ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 196 ชิงเฉิง ชีชี
ตอนที่ 196 ชิงเฉิง ชีชี
หลังจากกินอาหารฝีมือพ่อครัวใหญ่หวังฝูกุ้ยแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ไปจ่ายตำลึงเงินกับพนักงานหวังฝูกุ้ยในร้าน
เสร็จแล้วถึงได้ออกจากภัตตาคารฝูกุ้ยที่เปิดโดยเศรษฐีบ้านนอกหวังฝูกุ้ยอย่างพึงพอใจ ไปหาคนขับรถม้าที่ชื่อหวังฝูกุ้ยที่จุดพักม้า แล้วนั่งรถม้าจาก ‘หมู่บ้านนั้น’ ลงมาถึงตีนเขาชิงเฉิง
เมื่อครู่ตอนที่กำลังกินข้าว เยี่ยเว่ยหมิงก็ได้ติดต่อซานเย่ว์เพื่อถามข้อมูลของชีชีคนนั้นแล้ว
คำตอบที่ได้รับกลับมาก็คือ [ทุกๆ เจ็ดวันชีชีจะอยู่ที่ภัตตาคารจานด่วนชีชีเจ็ดวัน เพื่อซื้อขายข่าวสารสำคัญบางอย่าง]
พูดง่ายๆ ก็คือ เจ้าหมอนี่นอกจากเป็นคนที่มีทักษะโดดเด่นในบรรดาผู้เล่นของสำนักชิงเฉิงแล้ว ยังเป็นผู้ให้ข่าวกรองที่ทันข่าวทันเหตุการณ์ด้วย ในมือมีแหล่งข่าวเป็นของตัวเอง]
สรุปก็คือเก่งมาก
เยี่ยเว่ยหมิงลงจากรถม้า เจอกับซานเย่ว์ที่รออยู่ในซุ้มน้ำชาที่อยู่ใกล้กับจุดพักม้าพอดี
พอสาวน้อยเห็นเยี่ยเว่ยหมิงปรากฏตัว นางก็จ่ายค่าน้ำชาทันที นางกล่าวทักทายขณะเดินมาต้อนรับเขา “ใช้ได้เลยนะอาหมิง! ออกไปเที่ยวเตร่แค่รอบเดียวก็พาน้องสะพานสวรรค์น้อยออกทีวีไปหลายรอบแล้ว ทั้งยังกำจัด BOSS ร่างแท้ในโหมดปกติไปสองคน กำจัด BOSS เลเวลห้าสิบห้าไปหนึ่งคน ตอนนี้ความสามารถของเจ้าเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อยเลยล่ะสิ”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า ก่อนจะตอบด้วยรอยยิ้มจืดเจื่อน “ถ้าข้าบอกว่าข้าเกือบถูก BOSS เลเวลร้อยแปดสิบไล่สังหารจนเลเวลเหลือศูนย์ล่ะ เจ้าจะเชื่อไหม”
“หา!” ซานเย่ว์ตะลึงทันที รีบซักไซ้ว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้า “เรื่องมันผ่านไปแล้ว เออใช่ เจ้าแน่ใจแล้วใช่ไหมว่าจะฝึกแค่เคล็ดฝ่ามือกับอาวุธลับ ไม่คิดจะฝึกการใช้อาวุธโจมตีระยะประชิดอีกสักวิชาหรือ”
“ข้าไปเทียนจินรอบนี้ได้ผลตอบแทนมาไม่น้อยเลย ตอนนี้ในมือมีทวนยาวที่เป็นระดับอาวุธล้ำค่าอยู่หนึ่งเล่มพอดี ทั้งยังมีวิชาทวนระดับต้นอยู่อีกหนึ่งเล่ม ถ้าเจ้าอยากได้ ข้าจะขายให้เจ้าถูกๆ เลย” เขาพูดพลางก็ส่งลิงก์ไอเทมของดาบสองคมสามแฉกและ ‘ทวนล่าชีพ’ ให้
เมื่อเห็นค่าสเตตัสของไอเทมสองชิ้นนี้แล้ว สาวน้อยก็อ้าปากค้างเป็นเลขศูนย์ครู่หนึ่ง จากนั้นรีบเอามือปิดปาก พยายามอดกลั้นไม่วู่ว่ามกรีดร้องออกมา
จากนั้นก็ใช้ช่องแชทส่วนตัวคุยกับเยี่ยเว่ยหมิง [ทวนยาวที่โจมตี +700! โอ้สวรรค์ เจ้าออกไปแค่รอบเดียว ไม่น่าเชื่อว่าจะได้ของที่เยี่ยมยอดแบบนี้กลับมา!]
ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็ยิ้มบางๆ อย่างไม่ใส่ใจ “เป็นอย่างไร อยากได้ไหม”
ที่จริงแล้ว หากนำไอเทมนี้ไปขาย ก็ไม่มีทางได้ราคาเท่ากับกระบี่ล้ำค่า หรือนวมที่อยู่ระดับอาวุธล้ำค่าแน่นอน แต่ถ้าขายในราคาหนึ่งพันเหรียญทองก็ถือว่าไม่มีปัญหา
และการขายต่อให้ซานเย่ว์ ก็ใช่ว่านางจะซื้อในราคาสูงขนาดนั้นไหวเสมอไป
แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังหวังว่าจะใช้อาวุธเทพที่สามารถยกระดับความสามารถของผู้เล่นขึ้นมาได้หนึ่งระดับชิ้นนี้ไปกับแวดวงเพื่อนของตัวเอง
อย่างไรเสีย หากซานเย่ว์ยกระดับความสามารถของตัวเองขึ้นมาได้เร็ว นางก็จะได้เป็นผู้ช่วยที่แข็งแกร่งคนหนึ่งของเขาในอีกหลายๆ ภารกิจ
มูลค่าเพิ่มเติมแบบนี้ สำหรับเยี่ยเว่ยหมิงก็ถือว่าชดเชยความแตกต่างของราคาสามร้อยห้าสิบเหรียญทองนั่นได้แล้ว ถึงขั้นได้กำไรมากกว่านั้นด้วยซ้ำ
ทว่า เมื่อได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงเอ่ยถามอีกครั้ง ซานเย่ว์กลับส่ายหน้าด้วยท่าทีแน่วแน่ “อาหมิง ไม่ใช่ว่าข้าเกรงใจเจ้าหรอกนะ…
…หากเจ้าปล่อยตำราลับวิชาทวนระดับสูง ข้าก็ต้องเรียนรู้มันก่อน แล้วค่อยหาหนทางจ่ายเงินเจ้าทีหลังแน่นอน…
…แต่ถ้ามันเป็นอาวุธเพียงชิ้นเดียว ข้าก็ไม่อยากเปลี่ยนทิศทางการเติบโตที่ตัวเองกำหนดไว้แล้วเพื่อมันหรอก”
นางชะงักเล็กน้อย แล้วพูดต่ออย่างจนใจว่า “อย่างไรเสียค่าตบะก็เป็นสิ่งที่ล้ำค่ามาก ข้าไม่อยากสิ้นเปลืองมันไปกับทักษะยุทธ์ที่อาจจะถูกคัดออกได้”
ที่จริงแล้ว เรื่องเคล็ดลับการอ่านตำราเพื่อประหยัดค่าประสบการณ์ เยี่ยเว่ยหมิงเคยบอกซานเย่ว์ไว้นานแล้ว
แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เมื่อคนอื่นลองใช้วิธีการนี้บ้างกลับไม่ได้ผลดี
ตามการวิเคราะห์ของเยี่ยเว่ยหมิง คงต้องทำผ่านคำแนะนำของ NPC ระดับสูงสักคน ถึงจะใช้งานฟังก์ชั่นนี้ได้กระมัง
แต่ในเมื่อซานเย่ว์ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ได้โน้มน้าวนางอีกเช่นกัน
ขณะที่พูดอยู่นั้น ทั้งสองก็เดินมาถึงหน้าภัตตาคารที่มีสามชั้นแห่งหนึ่ง ป้ายที่ติดอยู่บนประตูใหญ่ของภัตตาคารเขียนไว้เด่นชัดว่า ‘ภัตตาคารจานด่วนชีชี’
นางหนูคนนี้ ยิ่งนับวันจะยิ่งชำนาญกับงานของเครื่องจับเท็จร่างมนุษย์มากขึ้นแล้ว ยิ่งนานวันยิ่งมีความตื่นตัว
เยี่ยเว่ยหมิงยกนิ้วหัวแม่มือให้นาง จากนั้นก้าวนำเข้าไปในภัตตาคารแล้ว
ตอนที่เพิ่งเข้าประตูมา ก็มี NPC พนักงานคนหนึ่งเข้ามาต้อนรับพร้อมรอยยิ้ม “ลูกค้าทั้งสองท่าน จะมารับประทานอาหารจานด่วน หรือจะเข้าพักที่โรงเตี๊ยมขอรับ”
เยี่ยเว่ยหมิงรู้ธรรมเนียมของที่นี่จากซานเย่ว์มาตั้งนานแล้ว ตอบอย่างใจเย็นทันที “ข้าต้องการพบเถ้าแก่ของพวกเจ้า”
เห็นได้ชัดว่าพนักงานรับมือกับสถานการณ์อย่างนี้บ่อย พอได้ยินก็ตอบทันทีว่า “หากต้องการพบเถ้าแก่ ก็ต้องใช้จ่ายในร้านนี้อย่างน้อยสิบเหรียญทอง…
…หากทั้งสองต่างคนต่างสั่งอาหารจานด่วน ราคาก็คือหกเหรียญทอง ไม่สู้ให้ข้าช่วยพวกท่านห่อให้อีกคนละส่วนเป็นอย่างไร…
…หรือจะเลือกพักที่นี่ก็ได้เช่นกัน พักชั้นบนของภัตตาคารแห่งนี้มีโบนัสการฝึกวิชา 20% ราคาชั่วโมงละแปดเหรียญทองก็ถือว่าคุ้มค่าคุ้มราคา”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วอดขำไม่ได้ “พวกเจ้าเปิดโรงเตี๊ยม แต่มีเพียงอาหารจานด่วนให้กินหรือ”
“ไม่ผิดหรอก ที่นี่พวกเรามีเพียงอาหารจานด่วน ทุกจานสามเหรียญทอง” พนักงานตอบ
ส่วนซานเย่ว์ก็บอกอยู่ข้างๆ ว่า “อาหารจานด่วนร้านพวกเขารสชาติไม่เลวเลย ได้ยินว่าจ้าง npc พ่อครัวใหญ่ค่าตัวสูงมาทำให้ ที่สำคัญที่สุดก็คือ หลังจากกินแล้วจะเพิ่มค่าสเตตัสโดยรวมห้าแต้ม ไม่ว่าจานไหนก็เพิ่มห้าแต้มเหมือนกันหมด ดังนั้นสามเหรียญทองยังถือว่าเป็นราคายุติธรรม”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า แล้วหันมาถามซานเย่ว์ว่า “เจ้ากินข้าวมาหรือยัง”
“เพิ่งกินมา”
“ข้าก็เหมือนกัน” เยี่ยเว่ยหมิงหันกลับไปมองพนักงานอีกครั้ง “ห่อให้พวกเราสี่อย่างก็พอ ตอนนี้พาข้าไปพบเถ้าแก่ของพวกเจ้าได้หรือยัง”
“เชิญทั้งสองตามข้ามา”
หลังจากพนักงานนำทั้งสองไปยังห้องเดี่ยวที่อยู่ติดหน้าต่าง ก็ให้ทั้งสองรออยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็หันตัวเดินจากไป
ใช้เวลาไม่ถึงสองนาที ประตูห้องก็ถูกคนผลักออกอีกครั้ง แต่ผู้ที่เดินเข้ามากลับเป็นชายหน้าขาวที่สวมชุดจิ้นจวง[1]สีเขียวอ่อนคนหนึ่ง
เขาไม่เพียงแค่มีผิวขาวบริสุทธิ์เท่านั้น แม้แต่หน้าตาก็งดงามที่สุดเช่นกัน หากพูดถึงระดับความหน้าตาดีอย่างเดียว ก็ไม่ด้อยกว่าหนุ่มน้อยไอดอลอย่างหลินผิงจือแน่นอน ไม่รู้ว่าเขามีผิวดีมาตั้งแต่กำเนิด หรือเป็นเพราะตอนเข้ามาในเกมแล้วได้ปรับหน้าตาให้ดีขึ้น 30%
เพียงแต่เมื่อเห็นท่าทางของอีกฝ่าย เนี่ยนเสียวเหนี่ยนบอกว่าเขาตุ้งติ้งเหมือนผู้หญิง คงจะมีนิสัยอิจฉาริษยาอยู่บ้างกระมัง
ตอนนี้ ซานเย่ว์ส่งข้อความในช่องทีมแล้ว ยืนยันว่าคนคนนี้คือชีชี
ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังสังเกตอีกฝ่าย ชีชีก็นั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามเขาแล้ว พูดทักทายซานเย่ว์พร้อมรอยยิ้มก่อน “ยินดีต้อนรับแม่นางซานเย่ว์อีกครั้ง”
พูดจบก็หันไปมองเยี่ยเว่ยหมิง “แต่ครั้งนี้ คนที่ต้องการพูดคุยความในใจกับข้า น่าจะเป็นน้องชายคนนี้ ถ้าให้ข้าเดา เจ้าคงจะเป็นเยี่ยเว่ยหมิง ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของสำนักมือปราบเทพ”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วยิ้ม “สหายชีก็ข่าวไวเชียวนะ”
ชีชีได้ยินแล้วยิ้มเรียบๆ ไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธ แต่พูดเข้าประเด็นว่า “วันนี้สหายเยี่ยมาพบข้า จะมาซื้อขายข่าว หรือซื้อขายอุปกรณ์กันแน่ล่ะ”
“ที่นี่ยังซื้อขายอุปกรณ์ได้ด้วยหรือ” เยี่ยเว่ยหมิงงงงันทันที
ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินซานเย่ว์พูดถึง
กลับเห็นชีชีส่ายหน้าน้อยๆ “บางคนมาซื้อข่าวกับข้าที่นี่ แต่ในมือไม่มีเงินสด ก็เลยนำอุปกรณ์มาจ่ายหนี้ พอเวลาผ่านไป ในมือข้าก็กักตุนสินค้าไว้ได้จำนวนหนึ่งเช่นกัน นำมาซื้อขายได้ ส่วนสาเหตุที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้บอกแม่นางซานเย่ว์ ก็เพราะนางดูไม่เหมือนคนที่จะจ่ายเงินจำนวนมากเพื่อซื้ออุปกรณ์”
ขณะที่พูด เขาก็ยังหยิบสมุดเล่มเล็กเล่มหนึ่งจากอกเสื้อมาวางบนโต๊ะด้วย ใช้มือขวากดลงบนนั้นเบาๆ ผลักไปตรงหน้าเยี่ยเว่ยหมิง “นี่คือค่าสเตตัสอุปกรณ์รวมทั้งราคาที่ข้ามี มอบให้โดยไม่คิดเงิน”
เยี่ยเว่ยหมิงรับสมุดภาพมาพลิกดู ไม่น่าเชื่อว่าในนั้นจะมีอุปกรณ์ระดับทองคำอยู่ห้าชิ้น อุปกรณ์คุณภาพสีเขียวสิบสามชิ้น รวมทั้งอุปกรณ์สีฟ้าอีกห้าสิบกว่าชิ้น
ค่าสเตตัสของอุปกรณ์ไม่เหมือนกัน ราคาก็ไม่เท่ากันทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นราคาตลาด ไม่ถือว่าแพง แต่ก็ไม่ถือว่าถูกเช่นกัน
ดูจากราคาแล้ว หากนำของพวกนี้มารวมกัน ราคาก็ไม่ต่ำกว่าสองพันเหรียญทองแน่นอน!
แค่รายการราคาอย่างเดียว ก็เพียงพอให้เยี่ยเว่ยหมิงมองศิษย์ชิงเฉิงที่อยู่ตรงหน้านี้ด้วยสายตาใหม่ได้แล้ว
อย่างไรเสีย แค่ทรัพย์สินบนรายการราคาเล่มเดียว ก็เยอะกว่าเยี่ยเว่ยหมิงไม่รู้ตั้งเท่าไรแล้ว!
ตอนนี้ยังถือว่าเกมเปิดเซิร์ฟได้ไม่นาน การที่สะสมทรัพย์สินได้มากขนาดนี้ ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องที่ทุกคนจะทำได้แน่นอน
การที่ตนเจียดเวลามาพบเขาสักครั้ง ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องจริงๆ
ฝั่งตรงข้ามก็เป็นสมุดภาพแบบเดียวกัน หลังจากซานเย่ว์เห็นแล้วก็ไม่ได้รู้สึกว่ามีจุดที่ยอดเยี่ยมอะไร นางรู้สึกว่าเยี่ยเว่ยหมิงแสดงความสามารถได้ไม่ด้อยกว่าใครแน่นอน
ส่วนด้านทรัพย์สิน…
ชีชีใช้เงินมาต่อเงิน แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับใช้โลงศพเพื่อเพิ่มเงิน ย่อมเทียบกันไม่ได้อยู่แล้ว
พอวางสมุดลง เยี่ยเว่ยหมิงพลันเอ่ยว่า “ตั้งแต่พวกเราเข้าเกมมาจนถึงตอนนี้ ก็ถือว่ายังไม่นานมาก แต่สหายชีชีสร้างเครือข่ายข่าวสารได้ใหญ่โตขนาดนี้ภายในเวลาสั้นๆ คาดว่าต้องมีเคล็ดลับเฉพาะของตัวเองแน่นอน ไม่ทราบว่าข้อมูลนี้ เจ้าจะขายได้หรือเปล่า”
ชีชีคาดไม่ถึงว่าเขาไม่เอ่ยถามเรื่องสำนักชิงเฉิงทันที แต่กลับถามเรื่องนี้แทน หลังจากอึ้งนิดหน่อย ก็ตอบพร้อมรอยยิ้มทันที “ข้าเป็นคนทำการค้า มีข่าวก็ย่อมต้องขาย แต่ช่องทางทำเงินแบบนี้ ใช่ว่าเงินทองจะซื้อได้”
หลังจากชะงักเล็กน้อย บนใบหน้าชีชีก็เผยรอยยิ้มอันสดใสออกมา “ความสามารถของสหายเยี่ยก้าวหน้าเร็วราวกับเทพ ตอนนี้ก็ยิ่งสู้ตัวต่อตัวกับบอสเลเวลห้าสิบห้าได้แล้ว หากเจ้านำรากฐานที่ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นมาแลก ข้าก็จะบอกช่องทางทำเงินของข้า…
…ไม่ทราบว่าสหายเยี่ยคิดว่าอย่างไร”
[1] ชุดจิ้นจวง 劲装 เป็นชุดที่ทะมัดทะแมงเน้นความคล่องตัว กระโปรงไม่ยาวลากพื้น ชายแขนเสื้อถูกมัดเก็บไว้