ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 221 ความลับของฉางซิงอวี่
ตอนที่ 221 ความลับของฉางซิงอวี่
“ภารกิจของสหายถังย่อมไม่ธรรมดาอยู่แล้ว!”
เหนือความคาดหมายของทุกคน คนที่ขานรับคำพูดของเยี่ยเว่ยหมิงไม่ใช่ถังซานไฉ่ซึ่งเป็น ‘คู่กรณี’ ของภารกิจครั้งนี้ แต่เป็นฉางซิงอวี่ หนึ่งในสองผู้ช่วยที่เข้ามาใหม่ในทีม
ทีมหกคนเดินไปทางจุดพักม้า ขณะเดียวกันฉางซิงอวี่ก็อธิบายไปด้วยว่า “ที่จริงแล้วภารกิจ ‘หินสามชาติ’ มีการสุ่มเยอะมาก ตอนที่ผู้เล่นรับภารกิจมา อาจจะได้รับเป็นภารกิจสามดาว หรือจะได้รับภารกิจหกดาวก็ได้ และจากความต่างของระดับภารกิจ เงื่อนไขจำนวนผู้เล่นที่เข้าร่วมภารกิจก็ต่างกันด้วย บางภารกิจใช้แค่สองคนก็รับและทำภารกิจให้สำเร็จได้แล้ว บางภารกิจกลับต้องใช้จำนวนคนเยอะกว่านั้นตั้งทีม”
เมื่อได้ยินดังนั้น สายตาของทุกคนก็อดมองบนตัวของขุนพลชุดขาวคนนี้อย่างสงสัยไม่ได้
มองออกเลยว่าเจ้าหนุ่มนี่รู้เรื่องราวที่อยู่หลังม่าน!
กลับได้ยินฉางซิงอวี่พูดต่อ “อย่ามองข้าอย่างนั้น ข้าไม่ใช่แฟนพันธุ์แท้ต้นฉบับเดิมอะไรหรอก แล้วต้นฉบับเดิมก็อาจไม่มีการตั้งค่าที่เกี่ยวข้องกับรายละเอียดของเกมก็ได้ สาเหตุที่ข้ารู้เรื่องพวกนี้ ก็เพราะครั้งก่อนตอนข้าช่วยคนอื่นทำภารกิจนี้ ข้าได้ยินพวกเขาเอ่ยถึงก็เท่านั้นเอง”
หลังจากเงียบไปครู่เดียว ก็พูดเสริมอีกว่า “ครั้งก่อนตอนที่ข้าทำภารกิจนี้ คนผู้นั้นได้รับภารกิจระดับสามดาวที่ค่อนข้างง่าย ตั้งทีมสองคนก็ทำให้สำเร็จได้แล้ว สำหรับสถานะของสมาชิกก็ไม่มีเงื่อนไขอะไรเช่นกัน แต่ครั้งนี้กลับขอให้สหายถังตั้งทีมเล็กหกคนที่มาจากหกสำนักที่ต่างกัน ถ้ารู้สึกว่าระดับภารกิจอาจจะเป็นห้าดาว หรือไม่ก็หกดาว!”
ช่วยคนอื่นทำภารกิจหินสามชาติ ทั้งยังเป็นคนมีข่าวสารว่องไวอีกด้วย
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วเกิดความคิดบางอย่างในใจ แต่แสร้งถามเหมือนไม่สนใจ “ไม่รู้ว่าเป็นใครกันที่โชคดีถึงขั้นจับฉลากได้ของดีมากแบบนี้”
“ไม่ถึงขั้นโชคดีหรอก” ฉางซิงอวี่ส่ายหน้าเบาๆ แล้วอธิบายว่า “ตามระดับภารกิจที่ต่างกัน ระดับความยากในการทำให้สำเร็จก็ย่อมไม่เหมือนกันอยู่แล้ว สมเหตุสมผล แสดงว่ารางวัลภารกิจของแต่ละระดับก็ต่างกันด้วย…
…พูดตามตรงนะ รางวัลของภารกิจ ‘หินสามชาติ’ นี้นับว่าไม่เลวเลย ต่อให้เป็นภารกิจระดับสามดาวก่อนหน้านี้ ก็ทำให้คนที่เข้าร่วมอย่างข้ารู้สึกว่าได้รับผลตอบแทนไม่น้อย…
…หากไม่ใช่เพราะภารกิจย่อยก่อนหน้ายุ่งยากเกินไป เวลาทำภารกิจแล้วเปลืองแรง ข้าก็อยากจะลองไปทำเองสักครั้งเหมือนกัน”
พูดไปพูดมา ฉางซิงอวี่ก็หันไปมองเยี่ยเว่ยหมิง “อย่างไรเสียหินอะไรนั่น ต่อให้ตัวเองไม่ใช้เอง ก็โยนเข้าไปให้ฝุ่นเกาะอยู่ในห้องเก็บของ แต่รางวัลภารกิจอย่างอื่นมีอยู่จริงๆ”
ตั้งแต่ต้นจนจบฉางซิงอวี่พูดถึงแค่เรื่องภารกิจ แต่กลับไม่บอกสักคำว่าครั้งก่อนตัวเองช่วยคนอื่นอย่างไร
เยี่ยเว่ยหมิงไม่รู้ว่าเขาตั้งใจ หรือไม่ตั้งใจกันแน่ แต่ก็ไม่สะดวกจะซักไซ้ต่อ ไม่อย่างนั้นจะดูตั้งใจเกินไป จึงถือโอกาสพูดอย่างรู้กาลเทศะมากว่า “ฟังเจ้าพูดอย่างนี้ ‘หินสามชาติ’ นั่นเป็นไอเทมภารกิจพิเศษที่ซื้อขายไม่ได้ แต่ก็ทิ้งไม่ได้เหมือนกันสินะ”
ฉางซิงอวี่พยักหน้า “นั่นก็แน่นอนอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นถ้าสหายถังอยากจะเปลี่ยนชื่อ แค่ยอมจ่ายราคาสูงเพื่อซื้อหินมาก็ได้แล้ว เหตุใดต้องสิ้นเปลืองความพยายามเชิญผู้ช่วยมาเยอะขนาดนี้ ต้องรู้ไว้นะว่าเขาเป็นคนหน้าบางมาก”
“คิดเหมือนกัน!” เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวสนับสนุน
“นี่ พวกเจ้าสองคนพอได้แล้ว นินทาคนอื่นต่อหน้าเป็นพฤติกรรมที่เสียมารยาทมาก” เมื่อได้ยินเจ้าสองคนนี้คุยกัน ไม่น่าเชื่อว่าจะนินทาตนอย่างไม่กลัวเกรงขนาดนี้ ในที่สุดถังซานไฉ่ก็อดใจไม่ไหว คัดค้านอย่างชัดเจน
จากนั้นเขาก็เปลี่ยนประเด็นสนทนา “ซิงอวี่ ในเมื่อเจ้าเคยปฏิบัติภารกิจมาแล้วครั้งหนึ่ง เช่นนั้นก็ช่วยอธิบายขั้นตอนอย่างง่ายๆ ให้ทุกคนฟังได้หรือไม่ ทุกคนจะได้เตรียมใจไว้”
ฉางซิงอวี่ไม่เหมือนเยี่ยเว่ยหมิงที่มองข้ามการคัดค้านของถังซานไฉ่ เขายิ้มขออภัยก่อน จากนั้นก็บอกว่า “ที่จริงขั้นตอนของภารกิจก็ไม่มีอะไรน่าพูด NPC ที่พวกเราไปรับภารกิจ ‘หินสามชาติ’ ด้วยได้มีทั้งหมดสองคน คนหนึ่งชื่อหลวงจีนไว้ผม อีกคนก็คือไต้ซือหยวนเจิน ภารกิจสองสายนี้ล้วนมีภารกิจย่อยที่ไม่เหมือนกัน…
…แต่เงื่อนไขขั้นสุดท้ายเหมือนกัน พูดให้ชัดก็คือสู้กับ BOSS เท่านั้นเอง…
…ถ้าเดินภารกิจสายของหยวนเจิน ภารกิจย่อยที่เขาสั่งให้ทำก็คือไปกำจัดหลวงจีนไว้ผม ในทางกลับกัน หลวงจีนไว้ผมก็จะให้ผู้เล่นไปฆ่าหยวนเจินเช่นกัน…
…นี่คือภารกิจสองทางที่มีเป้าหมายเดียวกัน…
…แตกต่างกันตรงที่ หลวงจีนหยวนเจินนั่นเก่งกว่าหลวงจีนไว้ผมนิดหน่อย ถ้าภารกิจที่ได้รับในขั้นสุดท้ายเป็นระดับเดียวกัน การฆ่าหลวงจีนไว้ผมก็จะง่ายกว่า แน่นอนว่าผลตอบแทนไม่เยอะเท่าการฆ่าหยวนเจิน ถ้ากลับกันก็เป็นอย่างนั้น”
ทุกคนได้ยินแล้วพยักหน้าเล็กน้อย ทำภารกิจมาจนถึงขั้นนี้ เหมือนไม่จำเป็นต้องใช้สมองแล้ว ไปรับภารกิจจากหยวนเจินเสียเลย จากนั้นก็ไปสู้กับหลวงจีนไว้ผม
แค่ทำก็พอแล้ว!
สำหรับยอดฝีมือในเกมอย่างพวกเขา การต่อสู้แบบนี้เป็นสิ่งที่ถนัดสุดๆ อยู่แล้ว!
ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงกลับถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า “เมื่อครู่สหายฉางบอกว่าภารกิจมีสองสาย ไม่ทราบว่ารู้รายละเอียดเรื่องภารกิจย่อยมากแค่ไหน”
ฉางซิงอวี่ส่ายหน้า “ข้าก็เพิ่งเคยทำภารกิจนี้เป็นครั้งที่สองเอง อีกทั้งครั้งแรกข้าก็เพิ่งไปเข้าร่วมตอนถึงขั้นสุดท้ายของภารกิจแล้ว หากสหายเยี่ยอยากถามถึงฝีมือของหลวงจีนไว้ผมผู้นั้น ข้าก็พอจะบรรยายได้บ้าง แต่ถ้าจะให้พูดถึงภารกิจย่อย ข้าก็ตอบไม่ได้จริงๆ แต่หากสหายเยี่ยสนใจ ก็ลองถามสหายถังดูได้ ในมือเขามีกลยุทธ์ขั้นตอนของทั้งภารกิจ”
ส่วนถังซานไฉ่ก็พูดต่อจากเขาว่า “ที่จริง ข้าก็รู้เพียงขั้นตอนภารกิจสายหยวนเจินเท่านั้น ทั้งยังเป็นซิงอวี่ที่ช่วยซื้อให้ข้าด้วย หากสหายเยี่ยอยากทำภารกิจสายหลวงจีนไว้ผม ก็ไปซื้อกลยุทธ์จากเขาได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น บนใบหน้าเยี่ยเว่ยหมิงก็เผยรอยยิ้มยิ่งกว่าเดิม “หรือพูดได้อีกอย่างว่า สหายฉางรู้จักผู้ที่ขายกลยุทธ์ภารกิจนี้หรือ”
ฉางซิงอวี่เปลี่ยนประเด็นสนทนาอีกครั้ง “พวกเราพูดถึงฝีมือของหลวงจีนไว้ผมกันดีกว่า”
“เลเวลที่แท้จริงของ NPC คนนี้ ข้าเองก็ไม่รู้ชัดเจน แต่ที่พวกเราเคยท้าสู้ก่อนหน้านี้คือบอสภารกิจเลเวลสามสิบห้า เขาเป็นยอดฝีมือกระบี่คนหนึ่ง เคล็ดกระบี่ของเขามีกระบวนท่าของ ‘กระบี่เมฆาละมุน’ ของทั้งอู่ตัง ‘เคล็ดกระบี่ลมสน’ ของสำนักชิงเฉิง…”
ขณะที่คุยกัน ทุกคนก็เดินไปถึงจุดพักมาและขึ้นรถมาแล้ว
ก่อนที่เยี่ยเว่ยหมิงจะขึ้นรถม้า กลับส่งพิราบสื่อสารออกไปตัวหนึ่ง
[ปู้คุย ข้าต้องการข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ NPC สามคนนี้ ยิ่งละเอียดเท่าไรก็ยิ่งดี แต่เรื่องนี้ค่อนข้างด่วน ทางที่ดีส่งข้อมูลมาให้ข้าแบบละเอียดแต่อ่านง่าย ‘กระบี่ต้าตุ้น’ ]…เยี่ยเว่ยหมิง
[กระบี่ต้าตุ้น (ทองคำ): ดูเหมือนเทอะทะมาก แต่มีพลังโจมตีพอสมควร]
โจมตี +100
ป้องกัน +200
กำลังภายใน +25%
ผลป้องกันเคล็ดกระบี่ +50%
นี่คือกระบี่ล้ำค่าที่ไม่ได้มีการโจมตีที่พิเศษ ได้มาจากเขากระบี่เกาะเผิงไหล ค่าสเตตัสเหมาะกับทักษะยุทธ์ที่ต้องค่อยๆ ฝึกสะสมของสำนักอู่ตังมาก เยี่ยเว่ยหมิงได้มาแล้วก็เก็บรักษาไว้ให้อินปู้คุยมาโดยตลอด
ตอนนี้มีเรื่องจะถามพอดี จึงถือโอกาสส่งให้เสียเลย คิดเสียว่าเป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ในการซื้อข่าว
แต่พิราบสื่อสารแม้จะฝากส่งของได้จริง แต่ราคาแนบกับ ‘กล่องจดหมาย’ กลับแพงมาก ของแต่ละชิ้นล้วนต้องจ่ายสิบเหรียญทอง ปกติมีน้อยคนมากที่จะใช้บริการ ‘พัสดุด่วน’ ที่ฟุ่มเฟือยแบบนี้