ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 217 ต่างคนต่างแสดงอภินิหาร (1)
ตอนที่ 217 ต่างคนต่างแสดงอภินิหาร (1)
ใช้กระบี่คู่ผนึกรวมด้วยตัวคนเดียว?
เกินไปแล้วมั้ง!
พอเยี่ยเว่ยหมิงตกใจเสร็จ ก็นึกขึ้นได้ถึงข้อมูลที่อินปู้คุยเคยพูดถึงก่อนหน้านี้ทันที ภรรยาของหยางกั้วซึ่งเป็นหลานชายคนโตของเขา หรือเสี่ยวหลงหนี่ว์ หลานสะใภ้ในอนาคตของเยี่ยเว่ยหมิง นางเหมือนจะทำสิ่งนี้ได้
ถึงแม้ยังไม่ปลดล็อกภารกิจเนื้อเรื่องคู่รักจ้าวอินทรี แต่การที่สำนักสุสานโบราณถ่ายทอดวิชานี้ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ฟังขึ้น
เพียงแต่กระบี่คู่ผนึกรวมของสะพานสวรรค์น้อย ทำไมถึงดู…แข็งทื่อขนาดนี้
ขณะที่กำลังสงสัย กลับได้ยินเสียงน้องดาบบอกว่า “ไม่มีความไม่สอดคล้องตอนร่วมมือกัน กระบี่คู่ผนึกรวมที่สะพานสวรรค์น้อยคนนี้ใช้คนเดียว เมื่อเทียบกับตอนที่พวกเจ้าใช้ร่วมกันสองคน แม้ประสิทธิภาพจะอ่อนแอลงเยอะ แต่ช่องโหว่กลับน้อยลงมากเช่นกัน”
ขณะที่พูดก็ส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจอีก “เพียงแต่กระบี่คู่ผนึกรวมของนาง ตอนใช้งานอาจจะดูแข็งกระด้างไปหน่อย หากพบยอดฝีมือที่แท้จริง ก็อาจจะแสดงประสิทธิภาพของมันออกมาได้ยาก”
ความหมายที่นางจะสื่อก็คือ ยามเผชิญหน้ากับกระบี่คู่ผนึกรวมของสะพานสวรรค์น้อย นางก็ยังมีความมั่นใจในชัยชนะอยู่ดี!
ที่จริง ตั้งแต่ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ เพิ่มถึงเลเวลสิบและปลดล็อกเอฟเฟกต์ ‘เงาของเทพกระบี่’ แล้ว ตอนนี้สายตาของเยี่ยเว่ยหมิงเมื่อเทียบกับเมื่อก่อน ชั่วร้ายขึ้นเยอะ
ขนาดน้องดาบยังมองปัญหาออก เขาเองก็มองออกแล้วเช่นกัน
อีกทั้งถ้าพาตัวเองเข้าไปอยู่ในจุดของหนิวจื้อชุนแล้วลองเปลี่ยนมุมมองพิจารณา เขาก็รู้สึกว่าถ้าตัวเองเผชิญหน้ากับกระบี่คู่ผนึกรวมอย่างนี้ ก็มั่นใจว่าตัวเองจะชนะเช่นกัน ถึงขนาดว่ายังจบการต่อสู้ภายในเวลาอันสั้นได้ด้วย
เป็นเพราะเลเวลกระบี่คู่ผนึกรวมของสะพานสวรรค์น้อยก็ยังต่ำเกินไป กำลังภายในไม่พอ หรือเป็นเพราะสาเหตุอื่น
ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแต่ก็ไม่ได้คำตอบ เยี่ยเว่ยหมิงจึงส่ายหน้าบอกว่า “เดี๋ยวรอข้ากลับไปถามนาง ดูว่านางยังขาดสิ่งใดกันแน่ บางทีอาจจะช่วยนางคิดหาวิธีได้”
คำพูดของเขาเหมือนกำลังพูดให้น้องดาบฟัง แต่ก็เหมือนพึมพำกับตัวเอง
ส่วนในตอนนี้ หนิวจื้อชุนที่อยู่บนสังเวียนก็ถูกกรกระบี่คู่ผนึกรวมของสะพานสวรรค์น้อยฟันจนกลายเป็นแสงสีขาวไปแล้ว อย่างไรเสียเขาก็ไม่ใช่เยี่ยเว่ยหมิง และไม่ใช่น้องดาบด้วย กระบี่คู่ผนึกรวมของสะพานสวรรค์น้อยแม้จะมีข้อบกพร่อง แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะรับมือกับมันได้
แต่ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นกันประลองบนสังเวียน หนิวจื้อชุนที่ตายไม่เพียงแค่ไม่ถูกลงโทษใดๆ ถึงขั้นไม่ถูกส่งไปที่จุดคืนชีพด้วย วินาทีถัดมาหลังจากถูกกำจัด ก็คืนชีพอยู่ท่ามกลางแสงสีขาวตรงจุดเดิมด้วยค่าสเตตัสเต็มเปี่ยม
ส่วนผู้ชนะอย่างสะพานสวรรค์น้อย หลังจากการต่อสู้จบลง พลังชีวิตก็กลับมาเต็มอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นฉากนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็อดหยอกไม่ได้ “จะว่าไป สังเวียนอำนวยความสะดวกขนาดนี้ หากฝึกทักษะยุทธ์ที่สิ้นเปลืองกำลังภายในมากที่นี่ ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวเหมือนกันนะ”
เยี่ยเว่ยหมิงแม้จะรู้ว่ามีสถานที่อย่างสังเวียนอยู่ด้วย แต่วันนี้ก็เพิ่งสัมผัสได้ถึงประโยชน์ของมันใกล้ๆ เป็นครั้งแรก ได้เห็นกำลังภายในของทั้งสองกลับมาเต็มเหมือนเดิมโดยอัตโนมัติหลังจากสู้เสร็จ ก็อดคิดเรื่องการฝึกฝนทักษะยุทธ์ที่นี่ไม่ได้
ต้องทราบไว้ว่า หลายทักษะยุทธ์ในเกมที่ค่อนข้างเปลืองกำลังภายใน เมื่อเทียบกับวิชาดาบและเคล็ดกระบี่ที่สิ้นเปลืองกำลังภายในน้อย แบบแรกฝึกยากกว่ามาก
เพราะถ้าเป็นทักษะยุทธ์ที่สิ้นเปลืองกำลังภายในมาก ก็หมายความว่าความถี่ที่เจ้าจะได้ใช้มันก็จะไม่สูงมาก ยกตัวอย่างเช่นกระบวนท่า ‘มังกรซ่อนกบดาน’ ต่อให้อาศัยกำลังภายในของเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ แต่ตบไปยี่สิบฝ่ามือก็ทำให้กำลังภายในของเขาหมดเกลี้ยงแล้ว
แต่หากฝึกให้เร็วขึ้นได้โดยอาศัยวิธีประลองบนสังเวียน ก็จะได้ใช้กระบวนท่านี้โดยไม่สิ้นเปลืองกำลังภายในไม่ใช่หรอกหรือ
พอเป็นแบบนี้ ความเร็วในการฝึกทักษะยุทธ์ที่ใช้กำลังภายในจำนวนมาก กลับเร็วกว่าการฝึกเคล็ดกระบี่และวิชาดาบตั้งเยอะ
ถ้าเป็นอย่างนี้จริง การจ่ายค่าเช่าสังเวียนสิบเหรียญทองก็ถือว่าถูกเกินไป
“จะมีเรื่องดีเช่นนั้นได้อย่างไร” พอได้ฟังความคิดของเยี่ยเว่ยหมิง น้องดาบที่อยู่ข้างๆ ก็อดส่ายหน้าเล็กน้อยไม่ได้ “อยู่บนสังเวียน หลังจากสู้เสร็จแม้ค่าสเตตัสจะกลับมาเหมือนเดิมเร็วมาก แต่การใช้ทักษะยุทธ์ที่นี่ก็ไม่เพิ่มค่าประสบการณ์อยู่ดี”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วหันกลับไปมองสาวน้อยคนสวยที่ฝักใฝ่การต่อสู้ “ฟังจากที่เจ้าพูด แสดงว่ามาต่อสู้ที่นี่บ่อยล่ะสิ”
น้องดาบพยักหน้า “นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกแล้วกัน”
ขณะที่พูดคุยกัน หนิวจื้อชุนกับสะพานสวรรค์น้อยก็ลงจากสังเวียนด้วยกันแล้ว
สิ่งที่เหนือความคาดหมายของหนิวจื้อชุนก็คือ แม้ครั้งนี้เขาจะต่อสู้แพ้ แต่สายตาของทุกคนที่มองเขากลับไม่แสดงการดูถูกแม้แต่น้อย
อย่างไรเสีย วิชากระบองสุดโหดที่เขาใช้ก่อนหน้านี้ ถ้าเปลี่ยนให้คนอื่นขึ้นไปสู้บนสังเวียน ก็ล้วนต้องรับมือกับมันอย่างระมัดระวังทั้งนั้น
ส่วนที่บอกว่าแพ้ให้กระบี่คู่ผนึกรวม?
นั่นก็ยิ่งไม่ใช่เรื่องที่ทำให้เสียหน้าอะไรเลย!
ยามเผชิญกับกระบี่คู่ผนึกรวมของสะพานสวรรค์น้อย นอกจากเยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบแล้ว คนอื่นที่อยู่ตรงนี้มีใครกล้าบอกบ้างว่าตัวเองจะเอาชนะได้
สองคนในทีมที่มาใหม่ หนิวจื้อชุนเผยความสามารถของตัวเองออกมาแล้ว ฉางซิงอวี่เป็นฝ่ายยืนขึ้นเองโดยไม่ต้องให้ใครเตือน หลังจากกวาดสายตามองพวกเขาทีละคนก็ยักไหล่บอกว่า “ข้าไม่เลือกคู่ต่อสู้ก็แล้วกัน แต่ถ้าคนไหนอยากชี้แนะข้า ข้าก็เล่นเป็นเพื่อนได้เสมอ”
หลังจากเห็นการต่อสู้ก่อนหน้านี้ เขาก็ดูออกแล้วเช่นกันว่าเยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบที่เขาอยากท้าสู้ด้วยไม่มีชายตามองมาทางเขาเลยแม้แต่น้อย
ในสายตาของทั้งสองมีแต่กันและกันเท่านั้น ไม่มีที่ว่างให้บุคคลที่สามเลย เห็นได้ชัดว่าทั้งสองล้วนมองอีกฝ่ายเป็นคู่ต่อสู้เพียงหนึ่งเดียวของกันและกันไปแล้ว!
ตอนนี้ไม่ว่าเขาจะท้าสู้ใคร ก็ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นมือที่สามที่เข้าไปแทรกกลาง แบบนี้ไม่สอดคล้องกับคาแรกเตอร์สุดหล่อผู้สง่างามอย่างเขาเลย
ส่วนถังซานไฉ่ที่เหลือก็เป็นคนคุ้นเคยกัน ไม่จำเป็นต้องท้าสู้ หนิวจื้อชุนกับสะพานสวรรค์น้อยเพิ่งจะสู้กันเสร็จ ด้วยความจนใจ เขาทำได้เพียงเลิกเป็นฝ่ายเลือกเป้าหมายท้าสู้เอง ประกาศว่าตัวเองจะเป็นฝ่ายถูกท้าสู้แทน
ที่ทุกคนไม่อยากเป็นฝ่ายท้าสู้ ที่จริงก็เพราะมีสาเหตุเหมือนกับเขา คนในทีมนี้ไม่ได้หวังจะท้าสู้เขาเท่าไรนัก
เยี่ยเว่ยหมิงกลับอยากจะทดสอบฝีมือขุนพลหนุ่มชุดขาวคนนี้สักหน่อย แต่เมื่อเห็นสายตาดุดันของน้องดาบ เขาก็คิดว่าอีกฝ่ายต้องสนใจตนแน่นอน!
เนื่องจากเคารพคู่ต่อสู้ เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกว่าควรจะเก็บการต่อสู้สนามแรกของวันนี้ไว้ให้นางดีกว่า จึงเลื่อนการท้าสู้ของคนอื่นไปก่อน
ฉางซิงอวี่ยืนขึ้นสามวินาทีแล้ว แต่ยังไม่มีใครมาท้าสู้สักที บรรยากาศดูอึดอัดเล็กน้อย
ตอนที่น้องดาบคิดจะฉวยโอกาสนี้ท้าสู้เยี่ยเว่ยหมิง ในที่สุดเฟยอวี๋ที่อยู่อีกฝั่งก็ยืนขึ้น “พูดตามตรง ก่อนที่จะถึงวันนี้ ข้ายังไม่เคยเห็นยอดฝีมือวิชาทวนที่แท้จริงในเกม ‘วีรบุรุษนิรันดร์กาล’ เลย แม้ข้าจะไม่ใช่คนในทีม แต่ก็ยังหวังจะได้ชื่นชมความสง่างามของยอดฝีมือวิชาทวนสักหน่อย หวังว่าสหายฉางจะชี้แนะ”
“ได้!”
หลังจากถูกเมินไปสามวินาที ฉางซิงอวี่ก็รู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว พอได้ยินว่ามีคนท้าสู้ ต่อให้อีกฝ่ายจะไม่ใช่คนที่อยู่ในทีมก็ตาม เขาตอบรับแล้วลอยขึ้นไปเหยียบลงบนสังเวียนทันที
เมื่อเห็นท่ารางของฉางซิงอวี่ จู่ๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกน้อยใจนิดหน่อย
ขนาดอีกฝ่ายขี่ม้า ท่าร่างยังล่องลอยอย่างสง่างามขนาดนั้น ตัวเองเป็นนักกระบี่ที่มีฝีมือโดดเด่น แต่วิชาตัวเบาเดียวที่ใช้กลับเหมือนเป็นการวิ่งเร็วเท่านั้น
จะไปเรียกร้องเรื่องนี้ที่ไหนดีล่ะ
ต้องรีบหาวิชาตัวเบาระดับสูงมาฝึกแล้ว!
มองน้องดาบที่อยู่ข้างกายปราดหนึ่ง ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็อดถามไม่ได้ว่า “ในบรรดาผู้เล่นมากมายที่ข้าเคยเจอ นับว่าท่าร่างของเจ้าสง่างามและใช้ประโยชน์ได้จริงที่สุด เผยหน่อยได้ไหมว่าเป็นวิชาตัวเบาอะไร”
“เทพท่องร้อยแปรเปลี่ยน” น้องดาบบอกความจริงอย่างไม่ถือสาเลยสักนิด “ขอเพียงตามหา NPC ที่ชื่อมู่ซางเต้าเหรินพบ แล้วเล่นหมากล้อมกับเขาสักหน่อยก็ได้วิชาตัวเบานี้มาแล้ว”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วงงทันที “ง่ายขนาดนี้เชียว ไม่ต้องทำภารกิจย่อยหรอกหรือ”