ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 289 เจ้าเคยได้ยินชื่อยาตัดวิญญาณหรือเปล่า
ตอนที่ 289 เจ้าเคยได้ยินชื่อยาตัดวิญญาณหรือเปล่า
[ยาถอนพิษงู] สูตรยาลับของตระกูลฉิน เมื่อมีมันจะแก้พิษของงูได้สารพัดพิษ เห็นผลเร็วมาก
จะว่าไป บนตัวเขาถูกพิษฝ่ามือของฝ่ามือทรายพิษแท้ๆ ฉินหนานฉินหลับให้ยาถอนพิษงูพิษกับเขา ให้ยาผิดโรคไปหน่อยหรือเปล่า
แต่ศัตรูที่ร้ายกาจอยู่ตรงหน้า ชั่วขณะนั้นเยี่ยเว่ยหมิงยังหายาที่เหมาะกับโรคมากกว่านี้ไม่ได้จริงๆ ประกอบกับตอนนี้ เยี่ยเว่ยหมิงกับฉินหนานฉินเหมือนตั๊กแตนที่อยู่บนเชือกเส้นเดียวกัน คิดว่านางคงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะมาทำร้ายตน
ดังนั้นจึงไม่มีความลังเลใดๆ เยี่ยเว่ยหมิงเปิดขวด แล้วกลืนยาเม็ดหนึ่งเข้าปากทันที
พอยาเข้าปาก สีเขียวบนแถบพลังชีวิตเหนือศีรษะเยี่ยเว่ยหมิงก็จางลงเยอะมาก ส่วนค่าสเตตัสโดยรวมของเขาก็เปลี่ยนจากเมื่อก่อนที่เหลือแค่ 80% กลับมาอยู่ที่ 95% เหมือนเดิม
แต่เมื่อเทียบกับหลี่คูโหลวที่ถอนพิษหมดเกลี้ยงจนข้าสเตตัสกลับมาเต็มร้อยเหมือนเดิม เขาก็ยังถือว่าตกเป็นรอง
“ฮ่าๆๆๆ…” เมื่อเห็นเยี่ยเว่ยหมิงฟื้นฟูค่าสเตตัสกลับมาบางส่วนแล้ว หลี่คูโหลวก็เริ่มหัวเราะลั่นทันที “นึกไม่ถึงว่านางเด็กแซ่ฉินคนนั้นจะพกยาถอนพิษงูติดตัวเอาไว้…
…แต่ก็ถูกแล้ว อย่างไรเสียก็เป็นคนจับงู บนตัวมีของพวกนี้ถือเป็นเรื่องปกติ แต่พวกเจ้าคิดจริงๆ หรือว่า อาศัยยาถอนพิษงูธรรมดาพวกนี้ แล้วจะถอนผิดจากฝ่ามือทรายพิษของข้าได้ ช่างน่าขำจริงๆ!”
“ก็ไม่แน่หรอก!”
ตอนนี้เอง ฉินหนานฉินที่ยืนอยู่ข้างหลังเยี่ยเว่ยหมิงกลับเอ่ยว่า “ก่อนหน้านี้ข้ายังสงสัยว่าเจ้าต้องการงูพิษไปทำอะไร แต่ตอนนี้หลังจากได้เห็นฝ่ามือทรายพิษของเจ้า ข้ากลับเดาออกได้คร่าวๆ แล้ว ในเมื่อฝ่ามือทรายพิษของเจ้าสกัดมาจากงูพิษ เช่นนั้นใช้ยาถอนพิษของข้าถอนพิษฝ่ามือของเจ้า ก็ใช้ยาถูกโรคแล้วไม่ใช่หรอกหรือ”
หลี่คูโหลวได้ยินแล้วอึ้ง “ลูกสาวบ้านคนจับงูอย่างเจ้า ไม่น่าเชื่อว่าจะได้เคยยินเรื่องฝ่ามือทรายพิษด้วย?”
ฉินหนานฉินแสยะยิ้มดูถูก “ครึ่งปีที่ข้าหายตัวไป ก็คิดจริงหรือว่าข้าไปเป็นนกน้อยในกรงทองให้คนอื่นจริงๆ”
ที่จริงแล้ว หยางคังดีต่อฉินหนานฉินมาก ไม่เพียงแค่เลี้ยงและโอ๋นางเหมือนนายหญิงน้อย ทั้งยังถ่ายทอดวิชากำลังภายในดั้งเดิมของสำนักฉวนเจินให้นางด้วย
นั่นคือสิ่งที่แม้แต่เฉาเหมยเฟิงก็ไม่มีโอกาสได้เรียน!
เพียงแต่วิชาที่เป็นของดั้งเดิม ก็ยิ่งให้ความสำคัญกับความค่อยเป็นค่อยไปตามลำดับเช่นกัน ประกอบกับฉินหนานฉินตั้งครรภ์ เวลาครึ่งปีที่ผ่านไปนางจึงฝึกอะไรเป็นชิ้นเป็นอันไม่ได้
แต่ในเมื่อหยางคังยอมสอนเคล็ดจิตกำลังภายในให้นาง เช่นนั้นถ้าจะถือโอกาสบอกเรื่องบางอย่างในยุทธภพให้นางรู้ ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลเช่นกันไม่ใช่หรอกหรือ
พอหลี่คูโหลวได้ยินคำพูดของฉินหนานฉิน ก็เห็นได้ชัดว่าอึ้งนิดหน่อย แต่ก็กลับมามั่นใจเหมือนเดิมทันที “แม้จะเป็นเช่นนี้ ยาถอนพิษงูของเจ้าก็ควบคุมพิษฝ่ามือข้าได้ชั่วคราวเท่านั้น ถ้าคิดจะถอนให้หมดเกลี้ยงก็ฝันไปเถอะ…
…อย่างไรเสียตอนที่ข้ากลั่นฝ่ามือทรายพิษ ข้าก็ไม่ได้ใช้แค่งูพิษเท่านั้น ข้าใช้ธาตุพิษหลายอย่างปนกัน มีหรือที่ยาถอนพิษงูกระจอกๆ จะทำอะไรข้าได้”
ฉินหนานฉินเถียงกลับต่อไปว่า “ยังจะบอกว่ากลั่นธาตุพิษหลายอย่างปนกันอีก เจ้านี้ช่างขี้โม้จริงๆ…
…แค่งูพิษชนิดเดียว สำหรับผู้ฝึกวิชาพิษโดยทั่วไป ก็ต้องใช้กำลังภายในที่ลึกล้ำมากถึงจะควบคุมมันได้…
…แต่การกลั่นรวมกันที่เจ้าบอก ธาตุพิษพี่เพิ่มขึ้นแต่ละชนิด สำหรับผู้ที่ฝึกถือเป็นการแบกรับที่หนักอึ้งสุดๆ ด้วยศักยภาพของเจ้า การฝึกธาตุพิษเพิ่มหนึ่งชนิดนอกจากพิษงู เกรงว่าคงถึงขีดจำกัดสูงสุดของเจ้าแล้วกระมัง”
เมื่อเห็นฉินหนานฉินกับหลี่คูโหลวกำลังจะเปลี่ยนตัดสินความเป็นความตายให้กลายเป็นศึกปะทะฝีปาก ในใจเยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่รู้ว่าจะบ่นอย่างไรดี แต่หลังจากได้ยินเสียงแจ้งเตือนของระบบ สีหน้าของเขากลับแปลกขึ้นเรื่อยๆ
[ติ๊ง! คุณใช้วิธีการเรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกันฟังฉินหนานฉินกับมหาโจรหลี่คูโหลวเถียงกันเรื่องวิชาพิษ ค่าประสบการณ์วิชาพิษ +200 ค่าประสบการณ์วิชาแพทย์ +100]
ได้ผลตอบแทนเกินความคาดหมาย!
พอดูค่าประสบการณ์ของทักษะเสริมสองรายการที่เด้งขึ้นมาในหน้าอินเตอร์เฟสระบบ เยี่ยเว่ยหมิงก็กระปรี้กระเปร่าทันที อย่างไรเสียตอนตัวเองถูกพิษก็ไม่เสียค่าพลังชีวิต อีกทั้งยังไม่ร้ายแรงขึ้นตามเวลาอีกด้วย เช่นนั้นก็ฟังต่อไปแล้วกัน
ถึงอย่างไรค่าประสบการณ์ก็คือสิ่งที่ฝึกเยอะได้เยอะ
ทว่าเยี่ยเว่ยหมิงอยากรียนรู้ผ่านเรื่องทำนองเดียวกันต่อไป แต่หลี่คูโหลวกลับหมดความสนใจที่จะเถียงกับฉินหนานฉินต่อแล้ว เขาทิ้งคำพูดไว้ว่า “ต่อให้เพิ่มพิษเพียงหนึ่งชนิดเข้าไปในพิษงู ข้าก็จัดการพวกเจ้าได้อยู่ดี” จากนั้นเขาก็โบกฝ่ามือโจมตีมาที่เยี่ยเว่ยหมิงอีกครั้ง
ตอนนี้ค่าสเตตัสของเยี่ยเว่ยหมิงลดลงเยอะมาก เมื่อเผชิญหน้ากับหลี่คูโหลวที่มีศักยภาพของบอสร่างสมบูรณ์ เขาก็ย่อมแสดงความสามารถไม่ได้ดั่งใจตัวเองเท่าไรอยู่แล้ว
แต่ถึงแม้จะอยู่ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ เขาก็ยังปกป้องอยู่ข้างหน้าฉินหนานฉินไม่ห่างไปไหน
นี่ก็คือเวรกรรมที่เขาก่อไว้ตอนแรก
เขาทำให้หยางคังตาย หยางกั้วก็มีเหตุผลให้มาหาเขาเพื่อล้างแค้นที่เขาสังหารบิดาตน ตอนนี้หยางกั้วเปลี่ยนจากมู่เนี่ยนฉือกลายเป็นฉินหนานฉิน เยี่ยเว่ยหมิงอาศัยฐานะที่เป็นผู้ช่วยชีวิตฉินหนานฉินเพื่อแก้ไขวิกฤตนี้ได้ แต่ถ้าฉินหนานฉินตายเมื่อไร ด้วยความเคยชินของระบบ ก็รับประกันไม่ได้ว่าจะเตรียมตัวละครแบบไหนมาเป็นมารดาแท้ๆ ให้หยางกั้ว
ถ้าไม่มีฐานะผู้มีบุญคนที่ช่วยชีวิตมารดาของหยางกั้วมาเป็นยันต์ป้องกันตัว เยี่ยเว่ยหมิงก็ไม่คิดว่าตัวเองจะต้านทานการไล่สังหารของหยางกั้วพร้อมภรรยาและสัตว์เลี้ยงที่มีทักษะยุทธ์แข็งแกร่งไหว
แต่โจมตีก็ส่วนโจมตี มีเรื่องบางเรื่องต้องถามให้รู้ชัดเจนก่อน “หลี่คูโหลว ถ้าข้าเดาไม่ผิด เจ้าต่างหากที่เป็นหลี่เปียวตัวจริง”
“งั้นหรือ” เมื่อได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงจู่ๆ ก็พูดแบบนี้ หลี่คูโหลวก็เร่งโจมตี พร้อมถามกลับว่า “เจ้าเดาออกได้อย่างไร”
“ก็เพราะสิ่งนี้ไง!” ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็โยนป้ายแขวนเอวที่พกติดตัวให้หลี่คูโหลว แต่กลับฉวยโอกาสตอนที่อีกฝ่ายยื่นมือมารับของแทงกระดูกบ่าของเขา แต่อีกฝ่ายก็หลบได้อย่างสบายๆ
ส่วนปากก็ยังพูดต่อไปว่า “ฝ่ามือทรายพิษหลี่เปียว แม้แต่ฉายาก็ยังตั้งจากชื่อฝ่ามือทรายพิษ แค่นี้ก็น่าจะรู้แล้วว่ามีความรู้เรื่องฝ่ามือทรายพิษลึกล้ำมาก…
…แต่คนชั่วที่โด่งดังในยุทธภพคนหนึ่ง ฝีมือของสุดยอดวิชาเลื่องชื่อยังสู้ผู้พิพากษาประจำอำเภออย่างเจ้าไม่ได้ เรื่องนี้อาจจะฟังดูเหลวไหลไปหน่อย…
…นอกจากนี้ หลังจากข้ากำจัดเขาแล้ว ก็ยังพบป้ายอาญาสิทธิ์แผ่นนี้บนตัวเขาด้วย…
…ที่บังเอิญก็คือ โรงน้ำชาโจวจี้ที่เขียนไว้บนบนป้ายอาญาสิทธิ์ ก็อยู่ตรงข้ามกับศาลาว่าการอำเภอนี่เอง”
…คิดไปคิดมา ข้าว่าโรงน้ำชาโจวจี้นั่น ก็คงเป็นสถานที่รับงูพิษที่ค่ายทรายพิษจะมาส่งให้เจ้าตามกำหนดเวลา…
…ดังนั้น คำอธิบายเดียวที่สมเหตุสมผลก็คือ ‘หลี่เปียว’ ที่อยู่บนค่ายทรายพิษนั่นก็เป็นแค่ตัวแทนเท่านั้น แต่หลี่เปียวที่แท้จริง ก็คือปีศาจกระดูกอย่างเจ้าต่างหาก!”
เยี่ยเว่ยหมิงพูดทุกอย่างโดยอาศัยการคาดเดาเท่านั้น ไม่ได้มีหลักฐานตัวจริงใดๆ แต่หลี่คูโหลกลับรู้ว่าถ้าเยี่ยเว่ยหมิงมีความสามารถที่จะทำให้เขาตายได้ ไม่ว่าเขาจะใช่หลี่เปียวหรือไม่ก็ไม่สำคัญเลย
อาศัยแค่พฤติกรรมของเขาในช่วงหลายปีมานี้ที่อำเภออินกู่ ถ้าจะสืบหาขึ้นมาจริงๆ ฆ่าเขาสักสิบครั้งก็พอแล้ว
นี่ก็คือสาเหตุที่เยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้ไปสืบหาหลักฐานที่โรงน้ำชาโจวจี้ก่อนมาที่นี่ เนื่องจากไม่มีความจำเป็นนั้น!
พอบีบป้ายอาญาสิทธิ์จนแตกสลายคามือ รอยยิ้มของหลี่คูโหลวก็เริ่มเปลี่ยนเป็นดุร้ายยิ่งขึ้น “เจ้าพูดไม่ผิดหรอก ข้าก็คือหลี่เปียว! เพียงแต่ความลับนี้ เกรงว่าเจ้าคงไม่มีโอกาสพูดมันออกมาอีกแล้ว รวมทั้งแม่นางคนสวยข้างหลังเจ้าด้วย…
…แล้วพวกเจ้าก็ยังหวังว่าจะมีคนมาล้างแค้นแทนพวกเจ้า…
…เพราะหลังจากหลังสังหารพวกเจ้าแล้ว ข้าก็จะไม่เป็นผู้พิพากษาอำเภอแล้วเช่นกัน อย่างมากก็ปิดบังชื่อแซ่ของตัวเองอีกครั้ง แล้วโบยบินไปยังที่แสนไกล ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะมีคนตามหาข้าพบ!”
หลังจากหลี่คูโหลวยอมรับว่าตัวเองคือหลี่เปียว ชื่อ BOSS ที่แสดงอยู่เหนือศรีษะเขาก็เปลี่ยนตามไปด้วยเช่นกัน
[หลี่เปียว]
ยอดฝีมือฝ่ามือทรายพิษ ก่อกรรมทำชั่วอยู่ในพื้นที่หนึ่ง
เลเวล: 65
พลังชีวิต: 267326/330000
กำลังภายใน: 165474/180000
……
หลังจากเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา การโจมตีของหลี่เปียวก็กลายเป็นโหดขึ้นมากะทันหันเช่นกัน
เนื่องจากเยี่ยเว่ยหมิงกังวลฝ่ามือพิษของอีกฝ่าย เมื่อต่อสู้กันขึ้นมาจึงกลายเป็นฝ่ายถูกกระทำ หลังจากผ่านไปสามสิบกว่ากระบวนท่า ก็โดนหลี่เปียวเล็งจุดอ่อนแล้ว พอใช้ฝ่ามือผลักไปที่หน้าอกของเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว
ส่วนเยี่ยเว่ยหมิงตอนนี้ กระบวนท่าก็เริ่มวุ่นวายไร้ระเบียบ เมื่อเห็นท่าไม้ตายมาอยู่ตรงหน้า ก็ฝืนผลักฝ่ามือรับไว้ด้วยความลนลาน รับฝ่ามือพิษสีแดงของหลี่คูโหลวไว้แล้ว
ตุ้บ!
-2863
พิษฝ่ามือของหลี่คูโหลว ถึงแม้จะถอนพิษไปแล้ว แต่ก็ยังทำให้ค่าสเตตัสของเยี่ยเว่ยหมิงลดลงห้าเปอร์เซ็นต์ ส่วนความต่างของค่าสเตตัสห้าเปอร์เซ็นต์ ก็ทำให้ปราณแท้ป้องกันตัวของเขาอ่อนแอลงแล้วไม่น้อย โดนโจมตีแค่ฝ่ามือเดียวก็ทำให้เสียพลังชีวิตไปเกือบสามพัน
ขณะเดียวกันนี้เอง สถานะถูกพิษบนตัวเขาก็รุนแรงหนักขึ้นอีกครั้ง จากตอนแรกที่ค่าสเตตัสโดยรวมลดลงห้าเปอร์เซ็นต์ ตอนนี้กลายเป็นลดลงยี่สิบห้าเปอร์เซ็นต์แล้ว!
ค่าสเตตัสหนึ่งในสี่ส่วนถูกหักไปอย่างนี้แล้วชั่วคราว!
ยิ่งไปกว่านั้น จากการโจมตีเดียวก็ทำให้มองออกถึงจุดที่น่ากลัวของวิชาพิษแล้ว
เนื่องจากมันจะร้ายแรงขึ้นตามเวลาต่อสู้ สถานะถูกพิษแบบนี้ซ้อนกันได้!
แต่ฝั่งหลี่เปียวก็ไม่ได้ดีกว่ากันไปสักเท่าไร หลังจากกินมังกรซ่อนกบดานอีกครั้ง หลี่เปียวก็เสียค่าพลังชีวิตไปหมื่นกว่า และได้ลิ้มรสเวลาที่ธาตุพิษย้อนทำร้ายอีกครั้ง
จากนั้น สองคนที่ปะทะฝ่ามือกันก็ต่างคนต่างถอยหลังคนละสามก้าว พร้อมทั้งเริ่มกินยาถอนพิษด้วย
เคลื่อนไหวประหลาดเหมือนกันทั้งคู่
ทั้งนี้แม้เยี่ยเว่ยหมิงกินยาถอนพิษแล้ว แต่ค่าสเตตัสก็ฟื้นฟูกลับมาเพียงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น สถานการณ์ย่ำแย่กว่าเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้
เมื่อได้เห็นฉากนี้ หลี่เปียวก็อดหัวเราะลั่นไม่ได้ “เจ้าหนู ต้องรู้ไว้นะว่าพิษร้ายบนฝ่ามือข้ามันซ้อนกันได้ ดังนั้น วันนี้พวกเจ้าสองคนต้องตายแน่นอน”
เมื่อได้ยินดังนั้น เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่รู้สึกลำบากเหมือนก่อนหน้านี้อีกแล้ว เขาขยับบ่าอย่างผ่อนคลายมาก พร้อมพูดออกมาเบาๆ ว่า “ก็ไม่แน่หรอก!”
หลี่เปียวได้ยินแล้วขมวดคิ้ว แต่เขาก็รู้ทันทีว่าทำไมเยี่ยเว่ยหมิงถึงกลายเป็นมั่นใจในตัวเองขนาดนี้
เพราะหลังจากกินยาถอนพิษแล้ว พิษร้ายที่อยู่บนตัวหลี่เปียวกลับไม่ได้บรรเทาลงสักเท่าไร ค่าสเตตัสโดยรวมฟื้นฟูกลับมาเพียงหกสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น อีกทั้งแถบพลังชีวิตเหนือศีรษะเขาก็ลดลงเร็วมากจนตาเปล่าสังเกตเห็นได้
เขาเงยหน้ามองอย่างหวาดกลัว แต่กลับเห็นเยี่ยเว่ยหมิงกำลังสะบัดมือซ้ายตัวเองด้วยสีหน้ามีเลศนัย ระหว่างนิ้วสองนิ้วของเขามีเข็มเหล็กที่อาบเลือดเล่มหนึ่ง!
เนื่องจาก ‘มังกรซ่อนกบดาน’ ที่เขาโจมตีก่อนหน้านี้สร้างดาเมจไม่ไม่ใช่น้อยๆ หลี่เปียวจะแยกออกได้อย่างไรว่าในความเจ็บปวดนั้นเจือปนด้วยแสบร้อนที่ไม่ได้ชัดเจนมาก
“จะว่าไป ก็ต้องขอบคุณเจ้านะที่ก่อนหน้านี้เอ่ยถึงประสิทธิภาพของการรวมพิษหลายๆ ชนิด ถึงได้ทำให้ข้านึกได้ว่าจะใช้วิธีไหนทำให้เจ้าตาย” เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มอย่างไร้พิษภัย “เจ้าคงไม่คิดจริงๆ ใช่ไหมว่ามีแค่เจ้าที่ใช้พิษเป็น?”
ตอนนี้เอง หลี่เปียวก็รู้สึกไร้เรี่ยวแรงไปทั้งตัว บนศีรษะมีเหงื่อเม็ดเล็กซึมออกมาแล้ว “สมควรตาย เจ้าใช้ยาพิษอะไรกันแน่ ไม่น่าเชื่อว่าจะโหดขนาดนี้”
ขณะเล่นเข็มเหล็กที่อาบด้วยเลือด เยี่ยเว่ยหมิงก็ถามกลับพร้อมรอยยิ้มว่า “‘ยาตัดวิญญาณ’ จากหุบเขาเย่าหวัง ไม่รู้ว่าเจ้าเคยได้ยินหรือเปล่า”