ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 21 ระบบความรู้สึกเจ็บ
ตอนที่ 21 ระบบความรู้สึกเจ็บ
BOSS ไม่เล่นตามกติกา! แบบนี้จะสู้กันยังไงได้อีก
ขณะที่โหยวโหยวนำยาจินฉวง[1]ห่อหนึ่งมาตบบนบาดแผล นางกล่าวอย่างจนใจว่า “ขอโทษนะ ข่าวที่ข้าได้มาก่อนหน้านี้ผิดพลาด เฉินหมิงนั่นไม่เข้าใจการใช้อาวุธลับเสียที่ไหนกัน ทักษะอาวุธลับของเขายอดเยี่ยมใช้ได้เลย…โอ๊ย ไม่น่าเชื่อว่าจะคาดคะเนการเคลื่อนไหวของข้าได้…ซี้ด!”
ตอนที่พูด สีหน้าโหยวโหยวก็เปลี่ยนเป็นซีดขาวแล้ว เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลลงมาจากหน้าผาก แต่กลับยังกัดฟันทนไม่ส่งเสียงร้องออกมา
เยี่ยเว่ยหมิงเห็นดังนั้น ก็หลุดถามอย่าตกใจ “นี่เจ๊ เจ้าคงไม่ได้เปิดใช้โหมดความรู้สึกเจ็บหรอกใช่ไหม”
“เมื่อเปิดโหมดความรู้สึกเจ็บเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่เพียงแต่ป้องกันสภาวะแช่แข็งหลังถูกโจมตีได้หนึ่งส่วน…ทั้งยัง…เอื้อ ทั้งยังทำให้ความเร็วในการฝึกสกิลสู้เพิ่มขึ้นอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์ด้วย…ข้า ข้าก็ต้องเปิดอยู่แล้วสิ!”
ที่พูดมาก็มีเหตุผลมาก เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกว่าตัวเองเถียงออกไม่ออก
“แต่ตอนนี้เจ้าก็เจ็บจนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้แล้ว ยังไม่รีบปิดมันอีก!”
เพื่อปกป้องผู้เล่นของเกมนี้ เมื่อเปิดระบบความรู้สึกเจ็บแล้วก็ปิดใช้งานได้ทุกเมื่อ เพียงแต่ทุกครั้งหลังจากปิดใช้งาน กลับต้องใช้เวลาคูลดาวน์ยี่สิบสี่ชั่วโมงถึงจะเปิดใช้งานได้อีกครั้ง อีกทั้งการเปิดโหมดความรู้สึกเจ็บ จะต้องเปิดตอนไม่ได้อยู่ในสถานะต่อสู้
โหยวโหยวพยักหน้าเบาๆ แล้วเลือกปิดโหมดความรู้สึกเจ็บในระบบหลังบ้านทันที ทำให้ความเจ็บปวดที่แทบจะบีบให้คนคลั่งลดลงในชั่วพริบตาเหมือนกระแสน้ำถดถอย โหยวโหยวถึงได้รู้สึกปลอดโปร่ง สบายจนอดครางออกมาไม่ได้
แม้จะปิดโหมดความรู้สึกเจ็บแล้ว แต่ตอนนี้โหยวโหยวก็ยังอยู่ในสถานะบาดเจ็บสาหัส สเตตัสด้านต่างๆ ลดลงจากเดิมครึ่งหนึ่ง ทำได้เพียงพักผ่อนอยู่ที่เดิมต่อไป แต่เนื่องจากอยู่ในสถานะต่อสู้ ทำให้ตอนนี้นางนั่งสมาธิปรับลมหายใจเพื่อเร่งให้ฟื้นตัวเร็วขึ้นไม่ได้
ในขณะนี้เอง ระบบกลับแจ้งเตือนกะทันหันว่าพวกเขาหลุดจากสถานะต่อสู้แล้ว
เมื่อได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบ นอกจากเยี่ยเว่ยหมิงจะไม่รู้สึกดีใจเลยสักนิด กลับสบถด่าออกมาอย่างเหลืออดด้วย “ไอ้ขี้งกนี่ เดิมทีข้าเตรียมจะรอให้เขายิงลูกดอกหน้าไม้เทพจูเก๋อดอกที่เจ็ดหมดก่อน แล้วค่อยพุ่งไปใส่เดี่ยวกับเขา ด้วยระยะห่างอย่างตอนนี้ ข้ามั่นใจว่าว่าภายในสามวินาทีที่เขากำลังเติมลูกดอกเข้าไปใหม่ ข้าไล่ตามเขาทันแน่”
ตอนนี้โหยวโหยวนั่งขัดสมาธิแล้ว เริ่มโคจรกำลังภายในปรับลมหายใจเพื่อรักษาบาดแผล แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการสื่อสารระหว่างนางกับเยี่ยเว่ยหมิงในช่องทีม “ปริมาณจุลูกดอกหน้าไม้เทพจูเก๋อไม่ใช่เจ็ดหรือสิบสามดอก ก่อนหน้านี้เป็นเพราะข้าไม่ให้โอกาสเขายิงลูกดอกทั้งหมดในรวดเดียว เจ้าถึงได้เห็นเขายิงลูกดอกได้มากสุดเจ็ดดอกเท่านั้น”
โหยวโหยวบอกข้อมูลของหน้าไม้เทพจูเก๋อให้เยี่ยเว่ยหมิงฟังอีกคร่าวๆ ก่อนจะกล่าวด้วยสีหน้ารู้สึกผิดว่า “ขอโทษนะ ดึงเจ้าให้มาลำบากด้วยกันแล้ว ที่จริงนี่คือภารกิจที่ระบบแนะนำให้ตั้งทีม เพียงแต่ข้าไม่เชื่อใจคนอื่นในสำนัก แถมก็ไม่มีเพื่อนคนอื่นในเกมแล้วด้วย…ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ตอนนี้ถ้าพวกเราโผล่ออกไปจากหลังเสานี่เมื่อไร ก็จะเข้าสู่สถานะต่อสู้อีกทันที ด้วยเคล็ดวิชายิงธนูของเขา ตอนนี้พวกเราสู้ไม่ไหว หนีไม่พ้นด้วย กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ!”
“เคล็ดวิชายิงธนู อย่างเขาเนี่ยนะ?”
เยี่ยเว่ยหมิงหลุดขำ “เจ้าอย่าล้อข้าเล่นเลย จากการต่อสู้ของพวกเจ้าสองคนก่อนหน้านี้ ข้านับว่าดูออกแล้ว ที่จริงเจ้าหมอนั่นก็เป็นอย่างที่เจ้าเคยบอก ไม่เข้าใจเลยว่าจะใช้อาวุธลับอย่างไร เล็งไม่แม่นเลยสักนิด รู้จักแต่ลถ่มยิง!”
โหยวโหยวได้ยินแล้วเบิกตากว้าง “เช่นเดียวกันการคาดคะเนของเขาก่อนหน้านี้…”
“ก็เดาน่ะสิ” เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่ “พวกเจ้าสองคนประมือกันนานขนาดนั้น เขายิงลูกดอกหน้าไม้ใส่เจ้าเกือบยี่สิบดอกแล้ว ถ้าจะบอกว่าเดาถูกสักดอก ก็ไม่ถือว่ากล่าวเกินไปกระมัง”
โหยวโหยวได้ยินแล้วตาเป็นประกาย “หรือพูดได้อีกอย่างว่า…”
“เจ้าจะบอกว่าการเคลื่อนไหวอันสง่างามของเจ้าก่อนหน้านี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาประโยชน์กลับลดลงไปเยอะเลยอย่างนั้นหรือ” เยี่ยเว่ยหมิงทำลายความคิดเพ้อฝันของสาวน้อยอย่างไม่ปรานีอีกครั้ง “ลูกดอกลูกต่อไปของเขาจะไปตกลงตรงไหน เกรงว่าแม้แต่เขาเองก็คงไม่รู้ด้วยซ้ำ เขาจะคาดคะเนอย่างไร…
…ถ้าเป็นธนูหน้าไม้ทั่วไป ยกตัวอย่างเช่นของที่อยู่ในมือเจ้า ข้าลองคาดคะเนตามความเร็วและวิถีลูกดอกก่อนใช้กระบี่ปัดออกได้ แต่ลูกดอกที่ยิงออกจากหน้าไม้เทพจูเก๋อนั้นเร็วเกินไป ข้าทำอย่างนั้นไม่ได้เลย”
โหยวโหยวถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ไม่น่าเชื่อว่าแม้แต่กับเรื่องแบบนี้ เจ้าก็วิเคราะห์ได้ทะลุปรุโปร่งมาก ดูท่าแล้วเจ้าคงจะเป็นยอดฝีมือในเกมจริงๆ”
สำหรับคำชมนี้ เยี่ยเว่ยหมิงเลือกที่จะยิ้มโดยไม่ตอบอะไร เขาจะบอกนางเชียวหรือว่าที่จริงแล้วระดับการใช้อาวุธลับของตัวเองก็กากพอๆ กับเฉินหมิงเลย ตอนแรกที่สู้กับโฉวป้า ก็ไม่ใช้ว่าอาศัยการเดาทั้งหมดหรอกหรือ
หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง โหยวโหยวก็ถามผ่านช่องทีมอีกครั้ง “แล้วตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรกันดี”
“นอกจากหน้าไม้แล้ว เจ้ายังใช้งานอาวุธลับอย่างอื่นเป็นหรือเปล่า ประเภทที่ใช้มือขว้างเอาน่ะ”
“ไม่เป็น” โหยวโหยวตอบอย่างไม่อ้อมค้อม
“ไม่ใช่หรอกมั้ง ศิษย์สำนักถังเหมินอย่างเจ้าเนี่ยนะจะขว้างอาวุธลับไม่เป็น” เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวเหน็บแนมอย่างอดไม่ไหว
“แล้วเจ้าใช้ปืนเป็นหรือเปล่าล่ะ ข้าหมายถึงปืนสั้นน่ะ” โหยวโหยวถามกลับ
“ไม่เป็นหรอก ทำไมหรือ” เยี่ยเว่ยหมิงถาม
“เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายอย่างเจ้ายังใช้ปืนไม่เป็นเลย แล้วศิษย์สำนักถังเหมินอย่างข้าขว้างอาวุธลับไม่เป็นมันจะแปลกตรงไหน” โหยวโหยวตอบเขา
“ไม่เป็นอะไรแล้ว เจ้ารักษาบาดแผลก่อนเถอะ”
……
โหยวโหยวนั่งขัดสมาธิอยู่อย่างนี้สิบกว่านาที เยี่ยเว่ยหมิงคอยคุ้มครองอยู่ข้างๆ พร้อมทั้งรับหน้าที่จับตาดูความเคลื่อนไหวของ BOSS เฉินหมิง จะได้ไม่เผลอปล่อยให้โจรเจ้าเล่ห์นั่นอ้อมเข้ามาจากตำแหน่งอื่น แล้วยิงธนูหน้าไม้ฟิ้วๆ ใส่พวกเขาอีก
ตามที่เยี่ยเว่ยหมิงสังเกตการณ์ พบว่า BOSS ตัวนี้นับว่าเฉียบแหลมพอสมควร หรือไม่ก็เจ้าเล่ห์ทนรอเก่ง
ตั้งแต่ทั้งสองมาหลบข้างหลังเสา เขาก็ถือหน้าไม้ยืนอยู่กลางโถงใหญ่และจ้องมาทางนี้โดยไม่ขยับไปไหน ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องเตรียมจะอ้อมเสามาโจมตีทั้งสอง แม้แต่จะใช้ธนูหน้าไม้โจมตีทำลายเสาหินที่บังพวกเขาอยู่ อีกฝ่ายก็ไม่ลองทำด้วยซ้ำ
พอเป็นแบบนี้ แม้จะทำให้โหยวโหยวที่ติดสถานะบาดเจ็บสาหัสไม่เป็นอะไรมาก อีกทั้งค่าพลังชีวิตก็กลับมาเต็ม แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังหาโอกาสใช้กลยุทธ์ระยะประชิดไม่ได้อยู่ดี
เมื่อลองเปิดใช้ผลแอคทีฟสกิล ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ล่อมอนสเตอร์ ระบบก็แจ้งเตือนว่าไกลเกินไป ไม่ตรงตามเงื่อนไขการเปิดใช้งานสกิล จนใจที่ทำได้เพียงล้มเลิกความคิดนี้
หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง โหยวโหยวที่สถานะกลับมาเต็มแล้วก็ลุกขึ้นยืน รูปแบบของตัวเองและฝ่ายศัตรูกลับมาอยู่จุดเดิมอีกครั้ง สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไปก็คือ เดิมทีตำแหน่งของทั้งสองอยู่นอกโถงใหญ่ด้านหน้า ตอนนี้เปลี่ยนเป็นหลังเสาหินที่ใกล้มากกว่าเดิมแล้ว
โหยวโหยวรีบยื่นหน้าไปมอง BOSS ที่ยังยืนอยู่กลางโถงปราดหนึ่งอย่างรวดเร็ว พอหดหน้ากลับมาก็พูดกับเยี่ยเว่ยหมิงว่า “ตอนนี้จะทำอย่างไรกันดี เจ้ารู้จักเกมดีกว่าข้าตั้งเยอะ ทั้งยังเป็นหัวหน้าทีม การต่อสู้ครั้งต่อไปข้าจะฟังเจ้าบัญชาการ”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วกลอกตามองบน “ก่อนหน้านี้เจ้าบอกว่าตัวเองเป็นมืออาชีพไม่ใช่หรือ ทำไมมองสิ่งที่อยู่ในเกมไม่ทะลุปรุโปร่งเท่าผู้เล่นธรรมดาอย่างข้าล่ะ”
“ก็เป็นกองกำลังพิเศษมืออาชีพไง มีปัญหาเหรอ”
“ไม่มีปัญหาขอรับ!”
เมื่อได้ยินคำตอบของนาง เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้เข้าใจว่าเหตุใดจึงคุ้นตากับการเคลื่อนไหวและท่าทางการจับหน้าไม้ของนางก่อนหน้านี้ การเคลื่อนไหวแบบนี้เขาเห็นบ่อยมากในหนังแนวแก๊งสเตอร์ หนังสงคราม หนังสายลับ แม้แต่หนังแนวซูเปอร์ฮีโร่ก็ดูมาบ่อย เพียงแต่พอเปลี่ยนปืนสั้นเป็นหน้าไม้ เปลี่ยนเครื่องแบบเป็นชุดโบราณ ก็ทำให้เขานึกไม่ออกไปชั่วขณะก็เท่านั้นเอง
เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้คิดวนเวียนถึงปัญหาเรื่องอาชีพของนางอีก บอกไปตรงๆ เลยว่า “คนที่มีพื้นเพอาชีพอย่างเจ้า ในนิยายยุคก่อนล้วนเป็นตัวเอก ในด้านการฉวยโอกาสลงมือ ก็คงไม่ต้องให้ข้าพูดอะไรมาก อีกประเดี๋ยวข้าจะเบี่ยงเบนความสนใจของเขาก่อน เจ้าคอยหาจังหวะเคลื่อนไหว ช่วยสร้างโอกาสให้ข้าเข้าใกล้ตัวเขา”
พอพูดจบ ก็กรอกกำลังภายในใส่สองเท้า ใช้ท่าร่างแปดก้าวไล่ทันคางคกอ้อมออกไปจากหลังเสา
“หลานเอ๊ย ปู่อยู่นี่แล้ว!”
[1] ยาจินฉวง 金疮药 เป็นยาโบราณ มีสรรพคุณรักษาบาดแผลและห้ามเลือด