ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 246 แหวนหยกเย็น
ตอนที่ 246 แหวนหยกเย็น
“ว้าว! สุดยอด!”
เมื่อเห็นรายการไอเทมดรอปของเฉิงคุน น้องดาบก็ตะโกนด้วยความดีใจทันที จากนั้นแลบลิ้นใส่เยี่ยเว่ยหมิงแล้วถามว่า “มือปราบหน้าเหม็น ตามที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้านี้ คนที่รับหน้าที่เปิดฉากโจมตีมอนสเตอร์อย่างข้า ก็จะได้เลือกอุปกรณ์ชิ้นแรกจากบอสใช่ไหม”
“ไม่ผิดหรอก!” เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้าอย่างซื่อสัตย์มาก จากนั้นก็ขยิบตาพร้อมกล่าวเสริมว่า “ก่อนหน้านี้จะเลือกไปแล้วไม่ใช่หรือ”
พอน้องดาบได้ยิน สีหน้าลำพองใจก่อนหน้านี้ก็ชะงักในชั่วพริบตาเดียว
ตอนนี้ จู่ๆ ก็มีลมหนาววูบหนึ่งพัดเข้ามาทางประตูวัด ทำให้น้องดาบรู้สึกเหน็บหนาวไปถึงหัวใจ!
แม้แต่หัวใจที่ร้อนผ่าวหลังจากได้เห็นไอเทมดรอปของเฉิงคุน ก็เปลี่ยนเป็นเหน็บหนาวสิ้นหวังได้เช่นกัน
มองหนิวจื้อชุนที่แทบจะแปลงร่างเป็นศิษย์พรรคกระยาจกปราดหนึ่ง แล้วก็มองเยี่ยเว่ยหมิงที่เหมือนกำลังอมยิ้ม น้องดาบก็อดถามหยั่งเชิงไม่ได้ว่า “เอ่อ คือ…ถ้าข้ายอมปล่อย ‘จีวรขาดรุ่งริ่ง’ ตัวนั้นไปล่ะ จะเลือกใหม่ได้หรือเปล่า”
รอยยิ้มของเยี่ยเว่ยหมิงยังคงอบอุ่นเหมือนเดิม เหมือนกับแสงอาทิตย์แรกยามเช้า แทบจะหลอมละลายหัวใจคน
เขาขยิบตาให้น้องดาบอีกครั้ง แล้วตอบอย่างอ้อมค้อมมาก “ไม่ได้!”
พอพูดจบ เขาก็ไม่สนใจน้องดาบที่ยืนอยู่ท่ามกลางลมหนาวเพียงลำพังอีก สนใจแต่เก็บ ‘แหวนหยกเย็น’ เข้ากระเป๋าสัมภาระของตัวเอง
แหวนวงนี้มองเผินๆ เหมือนเป็นเครื่องประดับชิ้นหนึ่ง แต่ความจริงกลับเป็นอาวุธประเภทนวม!
อีกทั้งในบรรดาอาวุธประเภทนวม นี่คือนวมข้างเดียวที่พบเห็นได้น้อยที่สุด
ก็เพราะแบบนี้ อาวุธชิ้นนี้จึงไม่ขัดแย้งกับกระบี่แสงทองของเยี่ยเว่ยหมิง เขาสวมมันไว้บนนิ้วหัวแม่มือข้างซ้ายเสียเลย ไม่มีปัญหาเลยสักนิด
ถืออาวุธคู่!
เกมวีรบุรุษนิรันดร์กาลเป็นเกมออนไลน์ที่มีความอิสระสูงมาก ผู้เล่นถืออุปกรณ์ได้สองมือโดยที่ไม่ต้องใช้งานก็ได้ และไม่จำเป็นต้องเรียนรู้ทักษะใดๆ ก่อนด้วย
สะพานสวรรค์น้อยถือกระบี่ล้ำค่าข้างละเล่มยังไม่มีปัญหาเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเยี่ยเว่ยหมิงที่ถือกระบี่ล้ำค่าข้างหนึ่งและสวมแหวนข้างหนึ่ง
ต่อให้มองจากรูปลักษณ์ภายนอก ก็ไม่รู้สึกว่าไม่เหมาะสมเลยสักนิด
แน่นอน เกมนี้แม้จะติดตั้งอาวุธใส่สองมือได้ตามอำเภอใจ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าอาวุธที่ถืออยู่ในสองมือเจ้าจะมีประสิทธิภาพซ้อนกันและได้ผลเหมือนหนึ่งบวกหนึ่งเท่ากับสอง
ตรงกันข้าม ถ้าถืออาวุธคู่กันสองมือ ดาเมจโจมตีของอาวุธแต่ละชิ้นจะลดลงเหลือ 80% จากจำนวนเดิม
ยกตัวอย่างเช่นเยี่ยเว่ยหมิง หลังจากสวมแหวนหยกเย็นแล้ว แม้ตัวหนังสือค่าสเตตัสของกระบี่แสงทองในมือเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ แต่ประสิทธิภาพที่แท้จริงกลับเปลี่ยนไปแล้ว จากเดิมที่เพิ่มพลังโจมตีห้าร้อย เปลี่ยนเป็นเพิ่มพลังโจมตีสี่ร้อย
พลังโจมตีต่างกันตั้งหนึ่งร้อยแต้ม!
ในระหว่างที่ต่อสู้กับศัตรู ไม่ว่าเจ้าจะใช้ทักษะยุทธ์อะไร ก็มีเพียงค่าสเตตัสที่เกี่ยวข้องกับอาวุธชิ้นนั้นเท่านั้นที่ใช้ได้
อย่างเช่นก่อนหน้านี้ ต่อให้เยี่ยเว่ยหมิงมีอาวุธล้ำค่าอยู่ในมือ แต่โบนัสดาเมจที่ได้รับกลับมาจากเคล็ดกระบี่อย่างเดียวเท่านั้น ส่วน ‘มังกรซ่อนกบดาน’ กับ ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ ที่ต้องใช้มือเปล่าโจมตี กลับไม่ได้โบนัสดาเมจจากอุปกรณ์เลยแม้แต่น้อย
เนื่องจากไม่ส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพของกระบี่ล้ำค่า หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงเรียนรู้สองอัลติเมทสกิลนี้แล้ว จึงไม่ได้ซื้ออาวุธประเภทนวมช้างเดียวจากตลาดซี้ซั้วเพื่อแก้ขัดไปก่อน
อย่างไรเสีย อาวุธประเภทนวมส่วนใหญ่ก็เป็นอาวุธคู่ มักจะออกมาเป็นคู่ด้วย
ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ มีเพียงการติดตั้งอุปกรณ์สองมือพร้อมกันเท่านั้น ผู้เล่นถึงจะได้ใช้ค่าสเตตัสที่อุปกรณ์นั้นควรจะมีได้ และอุปกรณ์ที่อยู่เป็นคู่แบบนี้ ค่าสเตตัสของมันก็จะไม่ได้รับผลกระทบที่พลังโจมตีของอาวุธสองมือที่อ่อนแอลง
ส่วนอาวุธประเภทนวมข้างเดียว ไม่เพียงแค่ปรากฏให้เห็นค่อนข้างน้อย ทั้งยังใช้งานจริงไม่ได้สำหรับผู้เล่นที่ฝึกเฉพาะวิชาหมัดเท้า ดังนั้นจึงพบได้น้อยมากในตลาด แม้จะมีให้เห็นอยู่บ้าง แต่โดยส่วนใหญ่ก็ไม่ใช่สินค้าคุณภาพดีอะไร
ถึงอย่างไรวิชาหมัดเท้าส่วนใหญ่ก็ล้วนให้ความสำคัญกับสองมือที่ทำงานสอดคล้องกัน การใช้มือข้างเดียวไม่อาจแสดงประสิทธิภาพอะไรได้เลย ถ้าติดตั้งอุปกรณ์ประเภทนวมข้างเดียวแบบนี้ ก็ถือเป็นสถานการณ์ที่ประหลาดมาก
หมัดซ้ายของเจ้าโจมตีศัตรูจนเสียค่าพลังชีวิตสามร้อย หมัดขวาของเจ้าโจมตีศัตรูจนเสียพลังชีวิตหนึ่งพันห้าร้อย เมื่อโจมตีไปนานๆ ผู้เล่นคนนี้จะต้องเคยชินกับการใช้หมัดขวาโจมตีแน่นอน
ความเคยชินที่ไม่ดีแบบนี้ พอเกิดขึ้นแล้วก็แก้ยาก อีกทั้งยิ่งปล่อยให้ถึงระยะหลัง ก็ยิ่งส่งผลกระทบต่อผู้เล่นมากเช่นกัน!
แต่เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่สนใจสิ่งนี้
เนื่องจาก ‘ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ กับ ‘มังกรซ่อนกบดาน’ ของเขา เดิมทีก็เป็นวิทยายุทธ์ที่ใช้มือข้างเดียวอยู่แล้ว ไม่ต้องกังวลเรื่องสองมือทำงานสอดคล้องกันเลย
หรือกล่าวได้อีกอย่างว่า อุปกรณ์ชิ้นนี้แทบจะสร้างมาเพื่อเขา
……
เยี่ยเว่ยหมิงเลือกอาวุธล้ำค่าเพียงชิ้นเดียวที่ดรอปจากเฉิงคุน ส่วนคนอื่นก็เริ่มประมูลขาย แบ่งอุปกรณ์อย่างอื่นของเฉิงคุนกัน
มีเพียงน้องดาบที่กำลังสับสนอยู่ท่ามกลางสายลม…
หลังจากผ่านการต่อรองราคาอย่างดุเดือดไปหนึ่งรอบ สุดท้ายจีวรชิ้นนั้นก็ถูกหนิวจื้อชุนซื้อไปด้วยราคาหกร้อยเหรียญทอง
แม้จะเป็นอาวุธระดับทองคำเหมือนกัน อีกทั้งค่าสเตตัสของจีวรก็ไม่ถือว่ายอดเยี่ยม แต่ราคาของมันกลับค่อนข้างสูง
หากจะถามหาเหตุผล ก็เป็นเพราะของหายากจึงราคาแพง
ความจริง จีวรเป็นอุปกรณ์ประเภทผ้าคลุม เหมือนกับเกราะภายใน ล้วนเป็นสินค้าหายากในบรรดาอุปกรณ์ป้องกัน ติดตั้งไว้ภายนอกเสื้อผ้าได้ จะได้รับผลจากอุปกรณ์สองชิ้นพร้อมกัน
แน่นอน ถ้าเจ้ายังมีเกราะภายในอยู่ด้วย ก็จะได้ผลจากอุปกรณ์สามชิ้นพร้อมกัน!
ส่วนระดับความหายากของผ้าคลุมและเกราะชั้นใน ถือว่าหายากกว่าเครื่องประดับเสียอีก! ดังนั้นอุปกรณ์สองชิ้นที่มีค่าสเตตัสเหมือนกัน ราคาของผ้าคลุมก็มักจะแพงกว่าชุดหนึ่งเท่า!
หนิวจื้อชุนในตอนนี้ศีรษะสวมรัดเกล้านักพรต ตัวสวมจีวรพระ ชุดตัวนอกก็เป็นจีวร บนคอห้อยสร้อยลูกประคำชาวพุทธ มองจากภายนอกไม่รู้เลยว่าเจ้าหมอนี่คือหลวงจีนหรือนักพรตเต๋า หรือว่าลูกศิษย์ชุดสกปรกพรรคกระยาจก
เพียงแต่สำหรับการแต่งตัวที่แปลกสุดขีดเช่นนี้ หนิวจื้อชุนกลับรู้สึกว่าตัวเองทำดีแล้ว
เขาเป็นคนที่เน้นอยู่กับความเป็นจริง เวลาเลือกอุปกรณ์ไม่เคยให้ความสำคัญกับความฉูดฉาดสวยงามภายนอก ดูเพียงค่าสเตตัสเท่านั้น!
ส่วน ‘วิชาเต่าหายใจ’ ที่ดูเผินๆ เหมือนไม่มีประโยชน์อะไร ถังซานไฉ่กลับได้มันไปในราคาต่ำเพียงห้าร้อยเหรียญทอง เขาบอกเองว่า “ตอนนี้ไม่ต้องคิดถึงเรื่องเปลี่ยนชื่อแล้ว ไม่รู้ว่าถ้าใช้ ‘วิชาเต่าหายใจ ‘แกล้งตาย จะหลีกเลี่ยงชะตากรรมที่ต้องถูกฝังไปกับบอสทุกครั้งได้หรือเปล่า”
สำหรับภารกิจที่ล้มเหลวของถังซานไฉ่ ‘หินสามชาติ’ ไม่มีวาสนาต่อเขาเลย สหายร่วมทีมค่อนข้างรู้สึกผิดและเห็นใจเขา แม้ ‘วิชาเต่าหายใจ’ จะทำให้หลบการไล่สังหารของบอสได้ อีกทั้งคนอื่นๆ มองมูลค่าของมันออก แต่กลับไม่มีใครไปแย่งเขา
ส่วนตำราลับสองเล่มสุดท้ายที่เหลืออยู่ ‘มือคว้าจับเล็ก’ ระดับกลางและ ‘หมัดอรหันต์’ ระดับต้น ทุกคนพากันบอกว่าไม่จำเป็นต้องใช้ จึงตัดสินใจขายให้ฉางซิงอวี่แล้วนำเงินมาแบ่งกัน
หลังจากแบ่งของกันเรียบร้อยแล้ว หนิวจื้อชุนกลับกล่าวด้วยสีหน้าเจ็บปวดรวดร้าว “ภารกิจครั้งนี้ เกรงว่าถ้าตัดสหายถังออก คนที่โชคร้ายที่สุดก็คือข้าแล้ว ค่าวีรบุรุษหนึ่งพันแต้มเชียวนะ ข้ากังวลจริงๆ พอกลับภาคกลางเมื่อไร ข้าคงถูกชิวชู่จีจัดการแน่นอน ปลอบใจข้าที!”
“มีอะไรน่ากังวล” ตอนนี้เยี่ยเว่ยหมิงเดินเข้าไป ตบบนบ่าที่คลุมด้วยจีวรของเขาพร้อมเอ่ยถาม “พวกเรายังมีอีกหนึ่งภารกิจที่ยังทำไม่สำเร็จไม่ใช่หรือ อีกทั้งภารกิจที่ได้ช่วยเหลือชีวิตมากมาย แก้ไขความแค้นของยุทธภพแบบนี้ ต้องมีรางวัลเป็นค่าวีรบุรุษไม่น้อยแน่นอน”
หนิวจื้อชุนได้ยินแล้วกังวลเล็กน้อย “เจ้าแน่ใจนะว่าในภารกิจนี้ค่าวีรบุรุษของข้าจะไม่ลดลงต่อเนื่อง”
“แน่นอน” เยี่ยเว่ยหมิงให้กำลังใจเขา “ตอนนี้เจ้ากลายเป็นคนชั่วร้ายแล้ว ต่อให้สถานการณ์เลวร้ายกว่านี้ แต่จะแย่กว่าตอนนี้เชียวหรือ”
หนิวจื้อชุนรู้สึกเหมือนถูกคริติคอลดาเมจหนึ่งแสนอีกครั้ง
เอ่อ ทำไมต้องบอกว่าเลวร้ายกว่านี้ด้วยล่ะ
……
ตอนที่กำลังคุยกันเรื่อยเปื่อย เยี่ยเว่ยหมิงก็นำโลงศพไม้หนานมู่ที่เตรียมไว้นานแล้วออกมาเก็บศพเฉิงคุน
ได้รับ ‘ตระนักรู้กำลังภายใน’ ×1
ได้รับ ‘ตระหนักรู้วิชาดรรชนี’ ×1
ได้รับ ‘ตระหนักรู้วิชาหมัดฝ่ามือ’ ×1
เก็บโลงศพที่บรรจุแล้วไว้ในกระเป๋าสัมภาระ แล้วเยี่ยเว่ยหมิงก็หันมาบอกทุกคนว่า “หลังจากผ่านการต่อสู้หลายครั้ง คาดว่าทุกคนคงได้ผลตอบแทนไม่น้อย เช่นนั้นต่อไป ทุกคนก็ทำกิจกรรมอย่างอิสระได้ จัดเรียงสิ่งที่ได้มาก่อนหน้านี้สักหน่อยสิ”
ขณะที่พูดเยี่ยเว่ยหมิงก็มองแผนที่แวบหนึ่ง “ห่างจากประตูเมืองฝั่งตะวันตกไปอีกสามลี้มีป่าผืนหนึ่งที่ค่อนข้างสะดุดตา อีกหนึ่งชั่วยามหลังจากนี้พวกเราไปรวมตัวกันที่นั่น…
…ถึงอย่างไรก็ได้ศพมามากมาย จะเอาแต่เก็บไว้ในกระเป๋าสัมภาระก็ใช่เรื่อง ข้าเองก็ต้องหาสถานที่ฝังให้พวกเขาด้วย”
ตอนที่ทุกคนพากันพยักหน้าตอบรับ ก็ได้เดินออกมานอกประตูวัดร้างโหย่วเจียนแล้ว
ตอนที่เพิ่งออกจากประตูวัด เยี่ยเว่ยหมิงก็ส่งจดหมายหาเฟยอวี๋ทันที
[มีเวลาหรือเปล่า ช่วยข้าตามหาใครบางคนหน่อย]…เยี่ยเว่ยหมิง
[กำลังทำภารกิจอยู่ ไม่ว่าง!]…เฟยอวี๋
[ค่าเหนื่อย 200 เหรียญทอง]…เยี่ยเว่ยหมิง
[ที่จริงภารกิจนี้ก็ใช่ว่าจะขาดตอนไม่ได้ ในเมื่อสหายมีปัญหา ก็ย่อมต้องช่วยเหลือ เจ้าอยู่ที่ไหน]…เฟยอวี๋
[ต้าตู]…เยี่ยเว่ยหมิง
[ตอนนี้ข้าไม่ได้อยู่ในเมือง อีกครึ่งชั่วโมงจะไปหาเจ้า]…เฟยอวี๋