ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 253 กระบี่เล่มนี้ควรใช้แซ่เยี่ย!
ตอนที่ 253 กระบี่เล่มนี้ควรใช้แซ่เยี่ย!
บัญชาการต่อสู้ได้กะทันหันมาก เหมือนออกคำสั่งตอนเช้าแล้วเปลี่ยนแปลงคำสั่งตอนค่ำ!
ในหลายภารกิจของวันนี้ แค่แผนการแบ่งไอเทมในทีมอย่างเดียว เยี่ยเว่ยหมิงก็ปรับเปลี่ยนไม่ต่ำกว่าสามรอบแล้ว ถ้าทำแบบนี้ในทีมทั่วไป จะต้องก่อให้เกิดความขัดแย้งภายในแน่นอน
แต่สำหรับข้อเสนอเปลี่ยนแผนการแบ่งไอเทมหลายครั้งของเขา นอกจากจะไม่มีใครแสดงท่าทีไม่พอใจแล้ว ถึงขั้นไม่มีคำถามสักคำถามเลยด้วยซ้ำ
ที่จริงแล้วมีเหตุผล เป็นเพราะจะหมอนี่มักอวดอ้างตัวเองว่า ‘ยุติธรรม น้ำใจงามและไร้ความเห็นแก่ตัว’ เท่านั้นเอง
น้ำใจงามหรือไม่ก็ไม่ต้องพูดถึง หลายครั้งที่เขาเปลี่ยนแผนการแบ่งไอเทม ก็ทำได้อย่าง ‘ยุติธรรมและไร้ความเห็นแก่ตัว’ จริงๆ เขาใช้วิธีแบ่งไอเทมที่สอดคล้องกับผลประโยชน์ของทุกคนในเวลานั้นที่สุดโดยอิงตามสถานการณ์จริงทุกครั้ง
ทุกครั้งที่ต้องมีคนเสียสละ ก็จะรู้ทันทีว่าเขาคนนั้นจะได้รับการชดเชยอะไร ส่วนรายละเอียดว่าควรทำอย่างไร ก็ไม่จำเป็นต้องให้เขาพูด ในใจทุกคนย่อมมีมาตรฐานในการพิจารณาเปรียบเทียบอยู่แล้ว
สิ่งเดียวที่ทุกคนคาดไม่ถึงก็คือ หลังจากได้ยินแผนการแบ่งไอเทมนี้แล้ว คนแรกที่ออกเสียงสนับสนุนเยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นหนิวจื้อชุนที่ถูกเขาแบ่งผลตอบแทนให้ครึ่งหนึ่งอย่างชัดเจน “ขอบคุณมากนะสหายเยี่ย! o(TヘTo)”
ตอนที่ทุกคนกำลังเลือกว่าจะช่วยคนหรือจะไปส่งจดหมายก่อนหน้านี้ เจ้าหมอนี่ยังตื่นตระหนกอยู่เลย เดิมทียังนึกว่าผลตอบแทนจากการตีมอนสเตอร์ของฝั่งนี้จะไม่เกี่ยวอะไรกับเขาแล้ว
กลับคาดไม่ถึงว่าเยี่ยเว่ยหมิงยังคำนึงถึงเขาอยู่
แม้เขาจะได้ผลตอบแทนเพียงครึ่งเดียวจากคนอื่น แต่ทั้งกระบวนการนี้เขาไม่ต้องเสี่ยงต่อสู้เลย!
มีผลตอบแทนอย่างนี้ได้ก็นับว่าน่าดีใจเหนือความคาดหมายแล้ว!
สำหรับข้อเสนอของเยี่ยเว่ยหมิงที่ต้องการแบ่งผลตอบแทนส่วนหนึ่งให้หนิวจื้อชุน ในทีมก็ไม่มีเสียงคัดค้านใดๆ เช่นกัน ในเมื่อเขาวิ่งไปส่งจดหมาย และถ้าเขาส่งจดหมายถึงที่ ก็จะสร้างผลตอบแทนพิเศษก้อนหนึ่งให้คนในทีมได้เช่นกัน ถือว่าสร้างคุณูปการเพื่อทีมด้วย
เมื่อเขามีคุณูปการ ได้ส่วนแบ่งผลตอบแทนก็ถือเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล
คนที่สองที่แสดงท่าทีก็คือสะพานสวรรค์น้อย นางเพียงพูดเสียงเบาๆ ว่า “ตกลง” แต่ตัวกลับใช้ท่าร่างอันสง่างามราวกับเทพเซียนขอไปหาสถานที่ลับที่เหมาะกับการมองสังเกตุการณ์จากที่สูงแล้ว
สำหรับคนที่ให้ความสำคัญกับอุปกรณ์น้อยกว่าการออกทีวีอย่างนาง บทบาทของทหารสอดแนมเหมาะสมที่สุดแล้ว ขอเพียงแค่นางยังอยู่ในทีมและไม่ตายก็พอ เช่นนั้นไม่ว่าบอสตัวไหนจะตาย รายชื่อที่อยู่บนจอทีวีก็จะต้องมีนางด้วยแน่นอน
เท่านี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับนาง!
ทว่า นางกลับมองข้ามประเด็นที่สำคัญมากไปอย่างหนึ่ง
นั่นก็คือคนที่รับหน้าที่ดูต้นทางอย่างนาง ที่จริงแล้วกลับได้รับผลตอบแทนเท่ากับสหายในทีมคนอื่นๆ!
เยี่ยเว่ยหมิงไม่ยอมให้น้องสาวที่เชื่อมั่นในตัวเขาที่สุดเสียเปรียบแน่นอน บางทีตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงออกคำสั่งนี้ อาจจะเป็นจุดเดียวที่เห็นแก่ตัวนิดหน่อย
เพียงแต่สำหรับจุดนี้ คนอื่นในทีมไม่ได้แสดงท่าทีคัดค้านใดๆ พวกเขาแสดงออกว่าเห็นด้วยพร้อมกัน
ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ เรื่องนี้ต้องมีคนไปทำ!
ทันใดนั้น สะพานสวรรค์น้อยก็ใช้การปฏิบัติจริงพิสูจน์ให้พวกเขาเห็นถึงความสำคัญของทหารสอดแนม “มีคนมาอีกคนแล้ว ครั้งนี้เป็นชายชราที่ถือกระบี่ เขาอยู่ไกลเกินไป ข้าจึงไม่รู้รายละเอียดหน้าตาของเขา”
พอได้ยินดังนั้น ร่างของน้องดาบก็ถลันไปตรงหน้าหลวงจีนน้ำเต้าโลหิตที่ถูกแขวนอยู่บนต้นไม้ นางลับดาบจนเกิดเสียงดังพร้อมถามว่า “ในบรรดายอดฝีมือของราชสำนักมองโกล มีคนหนึ่งที่เป็นชายชราถือดาบ เขาคือใคร”
“เขาคืออาต้า มีเคล็ดวิชากระบี่ร้ายกาจ! แล้วก็เหมือนว่าท่านอ๋องน้อยให้เขายืมใช้กระบี่อิงฟ้าด้วย คนที่มีพลังต่อสู้แข็งแกร่งที่สุดฝั่งราชสำนักมองโกลตอนนี้ก็คือเขา”
ได้ฟังคำตอบของหลวงจีนน้ำเต้าโลหิต ทุกคนก็หัวใจกระตุกวูบทันที อาเอ้อร์กลับด่าว่าหลวงจีนน้ำเต้าโลหิตต่ำช้าไร้ยางอาย ไร้ศักดิ์ศรีเหมือนคนกระดูกอ่อน
แต่พอได้ยินชื่อกระบี่อิงฟ้า เยี่ยเว่ยหมิงก็อดอุทานไม่ได้ว่า “ไม่น่าเชื่อว่ากระบี่อิงฟ้านั่นจะอยู่ในมือเขา!จะว่าไปแล้ว กระบี่เล่มนั้นเป็นอาวุธเทพนะ…”
“เป็นอาวุธเทพจริงๆ” ฉางซิงอวี่อยู่ข้างๆ แทงดาบสองคมสามแฉกบนตัวอาเอ้อร์ต่อไป พร้อมบอกว่า “ลือกันว่ากระบี่อิงฟ้านั่นคืออาวุธเทพโบราณ มีชื่อเสียงเทียบเท่ากระบี่ชิงกังที่เฉาเชามีมันในครอบครองตอนยุคสามก๊ก ตอนหลังถูกจ้าวอวิ๋นชิงไปในศึกจ่างป่านพัว กลายเป็นกระบี่สุดโปรดทั้งชีวิตเขา กระบี่อิงฟ้ากลับไม่ได้มีประวัติความเป็นมาซับซ้อนขนาดนั้น แต่ในเมื่อเป็นอาวุธเทพ ก็เกรงว่าจะรับมือไม่ได้ง่ายๆ”
เยี่ยเว่ยหมิงที่ผ่านภารกิจเขาวังผานและได้เห็นดาบฆ่ามังกรกับตาตัวเองมาแล้ว ย่อมรู้ว่าฉางซิงอวี่เข้าใจผิด
แต่เขาก็ไม่เสียเวลาอธิบายอะไร อย่างไรเสียไม่ว่าจะเป็นกระบี่อิงฟ้าเล่มไหน ก็ล้วนเป็นอาวุธเทพที่พวกเขาไปมีเรื่องด้วยไม่ไหว เรื่องด่วนที่ต้องทำตอนนี้ก็คือ…
“ทุกคนเร่งมือเข้า พยายามทำให้อาเอ้อร์พิการก่อนที่อาต้าจะตามมาถึง!”
อาเอ้อร์ได้ยินแล้วโมโหมาก “คิดจะทำให้พ่อพิการอย่างนั้นรึ อย่างพวกเจ้า…”
เขายังพูดไม่ทันขาดคำ ก็ถูกท่าไม่ตายของน้องดาบ ฉางซิงอวี่และถังซานไฉ่แปะเต็มใบหน้า เขารีบปล่อยพลังฝ่ามือบีบให้ฝ่ายตรงข้ามถอยไป แต่กลับถูกเยี่ยเว่ยหมิงฉวยโอกาสใช้ดรรชนีศักดิ์สิทธิ์โจมตีบนหัวเข่าข้างขวา
-8485!
กระดูกแตก!
เพิ่งพูดโอ้อวดจบก็ถูกตบหน้าคาที่ ตอนนี้พลังต่อสู้ของอาเอ้อร์ใช้งานไม่ได้ไปแล้วครึ่งหนึ่ง
ตอนนี้เอง จู่ๆ ก็มีเสียงอุทานของชายชราดังมาจากปากหุบเขา “น้องรอง!”
พอได้ยินเสียง ทุกคนก็หันไปมองตำแหน่งที่ไม่อาจบรรยายได้บนตัวของชายชราคนนั้นพร้อมกัน ‘น้องรอง’ ชื่อเรียกนี้ทำให้คนนึกเชื่อมโยงไปถึงจุดนั้นบนร่างกายได้ง่ายมาก
แต่ทันใดนั้นทุกคนก็ตระหนักได้ถึงความไม่ชอบมาพากล ตอนนี้ถึงได้เงยหน้าประเมินภาพรวมของทัพหนุนฝ่ายศัตรู
กลับเห็นว่าผู้ที่มาคือชายชราผอมแห้งคนหนึ่ง ในมือถือกระบี่ยาว บนฝักกระบี่เขียนคำว่า ‘อิงฟ้า’ เอาไว้ คาดว่าคงเป็นกระบี่อิงฟ้าที่มีชื่อเสียงเทียบเท่าดาบข้ามมังกร ชายคนนี้รูปร่างผอมสูง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น หน้านิ่วคิ้วขมวด เหมือนเมื่อครู่นี้เพิ่งถูกโจมตีอย่างโหดเหี้ยม ไม่อย่างนั้นลูกเมียก็คงเพิ่งตายไป คนอื่นถ้าได้เห็นหน้าเขาก็แทบอยากร้องไห้แทนเขา
เมื่อเห็นพี่น้องตัวเองถูกคนซ้อมจนขาหักต่อหน้าต่อตาตัวเอง ชายชราก็คำรามอย่างเกรี้ยวกราด กระบี่อิงฟ้าถูกชักออกจากฝักแล้ว
แต่พวกเขากลับเห็นว่ากระบี่เล่มนี้เป็นสีดำทั้งเล่ม แต่ถึงแม้จะอยู่ไกลกัน ทุกคนก็รู้สึกได้ถึงความเย็นเยียบเฉียบคมที่ทำให้คนขวัญผวา!
ขณะเดียวกันนี้เอง เหนือศีรษะของเขาก็มีข้อมูลที่เป็นเอกลักษณ์ของบอสลอยขึ้นมาแล้ว
[อาต้า]
หนึ่งในหกยอดฝีมือของจวนท่านอ๋องหรู่หยาง
เลเวล: ???
ค่าพลังชีวิต: 350000/350000
กำลังภายใน: 160000/160000
……
ไม่น่าเชื่อว่าค่าสเตตัสของอาต้าจะแสดงเป็น ‘???’ นี่คือข้อมูลของบอสประเภทที่ใช้กำลังเอาชนะอย่างเดียวไม่ได้!
แต่สิ่งที่แตกต่างกับบรรดาบอสใหญ่ความคิดล้ำลึกพวกนั้นก็คือ ค่าพลังชีวิตและกำลังภายในของอาต้าไม่ใช่ ‘???’ เมื่อเทียบข้อมูลของเขากับฟ่านเหยาและอาเอ้อร์ ก็กล่าวได้ว่าบอสเลเวลหกสิบห้าสามคนนี้มีจุดแข็งจุดอ่อนต่างกันไป
คำอธิบายเดียวที่สมเหตุสมผลก็คือ กระบี่อิงฟ้าในมือเขาช่วยดึงศักยภาพของบอสคนนี้ให้สูงขึ้นเยอะมาก สูงถึงขั้นน่ากลัว ทำให้คนในทีมไม่อาจเป็นเป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อได้
บางทีสำหรับผู้เล่นพวกนี้ เขาไม่ใช่บอสประเภทที่ฆ่าไม่ตาย แต่กระบี่ของเขาต้องแหลมคมกว่ากรงเล็บกระดูกขาวของเหมยเชาเฟิงแน่นอน!
ชั่วขณะนั้น ในหัวของบรรดาเพื่อนร่วมทีมเกิดคำถามหนึ่งพร้อมกัน
ถ้าอาวุธของข้าชนกับกระบี่เล่มนั้น จะถูกฟันหักหรือเปล่า
เพียงแต่ทุกเรื่องย่อมมีข้อยกเว้น ถังซานไฉ่ไม่กังวลเรื่องนี้
เขาเติบโตแล้ว!
ตอนที่ทุกคนกำลังลังเล เขาเป็นคนนำลงมือก่อนแล้ว โบกมือปล่อยอาวุธลับกำใหญ่ออกมา อาวุธสาดไปทักทายบนตัวอาต้าราวกับเม็ดฝน
เมื่เผชิญหน้ากับ ‘มวยซั่นโส่วสำนักถังเหมิน’ ของถังซานไฉ่ อาต้ากลับไม่หวาดกลัวเลยสักนิด เขาตวัดคมกระบี่ในมือ ฟันอาวุธลับที่ถังซานไฉ่ยิงออกมาจนแตกกระจายหมด
เยี่ยเว่ยหมิงยิงลูกดีดเหล็กตามไป แต่กลับถูกปราณกระบี่สายหนึ่งของอีกฝ่ายฟันแตกเป็นสองซีกเช่นกัน แม้แต่กำลังภายในเยียบเย็นที่เสริมอยู่บนลูกดีดเหล็กยังถูกกระบี่นี้ฟันกระจายแล้ว!
พอเหยียดกระบี่อิงฟ้าไปข้างหน้า อาต้าก็พุ่งเข้ามาทางทิศที่สี่คนนี้ยืนอยู่
ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงหลังจากเห็นประสิทธิภาพของกระบี่อิงฟ้าเล่มนี้แล้ว เขากลับตาลุกวาวด้วยความตื่นเต้น
เขารู้สึกว่า กระบี่ดีขนาดนี้ถ้าตกอยู่ในมือคนชั่วอย่างอาต้า ก็มีแต่จะสังหารคนในยุทธภพไม่จบไม่สิ้น
ดังนั้น กระบี่เล่มนี้ควรใช้แซ่เยี่ย!