ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 287 ฉินหนานฉินถูกชิงตัวอีกแล้ว
ตอนที่ 287 ฉินหนานฉินถูกชิงตัวอีกแล้ว
เมื่อได้ยินว่าเยี่ยเว่ยหมิงจะปะทะกับทหารยามของศาลาว่าการอำเภอ ก็ล่อให้ทหารยามลาดตระเวนของระบบมาแล้วจริงๆ ในที่สุดโคมเขียวไฟปีศาจที่นั่งอยู่ข้างในสุดก็นั่งไม่ติดที่แล้ว
ท่าทีของเขาไม่สอดคล้องกับที่เขาปฏิบัติต่อเยี่ยเว่ยหมิงก่อนหน้านี้เลย!
เพื่อยืนยืนว่าคำพูดของผู้เล่นเส้าหลินเป็นความจริง โคมเขียวไฟปีศาจก็พุ่งตัวไปตรงหน้าต่างราวกับลูกธนู แต่กลับเห็นเพียงเยี่ยเว่ยหมิงถูกทหารยามเลเวลสองร้อยจำนวนสี่สิบกว่าคนล้อมไว้แล้ว
เพียงแต่ฉากต่อมา กลับทำให้พวกโคมเขียวไฟปีศาจแทบจะลูกตาถลนออกมา
เขากลับเห็นทหารยามเลเวลสองร้อยยี่สิบกว่าคนของระบบซึ่งผู้เล่นแทบจะเอาชนะพวกเขาไม่ได้ หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงชูกระบี่ล้ำค่าสีทองพร้อมฝักขึ้นมา ไม่น่าเชื่อว่าหัวหน้าทหารยามสองคนจะนำลูกน้องคุกเข่าโดยพร้อมเพรียงกัน แล้วกล่าวประโยคอันน่าตกใจที่ทำให้คนฟังเหมือนโดนฟ้าผ่าจนกรอบนอกนุ่มในดังๆ ว่า
“หมื่นปี หมื่นปี หมื่นปี หมื่นหมื่นปี!”
เมื่อเห็นฉากนี้ โคมเขียวไฟปีศาจกับพวกเพื่อนร่วมทีมของเขาตะลึงค้างแล้ว!
นี่มันสถานการณ์อะไรกัน
ทหารยามของระบบที่มีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้อยในเมืองพวกนั้น สำหรับผู้เล่นแล้วถือเป็นสรรพนามที่พวกเขาไม่มีวันสู้ชนะไม่ใช่หรอกหรือ
จะว่าไป พวกเขาคุกเข่าให้ผู้เล่นหมายความว่าอะไร
พอเจ้าหมอนั่นแต่งกายเหมือนเจ้าหน้าที่ทางการ ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอำนาจถึงระดับนี้
ตอนที่ในหัวของทั้งห้าคนเต็มไปด้วยคำถาม หัวหน้ากองทหารยามลาดตระเวนเมืองก็เอ่ยถามว่า “ไม่ทราบว่าใต้เท้าผู้แทนพระองค์มีอะไรจะกำชับขอรับ”
เมื่อทหารยามกล่าวเช่นนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็ควบคุมทหารยามของระบบผู้ไร้เทียมทานพวกนี้ช่วยตนทำภารกิจให้สำเร็จได้โดยตรงเลยหรือเปล่า
คำตอบก็คือไม่ใช่อยู่แล้ว!
แม้เยี่ยเว่ยหมิงจะมีกระบี่อาญาสิทธิ์อยู่ในมือ แต่บทบาทของมันก็ยังถูกระบบควบคุมอยู่ เป็นไปไม่ได้ที่ทหารยามลาดตระเวนเมืองเหล่านั้นจะเป็นเข้าร่วมการต่อสู้ทุกอย่างเพื่อช่วยเยี่ยเว่ยหมิง และยิ่งไม่มีทางช่วยเขาทำภารกิจด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น สถานะเก่งกาจไร้คู่ต่อสู้ของทหารยาม ก็มีแต่ตอนปฏิบัติหน้าที่นี้เท่านั้นถึงจะรักษาสถานะนี้ไว้ได้
ถ้าเกิดการต่อสู้ระหว่าง NPC จริงๆ พลังต่อสู้ของพวกเขาก็อาจดีกว่าบ่าวไพร่ชั่วร้ายในศาลาว่าการอำเภอไม่เท่าไร
เห็นตอนนี้รอบข้างมี NPC ชาวบ้านมารวมตัวกันแล้วไม่น้อย แม้จะไม่กล้าเข้าใกล้ แต่ก็ยังสังเกตการณ์อยู่ไกลๆ ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงก็ได้แต่โบกมืออย่างใจเย็นแล้วบอกว่า “จากการตรวจสอบของข้า ผู้พิพากษาอำเภอหลี่คูโหลวของที่นี่ขูดรีดภาษีชาวบ้าน รังแกชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ ในฐานะผู้บังคับใช้กฎหมายของสำนักมือปราบเทพ ข้าย่อมต้องกำจัดภัยให้ชาวบ้านอยู่แล้ว”
เขาชะงักไปครู่เดียว แล้วกล่าวเสริมว่า “พวกเจ้ารับหน้าที่ล้อมศาลาว่าการอำเภอไว้ก็พอ ในระหว่างที่ข้าปฏิบัติงาน ห้ามใครเข้าออก!”
“น้อมรับคำสั่ง!”
หลังจากหัวหน้ากองทหารยามเอ่ยปากรับคำ ทหารยามลาดตระเวนยี่สิบกว่าคนก็เคลื่อนไหวพร้อมกันเริ่มล้อมศาลาว่าการอำเภอเอาไว้ทั่วทุกด้านอย่างแน่นหนา
แม้จะมีเพียงยี่สิบกว่าคน เป็นไปไม่ได้ที่จะล้อมทั้งศาลาว่าการอำเภอเอาไว้มิดชิดไม่ให้มีจุดรั่วไหล แต่ถ้ามีผู้เล่นลองบุกเข้ามาเวลานี้ นั่นก็ไม่ต่างอะไรกับการหาเรื่องใส่ตัว
“เจ้าหมอนี่ ต้องการจะล้อมทั้งศาลาว่าการอำเภอเอาไว้จริงๆ มีเพียงเขาคนเดียวที่เข้าไปทำภารกิจได้ แต่กลับทำให้พวกเราไม่ได้ดื่มแม้แต่น้ำแกง” เมื่อเห็นการกระทำของเยี่ยเว่ยหมิง ผู้เล่นสำนักถังเหมินก็ตบโต๊ะอย่างหงุดหงิด “พฤติกรรมแบบนี้เป็นการรองพื้นที่เคลียร์สนามชัดๆ น่ารังเกียจเกินไปแล้ว!”
“อย่าใจร้อน”
หลังจากตกตะลึงคนแรกสุด โคมเขียวไฟปีศาจกลับสงบสติอารมณ์ได้ก่อนใคร เขานั่งลงอีกครั้งแล้วบอกว่า “ที่จริงก่อนฟ้ามืด ต่อให้ทหารยามเหล่านั้นไม่เฝ้าที่นั่น แต่พวกเราก็ไม่กล้าบุกเข้าไปในศาลาว่าการอำเภออยู่ดี ตามข่าวกรองที่รวบรวมไว้ก่อนหน้านี้ มีเพียงการบุกเข้าไปหลังจากฟ้ามืด รอทหารยามลาดตระเวนพักผ่อนหมดแล้ว ถึงจะแฝงตัวเข้าไปทำภารกิจให้สำเร็จได้”
“ทั้งคดีนี้ คือโอกาสทำภารกิจให้สำเร็จที่ระบบมอบให้ผู้เล่น แต่เจ้าหมอนี่…”
โคมเขียวไฟปีศาจส่ายหน้าแล้วยกจอกสุราบนโต๊ะขึ้นมาดื่มหนึ่งอึก “ดังนั้น ตอนนี้พวกเรารอข่าวอยู่ที่นี่ต่อไปก็พอ ถ้าเขาทำล้มเหลว ทหารยามพวกนั้นจะต้องถอนกำลังเองแน่นอน หากเขาทำสำเร็จ พวกเราก็ไม่ต้องเสียเวลาอยู่ที่นี่ต่อแล้ว กลับไปฆ่ามอนสเตอร์สะสมคะแนนที่เขาทรายพิษก็พอ”
……
แม้จะอยู่ในศาลาว่าการอำเภอ เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่ได้ฆ่าคนตามอำเภอใจ
อย่างไรเสีย พวกเจ้าหน้าที่ในศาลาว่าการอำเภอ ต่อให้เคยทำเรื่องชั่วมาก่อนภายใต้คำสั่งของหลี่คูโหลว แต่ก็จัดเป็น NPC ประเภทอเนกประสงค์ ไม่ใช่ ‘มอนสเตอร์’ ทั่วไป
แม้จะสมควรตาย แต่ก็ไม่ควรถูกเยี่ยเว่ยหมิงใช้กระบี่อาญาสิทธิ์ฆ่าอย่างเรียบง่ายรวดเร็วเหมือนฟันแตงหั่นผัก
แม้แต่เจ้าหน้าที่สองคนที่ขวางเยี่ยเว่ยหมิงไว้ตรงประตูก่อนหน้านี้ เขาก็แค่ทำให้พวกนั้นสลบเท่านั้น
ส่วนชะตากรรมสุดท้ายของคนพวกนี้ เยี่ยเว่ยหมิงจะรอให้จัดการเรื่องนี้เรียบร้อยก่อน แล้วค่อยรายงานเรื่องนี้ไปที่โหยวจิ้น หรือไม่ก็หวงโส่วจุน ให้พวกเขาส่ง NPC ที่ทำหน้าที่เฉพาะทางมาจัดการปัญหา พูดให้ชัดก็คือรายงานขึ้นไปที่ราชสำนัก แต่งตั้งผู้พิพากษาอำเภอคนใหม่ที่ทำงานเป็นมาที่นี่ แล้วให้ตัดสินโทษจากพฤติกรรมของคนเหล่านี้ ควรจะฆ่าก็ฆ่า ควรจะลงโทษก็ลงโทษ
ถ้าเป็นพวกสุนัขรับใช้ที่คอยวิ่งเต้นทำงานเบ็ดเตล็ดให้จริงๆ ตัวเองไม่เคยทำเรื่องชั่วช้ามาก่อน ก็ไม่ถึงขั้นถูกตนฆ่าซี้ซั้ว
อาศัยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วและศักยภาพที่แข็งแกร่ง NPC ที่เยี่ยเว่ยหมิงเจอส่วนใหญ่ถูกโจมตีจนสลบหมด แค่ความสามารถนี้อย่างเดียวก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เล่นทั่วไปสามารถทำได้แล้ว ต่อให้อีกฝ่ายกับเยี่ยเว่ยหมิงมีศักยภาพพอๆ กัน แต่ถ้าอยากทำได้อย่างเขาก็เป็นเรื่องยากมาก
เพราะถ้าคิดจะโจมตีให้สลบโดยไม่ถึงตายหรือโจมตีให้บาดเจ็บ นอกจากทักษะยุทธ์แล้ว ก็ยังต้องมีเลเวลวิชาแพทย์ในระดับหนึ่ง
และถ้าเป็นผู้เล่นทั่วไป จะมีสักกี่คนที่เคยเรียนวิชาแพทย์มาก่อน
เยี่ยเว่ยหมิงทั้งตบทั้งตีไปตลอดทางจนถึงลานบ้านด้านหลัง จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนทะเลาะกันรุนแรงดังมาจากห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง
“ขุนนางสุนัข เจ้าล้มเลิกความตั้งใจนี้เสียเถิด ต่อให้ข้าตาย ข้าก็ไม่ยอมให้เจ้าทำสำเร็จอยู่ดี!”
เสียงคนพูดเป็นเสียงผู้หญิง เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วกลับรู้สึกคุ้นหูนิดหน่อย
ตอนนี้เอง มีเสียงผู้ชายที่กวนประสาทมากคนหนึ่งดังขึ้นตามมา “แม่นางฉิน ข้าแนะนำให้เจ้ายอมข้าแต่โดยดี เพราะเป็นไปไม่ได้ที่ปู่ของเจ้าจะจับงูพิษที่ข้าต้องการมาไถ่ตัวเจ้าได้ก่อนฟ้ามืด หึหึ…ดังนั้นหลังจากฟ้ามืด ก็เป็นเวลาที่พวกเราสองคนจะได้ทำเรื่องดีๆ กันแล้ว”
“หุบปาก!” เสียงของผู้หญิงก่อนหน้านี้ตวาดอย่างโมโห “ก่อนหน้านี้ข้าไม่เพียงแค่เคยแต่งงานมาแล้ว ตอนนี้ข้ายังตั้งท้องอยู่ด้วย เจ้าอย่าคิดอะไรไม่ดีกับข้าดีกว่า”
“เคยแต่งงานมาแล้วยังจะกลัวอะไรอีก” กลับได้ยินเสียงชายคนนั้นส่งเสียงหัวเราะต่ำช้าขึ้นเรื่อยๆ “เจ้าต้องรู้ไว้นะว่าแบบอย่างของข้าก็คือเฉาเมิ่งเต๋อ[1] ‘เมิ่งเต๋อ’ คือชื่อรองของเขา เจ้ารู้หรือเปล่าว่า ‘ชื่อ’ ของเขาคืออะไร หึหึหึหึหึ…”
ปั้ง!
ตอนที่ทั้งสองกำลังเถียงกันไม่หยุด ประตูห้องกลับถูกคนเตะออกจากข้างนอกอย่างแรง กลอนประตูที่สอดอยู่กระเด็นออกในชั่วพริบตาเดียว แจกันดอกไม้กลางห้องใบหนึ่งแตกกระจาย
“ใครกัน” ท่ามกลางเสียงตะคอกถามอันเดือดดาล ชายวัยกลางคนในเครื่องแบบขุนนางคนหนึ่งพลันหันตัวไปทางประตูห้อง แต่กลับเห็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อคนหนึ่งสวมเครื่องแบบของสำนักมือปราบเทพ ในมือถือกระบี่ล้ำค่าสีทองที่มาพร้อมฝักเล่มหนึ่ง เจ้าตัวกำลังยืนอย่างภาคภูมิใจอยู่ตรงประตู
มือปราบหนุ่มที่เปี่ยมไปด้วยพลังและอบอุ่นเหมือนแสงอาทิตย์เช่นนี้ ย่อมเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเยี่ยเว่ยหมิง
หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงเตะประตูออกและเห็นเหตุการณ์ในห้องชัดเจน เขาก็อดอึ้งไม่ได้เช่นกัน
สิ่งที่ทำให้เขาตกใจก็คือ ไม่ใช่ภาพเหตุการณ์ในห้องนอนที่เด็กห้ามดู เพราะสตรีที่นั่งอยู่บนหัวเตียงและถูกเชือกมัดแน่นทั้งตัวคนนั้น ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะรู้จักนาง นางก็คือมารดาในอนาคตของจอมยุทธ์เทพอินทรี…ฉินหนานฉิน!
เพียงแต่แม่นางคนนี้มีเสน่ห์อะไรกันแน่
ไม่น่าเชื่อว่าขนาดถูกหยางคังชิงตัวไปแล้ว ตอนนี้ยังถูกผู้พิพากษาอำเภอคนนี้ชิงตัวอีก จะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการถูกชิงตัวอยู่แล้ว
ไม่ว่าจะทำอย่างไรเยี่ยเว่ยหมิงก็มองไม่ออกว่าบนตัวนางมีเสน่ห์อะไรมากมายขนาดนั้นกันแน่
และตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงพบว่าตัวเองจำอีกฝ่ายได้ สตรีชุดขาวผู้นั้นก็จำเขาได้ทันทีที่เห็นเช่นกัน พร้อมเอ่ยปากขอร้อง “จอมยุทธ์น้อยเยี่ย ช่วยข้าด้วย!”
ยัยโง่เอ๊ย!
นี่เจ้ากำลังวางกับดักข้า เจ้ารู้หรือเปล่า
[1] เฉาเมิ่งเต๋อ อีกชื่อหนึ่งคือโจโฉ เปรียบเปรยถึงคนที่ชอบแย่งเมียชาวบ้าน