ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 225 ดาบกระบี่ผนึกรวม!
ตอนที่ 225 ดาบกระบี่ผนึกรวม!
ก่อนจะใช้วิชา ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ เยี่ยเว่ยหมิงก็คาดคะเนไว้หลายสิ่ง
อย่างแรกก็คือ เคล็ดกระบี่ของชายร่างกำยำไม่ถนัดป้องกันอัตโนมัติ เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ถูกถังซานไฉ่กับสะพานสวรรค์น้อยเน้นโจมตี เห็นได้ชัดว่าเคล็ดกระบี่ของเขาก็ไม่ค่อยเอื้ออำนวยประโยชน์แล้ว ฉางซิงอวี่เลือกลงมือในเวลานี้ อีกฝ่ายหลบลูกธนูดอกนี้ไม่ได้แน่นอน
ทางเลือกเดียวก็คือ ใช้กระบี่ล้ำค่าที่อยู่ในมือขึ้นมาตีลูกธนู ใช้กำลังปะทะกันให้เกิดพลังที่น่าตกใจ!
ทว่าลูกธนูที่ฉางซิงอวี่ง้างเตรียมยิงไว้นาน เขาจะต้านไหวอย่างนั้นหรือ
ตามที่เยี่ยเว่ยหมิงสังเกตการโจมตีของผู้ชายร่างกำยำก่อนหน้านี้ เขารับลูกธนูดอกนี้ไหวแน่นอน แต่ไม่มีทางรับได้อย่างสบายๆ
ชั่วพริบตาที่ลูกธนูกับกระบี่ปะทะกัน กระบี่จะต้องได้รับผลกระทบจากพลังอันแข็งแกร่งบนสายธนูบ้างแน่นอน ชั่วแวบเดียวที่กระบี่ล้ำค่าเชื่องช้าลง ก็ไม่มีทางป้องกันบริเวณหน้าอกเพิ่มได้
ไม่ใช่ว่าเยี่ยเว่ยหมิงคำนวณมุมที่อีกฝ่ายใช้กระบี่ปัดลูกธนูออกได้อย่างแม่นยำ แต่ตัดสินจากจุดเด่นที่อยู่ในเคล็ดกระบี่ของอีกฝ่ายล้วนๆ
ด้วยหลักการและเหตุผลต่างๆ แม้แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็อธิบายได้ไม่ชัดเจน
บางทีอาจเป็นเพราะผลสะท้อนจาก ‘เงาของเทพกระบี่’ หรืออาจเป็นเพราะการใช้เคล็ดจิต ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ หลายครั้งก่อนหน้านี้ทำให้เกิดผลกระทบกับเขา หรืออาจเป็นเพราะทั้งสองอย่างเลยก็เป็นได้
เวลาน้อยนิดเพียงชั่วประกายไฟแวบผ่านเท่านั้น ไม่มีเวลาให้เขาพิจารณาอะไรมากขนาดนั้น
อย่างไรเสีย ลางสังหรณ์ของเยี่ยเว่ยหมิงก็ได้บอกตัวเองว่าผลที่ตามมาหลังจากฉางซิงอวี่ยิงลูกธนูดอกนั้นจะต้องเป็นอย่างนั้นแน่นอน เขาจึงถือโอกาสดีดลูกดีดเหล็กไปตรงหน้าอกของอีกฝ่าย
ส่วนจุดที่เป็นช่องโหว่ของอีกฝ่ายก็ไม่ใช่ตำแหน่งสำคัญบนร่างกาย ด้วยพลังโจมตีตอนนี้ของเยี่ยเว่ยหมิง การใช้ ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ โจมตีออกไป ชายร่างกำยำอาจไม่ตายเสมอไป แต่จะกลายเป็นชายร่างกำยำที่เหมือนแมวทดลองแน่นอน
มีความเป็นไปได้ว่าจะปลิดชีพทันที และมีความเป็นไปได้ว่าจะไม่ปลิดชีพทันทีเช่นกัน
ส่วนจะปลิดชีพได้หรือไม่กันแน่ ก็ตัดสินจากค่าสเตตัสรายการป้องกันและค่าพลังชีวิตของอีกฝ่ายว่ามีเท่าไร ต้องโจมตีให้โดนตัวก่อนถึงจะรู้
เพื่อรับรองความปลอดภัย หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงดีดลูกดีดเหล็กลูกแรกไปแล้วจึงดีดลูกที่สองต่อเลย ดีดตรงไปที่หว่างคิ้ว!
ถึงอย่างไรขอเพียงลูกดีดเหล็กลูกแรกของเขายิงถูก อีกฝ่ายก็จะตกอยู่ในสถานะแช่แข็งเป็นเวลาสั้นๆ แน่นอน ไม่มีทางเคลื่อนไหวป้องกันหรือหลบหลีกใดๆได้ ดังนั้น ตราบใดที่ลูกดีดเหล็กลูกแรกของเขายิงโดนอีกฝ่าย ลูกที่สองก็ยิงโดนแน่นอน!
และการที่ถูกดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ยิงถูกจุดสำคัญ เยี่ยเว่ยหมิงก็นึกถึงเหตุผลที่อีกฝ่ายจะรอดชีวิตไม่ออก
นอกเสียจาก…
“ขุนเขาลำธารระวัง!” ตอนชายร่างกำยำที่ถูกเรียกว่าขุนเขาลำธารกำลังจะโบกกระบี่ไปรับลูกธนูที่ยิงมาจากฉางซิงอวี่ เงาร่างสีเขียวเงาหนึ่งก็โผล่มาจากจุดที่สายตาของทุกคนมองไม่ถึงด้านนอกประตู ยังพูดไม่ทันจบ ดาบล้ำค่าที่มีประกายทองวิบวับในมือของอีกฝ่ายก็โบกฟันออกมาแล้ว
ชั่วพริบตานั้น ดาบในมือของนางกับกระบี่ในมือของชายร่างกำยำก็เกิดการเชื่อมโยงบางอย่างเล็กน้อย เคล็ดวิชาของทั้งสองเหมือนเพิ่มขึ้นระดับหนึ่งในวินาทีนี้!
ทันทีหลังจากนั้น กลับเห็นดาบและกระบี่ในมือของทั้งสองม้วนขดหนึ่งที ไม่น่าเชื่อว่าจะปัดให้ลูกธนูที่ยิงมาจากฉางซิงอวี่และอาวุธลับจำนวนมากที่ยิงมาจากถังซานไฉ่ร่วงลงพื้นหมดได้อย่างง่ายดาย จากนั้นดาบกับกระบี่ก็ไขว้กัน กลายเป็นตาข่ายดาบกระบี่ที่หนาแน่นจนลมไม่อาจพัดผ่าน รับกับลูกดีดเหล็กสองลูกที่เยี่ยเว่ยหมิงยิงเข้ามา
แกร๊ง! แกร๊ง!
ท่ามกลางเสียงดังเสียดหูสองครั้ง ไม่น่าเชื่อว่าทั้งคู่จะอาศัยประสิทธิภาพของดาบกระบี่ผนึกรวม ต้านทานดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ที่เยี่ยเว่ยหมิงใช้สองครั้งต่อเนื่องกันได้
ส่วนพวกเขาสองคนกลับถูกพลังอันดุดันบนลูกดีดเหล็กโจมตีจนต่างคนต่างถอยหลังไปก้าวหนึ่ง จากนั้นก็ต่างคนต่างตั้งท่าใหม่อีกครั้ง ขณะกำลังโบกดาบและกระบี่ตามอำเภอใจ ก็ฟันอาวุธลับจำนวนนับไม่ถ้วนที่ถังซานไฉ่กับสะพานสวรรค์น้อยปล่อยออกมาตอนหลังร่วงลงพื้นหมดแล้ว
การโจมตีของทั้งสองตอนนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะทำได้อย่างผ่อนคลายกว่าอวิ๋นหวาซั่งเซียนที่เป็นยอดฝีมือของอู่ตังตั้งเยอะ!
เมื่อได้เห็นฉากนี้ หนิวจื้อชุน ถังซานไฉ่ ฉางซิงอวี่ที่อยู่นอกประตูวัดก็อดย้ายสายตาไปบนตัวของสะพานสวรรค์น้อยไม่ได้
เพราะฉากตรงหน้าไม่ได้แปลกตาสำหรับพวกเขา ถึงขั้นว่าชั่วพริบตาที่เห็นดาบและกระบี่ทำงานร่วมกัน พวกเขาก็นึกถึงกระบี่คู่ผนึกรวมที่สะพานสวรรค์น้อยเพิ่งใช้ไปแล้ว!
สำหรับสายตาสงสัยใคร่รู้ของทุกคน สะพานสวรรค์น้อยได้แต่ส่ายหน้าอย่างสงบ “วิชาที่พวกเขาใช้ไม่ใช่กระบี่คู่ผนึกรวม”
ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงก็เอ่ยปากพูดแล้วเช่นกัน “นั่นไม่ใช่กระบี่คู่ผนึกรวมแน่นอน ไม่เห็นหรือว่ามีคนหนึ่งใช้ดาบ”
ไม่ต้องให้เยี่ยเว่ยหมิงเตือน ตอนนี้ความสนใจของทุกคนย้ายไปบนตัวของสตรีชุดเขียวที่เพิ่งปรากฏตัวมาช่วยชีวิตชายร่างกำยำแล้ว
เห็นว่าผู้หญิงคนหนึ่งที่ดูแวบแรกเหมือนสบายตา ที่จริงนางค่อนข้างจ้ำม่ำ แต่กลับดูไม่อ้วนฉุ ยังขาดความรู้สึกเกินเอื้อมเหมือนสาวงามเทพเซียนไปนิดหน่อย นางเหมือนเด็กสาวข้างบ้านที่สดใสร่าเริงมากกว่า แม้จะธรรมดา แต่กลับให้ความรู้สึกว่าน่าใกล้ชิดโดยไม่รู้ตัว
เพียงแต่ในมือของเด็กสาวข้างบ้านคนนี้ถือดาบใหญ่สีทองเป็นประกาย ทำให้คนรู้สึกเหมือนทิวทัศน์เปลี่ยนกะทันหันอยู่บ้าง
เมื่อเห็นว่าใช้อาวุธลับแล้วทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลย น้องดาบก็ขมวดคิ้วและถามในช่องทีม [ตอนนี้จะทำอย่างไรดี จะเข้าไปสังหารเลยไหม]
[เข้าไปสังหารก็ต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขว่า อย่างน้อยต้องรู้ว่าอีกฝ่ายมีคนดักซุ่มอยู่กี่คนกันแน่] เยี่ยเว่ยหมิงตอบ [แต่พวกเราใช้อาวุธลับอย่างเปิดเผย กลับบีบให้ออกมาได้เพียงสามคนเท่านั้น]
[อีกฝ่ายจะมีเพียงสามคนหรือไม่ หรือว่ามียอดฝีมือคนอื่นดักซุ่มรอโอกาสโจมตีพวกเราอยู่ด้านนอกก็ยังไม่รู้ เรื่องที่สำคัญที่สุดก็คือตอนนี้ยังไม่เห็นหลวงจีนไว้ผมเลย]
[หากบุ่มบ่าเข้าไปจะอันตรายเกินไป]
[เอาอย่างนี้ พวกเจ้าหยุดโจมตีก่อน ข้าจะลองเจรจากับพวกเขาดูสักหน่อย]
พอได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงเอ่ยถึงเรื่องเจรจา ทุกคนก็อดกลอกตามองบนพร้อมกันไม่ได้
ขอร้องล่ะ!
เป้าหมายภารกิจของอีกฝ่ายก็คือทำให้เจ้าตาย ทำให้เคล็ดวิชากลายเป็นตำราลับที่ดรอปออกมา
เรื่องแบบนี้ยังจะเจรจากันได้อีกหรือ
เมื่ออยู่ในภารกิจที่ ‘ไม่ใช่เจ้าตายก็เป็นข้าที่รอด’ การเจรจาสันติจะมีประโยชน์อะไร
เพียงแต่ทุกคนก็รู้เช่นกันว่าเยี่ยเว่ยหมิงมีความคิดชั่วร้ายเยอะ ที่สำคัญกว่านั้นก็คือพวกเขาคิดหาวิธีการที่ดีกว่านี้ไม่ออกแล้ว จึงหยุดโจมตีอย่างเชื่อฟังมาก
เมื่อเห็นการต่อสู้หยุดลงชั่วคราว ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็บอกว่า “พบกันถือเป็นวาสนา แม้พวกเราจะมีความสัมพันธ์แบบศัตรูเมื่ออยู่ในภารกิจนี้ แต่จะดีจะร้ายก็บอกชื่อเพื่อให้ทุกคนรู้สักหน่อยว่าตัวเองกำลังต่อสู้อยู่กับใคร ไม่ดีกว่าหรือ”
เมื่อได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงถามชื่อของตน อวิ๋นหวาขี้อวดก็รู้สึกว่าถึงเวลาที่ตัวเองจะได้เก๊กหล่อแล้ว!
ดังนั้น เจ้าหมอนี่จึงยืนเอามือไพล่หลังอีกครั้ง แล้วเอ่ยปากท่องกลอนอย่างสง่างาม “เมฆาดุจอาภรณ์ บุปผาดั่งหญิงงาม…บัดซบ!”
แกร๊ง!
อวิ๋นหวาซั่งเซียนแม้จะต้าน ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ ของเยี่ยเว่ยหมิงได้ทันเวลา แต่กลับถูกแรงสะเทือนบนลูกดีดเหล็กทำให้ต้องถอยหลังไปสองก้าว พอเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้งก็มองเยี่ยเว่ยหมิงที่เป็นผู้ลอบโจมตีด้วยสายตาเดือดดาล
ครั้งนี้ เป้าหมายที่เยี่ยเว่ยหมิงลูกดีดเหล็กก็คือจุดลับตรงหว่างขาของอวิ๋นหวาซั่งเซียน!
และเยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่รอให้เขาเอ่ยปากตำหนิ ชิงพูดก่อนแล้วว่า “พูดคุยกันดีๆ พูดภาษาคน อย่าโอ้อวด”
ขณะที่พูด ก็นำลูกดีดเหล็กลูกหนึ่งออกมาอีก เขาเล่นมันอยู่ในมือขณะที่พูดว่า “ตอนที่เจ้าท่องกลอนหล่อสุดๆ ไปเลย ทุกครั้งที่ได้เห็น ข้าอดใจไม่ไหวอยากจะชกเจ้าสักที”