ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 240 เงื่อนไขของน้องดาบ
ตอนที่ 240 เงื่อนไขของน้องดาบ
สำหรับการกระทำของเยี่ยเว่ยหมิง ทุกคนรู้สึกพูดไม่ออกอยู่พักหนึ่ง
ปากเขาตอบตกลงหยวนเจินว่าจะไม่เป็นฝ่ายหาเรื่องก่อน แต่กลับซ่อนประโยคที่บอกว่า ‘ตราบใดที่เจ้าไม่ทำร้ายข้าและสหายของข้า’ เอาไว้
ขอบเขตของประโยคนี้ค่อนข้างกว้างแล้ว
เห็นได้ชัดว่าถ้าคนอื่นในทีมลงมือโจมตีหยวนเจิน แล้วหยวนเจินตอบสนองด้วยการโจมตีแม้เพียงเล็กน้อย ก็เหมือนจะอยู่ในเงื่อนไขนี้เช่นกัน
กับดักทางภาษาเช่นนี้ ใช่ว่าคนเจ้าเล่ห์อย่างหยวนเจินจะฟังไม่ออก
แต่ติดที่กติกาของระบบ ตราบใดที่ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงยังอยู่ในสถานะรายงานผลภารกิจ ก่อนที่จะแตกคอกัน เขาก็มิอาจไม่แจกรางวัล
ดังนั้น หลังจากเขาขู่ว่า ‘ผิดคำพูด หักค่าวีรบุรุษ 500 แต้ม’ ที่จริงก็กำลังเตือนทุกคนเช่นกันว่า ในเมื่อเยี่ยเว่ยหมิงรับปากแล้วว่าจะไม่ลงมือ เช่นนั้นใครที่นำลงมือก่อนก็จะต้องถูกหักค่าวีรบุรุษแน่นอน เรื่องลำบากทำแทนคนอื่นพรรค์นี้ ทางที่ดีพวกเจ้าอย่าทำดีกว่า
ส่วนท่าทีของเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ก็คือ
ใครถูกหักค่าวีรบุรุษห้าร้อยแต้ม ก็จะได้เลือกไอเทมดรอปของบอสก่อน
และการที่บอสคนหนึ่งตาย มักจะมีเพียงสองสิ่งที่มีมูลค่ามากที่สุด ไม่ต่างอะไรกับการสละเค้กชิ้นที่ใหญ่ที่สุดให้คนอื่น ตอนนี้ก็ต้องดูแล้วว่าใครจะเสียสละค่าวีรบุรุษของตัวเอง
ข้อเสนอครั้งนี้ของเยี่ยเว่ยหมิง กลับไม่มีใครเห็นด้วยในทันที
ฉางซิงอวี่ในฐานะศิษย์ของอู่ตัง เขาเห็นความสำคัญของค่าวีรบุรุษของตัวเองที่สุด ไม่มีทางปล่อยให้ค่าวีรบุรุษของตัวเองเสียหายเพราะอุปกรณ์หรือเคล็ดวิชาเด็ดขาด
สถานการณ์ของถังซานไฉ่ก็ไม่ต่างกับเขามาก
สะพานสวรรค์น้อยสนใจเพียงการออกทีวี ค่อนข้างเฉยๆ กับอุปกรณ์ แต่ในฐานะผู้สืบทอดของสำนักที่วางตัวเป็นกลาง นางก็ไม่ได้สนใจค่าวีรบุรุษมากเช่นกัน
เพียงแต่นางมองไปทางเยี่ยเว่ยหมิงด้วยสายตาตั้งคำถาม ขอเพียงเยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า นางก็ไม่ถือสาที่จะสละค่าวีรบุรุษของตัวเองเพื่อทำให้พี่ใหญ่เยี่ยผู้ซึ่งพานางออกทีวีสมหวัง
ส่วนหนิวจื้อชุน เขาเองก็อยากจะพุ่งไปใช้กระบองตีหยวนเจินสักที แต่ตอนนี้เขากลายเป็นโจรไปแล้ว!
ถ้าถูกหักค่าวีรบุรุษอีกห้าร้อยแต้ม จะไม่กลายเป็นคนชั่วร้ายเลยหรอกหรือ
ต้องทราบไว้ว่าเขาคือลูกศิษย์ของสำนักฝ่ายธรรมะ หากกลายเป็นคนชั่วร้ายเมื่อไร ยังไม่ต้องพูดถึงการอดเรียนวิทยายุทธ์ของสำนัก ไม่ถูก BOSS ที่เป็นอาจารย์ไล่สังหารก็ต้องขอบคุณฟ้าดินแล้ว
สุดท้าย สายตาของทุกคนก็มองไปยังผู้เล่นฝ่ายอธรรมเพียงหนึ่งเดียวในทีมโดยไม่ได้นัดหมายพร้อมกัน เป็นน้องดาบนั่นเอง
เมื่อพบว่าจู่ๆ ตัวเองก็กลายเป็นความหวังของทั้งหมู่บ้าน ทีแรกน้องดาบก็ตกใจก่อน จากนั้นก็เผยสีหน้าลำบากใจทันที นางส่ายหน้า ทำท่าเหมือนขัดขืนมาก
เยี่ยเว่ยหมิงเห็นดังนั้นก็พูดตรงๆ ทันที [พักการแสดงที่เกินจริงก่อน เสนอเงื่อนไขมาตรงๆ เถอะ เร็วเข้า ตอนนี้ใกล้หมดเวลาภารกิจแล้ว เหลืออีกไม่ถึงยี่สิบนาที]
[เช่นนั้นข้าก็จะพูดตามตรงแล้วนะ] ตอนนี้น้องดาบไม่สนใจท่าทีน่ารังเกียจของเยี่ยเว่ยหมิง ในทางกลับกัน ยิ่งเยี่ยเว่ยหมิงแสดงท่าทีแบบนี้ ก็แสดงว่าในใจเขายิ่งหงุดหงิด น้องดาบยิ่งเห็นก็ยิ่งอารมณ์ดี [ที่จริงแล้ว โดยส่วนตัวข้าค่อนข้างชอบวิธีการแบ่งไอเทมที่ต้องแย่งกันโจมตีเป็นครั้งสุดท้ายแบบก่อนหน้านี้ อย่างไรเสียหากเทียบกับผลลัพธ์ที่ไม่ต้องเดาอย่างการหักค่าวีรบุรุษ ข้าก็ชอบทำสิ่งที่ท้าทายแบบนั้นมากกว่า]
ถังซานไฉ่ที่อยู่ข้างๆ ได้ยินแล้วไอแห้ง ก่อนจะอธิบายว่า [แม่นางดาบ ความจริงสิ่งที่ทุกคนลังเลตอนนี้ไม่ใช่ปัญหาว่าจะแบ่งไอเทมกันอย่างไร แต่เป็นปัญหาว่าใครจะเปิดโจมตีมอนสเตอร์ก่อน]
[ดังนั้น] น้องดาบแสร้งโง่ต่อไป [ข้ารู้สึกว่าข้อเสนอของเจ้ามือปราบหน้าเหม็นนั่นก็ไม่เลวเหมือนกัน]
เมื่อเห็นทุกคนเผยสีหน้าอดทนรอไม่ไหว น้องดาบที่ได้เปรียบเพราะอยู่สำนักฝ่ายอธรรมถึงได้พูดต่อ [ในเมื่อข้อเสนอทั้งสองของเขาดีหมด เหตุใดพวกเราต้องเลือกล่ะ การเลือกคำตอบเป็นของเด็กเล่นของนักเรียนประถม ในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่ง ข้อเสนอของข้าก็คือเลือกทั้งสองเลย]
น้องดาบยิ้มแล้วอธิบายต่อ [ข้อแรก ไม่ว่าใครจะตีมอนสเตอร์ก่อน ก็จะได้เลือกไอเทมดรอปชิ้นแรกก่อน ส่วนคนที่ได้โจมตีเป็นครั้งสุดท้าย ก็จะได้เลือกไอเทมดรอปเป็นชิ้นที่สอง ก็เหมือนกับที่แบ่งไอเทมดรอปของอาซานก่อนหน้านี้
พอพูดจบ สายตาก็มองไปที่ทุกคน “ข้าพูดข้อเสนอของตัวเองจบแล้ว ทุกคนคิดว่าอย่างไรบ้าง”
เมื่อได้ยินน้องดาบพูดข้อเสนอจบ ทุกคนถึงได้เข้าใจกระจ่างว่าที่แท้นางก็อยากได้ไอเทมชิ้นที่สองด้วย
ถ้าทำตามข้อเสนอของเยี่ยเว่ยหมิงก่อนหน้านี้ ก็ไม่มีอะไรน่าคัดค้าน ใครโจมตีมอนสเตอร์ก่อนก็จะได้ไอเทมชิ้นแรกไป ส่วนไอเทมที่เหลือก็จะไม่เกี่ยวกับคนคนนี้แล้ว แต่ตามข้อเสนอของน้องดาบก็คือ หลังจากนางโจมตีมอนสเตอร์ก่อน ก็ยังมีสิทธิ์แย่งชิงอุปกรณ์ชิ้นที่สองกับทุกคนด้วย อีกครั้งด้วยฝีมือและพลังสายตาของนาง นางมีโอกาสที่จะได้โจมตีบอสเป็นคนสุดท้ายมากจริงๆ
เพียงแต่วิธีการช่วงชิงอุปกรณ์ของนางฉลาดล้ำเลิศจริงๆ
ถ้านางบอกมาตรงๆ เลยว่าคนที่เปิดโจมตีมอนสเตอร์จะได้เลือกไอเทมสองชิ้นแรกก่อน แม้ทุกคนจะไม่พูดอะไร แต่ในใจต้องด่าผู้หญิงคนนี้ว่าโลภมากแน่นอน ถึงขนาดว่า ต่อให้นางบอกว่าหลังจากเลือกอุปกรณ์ชิ้นแรกแล้วจะมาร่วมแบ่งไอเทมกับคนอื่นต่อ ก็จะทิ้งภาพลักษณ์ที่เลวร้ายที่สุดอยู่ดี
ถ้าทำให้ทุกคนมีอำนาจในการได้รับอุปกรณ์ชิ้นที่สองอย่างเท่าเทียมกัน ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ก็ไม่รู้สึกว่ามีจุดไหนที่ไม่เหมาะสม
ถึงอย่างไรก็เป็นยอดฝีมือคนหนึ่ง ไม่มีใครคิดว่าโอกาสที่ตัวเองจะได้โจมตีบอสเป็นคนสุดท้ายน้อยกว่าคนอื่น ต่อให้ตอนหลังยังไม่สำเร็จ แต่ก็ทำได้เพียงโทษตัวเองว่าฝีมือสู้คนอื่นไม่ได้ ไม่ใช่เพราะคนอื่นไม่หลีกทางให้
ก็เหมือนเวลาที่นักหมากล้อมตัวจริงเล่นหมากล้อมกัน ถ้าคนใดคนหนึ่งฆ่าอีกคนจนแพ้ย่อยยับ ตอนที่คนแพ้รู้สึกหงุดหงิด แต่ก็ต้องนับถือที่อีกฝ่ายมีทักษะหมากล้อมสูงกว่าอยู่ดี
ในทางกลับกัน ถ้าเจ้าจงใจหลีกทางให้อีกฝ่าย อีกทั้งอีกฝ่ายยังรู้ทัน เช่นนั้นก็เกรงว่าผลลัพธ์จะไม่น่าสบายใจแล้ว
นี่กำลังดูถูกใครอยู่!?
เป็นอย่างที่คาดไว้ ข้อเสนอของน้องดาบได้รับการยอมรับเป็นเอกฉันท์จากทุกคน
ส่วนหยวนเจินที่อยู่ข้างๆ พอเห็นผู้เล่นกลุ่มนี้ยักคิ้วหลิ่วตาให้กันโดยไม่พูดอะไร ในใจก็เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีทันที ขณะที่แอบเพิ่มความระแวดระวัง ภายนอกกลับยังกล่าวด้วยท่าทางสบายๆ “แจกรางวัลภารกิจเรียบร้อยแล้ว หากจอมยุทธ์น้อยไม่มีธุระอย่างอื่น อาตมาก็จะรีบโคจรวิชารักษาบาดแผลแล้ว”
พอพูดถึงตรงนี้ จู่ๆ กลับเปลี่ยนประเด็นสนทนา “หากจอมยุทธ์น้อทุกท่านว่างไม่มีอะไรทำ ช่วยคุ้มครองอาตมาได้ อาตมาก็ย่อมซาบซึ้งใจมาก”
ขณะที่พูดอยู่นั้น เสียงของระบบก็แจ้งเตือนอยู่ข้างหูของทุกคน
[ติ๊ง! ไต้ซือหยวนเจินแจกภารกิจ ‘พิทักษ์ธรรม’ ให้คุณ รับภารกิจหรือไม่]
[พิทักษ์ธรรม]
ไต้ซือหยวนเจินได้รับบาดเจ็บภายในอย่างรุนแรง ต้องเก็บตัวรักษาบาดแผล กรุณาไปพิทักษ์ธรรมให้เขาที่นอกวัด
ระดับภารกิจ: 1 ดาว
รางวัลภารกิจ: ค่าประสบการณ์ 2000 แต้ม ค่าตบะ 200 แต้ม
รับภารกิจหรือไม่
รับ/ปฏิเสธ
……
เมื่อได้เห็นภารกิจนี้ ทุกคนก็ยังไม่รีบเลือก แต่เริ่มส่งข้อความถามความเห็นของเยี่ยเว่ยหมิงในช่องทีม
ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็หัวเราะหึหึใส่หยวนเจิน “ไต้ซือหยวนเจินต้องการเก็บตัว ผู้น้อยอย่างพวกเราก็ย่อมต้องดูแลอยู่แล้ว”
“เช่นนั้นก็ดี…”
“ช้าก่อน!”
ไม่รอให้หยวนเจินพูดจบ เยี่ยเว่ยหมิงก็รีบตัดบท เจ้าชั้นต่ำ ถ้าคิดจะหลอกให้พวกเรารับภารกิจก็ไม่ได้ง่ายอย่างนั้นหรอก “แต่ก่อนหน้านั้น ผู้น้อยยังมีเรื่องหนึ่งที่ไม่เข้าใจ ไต้ซือหยวนเจินได้โปรดชี้แนะ”
“เจ้าว่ามา”
เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มบางๆ “ดูจากหลายสิ่งที่ไต้ซือหยวนเจินเตรียมไว้ หากพวกเราก้าวออกไปจากวัดร้าง ภารกิจที่รับมาจากฟ่านเหยาก็จะถูกตัดสินว่าล้มเหลวทันที หรือไม่ก็นับว่าพวกเราเป็นฝ่ายละทิ้งภารกิจเอง ใช่หรือเปล่า”