ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 220 ตราบชั่วฟ้าดิน
ตอนที่ 220 ตราบชั่วฟ้าดิน
[ตราบชั่วฟ้าดิน (ระดับสูง)]
เคล็ดกระบี่ระดับสูงที่อินหลีถิงแห่งสำนักอู่ตังคิดค้น เป็นกระบวนท่าสังหารเฉียบขาดที่ละทิ้งตัวเองและพังพินาศไปพร้อมศัตรู
เงื่อนไขการฝึก: มีเคล็ดกระบี่หนึ่งวิชาที่เลเวลเจ็ดขึ้นไป!
นี่มันท่ากระบี่ของคนโหดเวอร์ชั่นอัปเกรดที่ยอมพังพินาศไปพร้อมศัตรูอีกแล้ว
เดิมทีเมื่อเห็นตำราลับเล่มนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ปฏิเสธในใจแล้ว
อย่างไรเสีย ถ้าเป็นกระบวนท่าที่ต้องสู้ตายแบบนี้ เขารู้สึกว่ามีแค่ ‘คนผีร่วมวิถี’ ก็เพียงพอแล้ว ต่อให้มีมากกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์
ขณะที่กำลังคิดจะปฏิเสธ จู่ๆ ก็เห็นดวงตากลมโตฉ่ำน้ำของน้องดาบกำลังมองเขาเหมือนกึ่งอมยิ้ม
เขาจึงเปลี่ยนความคิดทันที ส่งคำขอซื้อขายไปให้ฉางซิงอวี่เสียเลย
ถ้ารับมือกับคนอื่น อาจใช้แค่ ‘คนผีร่วมวิถี’ ก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้ารับมือกับผู้หญิงคนนี้ที่อาจมาท้าสู้กับเขาได้ทุกเมื่อ ก็ต้องเตรียมตัวไว้มากๆ หน่อย
ในตลาดตอนนี้ อุปกรณ์ทองคำกับตำราลับทักษะยุทธ์ระดับกลางล้วนเป็นสินค้าที่ขาดแคลนมากที่สุด มักอยู่ในสภาวะที่ไม่มีการซื้อขายจริงในตลาด
และอาวุธล้ำค่ากับตำราลับทักษะยุทธ์ระดับสูงที่เป็นสินค้าที่ดีกว่านั้น ก็ล้วนอยู่ในสภาวะไร้การซื้อขายจริงในตลาด เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้ติดตามตลาดมาก่อน จึงไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมถึงไม่มีไอเทมประเภทนี้โผล่มาให้เห็น
แต่เขารู้ว่าหากของแบบนี้ปรากฏขึ้นมา ก็จะขายได้ราคาสูงมากแน่นอน
แม้กระบวนท่าที่ทำให้เจ็บตัวทั้งสองฝ่ายแบบนี้จะเป็นเหมือนกับดัก เมื่อเทียบกับวิทยายุทธ์ระดับสูงทั่วไป ราคาจะต้องลดลงแน่นอน แต่ดาบสองคมสามแฉกของเขาก็เป็นอุปกรณ์ส่วนน้อยแบบนี้เหมือนกัน ขายให้ได้ราคาสูงยากมากเหมือนกันไม่ใช่หรือ
ถ้าโยนของสองอย่างนี้ไปขายในตลาด แล้วถามว่าอันไหนราคาสูงกว่า ก็หาข้อสรุปที่แน่นอนได้ยากจริงๆ
แต่เมื่อเทียบกับการหาเงินเยอะๆ ไปซื้อโลงศพ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังรู้สึกว่าในมือมีไพ่ที่ข่มน้องดาบได้มากขึ้นหน่อยนั้นสำคัญกว่า
ตราบชั่วฟ้าดินกับคนผีร่วมวิถีล้วนมีเพียงหนึ่งกระบวนท่าเหมือนกัน อีกทั้งตอนอยู่ที่เกาะเขาหวังผาน เยี่ยเว่ยหมิงก็เคยเห็นอินปู้คุยใช้มาแล้วครั้งหนึ่ง เขารู้ว่าเป็นตำราลับแบบพิเศษที่ไม่ต้องอ่านละเอียดมาก อ่านไปแล้วก็เหมือนไม่ได้อ่าน
เป็นตำราประเภทที่ตบแล้วเรียนรู้ได้เลย
ปัญหาเดียวในตอนนี้ก็คือ [จะว่าไปแล้ว ในฐานะที่เจ้าเป็นศิษย์ของสำนักอู่ตัง การนำตำราลับของสำนักออกมาแลกกับอุปกรณ์เช่นนี้ จะไม่มีผลร้ายอะไรตามมาหรือ]
ฉางซิงอวี่ได้ยินแล้วยิ้มเล็กน้อย จากนั้นตอบกลับส่วนตัวว่า [สหายเยี่ยวางใจได้เลย ตราบชั่วฟ้าดินนี้เป็นวิทยายุทธ์พิเศษที่อาจารย์อาหกอินหลีถิงสร้างขึ้นมาเอง แม้จะได้รับมาจากสำนักเช่นกัน แต่กลับไม่นับว่าเป็นวิทยายุทธ์ของสำนัก นำมาแลกเปลี่ยนได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ]
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า แล้วหยิบตำราออกจากสัมภาระ จากนั้นก็ตบหนึ่งทีอย่างไม่ตั้งใจนัก
ฟิ้ว!
แสงสีขาวสายหนึ่งแวบหายไป ในคอลัมน์สกิลของเยี่ยเว่ยหมิงมีสมาชิกใหม่เพิ่มมาอีกแล้ว
การตบตำราแบบนี้เขาทำได้อย่างสง่าผ่าเผย ไม่มีท่าทีว่าอยากจะทำลับหลังคนอื่นเลย
น้องดาบที่อยู่ข้างๆ เห็นแล้วหัวใจกระตุกทันที
แต่ภายนอกกลับแสร้งถามเหมือนไม่ใส่ใจ “ดูจากท่าทางพึงพอใจของเจ้าแล้ว อย่าบอกนะว่าได้สุดยอดวิชาที่ร้ายกาจอะไรมาอีก”
เยี่ยเว่ยหมิงหรี่ตายิ้มแล้วขยิบตาให้นาง “เจ้าเดาดูสิ”
เมื่อเห็นสีหน้ากลัดกลุ้มของน้องดาบ เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัว แล้วก็มองคอลัมน์สกิลของตัวเองอย่างพึงพอใจ
[ตราบชั่วฟ้าดิน]
พินาศย่อยยับไปพร้อมศัตรู ตราบชั่วฟ้าดิน!
(เคล็ดวิชาพิเศษ เพิ่มเลเวลไม่ได้)
โจมตี +350%
แม่นยำ +300%
……
ไม่เพียงแค่กระบวนท่าที่เป็นประเภทเดียวกัน ถึงขั้นว่าแม้แต่ค่าสเตตัสก็ต่างกันไม่มากด้วย
ถึงอย่างไรก็จ่ายค่าเช่าสังเวียนไปแล้ว ทุกคนล้วนคิดว่าอย่าให้เปลืองเงินเปล่าๆ จึงเริ่มพากันสู้อย่างถึงอกถึงใจ ขอเพียงรู้สึกว่าศักยภาพระหว่างตัวเองกับอีกฝ่ายห่างกันไม่มาก ส่วนใหญ่ก็จะท้าสู้กันอีกรอบ เล่นกันอย่างสนุกสนานมาก
สุดท้ายผลการต่อสู้ก็คือ ฉางซิงอวี่มีคะแนนสะสมสูงสุด เมื่อมีทวนยาวล้ำค่าอยู่ในมือเขา ก็เรียกได้ว่า เทพขวางฆ่าเทพ พระขวางฆ่าพระ คว้าชัยชนะต่อเนื่องสามรอบ ยังไม่ได้ลิ้มรสความพ่ายแพ้เลย
คนที่คะแนนแย่ที่สุดก็คือน้องดาบ ไม่ใช่เพราะนางมีศักยภาพอ่อนด้อย แต่เป็นเพราะนางมีศักยภาพแข็งแกร่งเกินไป แข็งแกร่งจนคนอื่นไม่กล้าท้าสู้กับนาง
แม้แต่ฉางซิงอวี่ที่มีอาวุธล้ำค่าอยู่ในมือ หลังจากได้เห็นนางต่อสู้กับเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว ก็ไม่ได้ลองท้าสู้ยอดฝีมือระดับสูงสองคนนี้เลย
ส่วนคนที่อวดดีอย่างนาง ถ้าคนอื่นไม่เป็นฝ่ายมาท้าสู้ก่อน นางก็ไม่เป็นฝ่ายไปรังแกผู้ที่อ่อนแอเช่นกัน
เวลาผ่านไปหนึ่งชั่วโมง สรุปก็คือน้องสาวคนนี้ได้โอกาสลงสนามไปเพียงครั้งเดียวเท่านั้น แต่ก็ยังถูกเยี่ยเว่ยหมิงลอบกัดจนตายแล้ว ใช้ร่างกายอันบอบบางของนางพิสูจน์ให้ทุกคนได้เห็นว่าสิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรยอดเยี่ยมขนาดไหน
คะแนนรวมก็คือติดลบหนึ่ง
ถ้าเปลี่ยนเป็นคนอื่น เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่เก็บเงินอีกฝ่ายแน่นอน ถึงอย่างไรสิบเหรียญทองก็ไม่ได้เยอะมาก ตอนที่เขาฝึกอัปเลเวลอยู่ที่เขากระบี่เกาะเผิงไหล อุปกรณ์ที่ราคาต่ำกว่าสิบเหรียญทองลงมา เขาล้วนโยนทิ้งได้อย่างสบายมือ
แต่ในเมื่อคนที่แพ้คือน้องดาบ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังอยากจะเห็นท่าทางเวลานางถูกบีบให้ยอมแพ้มากกว่านี้สักหน่อย
ดังนั้นหลังจากออกดันเจียนสังเวียนแล้ว เขาก็รับเงินสิบเหรียญทองมาจากอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มเย้ย ทำให้น้องดาบโมโหจนกลอกตามองบน
เมื่อได้เห็นการต่อสู้ก่อนหน้านี้มาแล้ว ทุกคนในทีมไม่เพียงแค่รับรู้ถึงตำแหน่งความสามารถของตัวเองชัดเจนขึ้นเท่านั้น ถึงขั้นว่าตอนที่ยอดฝีมือต่อสู้กัน พวกเขาก็ได้เรียนรู้อะไรมาบ้างไม่มากก็น้อย วันนี้ทุกคนรู้สึกว่าได้รับประโยชน์เยอะมาก
หลังจากบอกลาโหยวโหยว ซานเย่ว์และเฟยอวี๋ที่ไม่ได้อยู่ในทีมนี้แล้ว ถังซานไฉ่ก็นำทางทั้งหกคนตรงไปหาเฉินโหย่วเหลียง NPC พรรคกระยาจกซึ่งเป็นผู้แจกภารกิจอยู่ที่เฉิงตู
ตามความเข้าใจของเยี่ยเว่ยหมิง เฉินโหย่วเหลียงคนนี้มีตัวตนในประวัติศาสตร์จริงๆ ทั้งยังเป็นบุคคลสำคัญที่ช่วงชิงความเป็นใหญ่ตรงที่ราบภาคกลางกับจูหยวนจางด้วย เพียงเพราะสุดท้ายจูหยวนจางได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ ในฐานะที่เขาเป็นคู่อริ ท่ามกลางผลงานอิงประวัติศาสตร์มากมายในยุคหลัง เฉินโหย่วเหลียงล้วนเป็นตัวละครที่นักแสดงเจ็บใจเพราะไร้เกียรติยศ
ส่วนเฉินโหย่วเหลียงที่เป็นคนแจกภารกิจให้พวกเขาคนนี้ มีฐานะเป็นผู้อาวุโสพรรคกระยาจก ไม่รู้ว่าชื่อเดียวกับตัวละครเดิม หรือว่าเปลี่ยนแปลงชีวประวัติของเฉินโหย่วเหลียงไปแล้ว
ไม่ว่าเฉินโหย่วเหลียงคนนี้จะเป็นเวอร์ชั่นแก้ไข หรือแค่ชื่อเหมือนกัน จะดี หรือจะเลว สำหรับผู้เล่นอย่างพวกเขา อีกฝ่ายก็เป็นเพียง NPC ที่คอยแจกภารกิจให้เท่านั้น
ตามขั้นตอนภารกิจที่ถังซานไฉ่แนะนำก่อนหน้านี้ เขารับหน้าที่ส่งจดหมายฉบับหนึ่งให้ผู้เล่นเท่านั้น จากนั้นก็ชี้แนะให้ผู้เล่นไปหาไต้ซือหยวนเจินแห่งสำนักเส้าหลินที่ทะเลทราย
เป็นเพียงมนุษย์เครื่องมือเท่านั้น ไม่จำเป็นต้องไปใส่ใจเลย
หลังจากทุกคนรับจดหมายจากมือเฉินโหย่วเหลียงตามคำแนะนำภารกิจ ตอนที่เพิ่งจะเดินออกจากสาขาพรรคกระยาจก จู่ๆ ก็เห็นพิราบขาวตัวหนึ่งบินออกมาจากที่นั่น มันบินตรงไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
ไม่เหมือนพิราบสื่อสารประเภทเดียวกับที่ผู้เล่นใช้งานที่หลังจากพ้นรัศมีสามเมตรไปแล้วก็จะหายไปโดยอัตโนมัติ พิราบตัวนี้บินไปได้ตลอด จนกระทั่งสายตาของทุกคนถูกกำแพงที่ล้อมบดบัง ก็ยังไม่เห็นว่ามันจะหายไปไหน
เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงวันหยุดเดินแล้วมองที่พิราบตัวนั้น ถังซานไฉ่ก็อดถามอย่างแปลกใจไม่ได้ว่า “สหายเยี่ยเหมือนจะค้นพบอะไรบางอย่างใช่ไหม”
เยี่ยเว่ยหมิงโค้งมุมปากยิ้มเล็กน้อย แล้วกล่าวอย่างตามอารมณ์ว่า “บนขาของนกพิราบตัวนั้นมีกระบอกไม้ไผ่ที่ใส่จดหมายไว้ อีกทั้งเมื่ออยู่ในสถานการณ์ปกติ พิราบสื่อสารที่ NPC ใช้งานก็ไม่ต่างอะไรกับพิราบสื่อสารของพวกเรา แต่พิราบตัวนี้มีความพิเศษ คำอธิบายสมเหตุสมผลเดียวที่ข้านึกออกตอนนี้ก็คือ การมีอยู่ของมันก็คือคำเตือนที่ระบบส่งมาให้พวกเรา…
…สหายถัง ภารกิจของเจ้าครั้งนี้ ดูท่าแล้วไม่ธรรมดาเลย!”