ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 192 วีรสตรีอาภรณ์ขาว ฉินหนานฉิน
ตอนที่ 192 วีรสตรีอาภรณ์ขาว ฉินหนานฉิน
มอนสเตอร์อีลิทเลเวลยี่สิบคนหนึ่ง ค่าพลังชีวิตก็ประมาณห้าพันกว่า เยี่ยเว่ยหมิงดีดอย่างสบายมือหนึ่งที ก็ทำให้อีกฝ่ายตายทันที
เมื่อมองที่มือขวาของตัวเองแวบหนึ่ง เยี่ยเว่ยหมิงก็พบว่าหากใช้ ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ ลอบโจมตี ก็เป็นอะไรที่สะดวกมากจริงๆ!
เมื่อเทียบกับ ‘มังกรซ่อนกบดาน’ ที่ต้องแสดงพลานุภาพให้คนตกใจ วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ก็ใช้เป็นเครื่องมือสังหารไร้เสียงได้เลย บางครั้ง วิชานี้ก็เหมาะกับนิสัยสงบเสงี่ยมถ่อมตัวของเยี่ยเว่ยหมิงมากกว่า
ขณะที่ใช้มือขวาอันคล่องแคล่วประคองศพทหารยามคนนั้น มือซ้ายของเยี่ยเว่ยหมิงกลับคีบลูกดีดเหล็กไว้แล้ว ส่วนสายตาก็เพ่งไปยังตัวฉินหนานฉินที่นั่งอยู่ริมหน้าต่าง
การที่เขาทำเช่นนี้ ย่อมไม่ใช่เพราะต้องการกำจัดฉินหนานฉินทิ้ง เพียงป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายโวยวายเสียงดังขึ้นมา เตรียมความพร้อมให้ตัวเองล่วงหน้าก็เท่านั้นเอง
‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ ในฐานะที่เป็นวิทยายุทธ์ระดับสูง ย่อมโจมตีออกไปได้และเก็บกลับมาได้ เมื่อยิงลูกดีดเหล็กหนึ่งลูกออกไป ก็จะทำให้บนตัวอีกฝ่ายกลายเป็นรู ทำให้ถูกจุดเลือดลมได้เช่นกัน แต่ไม่ทำให้ฝ่ายบาดเจ็บ
ทว่าสิ่งที่เหนือความคาดหมายของเยี่ยเว่ยหมิงก็คือ เมื่อฉินหนานฉินเห็นเยี่ยเว่ยหมิงสังหารทหารยามภูเขาต่อหน้านาง นางกลับไม่แสดงความหวาดกลัวเลยสักนิด แค่สายตาที่มองเขาดูตื่นตะลึงอยู่บ้างก็เท่านั้นเอง
เมื่อเยี่ยเว่ยหมิงเห็นเหตุการณ์นี้ ก็เก็บลูกดีดเหล็กเอาไว้อย่างแนบเนียน จากนั้นนำเสื่อมาห่อศพทหารยามคนนี้ไว้ เสร็จแล้วถึงได้หันมายิ้มให้ฉินหนานฉิน “แม่นางฉิน ตอนนี้น่าจะไม่มีใครรบกวนแล้ว พวกเรามาคุยกันดีๆ เถอะ”
อะไรนะ
บนตัวเยี่ยเว่ยหมิงยังมีโลงศพเหลืออยู่อีกโลงหรือ
ขอร้อง!
ทหารยามคนนี้เป็นเพียงมอนสเตอร์อีลิทเลเวลยี่สิบเท่านั้น โลงไม้หวงฮว่าเป็นสิ่งที่จะนำมาใช้บรรจุศพเขาได้หรือ
ตอนนี้ในที่สุดฉินหนานฉินก็ลุกขึ้นยืน สีหน้าของนางเริ่มเปลี่ยนเป็นจริงจัง นางมองเยี่ยเว่ยหมิงพร้อมกล่าวว่า “เจ้าไม่ใช่คนที่หวันเหยียนคังส่งมา”
“ไม่ผิดหรอก” เยี่ยเว่ยหมิงกล่าว พร้อมนำจดหมายขอความช่วยเหลือฉบับนั้นออกมา เขาโบกจดหมายไปมาอยู่ตรงหน้าอีกฝ่าย “หลังจากข้าได้อ่านจดหมายขอความช่วยเหลือฉบับนี้แล้ว ข้าถึงได้ตามมาที่นี่”
ผิดคาด หลังจากฉินหนานฉินได้เห็นจดหมายขอความช่วยเหลือฉบับนี้แล้ว กลับไม่ได้แสดงอาการดีใจอย่างที่เขาคาดไว้ กลับยิ้มเจื่อนพร้อมส่ายหน้า “เจ้ามาช้าไปแล้ว”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วขมวดคิ้ว
มาช้าไปแล้ว?
หมายความว่าอะไร
ได้ยินฉินหนานฉินพูดต่อ “เจ้ามาช้าไปหนึ่งเดือนครึ่ง!”
ไม่รอให้เยี่ยเว่ยหมิงถามซักไซ้ ฉินหนานฉินพูดต่อไปว่า “จดหมายฉบับนี้ข้าน่าจะเขียนไว้ตั้งแต่สองเดือนก่อน ข้าพกมันไว้ตอนอยู่ในจวนและให้รถขยะนำมันออกไปข้างนอก ตัวข้าในตอนนั้นหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะหนีออกจากที่นี่ไปได้ แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วกล่าวเหมือนทนรำคาญไม่ไหว “ตอนนี้เจ้ากลายเป็นนายหญิงน้อย…หรือเรียกอีกอย่างว่าเสี่ยวหวังเฟย[1] ก็เลยไม่อยากออกจากที่นี่แล้วอย่างนั้นหรือ”
เมื่อพูดจบ เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกว่าคำพูดนี้ฟังดูแปลกๆ
เหมือนหึงหวงนิดหน่อย
ขอร้อง! ฟ้าดินเป็นพยานได้ เขาไม่ได้มีความคิดอย่างนั้นเลย
แต่ยังดีที่ฉินหนานฉินเหมือนจะไม่ได้ถือสากับท่าทีของเขา เพียงพึมพำกับตัวเองว่า “ใครอยากเป็นเสี่ยวหวังเฟยอะไรนั่นกัน”
ฉินหนานฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หนึ่งเดือนครึ่งก่อน ข้าถูกหวันเหยียนคังนั่นข่มเหง เช้าวันนี้ท่านหมอก็ตรวจพบว่าค่าตั้งครรภ์แล้ว สิ่งเดียวที่ข้าต้องการตอนนี้ ก็คือหาโอกาสสังหารหวันเหยียนคังให้ตาย จากนั้นก็ค่อยปลิดชีพอัปยศของตัวเอง ล้างแค้นที่เขาเคยทำให้ข้าด่างพร้อย จะได้ไม่ต้องให้กำเนิดบุตรออกมาประสบเคราะห์กรรมตามข้า”
ห้าวหาญเพียงนี้เชียวหรือ
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วเกิดความนับถือฉินหนานฉินคนนี้ขึ้นมาจากใจ แต่ปากก็ยังกล่าวอย่างไม่เกรงใจว่า “ขออภัยที่ข้ากล่าวตามตรง ต่อให้เจ้าอยู่ที่นี่ต่อ เจ้าก็ไม่มีโอกาสล้างแค้นเช่นเดิม”
“เป็นไปไม่ได้” ฉินหนานฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ “หวันเหยียนคังไม่ระวังข้าแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำ กำลังภายในกับเคล็ดจิตสำนักฉวนเจินที่เขาเรียนมา เขาก็ถ่ายทอดให้ข้าด้วย ขอเพียงรอเวลาอีกสักหน่อย โอกาสของข้าต้องมาถึงแน่นอน”
ดูแล้ว หยางคังก็ปฏิบัติต่อนางอย่างดีไม่ใช่หรือ
แต่ก็ช่วยไม่ได้ แตงที่ฝืนเด็ดจากต้นย่อมไม่หวาน อีกฝ่ายไม่เพียงแค่ไม่เลีย อีกทั้งยอมแลกทุกอย่างเพื่อหาทางทำให้เขาตายอีกด้วย!
ดังนั้น เรื่องแบบนั้นควรสมัครใจกันทั้งสองฝ่าย จะได้ปลด…แค่กๆ ไม่อย่างนั้นสุดท้ายก็จะเป็นการทำร้ายทั้งตัวเองและคนอื่น!
จากคำพูดเรียบง่ายไม่กี่ประโยค เยี่ยเว่ยหมิงก็ได้รู้จักน้องสาวที่มีนิสัยแกร่งกร้าวคนนี้ใหม่แล้ว
หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ยังบอกว่า “เจ้าเคยคิดบ้างหรือเปล่า หากเจ้าตายไปแล้ว เด็กในท้องเจ้าจะทำอย่างไร หนึ่งศพสองชีวิตอย่างนั้นหรือ” เขาชะงักเล็กน้อย แล้วกล่าวเสริมว่า “อย่างไรเสีย เด็กก็เป็นผู้บริสุทธิ์นะ!”
เพื่อไม่ให้ถูกหยางกั้วพาทั้งครอบครัวมาไล่สังหาร เยี่ยเว่ยหมิงทำได้เพียงสู้สุดชีวิต
ไม่น่าเชื่อว่าบทน้ำเน่าแบบนี้จะหลุดออกมาจากปากของเขา แม้แต่เขาเองก็ยังรู้สึกกระดากอาย
ฉากแบบนี้ไม่เหมือนนิยายยอดยุทธ์คุณธรรมสักนิดเลย!
เมื่อฉินหนานฉินได้ยินสิ่งที่เขาพูด คาดไม่ถึงว่าสีหน้าของนางกลับเยียบเย็นขึ้นทันที “เจ้าคือคนที่หวันเหยียนคังส่งมาเจรจาหรือ”
“ไม่ใช่อยู่แล้ว” เยี่ยเว่ยหมิงรีบแสดงจุดยืนให้ชัดเจน “ข้าเพียงจะเสนอวิธีการหนึ่งเท่านั้นเอง ข้าจะไปสังหารหวันเหยียนคังนั่นแทนเจ้า จากนั้นก็พาเจ้าหนีออกจากสถานที่แห่งความความขัดแย้งนี้ แน่นอน ข้ารับประกันไม่ได้หรอกว่าหลังจากออกไปแล้วข้าจะดูแลเจ้าต่อ เจ้าต้องคิดหาทางดูแลตัวเอง”
หลังจากเงียบไปครู่เดียว เขาก็ใช้น้ำเสียงหลอกล่อถามว่า “เป็นอย่างไรบ้าง แม่นางฉิน เจ้ายินดีจะทิ้งเกียรติยศความร่ำรวยของที่นี่หรือไม่”
ฉินหนานฉินได้ฟังแล้วร่างงามสั่นระริก มองเยี่ยเว่ยหมิงอีกครั้งด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง “พี่ใหญ่ท่านนี้ ท่านเป็นคนดี”
“อย่าเรียกข้าว่าคนดี!” เยี่ยเว่ยหมิงปฏิเสธที่จะรับบัตรคนดีที่อีกฝ่ายมอบให้ “ข้าคือเยี่ยเว่ยหมิง จะเรียกอย่างไรก็ตามใจ แต่อย่าเรียกข้าว่าคนดีก็พอ แล้วประเด็นก็คือ ข้อเสนอของข้าก่อนหน้านี้ ตกลงว่า?”
“เอ่อ…”
ฉินหนานฉินลังเลสองวินาที จากนั้นออกแรงพยักหน้า “ขนาดพี่ใหญ่เยี่ยยังไม่กลัวว่าจะลำบากเพราะข้า ฉินหนานฉินชีวิตไร้ค่านัก ยังมีอะไรต้องกลัวอีก”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินดังนั้น ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความพอใจออกมา
ในที่สุดก็จัดการแม่สาวแกร่งกร้าวคนนี้ได้แล้ว ไม่ง่ายเลย!
“ในเมื่อตัดสินใจตามนี้ เช่นนั้นเจ้าก็ตามเข้าไปตอนนี้เลย” พอพูดจบ ก็ไม่รอให้ฉินหนานฉินโต้เถียง นำมีดสั้นที่สลักคำว่า ‘กัวจิ้ง’ ออกมา แล้วยิ้มแห้งพร้อมบอกว่า “ความจริงแล้ว หวันเหยียนคังถูกข้าสังหารตายแล้ว เรื่องเกิดขึ้นวันนี้ ข่าวน่าจะยังมาไม่ถึงที่นี่ แต่หากช้ากว่านี้ก็พูดยากแล้ว”
เมื่อได้เห็นมีดสั้นของหยางคัง ในที่สุดฉินหนานฉินก็ลุกขึ้นยืนแล้ว นางถามอย่างตื้นตันใจว่า “พูดจริงหรือ”
“แน่นอนอยู่แล้ว” เยี่ยเว่ยหมิงเล่นมีดสั้นในมือ จับมันหมุนบนฝ่ามือราวกับบินได้ พร้อมทั้งกล่าวว่า “ที่จริงแล้ว จดหมายขอความช่วยเหลือของเจ้าไม่ได้ถูกส่งออกไปเลย มันตกอยู่ในมือหวันเหยียนคังต่างหาก หลังจากข้าสังหารเขาแล้ว ข้าถึงได้จดหมายฉบับนี้จากตัวเขา ทั้งยังมีมีดสั้นเล่มนี้อีก”
โครม!
เยี่ยเว่ยหมิงเพิ่งจะพูดจบ ฉินหนานฉินยังไม่ทันแสดงท่าทีอะไร จู่ๆ ข้างหลังกลับมีเสียงดังโครมคราม
พอหันกลับไปมอง ก็พบว่าประตูเรือนถูกใครบางคนใช้พลังฝ่ามือถล่มพังแล้ว สตรีผิวขาวผมยาวคลุมบ่าปรากฏตัวขึ้น เพียงแต่ตัวของผู้หญิงคนนี้มีกลิ่นอายชั่วร้าย ราวกับเป็นผีร้ายที่ปีนขึ้นมาจากขุมนรก ขนาดเยี่ยเว่ยหมิงเห็นแล้วยังเกิดความกลัวขึ้นในใจ
เป็นสตรีที่ผิวกายขาวหมดจดเช่นเดียวกัน แต่ความขาวของสตรีที่อยู่ตรงหน้าแตกต่างกับฉินหนานฉิน
ฉินหนานฉินให้ความรู้สึกว่าเป็นผู้หญิงผิวขาวที่สุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง
ส่วนคนที่อยู่ตรงหน้านี้ ราวกับผีสาวที่ไล่คร่าชีวิตผู้คน!
[1] หวังเฟย (王妃) ตำแหน่งพระชายาอ๋อง