ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 262 เสียงฉินเย็นยะเยือกในหุบเขาเงียบสงัด
ตอนที่ 262 เสียงฉินเย็นยะเยือกในหุบเขาเงียบสงัด
เสียงเพลงนั้นงดงามกินใจ ราวกับมีเวทมนตร์บางอย่าง แม้แต่เยี่ยเว่ยหมิงที่เดิมทีไม่ได้ชอบฟังเพลงมากก็ยังถูกดึงดูด เดินตามไปยังทิศทางที่เสียงเพลงดังมาโดยไม่รู้ตัว
หลังจากผ่านไปสักพัก ทั้งสองก็มาหยุดอยู่ด้านบนหน้าผาแห่งหนึ่ง
มองลงไปจากที่สูงเห็นหุบผาชันแห่งหนึ่งที่มีภูเขาสองลูกขนาบ ก้นหุบเขามีลำธารคดเคี้ยวสายเดียว เมื่อใช้กำลังภายในเสริมแกร่งพลังสายตา ก็จะพบว่าลำธารใสจนเห็นก้นบึ้ง เห็นทุกรายละเอียดแม้กระทั่งตอนปลากำลังเล่นน้ำ
ข้างลำธารมีศาลาที่สร้างจากไม้สีน้ำตาลอมแดง ในศาลามีสตรีชุดขาวที่คลุมผ้ามุ้งบางบนใบหน้ากำลังดีดฉินอย่างอย่างสบายอกสบายใจ เสียงบทเพลงไพเราะเสนาะหูดังมาจากปากของนาง
“เคยพานพบผู้เห็นใจ นึกว่าชีวิตได้พบคนที่เข้าใจ ไม่มีวันแยกจากกัน สุดท้ายเหลือตัวข้าเพียงผู้เดียว…”
ไม่รู้เหมือนกันว่าสตรีชุดขาวผู้นี้ร้องได้แค่เพลงนี้เพลงเดียว หรือเพราะบทเพลงนี้มีความหมายพิเศษสำหรับนาง ตั้งแต่ได้ยินเสียงเพลงจนกระทั่งเดินมาถึง ก็เป็นเวลาเจ็ดแปดนาทีแล้ว แต่สตรีชุดขาวผู้นี้กลับยังกำลังบรรเลงเพลงซ้ำ ไม่มีท่าทีว่าจะเปลี่ยนเพลงใหม่เลย
เสียงฉินเย็นยะเยือกในหุบเขาเงียบสงัด หญิงงามร้องเพลง
ช่างเป็นภาพอันงดงามที่มีทั้งภูเขาและสายน้ำ กล้าหาญทว่าอ่อนโยน!
อืม…
ถ้าตัดนักรบชุดเกราะสะท้อนแสงวิบวับสามสิบกว่านายที่คอยคุ้มครองอยู่รอบๆ สตรีชุดขาวในระยะสิบจั้งออก ฉากนี้ก็จะเหมือนกับภาพวาดไม่มีผิด
สำหรับสิ่งที่ทำลายสไตล์ของภาพอย่างรุนแรง ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องรู้สึกไม่สบายตาทั้งนั้น
เยี่ยเว่ยหมิงเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง ย่อมไม่อาจเมินเฉยค่านิยมในสังคมได้
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะมองนักรบชุดเกราะที่เผยลักษณะท่าทางดุดันห้าวหาญ อดกล่าวไม่ได้ว่า “ทหารพวกนี้ไม่ว่าจะเป็นหน้าตาหรือการแต่งตัว ล้วนแตกต่างกับทหารของภาคกลางโดยสิ้นเชิง ไม่ค่อยเหมือนกับทหารมองโกลด้วย ไม่รู้เหมือนกันว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร”
ที่จริงเยี่ยเว่ยหมิงแค่พูดไปเรื่อยเปื่อยเท่านั้น แต่กลับคาดไม่ถึงว่าน้องดาบได้ยินแล้วจะตอบอย่างมั่นใจมาก “เป็นเหยี่ยวเหล็ก”
“เหยี่ยวเหล็ก?”
น้องดาบพยักหน้า แล้วอธิบายต่อว่า “เหยี่ยวเหล็กก็คือทหารม้าที่เก่งที่สุดของราชวงศ์เซี่ยตะวันตก ทุกคนมีศักยภาพไม่ธรรมดา พลังรบอาจไม่ด้อยกว่าทหารม้ามองโกล…
…สตรีที่ดีดฉินร้องเพลงผู้นั้นมีเหยี่ยวเหล็กสามสิบนายติดตาม มองออกเลยว่าฐานะไม่ธรรมดาแน่นอน”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินดังนั้น ก็อดมองน้องสาวที่ความสามารถไม่ธรรมดาคนนี้ใหม่ไม่ได้ “ดูไม่ออกเลยว่าเจ้าศึกษาเรื่องการทหารสมัยโบราณมาด้วย”
น้องดาบส่ายหน้าเล็กน้อย “พี่ชายของข้านอกจากเล่นหมากล้อมก็ชอบศึกษาเรื่องพวกนี้ที่สุดแล้ว แม้ข้าจะไม่ชอบ แต่หูได้ยินตาเห็น จะให้ไม่รู้อะไรเลยก็คงยาก”
บทสนทนาเหล่านี้ทั้งสองไม่ได้คุยกันในช่องทีม แต่เป็นการคุยกันตามปกติ เพียงแต่จุดที่พวกเขาอยู่สูงจากด้านล่างสามจั้งกว่า และยิ่งห่างจากทหารพวกนั้นเกินห้าจั้ง ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่กังวลว่าจะนำมาซึ่งปัญหายุ่งยากไม่จำเป็น
เสียงเพลงของสตรีผู้นั้นยังคงดำเนินต่อไป เยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบไม่ได้คุยกันต่ออีก ต่างคนต่างนั่งลงริมหน้าผา เท้าทั้งสี่หย่อนลงไปด้านล่าง แกว่งไปแกว่งมาอย่างสบายอกสบายใจ
วิ่งต่อเนื่องหนึ่งวันหนึ่งคืน แม้ในเกมจะไม่มีการตั้งค่าพลังกาย ผู้เล่นจะไม่รู้สึกเหนื่อยล้าร่างกาย แต่การทำอะไรซ้ำไปซ้ำมาที่น่าเบื่อแบบนั้น ไม่ว่าจะเป็นใครก็รู้สึกทรมานแน่นอน
ตอนนี้มีคอนเสิร์ตที่หาพบยากให้ชมแล้ว ทั้งสองไม่ถือสาที่จะเสียเวลาเล็กน้อยเพื่อพักผ่อนที่นี่
“กรรร!”
ความคิดนั้นงดงาม แต่ความจริงกลับโหดร้าย
ยิ่งเป็นเรื่องที่ดีงาม ก็มักถูกทำลายลงได้ง่ายๆ เช่นกัน ก็เหมือนกับเสียเพลงที่รื่นหูตอนนี้ ถูกเสียงคำรามของสัตว์ร้ายทำลายจนหมดสิ้นแล้ว
เมื่อมองไปตามเสียงก็เห็นเสือโคร่งดุร้ายตัวหนึ่งโผล่ตัวครึ่งหนึ่งออกมาจากป่าข้างทาง มันคำรามอย่างเกรี้ยวกราดอีกครั้ง แล้วกระโจนตรงไปยังสตรีที่กำลังดีดฉินร้องเพลง
การปรากฏตัวของเสือร้ายไม่เพียงแต่ดึงดูดความสนใจของเยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบเท่านั้น ทำให้ทหารเหยี่ยวเหล็กที่ทำหน้าที่คุ้มครองตกใจจนเหงื่อตกเช่นกัน
“คุ้มครองหวังเฟย!”
พอสิ้นเสียงของผู้ที่ดูเหมือนเป็นหัวหน้า เหยี่ยวเหล็กสามสิบกว่านายก็จัดกระบวนทัพพร้อมกัน บางคนก็ถือทวน บางคนก็ชักกระบี่ออกจากฝัก บางคนเริ่มง้างสายธนูและยิ่งไปทางเสือตัวนั้นพร้อมกันแล้ว
ทว่าเสือร้ายถึงอย่างไรก็เป็นเสือร้าย ทหารม้าเกรียงไกรที่ไม่เคยฝึกทักษะยุทธ์มาก่อนเทียบพลังต่อสู้กับมันไม่ติดแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เป็นทหารม้าที่เก่งกาจอย่างไร แต่เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีม้า พลังต่อสู้ก็ถูกหักไปเกินแปดส่วนแล้ว!
เสือร้ายพุ่งตัวอย่างรวดเร็ว หลบลูกธนูได้นับไม่ถ้วน มีเพียงสองสามดอกที่ยิงถูกบนตัวมัน แต่กลับไม่ถูกจุดสำคัญ
ตอนที่ทหารสิบกว่านายตั้งคันศรอีกครั้ง เสือร้ายก็พุ่งเข้ามาในฝูงชนแล้ว ชั่วพริบตาเดียวก็ทำร้ายคนแล้วนับไม่ถ้วน
พวกเหยี่ยวเหล็กแม้จะอาศัยความได้เปรียบด้านอาวุธและจำนวนคนล้อมเสือร้ายตัวนั้นเอาไว้ แต่การทำแบบนี้ก็จัดการมันไม่ได้ภายในเวลาอันสั้นนี้แน่นอน
ตอนนี้เอง ‘หวังเฟย’ ที่มีกลุ่มทหารคุ้มกันกลับยังเอ้อระเหยดีดฉินร้องเพลงได้เหมือนเดิม
จังหวะไม่รวนเลยแม้แต่น้อย!
ไม่เพียงแค่ไร้ความหวาดกลัวเรื่องการปรากฏตัวของเสือ ถึงขั้นทำหูทวนลมเสียงคำรามสัตว์ร้ายกับเสียงตะโกนฆ่าด้วย
ราวกับว่าความขัดแย้งทุกอย่างบนโลกใบนี้ไม่มีทางรบกวนอารมณ์สุนทรีย์ของนางได้
คนที่ร้องเพลงอาจไม่ได้รับผลกระทบ แต่ทิวทัศน์อันงดงามที่ถูกทำลายขนาดนี้กลับทำลายอารมณ์สุนทรีย์ในการฟังเพลงของเยี่ยเว่ยหมิงจนหมดไม่เหลือ ตอนเห็นเสือใหญ่ที่ร้องคำรามตัวนั้น เขาก็ยิ่งรู้สึกรำคาญใจที่สุด
พอพลิกฝ่ามือ ลูกดีดเหล็กลูกหนึ่งก็ยิงออกไปถูกหว่างคิ้วของเสือร้ายตัวนั้นโดยตรง
เมื่อเสือร้ายถูกโจมตีครั้งนี้ มันก็ล้มบนพื้นทันที ทหารเซี่ยตะวันตกจึงฉวยโอกาสออกอาวุธพร้อมกัน แต่ก็ทำได้แค่เฆี่ยนศพเท่านั้น
เมื่อเห็นว่าหลังจากตัวเองลงมือแล้วยังไม่มีใครสังเกตเห็น เยี่ยเว่ยหมิงก็ยักไหล่อย่างเบื่อหน่าย แล้วพูดกับน้องดาบที่อยู่ข้างกายว่า “ฟังเพลงมาพอสมควรแล้ว พวกเราไปกันเถอะ”
น้องดาบพยักหน้าสื่อว่าตามใจเขา สองมือยันหินที่อยู่ริมหน้าผาสูง ร่างกระโดดขึ้นไปบนหน้าผาสูงชันทันที ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงหลังจากยืนอย่างมั่นคงมากแล้ว ก็ใช้เท้าเหยียบหน้าผายืนขึ้นมา
“ผู้ที่เคยผ่านมหาสมุทรลึกล้ำมาก่อน ไม่ตื่นเต้นกับน้ำบ่อใดนอกจากเมฆสีรุ้ง” ตอนนี้เมื่อทั้งสองหันตัวเตรียมจะเดินจากไป ในที่สุดสตรีชุดขาวที่ถูกเรียกว่าหวังเฟยก็บรรเลงเพลงที่เล่นซ้ำจนจบไปอีกหนึ่งรอบ ไม่รู้ว่านางอยู่ในอารมณ์ไหน หลังจากอ่านกวีไปอีกสองประโยค จู่ๆ กลับบอกว่า “ในเมื่อจอมยุทธ์น้อยทั้งสองมาแล้ว เหตุใดไม่มาพบหน้ากันสักครั้ง”
“ใครขอรับ!” เมื่อจู่ๆ ได้ยินหวังเฟยเอ่ยเช่นนี้ นายพลของหน่วยเหยี่ยวเหล็กก็พลันตะคอกแล้วเริ่มมองไปรอบๆ
จนกระทั่งสตรีชุดขาวที่ถูกเรียกว่าหวังเฟยสั่งให้พวกเขาถอยไป พวกเขาถึงได้หามทหารที่บาดเจ็บจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้รวมทั้งศพเสือเดินออกไป
เยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบสบตากันแวบหนึ่ง จากนั้นก็กระโดดลงจากหน้าผาที่สูงสามจั้งกว่า
ท่าที่น้องดาบเหยียบลงพื้นสง่างามล่องลอยและโดดเด่น แต่เยี่ยเว่ยหมิงเหยียบลงบนพื้นดังตุ้บ! จนเกิดรอบเท้าลึกสองชุ่น[1]
แต่ยังดีที่ร่างกายของเขาแข็งแรงมากพอ จึงไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ จากการกระโดดครั้งนี้
เพียงแต่เรื่องเข้าใจผิดครั้งนี้ กลับทำให้เขาเกิดความคิดแน่วแน่แล้วว่าต้องฝึกวิชาตัวเบาที่มีภาพลักษณ์ดีสักเล่มให้ได้
[1] ชุ่น 寸 1 ชุ่นเท่ากับ 1.312 นิ้ว