ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 243 เจ้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับน้องดาบเลย
ตอนที่ 243 เจ้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับน้องดาบเลย
“อะไรนะ”
เมื่อได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงบอกว่าค่าวีรบุรุษของเขาไม่ถูกหักเลยสักนิด หนิวจื้อชุนที่อยู่ข้างกันก็แทบกระอักเลือดออกมาตรงนั้น “มีสิทธิ์อะไร ตอนที่ข้าโจมตีเขา ข้าถูกหักค่าวีรบุรุษห้าร้อยแต้ม แต่เจ้ากลับไม่ถูกหักเลยสักนิด อย่าบอกนะว่าเจ้าเป็นน้องเขยของผู้ออกแบบเกม”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วกลับยักไหล่อย่างไร้ความรับผิดชอบ “ก่อนหน้านี้ตอนหยวนเจินเผชิญหน้ากับการโจมตีของน้องดาบ ข้าก็เลือกหลีกทางให้ตลอด ไม่ได้ตอบโต้เลย ถึงขั้นว่าแม้แต่ค่าสเตตัสบอสที่อยู่เหนือศีรษะก็ยังไม่เผยออกมา ดังนั้นระบบจึงตัดสินว่าเขาถูกน้องดาบโจมตีฝ่ายเดียวเท่านั้น ไม่ได้ถือว่าต่อสู้กับน้องดาบ มิหนำซ้ำยังไม่ได้ทำร้ายน้องดาบด้วย…
…ดังนั้นเมื่ออยู่ในสภาวะนั้น ถ้าในบรรดาพวกเรามีใครลงมือ ก็จะถูกหักค่าวีรบุรุษ…
…แต่มีความเป็นไปได้นิดเดียว เพราะถ้าถูกหักค่าวีรบุรุษเพียงเพราะลงมือก่อน ก็จะต้องบอกให้คนอื่นรู้แน่นอน…
…ดังนั้น เป้าหมายของไต้ซือหยวนเจินไม่ใช่การทำให้พวกเราถูกหักค่าวีรบุรุษ เป้าหมายที่แท้จริงของเขาก็คือต้องการให้เจ้าตะโกนประโยคนั้นออกมา เพราะเมื่อพูดคำนี้ออกมา คนอื่นจะต้องกลัวลูบหน้าปะจมูกแน่ และเขาก็จะฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนยังไม่ทันรู้ตัวลงมือสังหารกะทันหัน กำจัดคนที่พลังต่อสู้เยอะอย่างน้องดาบก่อน…
…เมื่อเป็นเช่นนี้ โอกาสชนะของเขาก็จะเพิ่มขึ้นสูงมาก ถึงขนาดว่า ต่อให้เขากระอักเลือดหนึ่งคำหลังจากถูกโจมตีด้วยทวนเถี่ยเจี้ยงของเจ้า ก็จะต้องกัดลิ้นตัวเองเอาไว้ ใช้กลยุทธ์ทุกข์กาย[1]”
“บัดซบ! ไม่น่าเชื่อว่าจะหมอนี่จะหน้าเนื้อใจเสือขนาดนี้” หนิวจื้อชุนถามไปประโยคเดียว แล้วก็หันมามองเยี่ยเว่ยหมิงอย่างโมโหทันที “นึกไม่ถึงว่าเจ้ามองออกตั้งแต่แรกแล้ว เหตุใดจึงไม่เตือนข้าสักหน่อย”
เขาไม่ได้โทษที่หยวนเจินวางอุบายใส่พวกเขา เพราะเดิมทีทุกคนก็มีความแค้นต่อกันถึงขั้นเอาเป็นเอาตายอยู่แล้ว การวางอุบายให้อีกฝ่ายถึงตายเป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายควรทำ
แต่เยี่ยเว่ยหมิงรู้อยู่แก่ใจว่ากุญแจสำคัญคืออะไร กลับไม่เอ่ยปากเตือน แบบนี้ขาดคุณสมบัติการเป็นสหายเกินไปหน่อย
สำหรับคำถามของหนิวจื้อชุน เห็นได้ชัดว่าเยี่ยเว่ยหมิงจนใจมาก “เรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่นี้กะทันหันเกินไป เจ้าหวังให้ข้ารู้ความจริงทั้งหมด เรียบเรียงความคิด แล้วอธิบายให้เจ้าฟังอย่างมีเหตุผลและหลักฐานภายในชั่วพริบตาเดียวหรือ…
…ขอร้องละ! ข้าก็เป็นแค่ผู้เล่นธรรมดาคนหนึ่งเหมือนกัน เจ้าขอให้ข้าทำเหมือนเป็นเทพเซียน แบบนี้เพ้อฝันเกินไปหน่อยแล้วมั้ง”
เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้า แล้วมองหยวนเจินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย “เป็นเพราะก่อนหน้านี้ข้าเห็นเขายอมหลบมาตลอด กอปรกับบนศีรษะไม่เผยข้อมูลของบอส จึงรู้สึกว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำก็เท่านั้นเอง แต่รายละเอียดว่าปัญหาอยู่ตรงไหน ตอนที่เขาแลกดาเมจกับน้องดาบไปหนึ่งครั้งแล้วเผยข้อมูลบอสออกมา ในที่สุดข้าถึงเข้าใจกระจ่างทั้งหมด”
“ร้ายกาจ ร้ายกาจจริงๆ ด้วย!”
เมื่อเห็นว่าเยี่ยเว่ยหมิงไม่เพียงแค่ทำลายแผนการสังหารที่เขาลำบากลำบนคิดขึ้นมา แต่ถึงขั้นเปิดโปงแผนการของเขาได้เป็นฉากๆ เขาก็เดือดดาลจนหัวเราะประชดทันที “นึกไม่ถึงว่าคนอายุน้อยอย่างเจ้าจะมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวขนาดนี้ แต่แล้วอย่างไรล่ะ เจ้าคิดว่าตอนที่ข้าชี้แนะทักษะยุทธ์ให้พวกเจ้า คนที่ได้ผลประโยชน์มีแค่พวกเจ้าอย่างนั้นหรือ”
“ผิดแล้ว!…
…ผิดอย่างใหญ่หลวงด้วย!…
…ที่จริงแล้ว ตอนที่พวกเจ้ากลับมา อาการบาดเจ็บของข้าหนักยิ่งกว่าตอนนี้เสียอีก ตอนที่ชี้แนะทักษะยุทธ์ให้พวกเจ้า ข้าก็แอบโคจรพลังรักษาบาดแผลตัวเองเงียบๆ มาตลอด…
…ตอนนี้อาการบาดเจ็บของข้าดีกว่าก่อนหน้านี้เยอะ แสดงฝีมือได้มากกว่าเดิม จะสังหารนางเด็กจากสำนักดาบโลหิตได้หรือไม่ก็ไม่สำคัญ แผนการสังหารที่ข้าวางไว้ก่อนหน้านี้ ก็เพราะเห็นแก่ความปลอดภัยของตัวเองก็เท่านั้น…
…ต่อให้สู้แบบหนึ่งต่อเจ็ด แต่พวกเจ้าคิดจริงหรือว่าพวกเจ้าจะจัดการข้าได้”
เมื่อเห็นหยวนเจินเปิดเผยความชั่วร้ายออกมาหมด สุดท้ายเยี่ยเว่ยหมิงที่คลายปมสงสัยให้เพื่อนร่วมทีมแล้วก็เอ่ยว่า “อย่าคิดว่าแค่โกนหัวแล้วตัวเองก็กลายเป็นพระถังซัมจั๋ง เนื้อของเจ้าเหม็น พวกเรากินไม่ลงหรอก ทั้งยัง…”
พอพูดถึงตรงนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของเยี่ยเว่ยหมิงก็เปลี่ยนเป็นสดใสขึ้นมา “เจ้าคิดหรือว่าน้องดาบเป็นเพียงสิทธิ์สำนักดับโลหิตที่มีฝีมือไม่เลวเท่านั้น โถ่ หลวงจีนผู้น่าสงสาร เจ้าไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพลังของน้องดาบเลยสักนิด!”
ขณะที่พูดอยู่นั้น เยี่ยเว่ยหมิงก็ยกกระบี่อาญาสิทธิ์ขึ้นมาช้าๆ ชี้ไปที่หยวนเจิน “ตั้งแต่นี้ไป อำนาจบัญชาการทั้งหมดของทีมส่งต่อให้น้องดาบ ทุกคนฟังคำบัญชาการต่อสู้ของนาง ครั้งนี้ข้ารับหน้าที่ควบคุมหลวงจีนคนนี้ก็พอแล้ว…
…น้องดาบ เรื่องที่เหลือส่งต่อให้เจ้าแล้วกัน!”
พอได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงพูดแบบนี้ น้องดาบกับสะพานสวรรค์น้อยก็ตาเป็นประกายทันที
พวกนางนึกถึงเหตุการณ์เมื่อหนึ่งเดือนก่อนพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย เป็นฉากที่ทีมของพวกเขาโจมตีสังหารซาทงเทียนในระหว่างทำภารกิจประลองยุทธ์เลือกคู่ ‘เนี่ยนฉือแชมเปียนส์คัพ’ รอบแรก
ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปตามเวลา
หยวนเจินที่อยู่ตรงหน้าแม้จะร้ายกาจกว่าซาทงเทียนตอนนั้นมาก แต่ตอนนี้ทีมของพวกเขามีหกคน ทีมคนแปลกหน้าที่ตั้งขึ้นชั่วคราวในตอนนั้นเทียบไม่ติดเช่นกัน
ถ้าอิงตามวิธีการต่อสู้ตอนนั้น ด้วยประสบการณ์และพลังสายตาของน้องดาบ ศึกนี้มีโอกาสชนะแน่นอน!
เมื่อคนอื่นเห็นเยี่ยเว่ยหมิงมั่นใจในตัวน้องดาบขนาดนี้ ก็พากันพยักหน้าสื่อว่าทำแบบนี้ไม่มีปัญหา
หลังจากร่วมงานกันมาได้ระยะหนึ่ง ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงก็มีบารมีในทีมแล้ว สร้างบารมีขึ้นมาอย่างเป็นทางการแล้ว!
เมื่อได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงเริ่มแบ่งหน้าที่ต่อสู้ หยวนเจินกลับแสยะยิ้มดูถูก “คิดจะพัวพันข้าไว้ เจ้าไหวหรือ”
ขณะที่พูด ร่างกายก็เคลื่อนไหวอีกครั้ง แต่กลับไม่สนใจเยี่ยเว่ยหมิง เขาพุ่งไปทางน้องดาบโดยตรง
“วิถีแห่งชาวยุทธ์ของข้าก็คือพูดแล้วต้องทำให้ได้ ใครก็ขัดขวางคำสัญญาที่ข้ามีต่อตัวเองไม่ได้ทั้งนั้น ไสหัวของเจ้ามาสิ!” ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็งอนิ้วคำนวณ หยวนเจินเปลี่ยนทิศทางในการโจมตีทันที พุ่งตรงมาหาเขาแล้ว
ช่วยไม่ได้!
หยวนเจินคนนี้ไม่ว่าจะเป็นความสามารถหรือสติปัญญา แม้ซาทงเทียนในตอนนั้นจะเทียบไม่ติด แต่ถึงอย่างไรก็เป็น BOSS โหมดภารกิจที่ถูกตอนแล้ว ใช้ ‘ไท้ซัวเป็นไฉน’ ยั่วโมโหและควบคุมได้!
เมื่อเผชิญหน้ากับท่าไม้ตายสุดโหดของเฉิงคุน เยี่ยเว่ยหมิงกลับโคจรเคล็ดกระบี่ ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ อย่างไม่รีบร้อน แม้จะถูกโจมตีจนสะบักสะบอม แต่กลับต้านทานทุกท่าไม้ตายของเฉิงคุนได้ อีกฝ่ายถึงขั้นทำดาเมจบนตัวเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ
ส่วนน้องดาบก็ฉวยโอกาสนี้ฟื้นฟูค่าพลังชีวิต พร้อมบัญชาการให้คนในทีมเริ่มใช้อัลติเมทสกิลบนตัวเฉิงคุน
มวยซั่นโส่วของถังซานไฉ่บีบให้หยวนเจินต้องใช้ปราณแท้ป้องกันตัวอยู่ตลอดเวลา
ส่วนสะพานสวรรค์น้อยกับน้องดาบจะคอยโจมตีทุกช่วงเวลาสำคัญ และมักจะทำให้เฉิงคุนเสียค่าพลังชีวิตเล็กน้อย
หลังจากหนิวจื้อชุนเพิ่มเลเวล ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ขึ้นมาหนึ่งเลเวลแล้ว ก็ใช้ค่าตบะที่ได้มาก่อนหน้านี้จนหมด ทำให้ประสิทธิภาพของ ‘วิชาไม้เท้าสยบมาร’ สูงขึ้นไปด้วยเหมือนเรือที่ขึ้นสูงตามน้ำ ทำให้หยวนเจินไม่กล้าประมาทเขา
ส่วนฉางซิงอวี่ก็อาศัยเอฟเฟ็กต์ ‘ปณิธานกลางวงล้อม’ ของ ‘วิชาทวนตระกูลหยาง’ ที่เลเวลเต็มแล้วกับอาวุธในมือ ทุกครั้งที่โจมตีถูกเป้าหมาย ก็จะทำให้หยวนเจินเสียค่าพลังชีวิตพันแต้ม
ภายใต้การรวมพลังโจมตีที่ดุดันของคนในทีม ค่าพลังชีวิตที่สูงถึงห้าแสนห้าหมื่นของหยวนเจินก็ลดลงจนรับไม่ไหวแล้วเช่นกัน ค่าพลังชีวิตของเขากำลังไหลลงเร็วมาก
หากการต่อสู้ดำเนินต่อไปตามสถานการณ์ที่เป็นอยู่นี้ เขาก็จะตายช้าๆ อย่างเป็นจังหวะสวยงามแน่นอน
[1] กลยุทธ์ทุกข์กาย 苦肉计 เป็นกลยุทธ์ยามพ่ายจากเรื่องสามก๊ก มีหลักการคือทำร้ายตัวเองให้บาดเจ็บเพื่อให้ศัตรูหลงเชื่อ