ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 198 วิธีการของเย่ว์ปู้ฉวิน
ตอนที่ 198 วิธีการของเย่ว์ปู้ฉวิน
ในระหว่างที่ฝึกหนักต่อเนื่องสิบกว่าวัน สิ่งที่เยี่ยเว่ยหมิงได้เพิ่มขึ้นไม่ใช่แค่ค่าประสบการณ์กับเลเวลเท่านั้น ค่าตบะกับอุปกรณ์ก็ได้มาไม่น้อยเช่นกัน
หลังจากฝึกเสร็จ ความสามารถของเขาก็ก้าวหน้าขึ้นอีกครั้ง แม้จะไม่ได้ชัดเจนเหมือนหลายครั้งก่อน แต่ก็ถือว่าได้นำผลตอบแทนจากภารกิจหลายครั้งก่อนมาย่อยใช้ในเบื้องต้นแล้ว
อย่างน้อย สำหรับทักษะวิทยายุทธ์แต่ละอย่างที่เรียนรู้มาใหม่ หลังจากทดลองใช้ซ้ำไปซ้ำมา เมื่ออยู่ในสถานการณ์ต่างๆ เขาใช้งานมันได้ชำนาญขึ้นมากแล้ว
กล่าวได้ว่าระหว่างที่เก็บตัวฝึกฝนอัปเลเวล ขีดจำกัดความสามารถของเขาเพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน
ในขณะที่ฆ่าบอสเลเวลต่างๆ พวกนั้น เขาก็ดรอปได้อุปกรณ์คุณภาพดีไม่น้อย หลังจากเก็บอุปกรณ์สีทองกับอุปกรณ์สีเขียวไว้แล้ว เขาก็ส่งอุปกรณ์สีฟ้าทั้งหมดให้ซานเย่ว์นำไปขาย นี่ก็คือที่มาของเงินที่ใช้สำหรับซื้อโลงไม้หวงฮว่าห้าโลง
แน่นอน เงินที่ได้จากการขายอุปกรณ์พวกนี้ เขาได้รับไปเก้าส่วน ซานเย่ว์ที่รับหน้าที่ทำธุรกรรมได้รับกำไรส่วนแบ่งไปหนึ่งส่วน
ถึงอย่างไรทุกคนก็งานยุ่งมาก จะให้คนอื่นมาทำงานให้เปล่าๆ คงไม่ได้
เพียงแต่แม้ครั้งนี้จะดรอปของได้เยอะ แต่ในจำนวนนั้นมีของที่มีประโยชน์กับเยี่ยเว่ยหมิงน้อยมาก อย่างไรเสีย อุปกรณ์ที่เขามีตอนนี้ก็ฟุ่มเฟือยมากพอแล้ว
หลังจากเลือกไปเลือกมา ก็ได้อุปกรณ์สีทองเพิ่มมาเพียงสองชิ้นเท่านั้น
[แหวนกระบี่อวิ๋นไถ (สีทอง): แหวนที่สลักภาพกระบี่ไว้]
โจมตี +100
ป้องกัน +100
ความเร็วในการโจมตีอาวุธประเภทกระบี่ +10%
……
หยกพกกระบี่อวิ๋นไถ (สีทอง): หยกพกรูปกระบี่ล้ำค่าชิ้นหนึ่ง
พละกำลัง +100, กำลังภายในสูงสุด +500, กำลังภายใน +20%
……
มองไม่ผิดหรอก เยี่ยเว่ยหมิงเปลี่ยนสวมแหวนวงใหม่ แต่ยังชื่อว่า ‘แหวนกระบี่อวิ๋นไถ’ เหมือนเดิม
อุปกรณ์แบบนี้พบเห็นได้บ่อยมากที่เขากระบี่เกาะเผิงไหล
แหวนที่ดรอปได้จากที่นี่ ส่วนใหญ่จะเรียกว่า ‘แหวนกระบี่อวิ๋นไถ’ แต่ในจำนวนนั้นมีค่าสเตตัสสูงต่ำต่างกัน กระทั่งแม้แต่คุณภาพก็มีแบ่งเป็นสีฟ้า สีเขียวและสีทอง
แหวนที่เฟยอวี๋ขายให้เยี่ยเว่ยหมิงที่สำนักคุ้มภัยฝูเวยก่อนหน้านี้ นับเป็นแหวนอุปกรณ์สีเขียวที่ค่าสเตตัสค่อนข้างแย่วงหนึ่งเท่านั้น
และชุดเซ็ทเครื่องประดับแบบนี้ ก็แบ่งเป็นทั้งหมดสามชิ้น
แหวนกระบี่อวิ๋นไถ จี้หยกกระบี่อวิ๋นไถและหยกพกกระบี่อวิ๋นไถ
แบ่งเป็นอุปกรณ์ที่อยู่ในตำแหน่งแหวน สร้อยและหยกพก
ในจำนวนนั้น แหวนคืออุปกรณ์ที่ใส่ได้สองวง เยี่ยเว่ยหมิงจึงเปลี่ยนสวม ‘แหวนกระบี่อวิ๋นไถ’ คุณภาพสีเขียวที่ค่าสเตตัสดีกว่าแทนอุปกรณ์เดิม
ค่าสเตตัสมีดังนี้
[แหวนกระบี่อวิ๋นไถ (สีเขียว): แหวนที่สลักภาพกระบี่ไว้]
โจมตี +50
ป้องกัน +50
ความเร็วในการโจมตีอาวุธประเภทกระบี่ +5%
……
อุปกรณ์ที่ดรอปได้จากเขากระบี่เกาะเผิงไหล ส่วนใหญ่จะเหมือนกับมอนสเตอร์ของที่นี่ ล้วนเป็นประเภทพลังโจมตีสูงและอัตราดรอปไอเทมสูง แม้แต่อุปกรณ์ที่เสริมค่าสเตตัสป้องกันอย่างแหวนกระบี่อวิ๋นไถก็ยังมีน้อยมาก
เมื่อเทียบกับตัวเอง เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกว่าอุปกรณ์ที่ดรอปได้จากที่นี่เหมือนจะเหมาะกับผู้เล่นที่มีขีดจำกัดทางทักษะอย่างน้องดาบมากกว่า
หลังจากเปลี่ยนอุปกรณ์พวกนี้แล้ว แม้จะไม่ถึงขั้นทำให้ค่าสเตตัสของเยี่ยเว่ยหมิงเปลี่ยนแบบพลิกโฉม แต่กลับทำให้อัตราการทำดามเจเพิ่มขึ้นได้ในระดับหนึ่ง
ต่อไปเวลาตั้งทีมแย่งฆ่ามอนสเตอร์ เขาก็ยิ่งมีความมั่นใจมากขึ้นเหมือนกัน
……
ตีนเขาชิงเฉิง ภัตตาคารซู่เจิน
นี่คือร้านอาหารที่เปิดโดยผู้เล่น เหมือนในชีวิตจริงเถ้าแก่ก็เป็นพ่อครัวที่เรียนจบหลักสูตรพ่อครัวมืออาชีพเช่นกัน เมื่ออยู่ในเกมแม้จะเข้าเป็นศิษย์สำนักชิงเฉิง แต่ไม่ค่อยสนใจการฝึกยุทธ์ ฆ่ามอนสเตอร์ อัปเลเวลสักเท่าไร กลับฝึกฝีมือการทำครัวได้ไม่เลวเลย ตอนหลังร่วมทุนกับเพื่อนหลายคน เปิดภัตตาคารซู่เจินร้านนี้
ส่วนชื่อของภัตตาคารนี้ แน่นอนว่าตั้งตามกระแสนิยมของไป๋ซู่เจิน[1] ตั้งอยู่ตรงตีนเขาชิงเฉิง ราคาอาหารก็นับว่ายุติธรรม ธุรกิจได้รับความนิยม
ขณะนี้เอง ในห้องเดี่ยว ‘เป่าเหอถัง’ ที่อยู่ชั้นสองของภัตตาคาร ผู้เล่นชายหนึ่งหญิงหนึ่งกำลังนั่งร่วมโต๊ะกัน แต่กลับต่างคนต่างหลับตาฝึกกำลังภายใน ไม่มีท่าทีว่าจะสื่อสารพูดคุยกันเลยสักนิด
ชายหญิงที่เกรงใจและเคารพซึ่งกันและกันขนาดนี้ได้ แน่นอนว่าเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องอย่างเฟยอวี๋กับซานเย่ว์
ตั้งแต่ซานเย่ว์เริ่มทำภารกิจครั้งแรก นางก็ไม่ชอบขี้หน้าคนที่ชอบชิงดีชิงเด่นอย่างเฟยอวี๋แล้ว ถ้าไม่สนใจเขาได้ นางก็ไม่สนใจเขาแน่นอน
เฟยอวี๋เองก็ไม่ได้มีคุณบัติของสุนัขขี้ประจบ เขาจึงไม่เป็นฝ่ายเข้าหาให้ตัวเองถูกเมินเช่นกัน
เป็นเช่นนี้อยู่นานมาก ในที่สุดซานเย่ว์ก็โคจรกำลังภายในรอบใหญ่สำเร็จไปหนึ่งรอบ นางมองประตูห้องที่ยังเงียบเชียบปราดหนึ่ง ในที่สุดก็เปิดแถบรายชื่อเพื่อนในหน้าอินเตอร์เฟสขึ้นมาอย่างทนไม่ไหว เปิดรูปโปรไฟล์ของสะพานสวรรค์น้อยแล้วส่งจดหมายคุยกัน
พิราบสื่อสารราคาบรรทัดละหนึ่งเหรียญเงิน สำหรับซานเย่ว์ในตอนนี้ ไม่ถือว่าเป็นราคาที่รับได้ยากแล้ว
เมื่อเห็นน้องสาวคนนี้ยอมใช้พิราบสื่อสารคุยกับคนอื่นแทนที่จะสนใจตน เฟยอวี๋ก็อดจนใจไม่ได้ เขาหันไปมองทิวทัศน์ไกลๆ ของเขาชิงเฉิง ปากเริ่มพึมพำบ่นกับตัวเอง
“ทำงานใหญ่ได้แท้ๆ แต่ข้ากลับต้องวิ่งเต้นไปทั่ว เหนื่อยเหมือนสุนัขใกล้ตาย…
…เป็นผู้แข็งแกร่งที่สู้ตัวต่อตัวกับ BOSS ได้แท้ๆ แต่ข้ากลับยังต้องบากบั่นอัปเลเวล…
…มีค่าสเตตัสที่แข็งแกร่งแท้ๆ แต่กลับยังต้องฝึกเทคนิคการต่อสู้…”
“แล้วอย่างไรต่อ” หลังจากแน่ใจแล้วว่าฝั่งสะพานสวรรค์น้อยกำลังยุ่งอยู่กับการทำภารกิจสำนัก ในที่สุดซานเย่ว์ก็ขานรับเฟยอวี๋ “เจ้าอยากจะสื่ออะไรกันแน่”
“ไม่ได้จะสื่ออะไรหรอก” เฟยอวี๋หัวเราะเจื่อน “สิ่งที่ข้าเพิ่งบอกไป ก็คือความแตกต่างระหว่างข้ากับหมิงหมิงอย่างไรล่ะ!”
“หึหึ…”
ซานเย่ว์ได้ยินเขาพูดแบบนี้ ก็อดขำเสียงใสเหมือนระฆังเงินไม่ได้ อากาศในห้องดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาเยอะเลย
ตอนนี้เอง ประตูห้องถูกคนผลักออก ตามด้วยเสียงของเยี่ยเว่ยหมิง “ขอโทษทีนะ ข้ามาสายไปหน่อย”
เฟยอวี๋ได้ยินแล้วกลอกตามองบน “ก็มาสายจริงๆ นั่นแหละ”
ก็ใช่น่ะสิ เขากับซานเย่ว์มาถึงก่อนเวลานัด ผลปรากฏว่าตอนนี้ผ่านเวลานัดไปแล้วพักใหญ่ เจ้าหมอนี่ถึงได้โผล่มา
เยี่ยเว่ยหมิงหัวเราะแห้งแล้วนั่งลงอย่างไม่เกรงใจ พร้อมอธิบายว่า “เดิมทีข้าเตรียมจะกลับมาให้ทันเวลา แต่กลับคาดไม่ถึงว่าตอนกำลังจะออกเดินทาง แถวนั้นก็มีบอสเลเวลสี่สิบที่ชื่อปิงอู่จิ้นโผล่มา ทั้งยังเป็นนินจาจากทะเลบูรพาอีก พอโผล่มาก็เริ่มโจมตีข้าทันที มีทั้งวิ่งสู้ ซุ่มโจมตี ลอบจู่โจมอีกเยอะแยะ น่ารำคาญสุดๆ! ข้าใช้เวลาไปตั้งนานกว่าจะฆ่าเขาตายได้ ก็เลยมาสายนี่ไง”
“อ้อ?” ซานเย่ว์ได้ยินแล้วตาเป็นประกายทันที “ดรอปอะไรบ้างล่ะ”
เยี่ยเว่ยหมิงนำแผ่นเหล็กออกมาวางบนโต๊ะเสียงดัง ‘แกร๊ง’ แล้วเลื่อนไปตรงหน้าเฟยอวี๋ “มีแค่อันนี้ เครื่องประดับผู้ชายที่ติดตรงหมวก ช่วงนี้เฟยอวี๋รวบรวมข่าวในยุทธภพก็ถือว่าลำบากสร้างผลงานเช่นกัน ข้ามอบสิ่งนี้เป็นรางวัลให้เจ้า”
“เฮอะ! เจ้ามีสิทธิ์แจกรางวัลหรือไง” ปากก็บอกแบบนี้ แต่มือของเฟยอวี๋รับแผ่นเหล็กนั้นมาดูค่าสเตตัสของมันแต่โดยดี
[ที่คาดหัวนินจา (สีเขียว): ที่คาดหัวนินจาสำนักโคงะแห่งทะเลบูรพา]
ป้องกัน +30
ท่าร่าง +30
โจมตี +60
……
เมื่อได้เห็นค่าสเตตัสของอุปกรณ์นี้ แล้วได้ยินว่ามอบให้ตน เฟยอวี๋ก็ไม่ปลื้มทันที “เจ้าส่งหมวกสีเขียว[2]ให้ข้าหมายความว่าอะไร”
“มองให้ดีสิ นี่เป็นที่คาดหัว ไม่ใช่หมวก” เยี่ยเว่ยหมิงตอบอย่างมีเหตุผลเต็มปากเต็มคำ
“เหอะ! ใครอยากได้ของที่เจ้าให้กันล่ะ” เฟยอวี๋แสดงออกว่าไม่รับน้ำใจ พร้อมส่งคำขอซื้อขายให้เยี่ยเว่ยหมิง วางเงินไว้บนนั้นหนึ่งร้อยเหรียญทอง “ข้าซื้อ!”
เยี่ยเว่ยหมิงไม่เกรงใจเขาเช่นกัน กดยืนยันให้การซื้อขายนี้สำเร็จเสียเลย
ตอนนี้ ซานเย่ว์ที่อยู่ข้างๆ กลับถามอย่างรู้สึกขำ “ซื้อหมวกเขียวให้ตัวเอง รู้สึกเป็นเกียรติมากสินะ”
“มองให้ดี นี่คือที่คาดหัว ไม่ใช่หมวก!” เฟยอวี๋เถียงกลับทันที
เอิ่ม บทพูดแบบนี้ฟังดูคุ้นๆ หรือเปล่า
หลังจากล้อเล่นง่ายๆ ไปสองสามประโยค ศิษย์ทั้งสามของสำนักมือปราบเทพก็รีบจบวงจรการทำร้ายกันเอง
เยี่ยเว่ยหมิงกลับมาปั้นสีหน้าจริงจังคนแรก “พรุ่งนี้ก็ถึงวันจัดงานเลี้ยงวันเกิดของอวี๋ชางไห่แล้ว ฝั่งพวกเจ้าพบความผิดปกติอะไรหรือเปล่า”
ซานเย่ว์ส่ายหน้า สื่อว่าทุกอย่างปกติ
แต่พอลองคิดไปคิดมาก็รู้แล้วว่าหากชีชีอยากจะเคลื่อนไหว จะต้องปิดบังพวกเขาแน่นอน ซานเย่ว์เพียงถือโอกาสสืบข่าวในระหว่างที่ฝึกอัปเลเวล ย่อมไม่อาจรู้ข้อมูลลับอะไรได้
เฟยอวี๋เปลี่ยนใส่ที่คาดหัวนินจาแล้ว แต่มีอุปกรณ์ภายนอกคอยปิดบัง จึงมองไม่ออกว่าเขาใส่มัน ตอนนี้ก็ตอบเช่นกันว่า “สถานการณ์ในยุทธภพก็ยังเป็นอย่างนั้น สำนักซงซานเคลื่อนไหวได้ครึกโครมมาก ผู้เล่นกลุ่มใหญ่กำลังรวบรวมหลักฐานว่าสำนักชิงเฉิงสมคบกับฝ่ายพรรคฝ่ายมาร วิธีการต่างๆ ไม่ใช่ความลับอะไรอีกแล้ว เล่นกันเต็มที่จริงๆ”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วซักไซ้ต่อ “แล้วสำนักหัวซานล่ะ”
“สงบเสงี่ยม สงบเสงี่ยมเหนือความคาดหมาย” เฟยอวี๋กล่าวเสียงต่ำ “เย่ว์ปู้ฉวินเหมือนจะเก็บตัวฝึกวิชามาตลอด แม้แต่หนิงจงเจ๋อ ฮูหยินของเขาที่กำลังอยู่ระหว่างการเดินทาง ก็ถึงขั้นถูกเขาส่งจดหมายเรียกให้กลับไป ตอนนี้เหลือเพียงลิ่งหูชงคนเดียวที่เป็นตัวแทนของสำนักหัวซานไปร่วมงานวันเกิดของอวี๋ชางไห่…
…แต่เช้าวันนี้ ลิ่งหูชงที่เพิ่งไปถึงก็ปะทะกับสี่ปัญญาชนแห่งชิงเฉิงแล้ว นอกจากซ้อมสี่คนนั้นไปยกหนึ่ง ยังตั้งฉายาให้พวกเขาใหม่ด้วย เรียกว่า ‘หมูป่าหมีควาย สี่เดรัจฉานแห่งชิงเฉิง’ แล้วก็พูดประมาณว่าสุดยอดทักษะของสำนักชิงเฉิงเป็น ‘ท่าห่านป่าโก่งก้นร่อนพื้นทราย’ จากนั้นก็ถูกอวี๋ชางไห่ลงมือสั่งสอนจนสาหัส…
…ดูท่าแล้ว สำนักหัวซานคงมาร่วมงานวันเกิดนี้ไม่ได้แล้ว”
พอพูดถึงเรื่องนี้ เฟยอวี๋ก็อดกลุ้มใจไม่ได้ “พอมาดูตอนนี้แล้ว ก่อนหน้านี้ที่พวกเราส่งข่าวบอกสำนักหัวซาน ถือเป็นการทำเกินความจำเป็นหรือเปล่า เย่ว์ปู้ฉวินไม่ได้เรื่องเลย! หรือว่าจุดประสงค์ของเจ้าก็แค่เพื่อชิงกระบี่จินสยากลับมา”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วกลับส่ายหน้าเบาๆ “นี่ต่างหากจุดที่ยอดเยี่ยมที่แท้จริงของเย่ว์ปู้ฉวิน”
“หมายความว่าอย่างไร” เฟยอวี๋ขมวดคิ้ว
เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้อธิบายแนวคิดให้เขาฟังโดยละเอียด เพียงตอบอย่างแน่ใจมากว่า “ถ้าข้าเดาไม่ผิด ในงานเลี้ยงวันเกิดพรุ่งนี้ เย่ว์ปู้ฉวินจะต้องโผล่มาด้วยตัวเองแน่นอน ถึงขั้นเตรียมของขวัญที่ทุกคนคาดไม่ถึงไว้ให้อวี๋ชางไห่ด้วย”
พรึ่บพรั่บ…ตอนนี้เอง จู่ๆ พิราบขาวตัวหนึ่งก็บินทะลุหน้าต่างมาเกาะบนบ่าซานเย่ว์แล้วหายไป
หลังจากสาวน้อยอ่านจดหมายแล้วก็มองเยี่ยเว่ยหมิงด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความตกตะลึง “เย่ว์ปู้ฉวิน เจ้าสำนักหัวซานเพิ่งปรากฏตัวที่ตำบล เหมือนเขาจะด่าทอลิ่งหูชงที่กำลังบาดเจ็บสาหัสด้วย!”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ฟังแล้วเผยรอยยิ้มทะเล้นบนใบหน้าทันที “วิธีการนี้ของเย่ว์ปู้ฉวินช่างโหดจริงๆ ข้าอยากจะเห็นนักว่าครั้งนี้ชีชีเตรียมจะกู้สถานการณ์อย่างไร”
[1] ไป๋ซู่เจิน 白素贞 นางเอกเรื่องตำนานรักนางพญางูขาว
[2] สวมหมวกเขียว 戴绿帽 หมายถึง สวมเขา