ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 270 แสงจันทร์ครานั้นยังคงอยู่
ตอนที่ 270 แสงจันทร์ครานั้นยังคงอยู่
“กรงเล็บจงปรานี!”
ตอนที่กะโหลกศีรษะของสือจงอวี้กำลังถูกห้านิ้วของน้องดาบกุมไว้แน่น ขอเพียงออกแรงอีกนิดเดียวก็จบชีวิตเขาได้ จู่ๆ เสียงที่ไม่คาดฝันก็ดังขึ้นในห้องนั้น ช่วยชีวิตสือจงอวี้ที่จะตายแหล่มิตายแหล่ไว้ได้แล้ว
คนที่เอ่ยปากช่วยชีวิตคน ก็คือเยี่ยเว่ยหมิงนั่นเอง!
มือขวายังกุมหนังศีรษะสือจงอวี้เอาไว้แน่น น้องดาบหันไปมองเยี่ยเว่ยหมิงด้วยความสงสัย “ทำไมประโยคนี้ออกมาจากปากเจ้า ข้าฟังดูเหมือนกำลังด่าคนนะ กรงเล็บจงปรานีอะไรกัน”
“ไม่ต้องสนใจรายละเอียดพวกนั้น” เยี่ยเว่ยหมิงก้าวขึ้นมาข้างหน้าก้าวหนึ่ง แล้วตบบ่าน้องดาบพร้อมบอกว่า “เวลาที่อภัยคนได้พึงให้อภัย เจ้าหมอนี่แม้พฤติกรรมน่ารังเกียจ แต่โทษของเขาก็ไม่ถึงตาย ลงโทษนิดหน่อยก็พอแล้ว ไม่ต้องรีบฆ่าเขา”
???
น้องดาบมองเยี่ยเว่ยหมิงด้วยสายตางุนงง นางสงสัยมากว่าตัวเองหูฝาด
ตั้งแต่เข้าเกมนี้มา ถ้าจะพูดถึงความกล้าหาญในการต่อสู้ นางก็ไม่แพ้ใครทั้งนั้น รวมทั้งเยี่ยเว่ยหมิงที่นางไม่เคยเอาเปรียบเขาได้ด้วย
ถ้าพูดถึงการตัดสินใจฆ่าที่เด็ดขาด จิตใจโหดเหี้ยม นางก็ไม่ยอมใครเช่นกัน แต่ยอมเยี่ยเว่ยหมิงคนเดียว!
นางยอมแพ้จริงๆ!
อย่าไปมองว่าเจ้าหมอนี่ท่าทางดูไม่จริงจัง เพราะถ้าเล่นบทโหดขึ้นมา แม้แต่น้องดาบก็ยังรู้สึกกลัว โดยเฉพาะตอนที่สู้กับ BOSS วิธีการกำจัดให้สิ้นซากแบบต่างๆ แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยเหลือทางให้หนี
แม้แต่หวันเหยียนคังที่ถูกระบบปกป้องสามชั้นก็ยังตายเพราะอุบายของเขา!
เขาก็เป็นจอมมารแบบนี้ แต่ตอนนี้กลับมาบอกตนว่าอภัยคนได้พึงให้อภัยอย่างนั้นหรือ
นี่ข้าหูฝาดไปเอง หรือว่าโลกนี้มันบ้าไปแล้ว
ตอนที่กำลังลังเลว่าจะบ่นเยี่ยเว่ยหมิงว่าอะไรดี จู่ๆ ในช่องทีมกลับมีข้อความของเยี่ยเว่ยหมิงเด้งออกมา [ถ้าอยากทำภารกิจให้สำเร็จ ก็อย่าเพิ่งฆ่าเขา ส่วนเหตุผลโดยละเอียด เดี๋ยวข้าค่อยอธิบายทีหลัง]
น้องดาบตอบกลับทันทีว่า [ถ้าเจ้าพูดให้เร็วกว่านี้ ข้าก็เข้าใจตั้งนานแล้ว]
จากนั้น มือที่จับศีรษะของสือจงอวี้ไว้ก็สะบัดออก สะบัดสือจงอวี้ที่หนังศีรษะเป็นรอยแผลไปทางเยี่ยเว่ยหมิง “เจ้าจัดการเองตามเห็นสมควร”
เยี่ยเว่ยหมิงคว้าคอเสื้อสือจงอวี้เอาไว้ แล้วโยนออกไปนอกประตูใหญ่เหมือนเป็นขยะชิ้นหนึ่ง พร้อมบอกว่า “ถือโอกาสตอนที่ข้ายังไม่เปลี่ยนใจ รีบพาคนของเจ้าไสหัวไป!”
“สมควรตาย!” พอลุกขึ้นมาจากพื้น สือจงอวี้ก็เช็ดเลือดที่ไหลออกจากแผนบนกบาลก่อน แล้วกล่าวอย่างเคียดแค้นว่า “พวกเจ้าสองคนรอข้าก่อนเถอะ ล่วงเกินคนของข้า…”
แกร๊ง!
ไม่รอให้สือจงอวี้พูดจบประโยค ก็มีลำแสงสีเงินประกายรุ้งยิงออกมาจากร้านสุราแล้ว ทำให้สือจงอวี้ตกใจจนวิญญาณแทบหลุดจากร่าง ส่วนเฉินชงจือที่อยู่ข้างๆ เดิมทีคิดจะยกดาบขึ้นมาปกป้องประมุขพรรค ตอนนี้ถึงได้พบว่าเป้าหมายของลำแสงนั้นไม่ใช่สือจงอวี้ แต่เป็นหน้าอกข้างขวาของเขาเฉินชงจือ!
ด้วยความตกใจ เฉินชงจือรีบเบี่ยงตัวหลบ แต่เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่อีกฝ่ายเลือกใช้เวลาได้เหมาะสม เขายังคงถูกลูกแก้วหลิวหลีเจ็ดสียิงทะลุแขนแล้ว เกิดรูโหว่ระหว่างกล้ามเนื้อต้นแขนและกระดูกแขน
-12654!
เฉินชงจือ “???”
คนที่พูดจาร้ายกาจคือประมุขพรรคที่ชอบก่อเรื่องของพวกเราแท้ๆ ทำไมต้องโจมตีข้าด้วย
ส่วนสือจงอวี้ สุดท้ายก็ตกใจเพราะวิชาอาวุธลับที่ไม่มีทางหลบพ้นของเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว เขาไม่พูดจาร้ายกาจอีก นำกลุ่มสุนัขหางจุกตูดที่มีหัวโจกเป็นเฉินชงจือหนีไปทันที
ในร้านสุรา หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงเห็นค่าพลังชีวิตลดที่ลอยขึ้นเหนือศีรษะเฉินชงจือ ก็คำนวนพลังทำลายล้างของ ‘วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ ที่ไม่ใช่คริติคอลดาเมจอย่างเงียบๆ หลังจากแน่ใจแล้วว่าทั้งสองต่างกันไม่ใช่น้อยๆ ถึงได้พยักหน้าอย่างพึงพอใจ แล้วหันตัวไปพูดกับน้องดาบว่า “คนที่เป็นอุปสรรคไปแล้ว ทำภารกิจกันต่อเถอะ”
น้องดาบพยักหน้า แล้วเดินมาตรงหน้าจั่วปั๋วเยี่ยนพร้อมรอยยิ้ม จากนั้นโบกมือเรียกวัตถุดิบยาชนิดต่างๆ ออกมากองใหญ่ รวมทั้งสูตรหมักสุราที่ได้มาจากซั่นจื้อก่อนหน้านี้ “นี่คือวัตถุดิบทั้งหมดที่ใช้หมัก ‘สุราเพลิงหยกน้ำแข็งลึกลับ’ ยังมี ‘สูตรลับสุราขาวนอกด่าน’ ที่ท่านต้องการด้วย มือปราบหน้าเหม็น เจ้าเองก็รีบนำ ‘กระสอบข้าว’ ออกมาได้แล้ว”
เยี่ยเว่ยหมิงก้าวขึ้นมา กำลังจะนำกระสอบข้าวออกมา แต่จั่วปั๋วเยี่ยนกลับชิงส่ายหน้าพูดก่อนว่า “แม่นางหนึ่งดาบครั้งนี้จนใจ เกรงว่าตาแก่คนนี้คงต้องผิดคำพูดแล้ว”
น้องดาบได้ยินแล้วสีหน้าแย่ลงทันที “เพราะอะไร”
ไม่รอให้จั่วปั๋วเยี่ยนตอบ เยี่ยเว่ยหมิงกลับตบบ่าน้องดาบ บอกใบ้ให้นางใจเย็นๆ
จากนั้นหันตัวมาพูดกับจั่วปั๋วเยี่ยนว่า “หากผู้เฒ่าจั่วกังวลว่าประมุขพรรคสือนั่นจะมาหาเรื่องพวกท่านอีก ที่จริงแล้วไม่จำเป็นเลย…
…ตัวข้าไม่มีความสามารถอย่างอื่น แต่ด้านการโน้มน้าวให้คนทำดีก็พอจะโดดเด่นอยู่บ้าง เดี๋ยวข้าจะไปโน้มน้าวเขาให้ รับรองว่าเขาจะไม่มาหาเรื่องท่านกับแม่นางจั่วซืออีก จะไม่มาอีกตลอดกาล”
เมื่อได้ยินแบบนั้น น้องดาบกับจั่วปั๋วเยี่ยนก็เผยสีหน้าเข้าใจกระจ่าง มีเพียงจั่วซือที่ยังไร้เดียงสามาก แต่นางเขินอายจึงไม่ได้ถามสิ่งที่ตัวเองสงสัยออกมา เพียงเบิกตาโตมองเยี่ยเว่ยหมิงด้วยความอยากรู้อยากเห็น อยากจะมองให้ออกว่าผู้ชายคนนี้มีความมหัศจรรย์อะไรกันแน่ ไม่น่าเชื่อว่าจะมั่นใจในฝีปากของตัวเองขนาดนี้
ในเมื่อได้รับประกันจากเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว จั่วปั๋วเยี่ยนก็พยักหน้าบอกทันทีว่า “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็นำข้าวที่ใช้กลั่นสุรามาให้ข้าดูสักหน่อยเถิด”
เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มบางๆ พอโบกมือ ข้าวหนึ่งกระสอบอันไร้ประโยชน์ที่กินพื้นที่กระเป๋ามาตลอดก็ตกลงพื้นเสียงดังตุ้บ
เมื่อข้าวข้าวหนึ่งกระสอบตกลงพื้น กลิ่นที่เหม็นแสบจมูกก็แผ่ออกมาจาก ‘ข้าวหนึ่งกระสอบ’ นั้นทันที ชั่วพริบตาเดียวก็อบอวลทั่วทั้งร้านสุรา!
ถึงขนาดว่าแม้แต่ยอดฝีมืออย่างน้องดาบกับเยี่ยเว่ยหมิงก็ยังถูกรมกลิ่นจนแทบหายใจไม่ออกเพราะไม่ทันป้องกัน ทั้งสองถอยหลังก้าวหนึ่งพร้อมกัน แต่กลับกลั้นหายใจทันที ได้แต่อาศัยกำลังภายในประคองความต้องการออกซิเจนของร่างกาย
ในทางกลับกัน จั่วปั๋วเยี่ยนกับลูกสาวพอเห็นกระสอบข้าวแล้วก็ตาเป็นประกายทันที จั่วปั๋วเยี่ยนเปิดกระสอบข้าว จากนั้นทั้งสองก็ต่างคนต่างกำข้าวสารที่มีตะไคร่สีเขียวเส้นยาวออกมา จ่อดมตรงจมูกอย่างเคลิบเคลิ้ม แล้วจั่วซือก็เป็น่ฝ่ายเอ่ยก่อนว่า “ท่านพ่อ ที่แท้โลกนี้ก็มีข้าวที่เหมาะสำหรับกลั่นสุราขนาดนี้อยู่จริง!”
จั่วปั๋วเยี่ยนพยักหน้าเช่นกัน “ข้าวสารธรรมดาหนึ่งกระสอบ เก็บอยู่ในสภาพแวดล้อมพิเศษเป็นเวลาสิบปีขึ้นไป อยู่ในสภาพยอดเยี่ยมระหว่างตอนขึ้นฟูกับตอนไม่ขึ้นฟูตลอด หายากจริงๆ ด้วย เมื่อมีสิ่งนี้แล้ว ข้าก็มีความมั่นใจเต็มร้อยว่าจะกลั่น ‘สุราเพลิงหยกน้ำแข็งลึกลับ’ ที่พวกเจ้าต้องการได้!”
ขณะที่พูด เขาก็ผูกปากกระสอบข้าวไว้เหมือนเดิม แล้วก็เตือนอีกว่า “แต่การกลั่น ‘สุราเพลิงหยกน้ำแข็งลึกลับ’ นอกจากวัตถุดิบยาจำนวนมากกับ ‘กระสอบข้าวแสนสาหัส’ ที่ต้องใช้แล้ว ยังต้องใช้เวลาหมักและกลั่นอีกสี่สิบเก้าวัน ในระหว่างนั้นมีงานต้องทำทุกวัน เว้นช่วงไม่ได้ ถ้าหยุดชะงักกลางคัน ความพยายามตอนแรกก็สูญเปล่า!…
…นี่ก็คือสาเหตุที่ก่อนหน้านี้ข้าบอกว่าต้องกลืนคำพูดตัวเอง”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า แต่ยังคงกลั้นหายใจเหมือนเดิม มีแต่หายใจออก ไม่ได้หายใจเข้า “ท่านวางใจได้ พวกเราจะไปโน้มน้าวประมุขพรรคสืออะไรนั่นให้ดี ทำให้เขากลับตัวกลับใจ ไม่มาหาเรื่องพวกท่านทั้งสองอีกตลอดไป” พอพูดจบ เขากับน้องดาบก็ใช้ท่าร่างให้ถึงขีดจำกัดสูงสุด ชั่วพริบตาเดียวก็หายไปจากตรงหน้าพ่อลูกตระกูลจั่วราวกับลมพายุสองสาย
การเคลื่อนย้ายร่างกายที่รวดเร็วของพวกเขาทำให้เกิดกระแสลมแรง ถึงขั้นทำให้ไหสุราที่วางอยู่บนชั้นสินค้าสองฝั่งกลิ้งตกลงแตกบนพื้น สุราชั้นดีราคาแพงชนิดต่างๆ กระจายอยู่ทั่วทุกที่
จะว่าไปแล้ว ข้าวสารกระสอบอยู่บนตัวเยี่ยเว่ยหมิงนานแล้ว แต่เนื่องจากความพิเศษของระบบสัมภาระ มันจึงไม่ส่งกลิ่นออกมาเลยสักนิด เยี่ยเว่ยหมิงไม่เคยสัมผัสประสิทธิภาพของมันมาก่อน ส่วนน้องดาบก็สถานการณ์ไม่ต่างกันมาก นางรู้ว่าการกลั่นสุราเพลิงหยกน้ำแข็งลึกลับจำเป็นต้องมีสิ่งนี้ แต่ก็นึกไม่ถึงเช่นกันว่าอานุภาพทำลายล้างของมันจะมากขนาดนี้
จนกระทั่งตอนนี้ ยอดฝีมือทั้งสองถึงได้เข้าใจ ว่าทำไมสิ่งนี้จึงชื่อว่า ‘กระสอบข้าวแสนสาหัส’!
เพราะตอนอยู่ในห้องเดียวกับกระสอบข้าวใบนี้ รู้สึกทรมานแสนสาหัสจริงๆ!
ในร้านสุรา พ่อลูกตระกูลจั่วมีภูมิคุ้มกันกับพลังทำลายล้างของข้าวหนึ่งกระสอบโดยสมบูรณ์ ถึงขั้นรู้สึกเคลิบเคลิ้มเล็กน้อยด้วย
ก็เหมือนกับเต้าหู้เหม็น สำหรับคนที่ไม่ชอบกิน มันถือเป็นอาหารที่น่ารังเกียจมาก แต่สำหรับคนที่ชอบกิน ไม่เพียงแค่กินอย่างเอร็ดอร่อย ต่อให้ดมก็ไม่รู้สึกไม่สบายจมูก
หลังจากเก็บสายตากลับมาจากสองคนที่ได้จากไป จั่วซือก็หันไปมองพ่อของนาง “ท่านพ่อ ท่านเชื่อจริงหรือว่าพี่ใหญ่เยี่ยท่านนั้นจะโน้มน้าวไม่ให้ประมุขพรรคสือมาหาเรื่องพวกเราได้อีก”
จั่วปั๋วเยี่ยนพยักหน้าอย่างมั่นใจมาก “พวกเขาต้องทำได้แน่นอน เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องโดยตรงว่าพวกเขาจะได้ ‘สุราเพลิงหยกน้ำแข็งลึกลับ’ ไปหรือไม่”
“แต่ประมุขพรรคสือไม่เหมือนคนที่พูดจาเชื่อถือได้ ท่านไม่กังวลสักนิดเลยหรือว่าเขาจะรับปากปลอมๆ หลังจากผ่านไปแล้วก็จะมาหาเรื่องพวกเราต่ออีก”
“ไม่หรอก” จั่วปั๋วเยี่ยนสูดหายใจลึก แล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “บนโลกนี้ มีคนอยู่ประเภทหนึ่งที่ไม่มีทางกลับคำพูด และไม่มีทางหาเรื่องใครก่อนด้วย”
“บนโลกนี้ยังมีคนดีขนาดนั้นอยู่อีกหรือคะ” จั่วซือไม่เข้าใจ
จั่วปั๋วเยี่ยนเผยแววตาเข้าใจโลก พร้อมกล่าวอย่างสบายๆ ว่า “คนดีก็อาจทำสองอย่างนั้นไม่ได้ แต่คนตายทำได้แน่นอน!”
จั่วซือได้ยินแล้วตกใจจนอ้าปากกว้าง ก่อนหน้านี้เยี่ยเว่ยหมิงบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าจะลงโทษให้หลาบจำ ทำไมกลายเป็นตามฆ่าไปแล้ว
จั่วปั๋วเยี่ยนกลับนำจอกสุราหยกขาวออกมาจากหน้าอกตัวเอง แล้วพึมพำว่า “ยายแก่ เจ้าเคยบอกว่าหากข้าพบปัญหาที่แก้ไขไม่ได้ ขอเพียงทำจอกนี้แตก เจ้าก็จะออกมาช่วยข้าทันที แต่มีหรือที่ข้าจะไม่รู้ ว่าหากเจ้ายื่นมือช่วยทั้งที่ยังไม่ถึงเวลา ก็จะมีราคาที่ต้องจ่ายสูงมาก”
ตอนที่พูด เขายกมุมปากเผยรอยยิ้มปลื้มใจ “แต่ตอนนี้ดูท่าแล้ว เหมือนไม่จำเป็นต้องรบกวนเจ้าแล้วจริงๆ!”
ตอนนี้สายตาของจั่วซืออยู่บนจอกสุราในมือบิดาแล้ว จอกสุราใบนั้นสลักขึ้นมาจากหยกขาวสีไขมันแพะที่ดีที่สุด งดงามประณีตเป็นพิเศษ บนผนังด้านนอกของจอกสุรายังใช้ลวดทองฝังลายเมฆสีรุ้งบดบังดวงจันทร์ เขียนตัวอักษรเล็กๆ สีเงินไว้สองแถว กล่าวได้ว่าเป็นการวาดมังกรแต้มนัยน์ตา[1]
แสงจันทร์ครานั้นยังคงอยู่ เคยส่องเมฆรุ้งหวนคืนกลับมา!
[1] วาดมังกรแต้มนัยน์ตา 画龙点睛 อุปมาว่าเติมคำคมเพื่อให้เนื้อหาโดดเด่นยิ่งขึ้น