ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 232 น้องดาบ คนที่ข้าอยากวางกับดักก็คือเจ้า
ตอนที่ 232 น้องดาบ คนที่ข้าอยากวางกับดักก็คือเจ้า
ขณะมองหนิวจื้อชุนที่เปลี่ยนจากกลุ้มใจมาเป็นดีใจ เยี่ยเว่ยหมิงกลับเข้ามายืนใกล้น้องดาบ แล้วกระซิบข้างหูนางเบาๆ “ที่จริงแล้ว เมื่อครู่ที่ข้าพูดไปอย่างนั้น ก็เพราะเตรียมจะวางกับดักเจ้า”
น้องดาบได้ยินแล้วกลุ้มใจทันที
จะว่าไปแล้วก็ยังวางกับดักไม่สำเร็จ มีคนอื่นรับเคราะห์แทนแล้วยังพูดออกมาได้ หรือว่าอีกฝ่ายเพียงต้องการยั่วโมโหตนเท่านั้น
ทันใดนั้น น้องดาบได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงบอกอีกว่า “บอกความจริงมา เมื่อครู่ตอนที่เจ้าได้ยินคำแนะนำของข้า เจ้าใจเต้นบ้างหรือเปล่า…
…ต้องรู้ไว้นะ ว่านั่นคือโอกาสดีที่เจ้าจะได้ใช้สติปัญญารังแกข้า!…
…อย่าบอกนะว่าเจ้าคิดไม่ถึงว่าฟ่านเหยาจะเป็นบอสที่ถูกฆ่าตายได้เหมือนกัน นั่นถือเป็นการดูถูกสติปัญญาของตัวเจ้าเอง”
น้องดาบกลอกตามองบนอีกครั้ง ขอเพียงเลือกเห็นด้วยในเวลาสำคัญ ชิงสังหารฟ่านเหยาก่อนเยี่ยเว่ยหมิง ก็จะได้เลือกไอเทมดรอปของฟ่านเหยาก่อนแล้ว ทั้งเรื่องทำให้เจ้าคนน่ารังเกียจคนนี้ขโมยไก่ไม่ได้ ยังเสียข้าวสารอีกกำมือ[1]…
การกระทำแบบนี้น้องดาบย่อมคิดไว้แล้วเช่นกัน!
สาเหตุที่ก่อนหน้านี้นางไม่ได้แสดงท่าทีและลงมือทันที ก็เพราะกำลังพิจารณาว่านี่ใช่กับดักหรือไม่
ตอนที่นางกำลังครุ่นคิดนี้เอง หนิวจื้อชุนก็แสดงท่าทีแล้ว และลงมือแล้วเช่นกัน ใช้การปฏิบัติจริงพิสูจน์แล้วว่านี่คือกับดักจริงๆ!
เพียงแต่สิ่งที่นางไม่เข้าใจก็คือ “เยี่ยเว่ยหมิง ดูจากท่าทางของเจ้า เหมือนจะไม่พอใจกับผลลัพธ์นี้มากเลยนะ อย่าบอกนะว่าต้องวางกับดักข้าให้ได้เจ้าถึงจะพอใจ”
เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าอย่างไม่ลังเล สื่อว่าน้องดาบคิดมากไปเอง พร้อมทั้งอธิบายว่า “ถ้าเพียงไม่อยากให้ตัวเองถูกหักค่าวีรบุรุษเท่านั้นเอง แต่ถ้าเจ้าเข้ามาเหยียบกับดัก ต่อให้ถูกค่าวีรบุรุษ เจ้าก็จะไม่พูดออกมาเพราะกลัวเสียหน้าแน่นอน…
…พอเป็นอย่างนั้น ภาพลักษณ์ของข้าก็ยังดูจิตใจงดงามและไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัวเหมือนเดิม แก้ไขปัญหาได้สมบูรณ์แบบกว่าตอนนี้ตั้งเยอะ ไม่ใช่หรอกหรือ”
ขณะที่พูดก็ยกมือ “จะเหมือนตอนนี้ได้อย่างไร ทำเอาข้าเหมือนเป็นคนต่ำช้าที่วางกับดักสหายตัวเอง”
น้องดาบอมยิ้มมองเยี่ยเว่ยหมิงแวบหนึ่ง “อย่าเรียกว่าเหมือน เจ้าน่ะเป็นอย่างนั้นเลย!”
แม้ทั้งสองจะคุยกันเสียงไม่ดังมาก แต่ก็ไม่ใช่การคุยส่วนตัว แต่ละคนที่อยู่ตรงนี้ล้วนเป็นยอดฝีมือ ย่อมได้ยินทุกอย่างหมดแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าจะพูดแขวะอย่างไรดี
มีเพียงสะพานสวรรค์น้อยผู้ไร้เดียงสาที่มีมุมมองต่อปัญหาแตกต่างจากคนอื่น “พี่ใหญ่เยี่ย ในเมื่อฟ่านเหยาไม่ใช่คนชั่ว เจ้าไม่เคยคิดที่จะไว้ชีวิตเขาสักครั้งหรือ”
“มีเพียงเจ้าที่ถามคำถามนี้ออกมาได้” เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าอธิบาย “ประการแรก ฟ่านเหยาคนนี้ไม่ใช่ร่างแท้ เป็นเพียงบอสที่อยู่ในโหมดภารกิจเท่านั้น หลังจากตายแล้วก็รีเฟรชใหม่ได้ทุกเมื่อ…
…นอกจากนี้” เยี่ยเว่ยหมิงเบะปากเหยียดหยาม “ถ้าเขาเป็นคนดีจริง ภารกิจที่สองที่เขาจะมอบหมายให้พวกเราก็คงเป็นการไปช่วยเหลือเจ้าสำนักคุนหลุนที่ถูกล้อมโจมตี ไม่ใช่ให้ส่งจดหมายลบล้างมลทินของพรรคจรัสเฉยๆ หรอก…
…สุดท้ายแล้ว เขาก็สนใจเพียงว่าพรรคจรัสจะได้รับผลกระทบจากแผนชั่วนี้ไปด้วยหรือไม่ ถึงขั้นไม่สนใจความเป็นความตายของคนอื่นในยุทธภพ ในสายตาเขา พวกนั้นก็เป็นเพียงมดและต้นหญ้าเล็กๆ ไร้ค่าเท่านั้น”
ตอนนี้เอง จู่ๆ กลับได้ยินหนิวจื้อชุนอุทานอย่างประหลาดใจ “โอ้ว! รวยแล้ว!”
ทุกคนได้ยินแล้วกระปรี้กระเปร่าทันที ทุกสายตามองไปบนไอเทมดรอปของฟ่านเหยาพร้อมกัน
[กระบี่มังกรขาว (ทองคำ)]
กระบี่ยาวเล็กที่ทำจากโลหะประหลาดแห่งแดนซีอวี้ แหลมคมอย่างมาก
โจมตี +360
กำลังภายใน +30%
……
[ประคำหยกเทียนกู (อาวุธล้ำค่า)]
ลูกประคำของหลวงจีนลายบุปผาหลู่จื้อเซิน ‘ดาวสวรรค์โดดเดี่ยว’ แห่งเขาเหลียงซาน
ความแข็งแกร่ง +200
พละกำลัง +300
เลเวลของทักษะประเภทอาวุธยาวทั้งหมด +1
พุทธธรรม +1!
……
[ถอดรหัสมวยซั่นโส่วสำนักถังเหมิน] บันทึกความเข้าใจที่ฟ่านเหยามีต่อมวยซั่นโส่วสำนักถังเหมิน จะเพิ่มค่าประสบการณ์ทักษะ ‘มวยซั่นโส่วสำนักถังเหมิน’ 65000 แต้ม!
……
[ถอดรหัสดรรชนีศักดิ์สิทธิ์] บันทึก…จะเพิ่มค่าประสบการณ์ทักษะ ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ 65000 แต้ม!
ถอดรหัสกำลังภายในอู่ตัง: …
เคล็ดกระบี่ดรุณีหยก…
เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน…
เคล็ดวิชาดาบโลหิต…
……
พวกไอเทมหลังจากนั้นส่วนใหญ่เป็นประเภทที่เอามือคลำแล้วดรอปทันที นับว่าทุกคนได้รางวัลพื้นฐานคนละชิ้น
มีเพียงสองอย่างที่นับว่าเป็นของที่ทำให้ทุกคนตื่นเต้นประหลาดใจได้ กระบี่มังกรขาวยังดีหน่อย อุปกรณ์ระดับทองคำ แม้จะเป็นของดีสำหรับทุกคน แต่สำหรับพวกยอดฝีมือที่อยู่ตรงนี้ ยังไม่ถือว่ายอดเยี่ยมเท่าไรรนัก
แต่ประคำหยกเทียนกูนั่นแตกต่างกัน
นั่นคืออาวุธล้ำค่าเชียวนะ!
ทั้งเมื่อดูค่าสเตตัส ก็ไม่ด้อยไปกว่า ‘รองเท้าเจ้าลมกรด’ ของเยี่ยเว่ยหมิงเลย!
ดังนั้น ก็เป็นไปตามคาด หนิวจื้อชุนเลือกประคำชาวพุทธย่างไม่เกรงใจเลยสักนิด จากนั้นก็สวมไว้บนคอตัวเอง
ประสิทธิภาพของอาวุธล้ำค่า ก็ทำให้ความสามารถของเขาเพิ่มขึ้นเยอะมากในชั่วพริบตาเดียว
เพียงแต่สร้อยประคำชาวพุทธที่ห้อยอยู่บนคอของนักพรตเต๋าคนหนึ่ง มักทำให้คนรู้สึกว่าไม่เข้ากันเท่าไร
แต่หนิวจื้อชุนไม่ถือสาเรื่องนี้เลยสักนิด กลับดูภาคภูมิใจด้วยซ้ำ
เมื่อทุกคนเห็นเขามีท่าทางลำพองใจขณะนี้ ก็เกิดความรู้สึกชั่ววูบอยากจะจับเขาทุบบนพื้น เพียงแต่ตามที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ เดิมทีประคำชาวพุทธเส้นนี้ก็เป็นของที่เขาสมควรจะได้อยู่แล้ว ถึงอย่างไรเขาก็จ่ายค่าวีรบุรุษไปตั้งห้าร้อยแต้มไม่ใช่หรือ
ดังนั้น สำหรับความลำพองใจของหนิวจื้อชุน ทุกคนจึงตัดสินใจมองข้ามไปเสียเลย แล้วเริ่มคลำไอเทมอย่างอื่นของหลวงจีนไว้ผมต่อไป
ประการแรก หลังจากได้รับถอดรหัสทักษะยุทธ์ของฟ่านเหยาไปคนละเล่มแล้ว ก็ยังเหลือ ‘ถอดรหัสเคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ อีกเล่ม หนิวจื้อชุนเห็นแล้วกระเหี้ยนกระหือรือนิดหน่อย “เล่มนั้น…”
ทุกคนหันไปมองเขาด้วยสายตาโกรธเคืองพร้อมกัน
หนิวจื้อชุนถูกจ้องจนเหงื่อแตก ได้แต่เอามือลูบประคำชาวพุทธบนคออย่าเก้อเขิน “ไม่มีอะไร ข้าก็แค่ดูอยู่ข้างๆ จะว่าไปแล้ว ‘ถอดรหัสเคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ เล่มนี้ พวกเจ้าคิดจะขายแล้วแบ่งเงินกันหรือเปล่า”
“ไม่คิด!” ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียวกัน
ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็บอกว่า “นี่ต่างหากสาเหตุแท้จริงที่ข้าเตรียมวางกับดักน้องดาบ”
“นางเป็นศิษย์สำนักดาบโลหิตที่ชั่วร้าย ค่าวีรบุรุษไม่ได้สำคัญมาก ต่อให้กลายเป็นคนชั่วก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการเรียนวิทยายุทธ์สำนักของนาง…
…ประการต่อมา ในบรรดาพวกเรา คนที่เคยเรียนเคล็ดวิชาดาบโลหิตมาก่อนมีแค่นางคนเดียว ถ้าสุดท้ายเหลือ ‘ถอดรหัสเคล็ดวิชาดาบโลหิต’ พวกเราก็ไม่มีทางอื่นนอกจากขายให้นาง”
ขณะที่พูดอยู่นั้น เยี่ยเว่ยหมิงส่งสัญญาณมือที่สื่อว่าจนใจให้หนิวจื้อชุน “ไม่เหมือน ‘ถอดรหัสเคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ที่นอกจากเจ้าแล้ว ข้ากับสะพานสวรรค์น้อยก็ใช้งานมันได้เหมือนกัน”
หนิวจื้อชุนน้ำตาร่วง
น้องดาบกลับถามอย่างเหยียดหยามเล็กน้อย “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมก่อนหน้านี้เจ้าไม่พูดให้ชัดเจน”
“พูดไปแล้วเจ้าจะเชื่อหรือ” เยี่ยเว่ยหมิงถามกลับ
น้องดาบส่ายหน้าอย่างไม่ลังเล “ไม่เชื่อ!”
สุดท้าย หลังจากปรึกษากันแล้ว ทุกคนก็ตัดสินใจนำ ‘ถอดรหัสเคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ที่เกินมาให้กับเยี่ยเว่ยหมิงที่สร้างผลงานการต่อสู้ครั้งนี้มากที่สุด
อย่างไรเสีย หากไม่มี ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ของเขา ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่การต่อสู้ครั้งนี้จะได้ชัยชนะมาอย่างง่ายดายและงดงามขนาดนี้!
สำหรับคำแนะนำนี้ นอกจากเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว ถึงขั้นว่าแม้แต่น้องดาบก็ไม่คัดค้านใดๆ
เยี่ยเว่ยหมิงเห็นดังนั้น ก็ทำได้เพียงรับไว้อย่าง ‘ฝืนทำสิ่งที่ยากเกินไป’
ส่วนกระบี่มังกรขาวที่เหลือ ก็ทำให้ทุกคนตกอยู่ในความรู้สึกลำบากใจอีกครั้ง
ค่าสเตตัสของกระบี่เล่มนี้ไม่เลว ถ้าพูดถึงการโจมตีอย่างเดียวก็ถึงขั้นเหนือกว่ากระบี่มังกรคำรามและกระบี่จินสยาในมือสะพานสวรรค์น้อยด้วย
แต่สะพานสวรรค์น้อยชอบรูปลักษณ์ภายนอกที่งดงามของกระบี่จินสยามาก ไม่มีความคิดที่จะเปลี่ยนกระบี่ ดังนั้นคนเดียวในทีมที่ต้องการมันก็เหลือเพียงถังซานไฉ่ที่ฝึก ‘เคล็ดกระบี่ลมสน’ ควบคู่กับทักษะหลัก
เพื่อเพิ่มศักยภาพโดยรวมให้กับทีมในระหว่างปฏิบัติภารกิจหลังจากนี้ ถังซานไฉ่รับปากว่าจะขายกระบี่เล่มนี้หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ จากนั้นก็เก็บกระบี่เข้ากระเป๋า
เมื่อเห็นดังนั้น หนิวจื้อชุนก็คลำประคำชาวพุทธบนคอตัวเองแล้วน้ำตาไหลต่อไป
หลังจากตรวจนับไอเทมที่ได้เรียบร้อยแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ส่งคำขอซื้อขายไปให้สะพานสวรรค์น้อยเป็นการส่วนตัว แล้วส่ง ‘ถอดรหัสเคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ที่เพิ่งได้มาสดๆ ร้อนๆ ไปด้วย
พร้อมทั้งบอกเป็นการส่วนตัวด้วยว่า [อย่าส่งเสียงร้องดีใจ รับไป]
สาเหตุที่ยอมสละตำราถอดรหัสเล่มนี้ให้ เพียงเพราะเยี่ยเว่ยหมิงต้องการตบรางวัลให้กับการแสดงท่าทีของนางก่อนหน้านี้เท่านั้นเอง
ก่อนหน้านี้ตอนที่รวมกลุ่มหลังโจมตี คนอื่นต่างยุ่งอยู่กับการรับมือศัตรูของตัวเอง มีเพียงน้องสาวคนนี้ที่สนใจการปกป้องความปลอดภัยของเยี่ยเว่ยหมิง
ตอนหลังเพื่อเยี่ยเว่ยหมิง นางก็ถึงขั้นยอมสู้ตายกับตัวละครโหดอย่างน้องดาบ
แม้เยี่ยเว่ยหมิงจะไม่จำเป็นให้น้องสาวคนนี้ออกหน้าแทน อีกทั้งการกระทำของนาง ถ้ามองจากมุมของทีมแล้วก็ถือว่าไม่คำนึงถึงสถานการณ์ภาพรวมอยู่บ้าง
แต่ในมุมของเยี่ยเว่ยหมิง เขารู้สึกว่าท่าทีของสะพานสวรรค์น้อยควรค่าที่จะส่งเสริมมาก!
ค่าประสบการณ์ทักษะยุทธ์ ไม่ว่าใครก็ต้องการทั้งนั้น แต่ด้วยเลเวลทักษะยุทธ์ของเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ ก็ไม่เสียดายของเล็กน้อยพวกนี้เลยจริงๆ
“แต่ว่า…”
“ให้เจ้ารับไว้ เจ้าก็รับไว้เถอะ!”
เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงมีท่าทีแน่วแน่ขนาดนี้ สะพานสวรรค์น้อยก็ทำได้เพียงรับไว้เงียบๆ
หลังจากทุกคนแบ่งของกันเรียบร้อยแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็นำโลงไม้หนานมู่ที่เตรียมไว้ออกมา เปิดฝาโลงศพออก วางศพฟ่านเหยาเข้าไป แล้วก็ปิดฝาโลง
หลังจากสามขั้นตอนที่เรียบง่ายเสร็จเรียบร้อยแล้ว…
ได้รับ ‘ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่’ ×1
ได้รับ ‘ตระหนักรู้กำลังภายใน’ ×1
ได้รับ’ ตระหนักรู้เคล็ดฝ่ามือ’ ×1
……
เยี่ยเว่ยหมิงเก็บโลงศพที่บรรจุแล้วเข้าสัมภาระ แล้วก็มองตำราลับสามเล่มในกระเป๋าอย่างพึงพอใจ แล้วหันไปพูดกับถังซานไฉ่ที่ถือกล่องเหล็กว่า “สหายถัง ตอนนี้ภารกิจของเจ้าส่วนใหญ่ถือว่าสำเร็จแล้ว ถือกล่องเหล็กนี้ไว้ พวกเราไปรายงานผลภารกิจเร็วๆ ดีกว่า รีบนำ ‘หินสามชาติ’ มาไว้ในมือ ช้ากว่านี้เกรงว่าจะเกิดเหตุไม่คาดคิด”
ถังซานไฉ่พยักหน้าอย่างเห็นด้วย “สหายเยี่ยพูดถูกมาก ครั้งนี้ต้องพึ่งพาทุกคนแล้ว ไม่ง่ายเลยที่ข้าจะไม่ต้องลงหลุมศพไปกับฟ่านเหยานั่นด้วย เรารีบไปรายงานผลภารกิจเร็วๆ หน่อยดีกว่า ทำเช่นนั้นข้าถึงจะสงบใจได้”
ทุกคนได้ยินแล้วพยักหน้า แล้วหันตัวเดินออกจากวัดร้างอู๋เจียนแห่งนี้ไป
ทว่า ตอนที่ทุกคนเพิ่งเดินออกจากประตูวัด ก็เห็นว่ามีคนเก้าคนรออยู่ข้างหน้าตรงจุดที่ห่างออกไปสิบเมตร
แต่ละคนขี่ม้าตัวสูงใหญ่ ในจำนวนนั้นผู้ที่อยู่หน้าสุดสวมหมวกงอบ มองไม่เห็นใบหน้าชัดเจน อีกแปดคนข้างกายล้วนสวมชุดเกราะหนัง ในมือของทุกคนถือธนูหนึ่งคัน ตอนนี้ขึ้นศรเรียบร้อยแล้ว สายธนูถูกดึงจนตึง เล็งมายังทั้งหกคนที่เพิ่งเดินออกจากวัด
“ยิง!”
เมื่อเห็นพวกเยี่ยเว่ยหมิงเดินออกมาจากวัดร้าง คนที่เป็นหัวหน้าก็ออกคำสั่งทันที ลูกธนูแปดดอกยิงออกจากสายไปบนตัวถังซานไฉ่ที่อยู่ท่ามกลางทั้งหกพร้อมกัน
ฟังจากเสียงแหลมเสียดหูที่ลูกธนูพวกนี้ฝ่าอากาศ ก็ทำให้คนไม่กล้าดูถูกลูกธนูพวกนี้แม้แต่น้อย!
[1] ขโมยไก่ไม่ได้ ยังเสียข้าวสารอีกกำมือ 偷鸡不成蚀把米 หมายถึงฉวยโอกาสไม่สำเร็จแล้วยังขาดทุน