ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 197 เขากระบี่เกาะเผิงไหล
ตอนที่ 197 เขากระบี่เกาะเผิงไหล
รากฐานที่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงแข็งแกร่งขึ้นก็ย่อมเป็น ‘เวทชันสูตรศพ’ กับ ‘เวทบรรจุศพ’ ที่มากับทักษะตัวอักษรฟ้า ‘รวมบันทึกล้างมลทิน’ ของสำนักมือปราบเทพอยู่แล้ว ของสิ่งนี้เมื่ออยู่ในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ก็เป็นเหมือนของที่พิเศษไม่มีใครเหมือน ต่อให้พูดออกมาอีกฝ่ายก็ไม่มีทางเลียนแบบสำเร็จอยู่ดี
แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่คิดจะบอก
แต่ถึงอย่างไร แม้คนอื่นจะเลียนแบบความสามารถของเขาไม่ได้ แต่กลับเพิ่มความกลุ้มใจให้เขาได้
ยกตัวอย่างเช่นหลังจากกำจัด BOSS แล้วก็กำจัดศพลบร่องรอยทันที การกระทำแบบนั้นน่าสะอิดสะเอียนสำหรับเขามากเช่นกัน
ยามเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่ถนัดเรื่องรวบรวมข้อมูลข่าวสาร ยิ่งพูดมากก็ยิ่งมีข้อผิดพลาดมาก
ดังนั้น เยี่ยเว่ยหมิงจึงตัดสินใจเปลี่ยนประเด็นสนทนาจากตัวเองไปเป็นจุดอื่น เขายิ้มบางๆ แล้วบอกว่า “ที่จริงต่อให้สหายชีชีไม่บอก ข้าก็พอจะเดาได้คร่าวๆ แล้วเช่นกัน”
เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องแล้วบอกว่า “ก่อนที่ข้าจะมาถึงที่นี่ ข้าก็ได้ตรวจสอบมาแล้วว่าภัตตาคารนี้แม้จะตั้งชื่อจากชื่อของสหายชีชี แต่สิทธิ์ในทรัพย์สินก็ยังเป็นทรัพย์สมบัติร่วมของสำนักชิงเฉิง ข้างหลังมีต้นไม้ใหญ่ย่อมเย็นสบายกว่า หลักการนี้ข้าก็เข้าใจเช่นกัน”
ชีชีกลับถอนหายใจ “น่าเสียดายที่ต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ ตอนนี้กำลังคลอนแคลนอยู่ท่ามกลางพายุแล้ว”
บนใบหน้าเยี่ยเว่ยหมิงกลับเผยรอยยิ้มที่แฝงความหมายล้ำลึก “เช่นนั้นสำหรับคำพยากรณ์แรงลมของพายุนั่น ไม่ทราบว่าสหายชีชียินดีจะเสนอราคาเท่าไร”
เมื่อได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงถามอย่างนี้ขึ้นมากะทันหัน ซานเย่ว์ที่อยู่ข้างกันก็อดอึ้งไม่ได้
จู่ๆ อาหมิงก็พูดแบบนี้ อย่าบอกนะว่าคิดจะขายข้อมูลสำคัญที่เกี่ยวข้องกับสำนักมือปราบเทพ
แต่เพราะความเชื่อใจที่มีต่อเยี่ยเว่ยหมิง นางจึงไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ทำงานของตัวเองต่อไป นั่นก็คือสังเกตปฏิกิริยาของชีชีอย่างเงียบๆ
แต่จนกระทั่งตอนนี้ ชีชีก็ยังไม่ได้พูดโกหกเลยสักประโยค!
“หนึ่งพันห้าร้อยเหรียญทอง!” ชีชีเสนอราคาของตัวเอง “ในจำนวนนั้นหนึ่งพันเบิกคืนได้ ส่วนห้าร้อยข้าควักกระเป๋าตัวเอง”
เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าน้อยๆ “ราคานี้ก็ไม่สูงนะ”
ส่วนชีชีก็ยิ้มเล็กน้อย “ถึงอย่างไรก็เป็นการพยากรณ์สภาพอากาศเท่านั้นเอง ไม่ใช่ไข่มุกสกัดลม[1]”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า ทำท่าวาดอะไรบางอย่างแล้วหันมาบอกอีกว่า “หากข้าต้องการข่าวที่เกี่ยวข้องกับต้นไม้ใหญ่ต้นนี้ ไม่ทราบว่าต้องจ่ายอย่างไร”
ชีชียังคงเสนอราคาอย่างไม่ลังเล แต่กลับเห็นเขาชูนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้วพร้อมตอบอย่างใจเย็น “หนึ่งพันเหรียญทอง หรือไม่ก็อุปกรณ์ ตำราลับที่มีมูลค่าเท่ากัน แต่ไหนแต่ไรมาข้าเป็นคนไม่ชอบต่อรองราคา นี่คือขีดจำกัดของข้าแล้ว”
ซานเย่ว์คอยยืนยันข้อมูลอยู่ข้างๆ คำพูดของชีชีเป็นความจริงทุกประโยค
จากนั้น ทั้งสองก็ใช้ฝีปากหยั่งเชิงกันอีกพักหนึ่ง แล้วพนักงานก็ห่ออาหารจานด่วนสี่ห่อมาส่งให้เยี่ยเว่ยหมิงแล้ว
ขณะมองกล่องข้าวที่หน้าตาเหมือนชามข้าวในมือ เยี่ยเว่ยหมิงก็ถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นอีกว่า “พวกเจ้าขายแค่อาหารจานด่วนหรือ”
ชีชีตอบอย่างสบายใจมาก “ข้าไม่ชอบการถกเถียงเหมือนกับที่ไม่ชอบต่อรองราคา โดยเฉพาะเสียงของพวกขี้เหล้า ฟังดูน่ารำคาญเป็นพิเศษ ดังนั้น ร้านนี้รับเฉพาะลูกค้าที่กินเสร็จแล้วเดินออกไป ไม่ต้อนรับพวกที่ทั้งกินทั้งดื่มแล้วถือโอกาสคุยเรื่อยเปื่อย กินมื้อเดียวก็นั่งเกือบครึ่งวัน”
“ฮ่าๆ สหายชีชีมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจริงๆ ด้วย” เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็อดยกนิ้วหัวแม่มือให้เขาไม่ได้ จากนั้นก็กุมหมัดคารวะ “แต่วันนี้เกรงว่าข้าจะอุดหนุนธุรกิจของเจ้าได้แค่อาหารจานด่วนสี่ห่อแล้ว ผู้น้อยยังมีธุระอื่นต้องจัดการ อยู่คุยเป็นเพื่อนสหายชีชีไม่ได้แล้ว”
จากนั้นชีชีก็ลุกขึ้น “เป็นอย่างที่คาดไว้ สหายเยี่ยไม่ได้หาเงินได้ง่ายขนาดนั้น แต่ครั้งหน้าก็ยินดีต้อนรับนะขอรับ!”
หลังจากออกจากภัตตาคารจานด่วนชีชีแล้ว ซานเย่ว์ก็อดถามอย่างแปลกใจไม่ได้ว่า “อาหมิง ดูท่าแล้ว เหมือนเจ้าจะให้ความสำคัญกับชีชีคนนี้มาก เขารับมือด้วยยากมากหรือ”
“ไม่ใช่ปัญหาว่ารับมือด้วยยากหรือไม่ยาก” หลังจากจัดเรียงคำพูดครู่หนึ่ง เยี่ยเว่ยหมิงก็บอกว่า “ข้าบอกกับเจ้าอย่างนี้แล้วกัน ในระหว่างที่เราทำภารกิจ หากมีใครสักคนที่อาจส่งผลกระทบต่อแผนของพวกเรา คนคนนั้นก็เป็นชีชี ไม่ใช่อวี๋ชางไห่แน่นอน”
“ตกใจนะ!”
เมื่อได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงประเมินค่าสูงขนาดนี้ ซานเย่ว์ก็แลบลิ้นด้วยความตกตะลึงทันที “ร้ายกาจขนาดนี้เชียวหรือ”
“จะบอกว่าเขาร้ายกาจก็ไม่ได้เหมือนกัน สาเหตุหลักเป็นเพราะจุดเด่นของเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’” เยี่ยเว่ยหมิงอธิบาย “อย่างไรเสีย เกมก็ทำขึ้นมาเพื่อให้ผู้เล่นเรียนรู้จากประสบการณ์ ดังนั้นจึงต้องให้ผู้เล่นเข้าไปมีส่วนร่วมกับเนื้อเรื่องมากมาย”
หลังจากครุ่นคิดนิดหน่อย เยี่ยเว่ยหมิงก็นึกถึงการเปรียบเทียบที่ตัวเองคิดไปเองว่าเหมาะสม “หากมองจากบางมุม สำนักมือปราบเทพกับสำนักชิงเฉิงก็เหมือนแคว้นเว่ย แคว้นสู่ แคว้นอู๋ในเรื่องสามก๊ก แล้วข้ากับชีชีก็เป็นกุนซือของสองฝั่งอำนาจ แม้จะไม่อาจยึดครองแคว้นทั้งหมดได้ แต่กลับควบคุมสถานการณ์การรบได้ในระดับหนึ่ง”
พอซานเย่ว์ได้ฟังเขาอธิบาย ก็อยากทำเป็นเล่นขึ้นมาทันที “เช่นนั้น หากจะเปรียบเทียบกุนซือสักคนในเรื่องสามก๊กกับชีชี เจ้าคิดว่าคนไหนเหมาะสมที่สุด”
“จย่าสวี่” เยี่ยเว่ยหมิงตอบโดยไม่ต้องคิด
“จย่าสวี่?” เห็นได้ชัดว่าซานเย่ว์ไม่เข้าใจความหมายของการเปรียบเปรยนี้ แต่ความสนใจของนางก็ไม่ได้อยู่กับเรื่องนี้ จึงเปลี่ยนประเด็นสนทนาทันที เปลี่ยนไปพูดเรื่องที่นางสนใจกว่าแทน “เช่นนั้น เจ้าก็คือจูเก๋อข่งหมิง[2]น่ะสิ”
“ไม่ ข้าคือเยี่ยเว่ยหมิง” เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้า
ซานเย่ว์ “???”
เยี่ยเว่ยหมิง “ทุกครั้งที่ข้าเล่นเกมธีมสามก๊ก ข้าชอบใช้ตัวละครที่ตัวเองสร้างมาเล่น ชื่อที่ใช้ก็คือเยี่ยเว่ยหมิงนี่แหละ เป็นแบบที่พลังรบ ค่าสติปัญญาและสกิลต่างๆ เต็มร้อยแต้ม”
“อาหมิง เจ้ารู้จักอายสักหน่อยได้ไหม” ซานเย่ว์กล่าว
“ฮ่าๆ…”
……
เขาให้ซานเย่ว์จับตาดูสถานการณ์ฝั่งเขาชิงเฉิงต่อไปขณะที่กำลังฝึกอัปเลเวล และเน้นย้ำให้นางจัดการเรื่องนี้ให้ดี หลังจากนี้รางวัลภารกิจจะต้องเพิ่มขึ้นแน่นอน
จากนั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็ตรงไปยังจุดพักม้าของเขาชิงเฉิงเพื่อขึ้นรถม้าไปที่เฉวียนโจว จากนั้นนั่งเรือออกทะเล มุ่งสู่เขากระบี่เกาะเผิงไหลที่อยู่ในทะเล
หวังชู่อีต้องการให้ผู้เล่นเพิ่มเลเวลให้ถึงสี่สิบก่อนค่อยไปหาเขา ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงได้รู้ถึงความสำคัญของเลเวลในเกมนี้แล้ว
ยังมีเวลาอีกสิบกว่าวันกว่าจะถึงเวลาทำภารกิจ ‘ปราบชิงเฉิง’ สิ่งที่ควรจะเตรียมการไว้ล่วงหน้าก็ทำไว้หมดแล้ว ตอนที่ฝ่ายตรงข้ามยังไม่โต้ตอบอย่างชัดเจน ต่อให้เขานั่งเฝ้าอยู่ที่ตีนเขาชิงเฉิงก็ไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย
ไม่สู้ใช้เวลาช่วงนี้ให้เป็นประโยชน์ไปเลยดีกว่า ฆ่ามอนสเตอร์อัปเลเวล รีบอัปให้ถึงเลเวลสี่สิบในเร็ววัน แล้วไปทำภารกิจช่วยคนของหวังชู่อี
เยี่ยเว่ยหมิงมีความรู้สึกบางอย่าง ในเมื่อจวนอ๋องจ้าวกล้าเรียกตัวเองว่าจวนอ๋อง แสดงว่าในนั้นจะต้องมีของดีมากมายแน่นอน
สถานที่แบบนี้ ถ้าเล่นรอบแรกจะต้องมีผลตอบแทนเยอะกว่าตอนรีเฟรชรอบที่สองกับที่สามแน่นอน
ถ้าปล่อยให้น้องดาบมาเล่นแผนที่พิเศษนี้จนกลายเป็นดันเจี้ยน ถึงตอนนั้นต่อให้เขาอยากจะร้องไห้ก็ร้องไม่ออกแล้ว
ก็เหมือนที่วังใต้ดินของเจดีย์เหลยเฟิง ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกับโหยวโหยวเล่นผ่านด้วยกันเป็นครั้งแรก ใช้ทักษะตัวอักษร ‘ฟ้า’ ของเขาหาพบตำรากับสารีริกธาตุซึ่งเป็นของที่ดีกว่าไอเทมที่ดรอปจากการทำเฟิร์สคิลบอสเสียอีก
แต่ตอนหลังเมื่อเขาไปที่นั่นอีกครั้ง นอกจากบอสเล็กๆ เลเวลสิบห้า ก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นแล้วจริงๆ
ดังนั้น การลุยดันเจี้ยนเป็นเรื่องที่ต้องรีบทำตั้งแต่เนิ่นๆ
มีเพียงการเล่นให้ผ่านเป็นครั้งแรกเท่านั้น ถึงจะกอบโกยได้ถึงอกถึงใจที่สุด
แบนนั้นจะได้ผลตอบแทนเยอะที่สุด!
ไม่อย่างนั้นหลังจากผ่านเฟิร์สคิลไปแล้ว แผนที่พิเศษก็อาจจะกลายเป็นดันเจี้ยน
แผนที่พิเศษมีอะไรดีที่สุด
คำตอบก็คือแผนที่พิเศษชอบดรอปสมบัติ
ดันเจี้ยนมีอะไรดีที่สุด
ก็มีเรื่องราวของดันเจี้ยน…แค่กๆ ก็จะเจอแค่ร่องรอยที่คนก่อนหน้านี้เคยมายึดพื้นที่ไว้
เขากระบี่เกาะเผิงไหลจัดเป็นจุดอัปเลเวลนอกเมือง จุดอัปเลเวลบนเกาะมีมอนสเตอร์ร่างมนุษย์ที่ใช้อาวุธประเภทกระบี่เป็นหลัก มีตั้งแต่เลเวลยี่สิบถึงเลเวลเจ็ดสิบ
มีมอนสเตอร์มากหมายหลายแบบ เช่นมือกระบี่ นักกระบี่ จอมกระบี่ จอมกระบี่ทะเลบูรพา ปรมาจารย์กระบี่ ทั้งยังมีจุดรวมตัวของโรนินกับนินจาที่มาจากทะเลบูรพาด้วย มีให้ผู้เล่นเลือกหลายเลเวลแตกต่างกันไป
ดูจากสถานการณ์ที่กล่าวมาข้างต้น เขากระบี่เกาะเผิงไหลแห่งนี้ช่างเป็นทำเลทองสำหรับอัปเลเวลตามคำร่ำลือจริงๆ
ทว่าในความเป็นจริง ผู้เล่นที่กล้ามาอัปเลเวลที่นี่มีน้อยจนนับนิ้วได้ ถึงขนาดว่าผ่านไปครึ่งค่อนวันแล้วยังไม่เห็นผู้เล่นสักคนเลยก็มี
สถานการณ์นี้เกิดจากสองสาเหตุหลัก
สาเหตุแรกก็คือ เขากระบี่เกาะเผิงไหลตั้งโดดเดี่ยวอยู่กลางทะเล จากจุดพักม้าจนถึงท่าเรือยังมีเส้นทางเดินเท้าที่ไม่ใกล้ไม่ไกลอีกช่วงหนึ่ง แถมทั้งเกาะก็ไม่มีร้านค้าของระบบสักร้าน ไม่ว่าผู้เล่นจะซื้อของตุนไว้ หรืออยากจะขายอุปกรณ์ขยะที่ดรอปได้จากมอนสเตอร์ทิ้ง ก็ล้วนต้องกลับเข้าไปในเมืองที่อยู่บนฝั่ง การเทียวไปเทียวมาแบบนี้ทำให้เสียเวลาไม่น้อย
ถ้าเป็นเพราะสาเหตุนี้ ที่จริงก็ไม่อาจหยุดยั้งผู้เล่นที่ต้องการมาอัปเลเวลได้
สาเหตุแท้จริงที่ทำให้เขากระบี่เกาะเผิงไหลไม่ได้รับความนิยมจากผู้เล่นก็คือ BOSS แผนที่นอกเมือง ร้ายกาจทั้งสามบนเกาะ:
ตู้ชิงเฟิง ‘นักกระบี่อวิ๋นสยา’ เลเวล 70
เยี่ยนผู่ ‘นักกระบี่อวิ๋นไถ’ เลเวล 75
และ โม่ฉีอวี่ซิว ‘นักกระบี่ไร้ลักษณ์’ เลเวล 85!
เจ้าพวกนี้ไม่เพียงแค่เลเวลสูง ความสามารถเยี่ยมยอด ทั้งยังเป็นประเภทที่ไม่ได้อยู่รอตามจุดที่แน่นอน แต่วนเวียนไปทั่วเกาะตลอดทั้งวัน หากผู้เล่นถูกพวกมันพบเข้า โดยส่วนใหญ่ก็จะถูกส่งกลับจุดฟื้นชีพที่เมืองเฉวียนโจวทันที
ความแข็งแกร่งของ BOSS สามคนนี้ แม้แต่เยี่ยเว่ยหมิงเองก็ยังต้องเลือกเผ่นทันทีที่พบ ถ้าคิดจะปะทะซึ่งหน้าก็เท่ากับรนหาที่ตาย!
ต่อให้คำนึงถึงค่าประสบการณ์และค่าตบะของตัวเอง แต่ผู้เล่นส่วนใหญ่ก็ไม่เลือกมาอัปเลเวลที่นี่อยู่ดี เพราะถึงอย่างไรก็มีจุดอัปเลเวลที่เหมาะสมตั้งมากมาย ไม่จำเป็นต้องมาเสี่ยงอันตรายที่นี่เลย
พอเป็นแบบนี้ ก็ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงที่ถอนตัวจากเงื้อมมือสาม BOSS ได้อารมณ์ดีแล้ว
เขากระบี่เกาะเผิงไหลที่ใหญ่โตขนาดนี้ แต่แทบจะมีแค่เขาคนเดียวที่เป็นผู้เล่นตีมอนเตอร์อัปเลเวลที่นี่
จะตีมอนสเตอร์อย่างไรก็ตีได้ตามสบาย ไม่มีใครมาแย่งมอนสเตอร์ มีมอนสเตอร์ให้ตีอยู่ทั่วทุกที่
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการรีเฟรช BOSS เล็กๆ ออกมาเป็นระยะด้วย ทำให้ตอนที่เขารู้สึกเบื่อหน่ายกับการตีมอนอัปเลเวลกระปรี้กระเปร่าขึ้นมานิดหน่อย สิบกว่าวันมานี้ ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะไม่รู้สึกจืดชืดเลยสักนิด กลับได้รับผลตอบแทนเต็มไม้เต็มมือด้วยซ้ำ
ในระหว่างนั้น เขาก็กลับฝั่งหลายรอบเพื่อซื้อของ รวมทั้งอุปกรณ์ที่ยังไม่ได้ใช้งานตุนไว้ ก่อนจะถึงเวลาปฏิบัติภารกิจสำนักชิงเฉิง ในที่สุดเขาก็เก็บค่าประสบการณ์สำหรับใช้อัปจากเลเวลยี่สิบสามเป็นเลเวลยี่สิบเจ็ดได้ 86% แล้ว
แม้การทำแบบนี้ต่อไปจะทำให้เขามั่นใจว่าจะอัปเลเวลให้ถึงยี่สิบแปดได้ก่อนเริ่มศึกตัดสิน แต่เขาก็ไม่ได้ทำอย่างนั้น เขาเลือกไปรวมตัวกับซานเย่ว์และเฟยอวี๋ล่วงหน้า เตรียมตัวจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยในคราเดียวที่งานเลี้ยงวันเกิดของอวี๋ชางไห่วันพรุ่งนี้!
[1] 定风珠 อาวุธของพระโพธิสัตว์เล่งเกี๊ยด หรือหลิงจี๋ผูซาในนิยายไซอิ๋ว มีพลังวิเศษช่วยสกัดลมได้
[2] จูเก๋อข่งหมิง 诸葛孔明 หรือที่รู้จักกันในชื่อจูกัดเหลียง ชื่อรองคือขงเบ้ง ตัวละครจากนิยายสามก๊ก