ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 20 ข้าคือมืออาชีพ!
ตอนที่ 20 ข้าคือมืออาชีพ!
พูดถึงอาวุธล้ำค่า ก็ต้องอธิบายการแบ่งระดับอุปกรณ์ในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ ก่อน
ในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ อุปกรณ์ทั้งหมดแบ่งออกเป็นสีขาว สีฟ้า สีทอง สีเขียว อาวุธล้ำค่า ศาสตราเทพ ทั้งหมดหกระดับ เอฟเฟ็กต์ของระดับสามสีส่วนใหญ่ก็จะเหมือนกับในเกมออนไลน์อื่นๆ สีขาวคืออุปกรณ์เริ่มต้น สเตตัสแย่ที่สุด สีฟ้าเป็นอุปกรณ์ชั้นดี สีทองเป็นอุปกรณ์ชั้นยอด สีเขียวเป็นชุดเซต
แต่นอกจากสี่อันที่อธิบายไปแล้ว ยังมีอุปกรณ์ระดับอาวุธล้ำค่ากับศาสตราเทพอีกสองอย่าง เริ่มจากอาวุธล้ำค่าก่อน อุปกรณ์ทุกชนิดจะมีชื่อเฉพาะเป็นของตัวเอง และมีเพียงชิ้นเดียว!
ซึ่งก็แปลว่าหน้าไม้เทพจูเก๋อที่อยู่ตรงหน้าทั้งสองตอนนี้ ทั้งเกมมีอันนี้เพียงอันเดียว ไม่มีอันอื่น!
ฟังคำอธิบายของโหยวโหยวจบ เยี่ยเว่ยหมิงก็วิเคราะห์อย่างจริงจัง “เลเวลที่แสดงอยู่ของเฉินหมิงในตอนนี้คือเลเวลสามสิบ หรือพูดได้อีกอย่างว่า ที่จริงเขาก็แค่เลเวลสิบห้าเท่านั้น ในการประเมินเลเวล BOSS ในเกมนั้น โดยปกติจะคำนวณตามข้อมูลภาพรวมของ BOSS แบบนี้ผู้เล่นจะได้ชั่งน้ำหนักสะดวกว่าความสามารถของทั้งสองฝ่ายต่างกันมากแค่ไหน”
“ดังนั้น BOSS ที่อยู่ตรงหน้าเราตอนนี้น่าจะมีพลังโจมตีสูงมาก แต่ด้านอื่นๆ อยู่ในเลเวลสิบห้าเท่านั้น และที่ทำให้กลุ้มใจมากที่สุดคือ เขาดันเป็นอาชีพโจมตีระยะไกลนี่สิ”
พูดมาถึงตรงนี้ มุมปากของเยี่ยเว่ยหมิงก็ยิ้มฝืดเฝื่อนอย่างอดไม่ได้ “แต่ก็โชคดีที่รอบตัวเขาไม่มีมอนสเตอร์ตัวเล็กอยู่ ไม่อย่างนั้นมอนตัวเล็กเป็นแนวหน้า ตัวเขาโจมตีระยะไกลมา พวกเราก็คงไม่ต้องคิดแล้วว่าจะฆ่า BOSS ตัวนี้อย่างไร แต่ต่อให้เป็นเช่นนั้น…ว่าแต่ BOSS เลเวลขนาดนี้ ระดับความยากภารกิจกลับแค่สี่ดาวเหรอ”
“ภารกิจสำนักของข้าระดับความยากเป็นห้าดาว” โหยวโหยวตอบอย่างเก้อเขิน “หากในทีมไม่มีข้าล่ะก็ เฉินหมิงที่อยู่ข้างหน้านี้ก็คงมีเลเวลแค่สิบห้าเท่านั้น อีกอย่างก็เหมือนที่เจ้าพูดมา รอบตัวจะมีมอนหัวกะทิกับมอนตัวเล็กคอยคุ้มกันอยู่”
“แต่เจ้าวางใจได้เลย ก่อนจะมาข้าได้เตรียมตัวสู้ตัวต่อตัวกับเขาเอาไว้แล้ว อาจารย์เคยบอกว่า เฉินหมิงคนนี้เดิมทีก็ไม่ได้รู้วิธีใช้อาวุธลับ ข้าน่าจะรับมือได้ ตอนนี้มีเจ้ามาช่วย ก็ยิ่งมั่นใจขึ้นไปอีก!” ขณะที่โหยวโหยวพูดอยู่นั้น ก็ได้ยกหน้าไม้ขึ้นเตรียมพร้อม แล้วเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าท่าทางที่มั่นคง “อีกประเดี๋ยว เจ้ารอให้ข้าดึงค่าความแค้นให้คงที่ เจ้าค่อยหาจังหวะลอบโจมตีระยะประชิด ขอเพียงไม่ให้โอกาสเขาออกห่างไป ก็น่าจะบังคับให้เขาเลิกใช้หน้าไม้เทพจูเก๋อ แล้วเปลี่ยนมาใช้ดาบยาวที่เขาถนัดได้ หากโจมตีตอนนั้นก็จะง่ายขึ้นมาก”
“เลเวลสามสิบเป็น BOSS ระยะไกลเหมือนกัน และยังเป็นประเภทโจมตีสูงด้วย เจ้าแน่ใจนะว่าจะดึงไว้ได้”
“วางใจเถอะ ข้าเป็นมืออาชีพนะ!” โหยวโหยวตอบอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม สีหน้าท่าทางเริ่มจริงจังตั้งใจอย่างที่สุด แม้กระทั่งท่าจับหน้าไม้ก็ยังเปลี่ยนไปจากเดิม
มือขวาของนางจับคันหน้าไม้แน่น มือซ้ายประคองข้อมือขวาไว้ แขนทั้งสองข้างงอขึ้น ยกคันหน้าไม้ขึ้นในระดับเดียวกับศีรษะ หลังส่วนล่างแนบสนิทกับกำแพง เคลื่อนตัวไปยังโถงวังใต้ดินอย่างช้าๆ ทีละก้าว
ท่าทางนี้ของนาง เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อนนะ?
ขณะเดินตามโหยวโหยวเข้าไปใกล้ห้องโถงอย่างช้าๆ เฉินหมิงยังคงจับสังเกตไม่ได้เช่นเดิม จนกระทั่งตอนที่นางก้าวเท้าข้างหนึ่งเข้าไปยังห้องโถง เจ้า BOSS เลเวลสามสิบนี้จึงได้หันมองมายังร่างของหญิงสาวอย่างเชื่องช้าแล้วส่งเสียงสูงขู่คำรามขึ้น “ที่แท้ก็เป็นศิษย์สำนักถังเหมิน นี่เจ้ารนหาที่ตายอย่างนั้นหรือ”
ตอนนี้โหยวโหยวได้ปลดปล่อยความเป็นคนจริงไม่พูดเยอะของนางออกมาอย่างเต็มที่ พอเห็นว่า BOSS สังเกตเห็นนางแล้ว หน้าไม้ดอกหนึ่งก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วดุดัน ดึงให้ระยะห่างของทั้งสองคนใกล้กันจนอยู่ในขอบเขตการยิงของนาง สองเท้าเพิ่งแตะถึงพื้น แขนทั้งสองข้างก็ยืดตรงเรียบร้อย มือขวาจับคันหน้าไม้ มือซ้ายประคองข้อมือขวาเช่นเคย ยิงออกไปทางเฉินหมิงหกดอกรวด
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!…
-36
-34
-88
-29
……
หกดอกเข้าเป้าอย่างแม่นยำในรวดเดียว เหนือศีรษะของเฉินหมิงมีตัวเลขหักค่าพลังชีวิตสีแดงลอยขึ้นหกตัวครู่หนึ่ง ในนั้นรวมดาเมจคริติคอลสองครั้งด้วย ดึงเอาค่าพลังชีวิตออกไปได้เกือบสามร้อยแต้ม อีกทั้งเฉินหมิงก็ถูกโจมตีต่อเนื่อง ทำให้ตั้งแต่ต้นจนจบก็ติดอยู่ในสถานะแช่แข็งชั่วคราว โจมตีกลับไม่ได้อยู่แล้ว
หากหน้าไม้ในมือของโหยวโหยวยิงต่อเนื่องได้ไม่มีขีดจำกัดล่ะก็ แน่นอนว่าย่อมควบคุม BOSS ตัวนี้ไว้ได้จนตาย แต่น่าเสียดายที่หน้าไม้ของนางโจมตีติดต่อกันได้สูงสุดครั้งละหกดอกเท่านั้น หลังจากนั้นก็จะต้องเติมลูกหน้าไม้หน้าไม้เข้าไปใหม่ ใช้เวลานานสามวินาที!
หลังจากที่ยิงลูกดอกหน้าไม้จนครบหกดอกแล้ว โหยวโหยวก็ไม่รอให้เฉินหมิงโต้ตอบ นางกลิ้งตัวไปทางซ้ายหนึ่งตลบ หลบหน้าไม้สามดอกที่เฉินหมิงยิงออกมาหลังฟื้นตัวได้หวุดหวิด จากนั้นก็รีบยืนขึ้น วิ่งเป็นรูปตัว S ง่ายๆ อยู่ไม่กี่ครั้ง ทำให้หลบหน้าไม้สามดอกของอีกฝ่ายได้อีก ตามด้วยยกหน้าไม้ขึ้นมาและยิงออกไปหกดอกเช่นเดิม และยังคงแม่นยำทั้งหมด
ที่น่าอัศจรรย์ใจกว่านั้นคือ นางใช้การเคลื่อนไหวไม่กี่ครั้งก่อนหน้า ทำให้ตอนนี้ตัวนางห่างจากเสาต้นหนึ่งในหกต้นที่อยู่รอบห้องโถงไม่ถึงหนึ่งเมตรแล้ว ทันทีที่นางยิงหน้าไม้ดอกสุดท้ายออกไปหมด พอก้าวออกไปหนึ่งก้าว ก็เอาตัวไปหลบหลังเสาหินได้แล้ว รวดเร็วและสงบนิ่ง
เฉินหมิงที่เริ่มโต้กลับอีกครั้งกลับหันมาทางเสาหินรอบๆ ที่โหยวโหยวซ่อนตัวอยู่ ยิงหน้าไม้ออกมาต่อเนื่องเจ็ดดอก ภายใต้พลังทำลายล้างสูงอย่างหน้าไม้เทพจูเก๋อ เสาหินที่มั่นคงก็ถูกยิงจนหินแตกกระจายไปทั่ว แต่กลับทำอะไรโหยวโหยวไม่ได้แม้แต่น้อย
โหยวโหยวปรากฏตัวขึ้นหลังเสาเร็วมาก และยิงหน้าไม้หกดอกออกไปรวดเดียวอีกครั้ง อาจเป็นเพราะรู้สึกได้ถึงความเสียหายรุนแรงของเสาหินก่อนหน้านี้ ครั้งนี้โหยวโหยวใช้เวลาในช่วงที่เติมลูกดอกหน้าไม้ หันไปทางเสาหินต้นหนึ่งพร้อมกับกลิ้งตัวไป หลังจากหลบหน้าไม้ทั้งสามดอกของเฉินหมิงได้แล้ว ที่เหนือความคาดหมายไปกว่านั้นคือนางกลิ้งกลับมาอีกครั้งหนึ่ง ทำเอาเยี่ยเว่ยหมิงที่มองอยู่ใกล้ๆ อุทานชมในใจอย่างอดไม่ได้ พลิ้วมาก!
ทว่า เหตุการณ์พลิกผันเกิดขึ้นแล้ว
ระหว่างที่โหยวโหยวกลิ้งตัวกลับนั้น เฉินหมิงที่กำลังยิงหน้าไม้หน้าไม้สามดอกต่อเนื่องอยู่ นึกไม่ถึงว่าจะมีดอกหนึ่งที่ยิงโดนข้างท้องน้อยของโหยวโหยวที่กำลังเคลื่อนที่ไปมาอย่างงดงาม ราวกับกำหนดเอาไว้ก่อนหน้าแล้ว ด้วยอานุภาพที่ร้ายแรงของหน้าไม้เทพจูเก๋อ ลูกดอกหน้าไม้ทะลุผ่านร่างไป พร้อมเอาพลังชีวิตของโหยวโหยวไปสูงถึง 521 แต้ม!
สาวน้อยที่ในตอนแรกมีเลือดอยู่เต็ม เพียงครู่เดียวกลับเหลือเพียงแค่เศษเลือด เกือบถูกปลิดชีพแล้ว!
แต่ว่าถึงจะไม่ถูกปลิดชีพ แต่ก็ไม่ต่างกันเท่าไร ลองคิดดูสิ แม้แต่หน้าไม้ธรรมดาของโหยวโหยวหลังยิงเข้าเป้าแม่นยำยังทำให้ BOSS แช่แข็งได้ชั่วคราว นับประสาอะไรกับหน้าไม้เทพจูเก๋อในมือของเฉินหมิงล่ะ
เพียงดอกเดียว ไม่เพียงทำให้โหยวโหยวพลังชีวิตลดไปกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ บวกกับถูกพลังบนหน้าไม้ทำให้ล้มกลิ้งอยู่บนพื้น จนต้องนอนแผ่หลาอยู่อย่างนั้น
เฉินหมิงเห็นแล้วหัวเราะเสียงดัง “เจ้าหนูน้อย ตายซะเถอะ!” ขณะพูดก็ก้าวขึ้นมาก้าวหนึ่ง พร้อมยกหน้าไม้เทพขึ้นอีกครั้ง แล้วเล็งมายังโหยวโหยวที่นอนอยู่บนพื้น
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ก็มีเงาร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากพื้นที่ลาดเอียง จับขาขวาของโหยวโหยวที่นอนอยู่บนพื้น แล้วพานางไปซ่อนไว้หลังเสาหิน
ไม่ต้องถามเลย คนที่ลงมือเป็นเยี่ยเว่ยหมิงที่เพิ่งมาถึงนั่นเอง
เมื่อปล่อยขาของโหยวโหยวแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ยิ้มออกมาอย่างสง่างาม พูดด้วยความมั่นใจว่า “ก่อนหน้านี้เจ้าทำได้ไม่เลวเลย ต่อจากนี้ให้เป็นหน้าที่ของข้าก็แล้ว…เฮ้ย!”
เดิมทีเยี่ยเว่ยหมิงตั้งใจว่าจะซุ่มตะครุบเหยื่ออยู่หลังเสา รอให้อีกฝ่ายเดินอ้อมมาที่เสา ค่อยโจมตีแบบไม่ให้ตั้งตัว จากนั้นไล่ต้อนจนเขายอมเปลี่ยนเป็นอาวุธระยะใกล้ แต่คาดไม่ถึงว่าไอ้ลูกหมานี่พอเห็นโหยวโหยวถูกช่วยไปได้ ก็โจมตีเข้ามาไม่ดูตาม้าตาเรือสักนิด แถมยังใจทรามถอยกลับไปที่ใจกลางห้องโถงแล้วอีกต่างหาก