยกว่ามักจะพ่ายแพ้สิ่งที่มีกำลังมากกว่า น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ