ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 233 แปดวีรบุรุษธนูเทพ
ตอนที่ 233 แปดวีรบุรุษธนูเทพ
มีการดักซุ่ม!
ทั้งหกคนตกใจพร้อมกัน ด้วยอิทธิพลของ ‘เงาของเทพกระบี่’ เยี่ยเว่ยหมิงไหวตัวได้เร็วที่สุด ก่อวงล้อมกระบี่สามฉื่อจากเคล็ดกระบี่ ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ ก้าวมาขวางตรงหน้าถังซานไฉ่แล้ว
น้องดาบที่ประสบการณ์โชกโชนที่สุดไหวตัวช้ากว่าเยี่ยเว่ยหมิงนิดหน่อย แต่ก็ตั้งดาบในแนวขวางทันที ช่วยเยี่ยเว่ยหมิงแบกรับความกดดันได้ส่วนหนึ่ง
แกร๊ง! แกร๊ง! แกร๊ง…
หลังจากเกิดเสียงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ลูกธนูแปดดอกถูกเยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบกันไว้ได้ทั้งหมด ไม่ได้ทำให้ถังซานไฉ่ผู้โชคร้ายได้รับบาดเจ็บใดๆ
แต่พลังของสายธนูดุดันผิดปกติ ต่อให้อาศัยฝีมือของเยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบ แต่ทุกดอกที่ปัดลงก็ทำให้พวกเขาสะเทือนถอยหลังหนึ่งก้าว
ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงตอนนี้ เยี่ยเว่ยหมิงรับลูกธนูไว้ได้ทั้งหมดห้าดอก น้องดาบรับไว้ได้สามดอก
ภายใต้บทบาทของแรงสะท้อนกลับที่ต่อเนื่อง เยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบ หรือแม้แต่ถังซานไฉ่ที่ถูกปกป้องอยู่ข้างหลังพวกเขาต้องกลับเข้ามาในวัดร้างอีกครั้งแล้ว
เพื่อนร่วมทีมอีกสามคนย่อมไม่กล้าบุ่มบ่ามลุยเดี่ยว ทำได้เพียงรักษากระบวนทัพสามคนเอาไว้ แล้วก็กลับเข้ามาในวัดร้างอู๋เจียน
ลูกธนูแปดดอกนี้มีที่มาอย่างไรกันแน่
ไม่น่าเชื่อว่าฝีมือจะทรงพลังขนาดนี้!
ไม่ต้องให้เยี่ยเว่ยหมิงกำชับล่วงหน้า เพื่อนร่วมทีมทั้งหกคนก็แบ่งเป็นสองกลุ่มโดยอัตโนมัติแล้ว เยี่ยเว่ยหมิง สะพานสวรรค์น้อย น้องดาบอยู่ทางซ้าย ถังซานไฉ่ ฉางซิงอวี่ หนิวจื้อชุนอยู่ทางขวา สองกลุ่มนี้หลบให้พ้นสายตาศัตรูที่อยู่ตรงข้ามกับประตูวัดพร้อมกัน อาศัยกำแพงของวัดร้างพรางตัว
“ใครใช้ให้เจ้ามีเมตตาปรานีในช่วงเวลาสำคัญ ดันปล่อยเจ้าคนที่ชื่ออวิ๋นหวาซั่งเซียนไปเสียได้ ตอนนี้เขาคงมาล้างแค้นแล้วน่ะสิ” ตอนนี้คนที่ไม่ลืมพูดแขวะเยี่ยเว่ยหมิง นอกจากน้องดาบก็ย่อมไม่มีใครอีกแล้ว
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วกลับพูดอย่างมีเหตุผลเต็มปากเต็มคำว่า “การปรากฏตัวของคนพวกนี้เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจของข้าจริงๆ แต่ไม่ใช่ว่าอวิ๋นหวาซั่งเซียนนั่นจะมีความสามารถล่อพวกเขามาแน่นอน เขายังไม่มีอำนาจมากขนาดนั้น”
น้องดาบได้ยินแล้วขมวดคิ้ว จากนั้นก็เข้าใจทันที “เป็นภารกิจส่งจดหมายหรือ”
“แล้วยังไม่ชัดเจนอีกหรือ” เยี่ยเว่ยหมิงยักไหล่ “ถึงอย่างไรก็เป็นภารกิจระดับหกดาว เจ้าคิดว่าระบบจะไม่สร้างปัญหาให้พวกเราสักหน่อย ปล่อยให้พวกเราส่งจดหมายไปที่สำนักคุนหลุน แล้วก็ไปรับรางวัลเฉยๆ อย่างนั้นหรือ”
ตอนนี้ฉางซิงอวี่ที่อยู่อีกฝั่งพูดอย่างไม่ค่อยพอใจว่า “สหายเยี่ย นี่ก็คือความผิดของเจ้า เจ้ารู้อยู่แก่ใจว่าภารกิจ ‘หินสามชาติ’ มีความสำคัญต่อสหายถังขนาดไหน เหตุใดต้องสร้างปัญหาเพิ่มอีก”
เยี่ยเว่ยหมิงแสดงออกว่าตัวเองกำลังถูกยัดความผิดอย่างไม่เป็นธรรม “ตอนนั้นข้าบอกแค่ว่าข้ารับสองภารกิจนั่นไว้แล้ว ไม่ได้บอกให้พวกเจ้ารับไว้เสียหน่อย ที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ข้าก็คิดไว้แล้วว่าในระหว่างส่งจดหมายย่อมต้องมีปัญหาเกิดขึ้น แต่กลับคิดไม่ถึงว่าปัญหานั่นจะมาเร็วขนาดนี้ ก็ได้ ถือว่าข้าพิจารณาไม่ถี่ถ้วนก็แล้วกัน”
“ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาโทษกัน” ตอนนี้ถังซานไฉ่เอ่ยปากไกล่เกลี่ย “สหายเยี่ย เจ้าคิดว่าตอนนี้ควรทำอย่างไรดี”
ตอนที่ทุกคนปรึกษากันเรื่องกลยุทธ์ในวัดร้าง กลับได้ยินเสียงคนตะโกนมาจากด้านนอก “คนข้างในฟังให้ดี พวกเจ้าถูกล้อมไว้หมดแล้ว วางอาวุธลงเดี๋ยวนี้ การยอมแพ้คือหนทางรอบเดียวของพวกเจ้า ขอเพียงพวกเจ้าส่งจดหมายฉบับนั้นมาแต่โดยดี วันนี้ข้าอารมณ์ดี อาจจะไว้ชีวิตพวกเจ้าสักครั้งก็ได้”
ทุกคนได้ยินแล้วสายตาไปรวมอยู่บนกล่องเหล็กในมือถังซานไฉ่พร้อมกัน
ศัตรูพุ่งเป้ามาที่กล่องใบนี้จริงๆ ด้วย!
ส่วนถังซานไฉ่ก็ถูกคนพวกนั้นมองจนขนลุกนิดหน่อย อดส่งสายตาขอความช่วยเหลือไปที่เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้ “สหายเยี่ย ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรดี”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วงอนิ้วคำนวณด้วยความเคยชิน กวาดสายตามองภายในวัดร้างแวบหนึ่ง แล้วก็มองไปทางเก้าคนข้างนอกที่ไล่ตามมา จากนั้นกล่าวอย่างไม่ทุกข์ร้อน “อีกฝ่ายพูดชัดเจนแล้วว่าพุ่งเป้ามาที่กล่องเหล็ก เมื่อครู่ความสนใจของอีกฝ่ายก็รวมอยู่ที่ตัวสหายถังคนเดียว แสดงว่าอีกฝ่ายจะพิจารณาโจมตีคนที่ถือกล่องใบนี้ไว้ก่อน”
หลังจากชะงักไปครู่เดียว เขาก็พูดต่อทันทีว่า “สหายถังโยนกล่องเหล็กมาให้ข้าก็ได้ ในบรรดาพวกเราที่อยู่ตรงนี้ ข้าคงมีความสามารถในการปกป้องตัวเองได้มากที่สุด ข้ามั่นใจที่สุดด้วยว่าจะฝ่าวงล้อมสำเร็จ แต่ขอพูดสิ่งที่ไม่น่าฟังเอาไว้ก่อน ในเมื่อคนที่มีกล่องเหล็กอยู่ในมือถูกมองว่าสำคัญที่สุดในภารกิจ เช่นนั้นหลังจากทำภารกิจนี้สำเร็จแล้ว รางวัลที่ได้…พวกเจ้าเข้าใจใช่ไหม”
แต่ละคนที่อยู่ตรงนี้ มีใครบ้างที่ไม่ใช่ยอดฝีมือในเกม
ไม่ต้องให้เยี่ยเว่ยหมิงอธิบายมากกว่านี้ เขาก็เข้าใจชัดเจนแล้วว่าเยี่ยเว่ยหมิงกำลังสื่อถึงอะไร
ถึงอย่างไรเกมนี้ก็ค่อนข้างให้ความสำคัญกับความเท่าเทียมของการลงทุนและการรับผลตอบแทน คนที่ถือกล่องเหล็กแบกรับความเสี่ยงมากที่สุด ถูกโจมตีโหดเหี้ยมที่สุด เช่นนั้นหลังจากทำภารกิจสำเร็จอย่างราบรื่นแล้ว ก็ย่อมต้องได้ส่วนแบ่งเยอะที่สุดเช่นกัน
แม้ทุกคนจะรู้ว่ากล่องเหล็กเป็นทั้งตัวแทนของอันตรายทั้งโอกาสที่จะได้ผลประโยชน์ แต่กลับไม่มีใครคิดจะแย่งกับเขา
อย่างไรเสียก็ไม่มีใครมีศักยภาพและความกล้าหาญเท่าเยี่ยเว่ยหมิง
ก็เหมือนกับที่เยี่ยเว่ยหมิงไม่อยากสละค่าวีรบุรุษของตัวเองเพื่อแลกกับผลประโยชน์ที่มากที่สุดตอนดรอปไอเทมจากบอส คนอื่นก็ไม่อยากแบกรับอันตรายเพื่อส่วนแบ่งที่มากที่สุดของรางวัลภารกิจเช่นกัน
ตอนนี้กลับเห็นเยี่ยเว่ยหมิงส่งข้อความในช่องทีม [ประเดี๋ยวตอนสหายถังโยนกล่องเหล็กมา อาจจะเกิดเหตุไม่คาดคิด ทุกคนเตรียมตัวต่อสู้ล่วงหน้าด้วย]
“อย่าเอาแต่ดึงดันรักษากล่องเหล็กนั่นไว้ ถึงอย่างไรภารกิจนี้ก็เป็นเพียงผลตอบแทนพิเศษ ต่อให้ภารกิจล้มเหลวก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ พยายามอย่าให้ตัวเองถูกฆ่าในเวลานี้ ถ้าตายก่อนแล้วรับรางวัลภารกิจก่อนหน้านี้ไม่ได้ แบบนั้นก็น่ากลุ้มใจแล้ว”
ทุกคนได้ยินแล้วพยักหน้าสื่อว่าเข้าใจพร้อมกัน ในที่สุดถังซานไฉ่ก็บอกเยี่ยเว่ยหมิงว่า “สหายเยี่ย รับไว้!”
ขณะที่พูด เขาก็โยนกล่องเหล็กขึ้นมากลางอากาศไปทางจุดที่เยี่ยเว่ยหมิงยืนอยู่แล้ว
ฟิ้ว!
ตอนที่กล่องเหล็กถูกโยนออกมาจากมือถังซานไฉ่ ระหว่างทางที่กำลังลอยไปหาเยี่ยเว่ยหมิง ทุกคนกลับเห็นเงาของคนคนหนึ่งแวบผ่านตรงหน้า ที่แท้ก็เป็นชายสวมหมวกงอบซึ่งเป็นหัวหน้าของเก้าคนนั้น จู่ๆ ก็ทะลุผ่านเข้ามาในวัด คว้ากล่องเหล็กที่หลวงจีนไว้ผมทิ้งไว้ให้พวกเขาไปแล้ว
ขณะเดียวกันนี้เอง ชื่อและข้อมูลของบอสคนนี้ก็ปรากฏอยู่ในสายตาทุกคนแล้วเช่นกัน
[อาซาน]
ยอดฝีมือจากสำนักจินกังแดนซีอวี้ หนึ่งในหกยอดฝีมือจวนท่านอ๋องหรู่หยาง
เลเวล: 65
พลังชีวิต: 360000/360000
กำลังภายใน: 80000/80000
……
ที่แท้ฝีมือของศัตรูคนนั้นก็แข็งแกร่งขนาดนี้ ต่อให้อยู่ห่างสิบเมตร แต่ก็ได้ยินบทสนทนาระหว่างเยี่ยเว่ยหมิงกับถังซานไฉ่
หรือไม่เขาก็ฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนซ่อนตัว แต่งตัวมาอยู่นอกประตูวัดอย่างเงียบๆ แล้ว จากนั้นก็ได้ยินเสียงทุกคนคุยกัน แล้วก็ลงมือชิงกล่องเหล็กที่ถังซานไฉ่โยนออกมาได้อย่างถูกจังหวะ?
แต่สำหรับทุกคนที่อยู่ในวัดนี้ การปรากฏตัวของบอสที่ตั้งชื่ออย่างขอไปทีนั้นไม่ได้สำคัญ
ที่สำคัญก็คือ ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าหมอนี่จะเข้าประตูวัดมาได้ ก็เท่ากับเขาละทิ้งการโจมตีระยะไกลที่มีพลังที่สุดไปแล้ว
ถึงเวลาสังหารให้เขาตายแล้ว!
เยี่ยเว่ยหมิงที่เตรียมตัวไว้ตั้งแต่แรกแล้วก็ยิ่งถอยมาอยู่ชิดข้างกำแพง มือซ้ายงอนิ้วคำนวณ มือขวาถือกระบี่แสงทองชี้อาซานที่อยู่ไกลๆ “ลูกซาน ยังไม่รีบมาทักทายบิดาเจ้าอีกหรือ”