ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 218 ตัวเลขดาเมจห้าหลัก!
ตอนที่ 218 ตัวเลขดาเมจห้าหลัก!
ไม่ผิดหรอก! วิชากรงเล็บที่น้องดาบใช้ตอนนี้ก็คือกรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิม!
ตอนแรกที่อยู่ในงาน ‘ประลองยุทธ์เลือกคู่’ หยางคังพูดเอาไว้อย่างจริงจังว่า ควรจะถูกเยี่ยเว่ยหมิงฆ่าตายไปแล้วสองครั้ง
ครั้งแรกที่ถูกเขาวางแผนล้อมโจมตี ตายเพราะถูกพิษยาตัดวิญญาณของสะพานสวรรค์น้อย แต่พอระบบเปิดโหมดปกป้อง ทำให้เขาตกอยู่ในสภาวะเฉียดตาย ดรอปของรางวัลชนิดต่างๆ จำนวนมาก
รางวัลห้าชิ้นในตอนนั้น เยี่ยเว่ยหมิงรู้แล้วว่าสี่ชิ้นคืออะไรกันแน่ มีเพียงน้องดาบที่ไม่ยอมบอกว่าคืออะไร
จนกระทั่งตอนนี้ เยี่ยเว่ยหมิงเพิ่งเข้าใจ ก่อนหน้านี้ยังนึกว่าหยางคังตายไปแล้วสองรอบแต่ไม่ดรอปตำราลับ ‘กรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิม’ ที่แท้ก็เป็นเพราะตกอยู่ในกระเป๋าของน้องดาบแล้วนี่เอง
เมื่อเห็นกรงเล็บของน้องดาบโจมตีเข้ามา เยี่ยเว่ยหมิงกลับยกมือซ้ายขึ้นอย่างไม่ช้าไม่เร็ว นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วกลางหนีบลูกดีดเหล็กราวไม่ต้องการ จากนั้นก็ดีดออกไปเบาๆ…
น้องดาบเคยเห็นกับตาว่าตอนนั้นเยี่ยเว่ยหมิงใช้ ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ เอาชนะ ‘กรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิม’ อย่างไร มีหรือที่นางจะกล้าปะทะกับเขาตรงๆ จึงถลันร่างย้ายไปด้านซ้ายของเยี่ยเว่ยหมิงทันที
ขณะเดียวกันนี้เอง
ปั้ง!
หลังจากลูกดีดเหล็กถูกเยี่ยเว่ยหมิงดีดออกไปเบาๆ แล้ว มันก็ตกลงบนพื้น ครั้งนี้เขาแค่ดีดเบาๆเท่านั้น
เมื่อเห็นน้องดาบเปลี่ยนทิศทางโจมตีเข้ามา เยี่ยเว่ยหมิงหมุนกระบี่ยาวในมือหนึ่งครั้ง แทงไปทางข้อมือของนางอย่างสบายๆ
น้องดาบรีบเปลี่ยนกระบวนท่า เยี่ยเว่ยหมิงเปลี่ยนกระบวนท่าอีกครั้ง น้องดาบเก็บกรงเล็บแล้วเปลี่ยนท่าอีกครั้ง เยี่ยเว่ยหมิง…
การต่อสู้ดำเนินไปอย่างนี้ สองคนที่อยู่บนสังเวียนโจมตีเร็วขึ้นเรื่อยๆ ชั่วพริบตาเดียวก็แลกกันไปสามสิบกว่ากระบวนท่าแล้ว
ตอนแรกทุกคนยังเห็นชัดตอนที่พวกเขาเปลี่ยนกระบวนท่า แต่พวกเขาเร่งความเร็วตอนโจมตีขึ้นไม่หยุด ทุกคนเห็นเพียงเงาร่างคนสลับตำแหน่งกัน แต่กลับไม่เห็นรายละเอียดกระบวนท่ากรงเล็บและกระบี่ของพวกเขาชัดเจน
กระบวนท่า ‘กรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิม’ ของน้องดาบแม้จะคาดเดายาก แต่เคล็ดกระบี่วีรสตรีของเยี่ยเว่ยหมิงก็อัปถึงเลเวลสิบซึ่งเปลี่ยนจากขยะกลายเป็นเทพแล้วเช่นกัน แต่ละกระบวนท่าที่ดูธรรมดาย่อมมีพลังทำลายล้างมหาศาลอยู่แล้ว ยามเผชิญหน้ากับ ‘กรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิม’ ที่เลเวลไม่สูงของน้องดาบ ก็ไม่ได้ด้อยกว่าแม้แต่น้อย
ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ เมื่ออยู่ภายใต้แรงกดดันมหาศาลของน้องดาบ เยี่ยเว่ยหมิงต้องรวบรวมสมาธิทั้งหมดเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงแต่ละท่าของนาง
การต่อสู้แบบนี้แม้จะค่อนข้างลำบาก แต่กลับทำให้เขาปรับตัวกลับความเปลี่ยนแปลงของ ‘เงาของเทพกระบี่’ ได้ไว
ตอนแรกที่เผชิญกับแต่ละท่าของน้องดาบ เขาก็ครุ่นคิดว่าจะใช้ประโยชน์จากวิทยายุทธ์ของตัวเองรับมืออย่างไร จากนั้นเมื่อประมือกันไปนานๆ เข้า เขาก็เริ่มปรับตัวกับจังหวะแบบนี้ได้อย่างช้าๆ ยิ่งสู้ก็ยิ่งคล่องมือ ยิ่งโจมตีได้ว่องไวขึ้น
ด้วยเหตุนี้ เมื่ออยู่บนสังเวียนประลองที่ไม่มีทางเพิ่มค่าประสบการณ์ของทักษะยุทธ์ได้ ไม่น่าเชื่อว่าเขายังรู้สึกได้ว่าทักษะที่เขาแสดงออกมาก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วอย่างที่ตาเนื้อเห็นได้
เยี่ยเว่ยหมิงยิ่งโจมตีก็ยิ่งติดลม ถึงขั้นเรียกได้ว่าลองลิ้มรสไขกระดูกแล้วก็หยุดไม่ได้
ส่วนฝั่งน้องดาบกลับยิ่งโจมตียิ่งกลุ้มใจ
เจ้ามือปราบน่ารังเกียจนี่ ตอนนี้เติบโตถึงขั้นนี้แล้วหรือ
ตั้งแต่เจอกันครั้งแรกจนถึงตอนนี้ ทั้งสองประมือกันไปสี่ครั้งแล้ว
ครั้งแรก เยี่ยเว่ยหมิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางเลย ทำได้เพียงอาศัยค่าสเตตัสของตัวเองที่แข็งแกร่งกว่า อุปกรณ์โหดกว่า อาศัยวิธีการสละตนโจมตีถึงบีบให้นางถอยได้
ครั้งที่สอง นางเรียนเคล็ดวิชาดาบโลหิตที่ไม่สมบูรณ์มา คิดว่าในที่สุดก็ไม่ต้องกลัววิชาสละตนโจมตีของเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว ผลปรากฏว่าไอ้เวรนี่มาหักล้างทักษะของนางเสียแล้ว!
พอสู้กันก็ใช้ ‘คนผีร่วมวิถี’! เลย
ใครจะไปรับไหว
ครั้งที่สาม นางคิดจะใช้วิธีทางการเมืองมาเจรจาเงื่อนไขกับเยี่ยเว่ยหมิง ให้ได้ตำแหน่งชนะเลิศมาไว้ในมือก่อนแล้วค่อยว่ากัน ผลปรากฏว่าถูกเยี่ยเว่ยหมิงใช้แผนซ้อนแผน ดีดหน้าผากนางจนตายทันที…
จะว่าไปแล้ว นั่นคือเรื่องที่น่าเศร้าจริงๆ
ตอนนี้เป็นครั้งที่สี่แล้ว น้องดาบพบว่าตัวเองใช้กระบวนท่าเอาชนะเจ้าคนน่ารังเกียจคนนี้ได้ยากมาก!
สิ่งที่ทำให้นางยิ่งกลุ้มใจก็คือ ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าหมอนี่จะไร้ยางอายถึงขั้นใช้ตนมาเป็นคู่ฝึกฟรีๆ!
แน่นอน สาเหตุที่เอาเปรียบด้านกระบวนท่าไม่ได้ ก็เป็นเพราะ ‘กรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิม’ ของนางยังเลเวลต่ำก็เท่านั้นเอง ถ้าเปลี่ยนเป็นเคล็ดดาบตระกูลหู หรือเคล็ดวิชาดาบโลหิตที่นางคุ้นเคยมากกว่า ฉากที่เกิดขึ้นจะต้องแตกต่างออกไปอย่างแน่นอน
แต่ตอนที่สู้กับเยี่ยเว่ยหมิง น้องดาบไม่กล้าใช้ดาบแล้ว
พระนางรู้ว่าด้วยนิสัยอย่างเยี่ยเว่ยหมิง ขอเพียงนางกล้าใช้ดาบฟันบนร่างของเขา เจ้าหมอนี่ก็กล้าใช้ ‘คนผีร่วมวิถี’ กับนางโดยไม่หลบหลีก!
น้องดาบทอดถอนใจกับตัวเอง ทำได้เพียงใช้ ‘กรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิม’ ที่ไม่สมบูรณ์ของตัวเองรับมือกับเยี่ยเว่ยหมิงต่อไป
ที่จริงแล้ว เดิมทีหยางคังก็ยังเรียน ‘กรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิม’ ไม่ครบ ตำราที่ดรอปก็ย่อมไม่สมบูรณ์อยู่แล้ว
ทุกกระบวนท่ารวมกันยังเทียบกับวิชากรงเล็บฉบับสมบูรณ์ไม่ได้แม้เพียงครึ่งเดียว ใช้เวลาโจมตีนานขนาดนี้ นางใช้ทุกกระบวนท่าไม่ต่ำกว่าสามครั้งแล้ว ไม่ว่าจะเปลี่ยนอย่างไรเยี่ยเว่ยหมิงก็มองออกหมดแล้ว
ทีละเล็กละน้อย เยี่ยเว่ยหมิงจากที่ตกเป็นเบี้ยล่างในตอนแรก ตอนนี้ดึงระดับให้เท่ากันได้แล้ว ถึงขั้นมีแววว่าจะข่มนางได้ด้วยซ้ำ
เมื่อเห็นสถานการณ์อย่างนี้ น้องดาบกลับใช้กระบวนท่าอีกรอบ แต่จุดที่ใช้แตกต่างกับก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงที่คุ้นชินกับวิธีการของนางแล้วก็ไม่ทันสังเกต ถูกนางใช้กรงเล็บที่เปลี่ยนท่ากะทันหันคว้าข้อมือที่กุมกระบี่ไว้
ก่อเหตุใต้รักแร้[1]!
แม้แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังถูกการเปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้ลอบกัดไปครั้งหนึ่งแล้ว
ที่แท้ตั้งแต่ต้นจนจบ น้องดาบก็ยังไม่ได้ใช้วิชากรงเล็บออกมาแบบหมดเปลือก นางซ่อนท่านี้เอาไว้ตลอด รอให้ถึงตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงไม่ระวังตัว นางค่อยใช้วิธีการจู่โจม
สมาธิของคนเรามีจำกัด ต่อให้เป็นเยี่ยเว่ยหมิงก็ตาม เป็นไปไม่ได้ที่จะเพ่งสมาธิแน่วแน่อยู่ตลอดเวลา
อยู่ใกล้หมูย่อมอ้วน อยู่ใกล้ราตรีย่อมมืด!
เพิ่งจะติดต่อกับเยี่ยเว่ยหมิงไม่กี่ครั้ง เด็กสาวที่น่ารักไร้เดียงสาคนหนึ่งก็เรียนรู้ความหน้าเนื้อใจเสือของเขาได้แล้ว
ข้อมือขวาที่กุมกระบี่ถูกจับไว้ ทักษะยุทธ์ทั้งหมดของเยี่ยเว่ยหมิงที่เกี่ยวข้องกับกระบี่ ตอนนี้ถือว่าใช้ไม่ได้แล้วโดยสิ้นเชิง ด้วยความที่กำลังตกใจ มือซ้ายพลันตบออกไปหนึ่งที พร้อมทั้งเผยรอยยิ้มของผู้ที่มั่นใจในชัยชนะ
น้องสาว ลิ้มรสชาติมังกรทองของข้าหน่อยเป็นไร!
ยังเล่นลูกไม้อะไรอีก!
เมื่อครู่ตอนที่ประมือกันทีแรก น้องดาบก็ถูกเยี่ยเว่ยหมิงใช้วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ปลอมหลอก เมื่อเห็นเขาใช้ฝ่ามือที่ ‘โจมตีทางสีหน้า’ นางก็เดือดดาลทันที
ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงใช้ฝ่ามือนี้ ถ้าแสดงสีหน้าลนลานทำอะไรไม่ถูกออกมา นางกลับไม่กล้าลงมือง่ายๆ แต่ยิ่งเยี่ยเว่ยหมิงแสดงออกว่ามั่นใจ ก็ชัดแล้วว่าเขากำลังสร้างสถานการณ์ขู่ขวัญตบตา!
พอแสยะยิ้ม กรงเล็บมือขวาของน้องดาบก็ยื่นไปรับฝ่ามือของเยี่ยเว่ยหมิงอย่างไม่ลังเล
มือปราบหน้าเหม็น! วันนี้ข้าจะให้เจ้าลิ้มรสกรงเล็บกระดูกขาวเก้าอิม!
จากนั้น…
“อ๊าา!…”
หลังจากเสียงมังกรคำรามดังขึ้น น้องดาบก็ถูก ‘มังกรซ่อนกบดาน’ เลเวลเต็มตบกระเด็นออกไปทันที
-10086!
ผ่านการฝึกหนักมานานขนาดนี้ เยี่ยเว่ยหมิงไม่เพียงแค่เพิ่มเลเวล ‘มังกรซ่อนกบดาน’ จนเต็มแล้วเท่านั้น ค่าสเตตัสของตัวเองก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเยอะตามเลเวล รวมถึงอุปกรณ์และเคล็ดวิชาด้วย และดาเมจที่เกิดจาก ‘มังกรซ่อนกบดาน’ ก็สูงขึ้นเหมือนเรือที่ขึ้นสูงตามน้ำ เยอะกว่าตอนที่ท้าสู้กับซาทงเทียนไม่รู้ตั้งเท่าไร!
ตัวน้องดาบกลายเป็นแสงสีขาวไปแล้วตั้งแต่ที่ลอยอยู่กลางอากาศ
ปลิดชีพ!
การโจมตีคริติคอลดาเมจของเยี่ยเว่ยหมิง ทำให้ทุกคนที่ดูการต่อสู้อยู่ตรงนั้นสูดหายใจลึกอย่างตกตะลึง
ดาเมจห้าหลัก นั่นคือตัวเลขดาเมจหน้าหลักเชียวนะ!
ในช่วงที่ผู้เล่นทั่วไปคิดว่าถ้าตัวเองทำดาเมจได้ถึงสี่หลักก็ดีใจมากแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงกลับทำดาเมจตัวเลขห้าหลัก
ที่ยิ่งกว่านั้นก็คือ มารดาเจ้าเถอะ นี่มันไม่ใช่คริติคอลดาเมจด้วยซ้ำ!
นี่เป็นเพียงการโจมตีธรรมดาครั้งหนึ่งก็เท่านั้นเอง
นี่คือประสิทธิภาพของ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ อย่างนั้นหรือ
….
ตายด้วยน้ำมือเยี่ยเว่ยหมิงอีกครั้งแล้ว น้องดาบลงจากสังเวียนแล้วเบือนหน้าหนีทันที ไม่สนใจเจ้าคนน่ารังเกียจคนนี้อีก
เยี่ยเว่ยหมิงกลับหันไปมองสะพานสวรรค์น้อยที่อยู่ข้างๆ แวบหนึ่งอย่างไม่สนใจอีกฝ่าย แล้วถามว่า “ตกลงว่า ‘กระบี่คู่ผนึกรวม’ ของเจ้านี่เป็นอย่างไรกันแน่ ทำไมตอบสนองได้ไม่รวดเร็วเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว”
สะพานสวรรค์น้อยยิ้มหวานแล้วอธิบายว่า “กระบี่คู่ผนึกรวมจะธรรมดาขนาดนั้นได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าเรียนรู้เพียง ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ กับ ‘เคล็ดกระบี่ดรุณีหยก’ แล้วจะใช้ ‘กระบี่คู่ผนึกรวม’ ได้ นั่นเป็นเพียงเงื่อนไขพื้นฐานเท่านั้น”
เมื่อได้ยินสะพานสวรรค์น้อยพูดว่า ‘กระบี่คู่ผนึกรวม’ มีประสิทธิภาพน่ากลัว ทุกคนก็เงี่ยหูรอฟังพร้อมกันทันที
สะพานสวรรค์น้อยพูดต่อไปอย่างไม่ใส่ใจว่า “สองทักษะยุทธ์ที่เป็นพื้นฐานนี้ ยังต้องมีเคล็ดจิตกำลังภายในที่สอดคล้องกันด้วย ข้าเติมเต็มเงื่อนไขนี้ได้แล้ว…
…แต่บนพื้นฐานที่อธิบายไปข้างต้น ยังต้องเรียนรู้วิชาพิเศษที่ชื่อว่า ‘วิชาต่อสู้ซ้ายขวา’ ด้วย วิชาพิเศษนั้นได้มายากมาก ผลก็คือทำให้สองมือใช้ทักษะยุทธ์ที่แตกต่างกันได้พร้อมกัน มีเพียงวิธีการนี้ ถึงจะทำให้แสดงประสิทธิภาพของ ‘กระบี่คู่ผนึกรวม’ ที่แท้จริงออกมาได้”
เยี่ยเว่ยหมิงฟังไปพลางพยักหน้าไปพลาง ฟังถึงตรงนี้ ในที่สุดก็อดถามไม่ได้ว่า “แล้ววิชาที่เจ้าใช้เมื่อครู่นี้ล่ะ”
“กระบี่คู่ผนึกรวมปลอม หรือพูดอีกอย่างว่ากระบี่คู่ผนึกรวมเวอร์ชั่นก๊อปปี้” สะพานสวรรค์น้อยอธิบายด้วยความอดทน “หลังจาก NPC ระดับสูงในสำนักเห็นข้าเรียน ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ กับ ‘วิชาห่านทอง’ เป็นแล้ว ก็เลือกรายการบางอย่าง ถึงได้ปลดล็อคการใช้งานสถานะพิเศษนี้มา…
…พูดให้เข้าใจง่ายก็คือ นำสองทักษะยุทธ์มาใช้ให้เป็นกระบวนท่าเดียว ระหว่างสองมือทำงานร่วมกันตามจังหวะที่แน่นอน เหมือนกับยุคที่เล่นเกมบนคีย์บอร์ด มือซ้ายควบคุมคีย์บอร์ด มือขวาควบคุมเมาส์ แม้จะต้องใช้มือพอสมควร แต่ก็ไม่ถึงขั้นมือซ้ายวาดวงกลม มือขวาวาดสี่เหลี่ยม…
…แต่ในวิชา ‘กระบี่คู่ผนึกรวม’ ทั้งหมด กระบวนท่าที่ใช้วิธีการนี้ได้มีขีดจำกัด ถ้าเป็นกระบวนท่าที่ซับซ้อนขึ้นมาหน่อยก็ใช้ไม่ได้เลย ดังนั้น ‘กระบี่คู่ผนึกรวมปลอม’ ของข้า เมื่อนับรวมกันแล้วก็ใช้ได้แค่ท่าง่ายๆ ห้ากระบวนท่าเท่านั้น อีกทั้งท่าก่อนหลังยังไม่เชื่อมโยงกันด้วย มีข้อเสียเยอะมาก…
…หรือพูดได้อีกอย่างว่า ถ้าอยากแก้ไขปัญหานี้ ก็ต้องได้ตำราลับ ‘วิชาต่อสู้ซ้ายขวา’ มา”
สะพานสวรรค์น้อยพยักหน้าเงียบๆ ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็จดจำไว้ในใจอย่างแนบเนียน
ตอนนี้ หนิวจื้อชุนที่อยู่ข้างๆ กลับส่ายหน้าถอนหายใจ “น่าเสียดายที่ ‘กระบี่คู่ผนึกรวม’ ห้ากระบวนท่าธรรมดาๆ ของเจ้านี้ ขนาดข้ายังต้านไม่ไหว ถึงขั้นโดนปลิดชีพตั้งแต่สามกระบวนท่าแล้ว แม้แต่ ‘วิชาไม้เท้าสยบมาร’ ที่เป็นไพ่ลับก็ยังใช้ลำบาก”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วส่งสายตาแปลกใจไปทางเขา “วิชาไม้เท้า?”
“ใช่แล้ว” หนิวจื้อชุนหัวเราะแห้งๆ “ติดที่ไม่มีไม้เท้าเหล็กที่เหมาะจะใช้เท่านั้นเอง ได้แต่ใช้กระบองเหล็กแทน ถึงอย่างไรก็กระบองเหล็กแท่งนี้ก็เป็นอุปกรณ์สีฟ้าระดับสูง ประสิทธิภาพแข็งแกร่งกว่าไม้เท้าเหล็กทั่วไปนิดหน่อย”
“อ้อ?” เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วตาเป็นประกาย “บนตัวเจ้ามีเงินอยู่เท่าไร”
[1] ก่อเหตุใต้รักแร้ 变生肘腋 อุปมาว่าเรื่องราวเกิดการเปลี่ยนแปลงอยู่ข้างกายตัวเอง