ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 294 อันดับหนึ่งถึงจะได้ผลตอบแทนสูงสุด
ตอนที่ 294 อันดับหนึ่งถึงจะได้ผลตอบแทนสูงสุด
สำนักมือปราบเทพ นอกประตูโถงประชุมใหญ่ที่หวงโส่วจุนอยู่
หลังจากรีบร้อนกลับมาถึงอย่างเหน็ดเหนื่อย เยี่ยเว่ยหมิงก็นำน้ำสะอาดหนึ่งกาจากกระเป๋าสัมภาระขึ้นมาล้างหน้าก่อน แล้วก็จัดคอเสื้อให้ตรง หลังจากแน่ใจแล้วว่าลักษณะท่าทางของตัวเองเรียบร้อยมากพอ ถึงได้กล่าวเสียงดังฟังชัดว่า “เยี่ยเว่ยหมิง มือปราบขั้นหกแห่งสำนักมือปราบเทพขอพบหวงโส่วจุนขอรับ!”
ในห้องนั้น หวงโส่วจุนที่กำลังคัดลอกหนังสือขานรับตามอารมณ์ “เข้ามาได้”
เยี่ยเว่ยหมิงก้าวเข้ามาในห้อง พอหวงโส่วจุนเห็นเขาตั้งใจแต่งตัวให้เรียบร้อยก็กล่าวเสียงเรียบว่า “คนกันเองทั้งนั้น ตอนเจ้ามาพบข้า ไม่ต้องทำตัวเป็นทางการขนาดนี้ก็ได้”
“ข้าทำเช่นนี้ก็เพราะมีเรื่องจะขอร้องไม่ใช่หรอกหรือ” เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวพร้อมร้อยยิ้มชื่นมื่น
หวงโส่วจุนได้ยินแล้วหลุดขำ “แสดงว่าตอนที่เจ้าไม่เป็นฝ่ายมาขอร้องข้าก่อน ก็หมายความว่าไม่เคารพยำเกรงกันสินะ”
“ใช่ที่ไหนเล่า” เยี่ยเว่ยหมิงโวยวายเพราะรู้สึกไม่ได้รับความเป็นธรรม “ท่านดูสิ เมื่อก่อนข้าเคยเสแสร้งขนาดนี้เสียที่ไหนกัน”
“เจ้าช่างตรงไปตรงมา”
หวงโส่วจุนส่ายหน้า แล้วสุดท้ายก็วางคัมภีร์เต๋าในมือ “ว่ามาเถอะ มาพบข้ามีธุระอะไร”
“คืออย่างนี้ขอรับ ก่อนหน้านี้ข้าได้ตำราลับจากภารกิจมาเล่มหนึ่ง จึงอยากขอให้ท่านช่วยดูให้สักหน่อย ว่าข้าเหมาะจะฝึกมันหรือเปล่า” ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็ก้าวขึ้นไปข้างหน้า แล้วใช้สองมือยื่นตำราลับ ‘ฝ่ามือทรายพิษ’ ไปตรงหน้าหวงโส่วจุน
พอรับตำราลับมาแล้ว หวงโส่วจุนก็กล่าวอย่างสบายๆ “นั่งลงเถอะ”
“ขอรับ!”
หลังจากเยี่ยเว่ยหมิงนั่งลง หวงโส่วจุนกลับไม่ดูตำราลับที่อยู่ในมือ ที่จริงแล้วไม่ใช่เรื่องง่ายหากผู้เล่นอยากจะได้ตำราลับ ‘ฝ่ามือทรายพิษ’ เล่มนี้ แต่ในสายตาของ NPC ระดับสูง ไม่ถือว่ามันเป็นตำราลับที่พิเศษอะไรเลย ด้วยความรู้และประสบการณ์ของหวงโส่วจุน แค่มองชื่อของตำราลับปราดเดียวก็เพียงพอแล้ว
หวงโส่วจุนโยนตำราลับลงบนโต๊ะ แล้วบอกเยี่ยเว่ยหมิงตรงๆ ว่า “ต้องบอกว่าการฝึกวิชาพิษจะทำให้พลังต่อสู้ของเจ้าแข็งแกร่งขึ้นภายในเวลาอันสั้นได้จริงๆ แต่ข้ากลับไม่สนับสนุนให้เจ้าฝึกวิชาพวกนี้…
…หรือไม่เจ้าก็ส่งต่อเคล็ดฝ่ามือนี้ให้ซานเย่ว์ หากใช้วิชานี้สลับกับ ‘ฝ่ามือทะลวงใจ’ จะแสดงประสิทธิภาพที่เจ้าคาดไม่ถึงออกมา”
เมื่อได้ยินว่าซานเย่ว์เหมาะกับการใช้งานมันมากกว่าตน เยี่ยเว่ยหมิงก็ถามอย่างไม่ยอมแพ้ “หวงโส่วจุนหมายความว่า หากข้าฝึกวิชานี้ โอกาสประสบความสำเร็จเทียบกับให้ซานเย่ว์ฝึกไม่ได้อย่างนั้นหรือ”
หวงโส่วจุนส่ายหน้าเบาๆ แล้วอธิบายว่า “วิชาพิษเป็นเพียงวิถีทางที่ไม่ถูกต้อง แม้จะเพิ่มพลังต่อสู้ได้ในเวลาอันสั้น แต่สุดท้ายก็เป็นการทำร้ายตัวเองก่อนทำร้ายผู้อื่น ทำลายรากฐานของตัวเอง จะมาเสียใจทีหลังก็ไม่ทันแล้ว หากตอนอายุยังน้อยใช้กำลังวังชาไปกับวิถีทางที่ไม่ถูกต้องพวกนี้เป็นหลัก เกรงว่าทั้งชีวิตนี้ก็ตะกายขึ้นสู่จุดสูงสุดของวิทยายุทธ์ที่แท้จริงได้ยาก”
เยี่ยเว่ยหมิงเถียงกลับอีกครั้ง “ได้ยินว่าพิษประจิมโอวหยางเฟิง หนึ่งในห้ายอดฝีมือแห่งยุคก็เป็นยอดฝีมือวิชาพิษเช่นกัน ใต้หล้าก็ไม่มีใครกล้าบอกว่าเขาไม่ได้ฝึกวิชานี้จนชำนาญนี่ขอรับ”
“เขาก็ไม่ได้ฝึกวิชาจนชำนาญจริงๆ!” หวงโส่วจุนกล่าว
เมื่อหวงโส่วจุนมั่นใจในตัวเองขนาดนี้ เยี่ยเว่ยหมิงจะยังพูดอะไรได้อีก
พันวาจาหมื่นคำพูดรวมได้เป็นประโยคเดียวว่า
หวงโส่วจุนโคตรเจ๋ง!
เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้า สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยคำพูดประจบสอพลอเลี่ยนๆ ออกมา เปลี่ยนเป็นถามว่า “ในเมื่อการฝึกวิชาพิษมีผลเสีย เช่นนั้นหากให้ซานเย่ว์ฝึก…”
หวงโส่วจุนส่ายหน้ายิ้มบางๆ “หากไม่ฝึกทักษะยุทธ์วิชานี้ นางก็มีหวังที่จะเก่งกว่าโอวหยางเฟิงอย่างนั้นหรือ”
ความหมายที่จะสื่อก็คือ เยี่ยเว่ยหมิงเป็นต้นกล้าที่ดี จะถูกวิชาพิษนี้ดึงขีดจำกัดความสำเร็จให้ต่ำลงไม่ได้ แต่ขีดจำกัดของซานเย่ว์เดิมทีก็เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ไม่ถึงขั้นเกิดปัญหาถูกดึงขีดจำกัดให้ต่ำลง
เยี่ยเว่ยหมิงกำลังคิดว่า ถ้าทำให้ซานเย่ว์มีความสามารถถึงระดับโอวหยางเฟิงก็อาจถือเป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว
ในเมื่อเข้าใจกุญแจสำคัญที่อยู่ในนั้นแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็บอกทันทีว่า “ขอบคุณหวงโส่วจุนมากที่ชี้แนะ ข้าน้อยขอตัวขอรับ”
“ช้าก่อน!”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วอดตาเป็นประกายไม่ได้ คิดว่ามีภารกิจแน่ๆ!
“หวงโส่วจุนมีอะไรก็กำชับมาได้เลยขอรับ”
หวงโส่วจุนพยักหน้าเล็กน้อย แสดงออกว่าพอใจต่อท่าทีของเขามาก “ไม่มีภารกิจหรอก ข้าเพียงเห็นว่าฝีเท้าของเจ้าเบาและสง่างาม ลมหายใจมั่นคง ข้าเดาว่าวิชาตัวเบา ‘แปดก้าวไล่ทันคางคก’ ของเจ้าคงถึงระดับเก้าแล้วสินะ หากบนตัวเจ้ามีแต้มค่าตบะมากพอ รีบเพิ่มมันให้ถึงระดับสมบูรณ์โดยเร็วที่สุดจะดีกว่า”
“เพราะอะไรขอรับ” เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วงุนงง
อิงจากที่น้องดาบกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ วิชาตัวเบาคือสิ่งที่เพิ่มเลเวลได้หากวิ่งเยอะๆ ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองค่าตบะอันล้ำค่าเลย
อย่างไรเสียค่าตบะก็คือสิ่งที่ทุกคนขาดแคลน ประหยัดได้ก็ควรประหยัด
คาดไม่ถึงว่าหวงโส่วจุนกลับบอกว่า “ไม่ว่าจะเป็นทักษะยุทธ์ใด หากเจ้าฝึกจนถึงระดับสมบูรณ์แล้ว เอฟเฟ็กต์พิเศษที่เปิดใช้งานได้ก็จะแตกต่างกับของคนอื่น…
…ยกตัวอย่างเช่น ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ในฐานะที่เจ้าคือคนแรกที่ฝึกให้มันถึงระดับสมบูรณ์ได้ เปิดใช้งาน ‘เงาของเทพกระบี่’ สำเร็จ ค่าเตตัส ‘ความว่องไว’ ก็จะเพิ่มเป็นสองเท่า…
…แต่หากในภายหลังมีคนอื่นฝึก ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ถึงระดับสิบ แม้ค่าประสบการณ์ที่ต้องใช้คือสามแสนเหมือนกัน และเปิดใช้งาน ‘เงาของเทพกระบี่’ ได้เหมือนกัน แต่เงาที่พวกเขาเปิดใช้งานได้ ก็เป็นแค่โบนัสค่าสเตตัสความว่องไวห้าร้อยแต้มเท่านั้น”
ความว่องไวเพิ่มห้าร้อยแต้มกับความว่องไวเพิ่มขึ้นหนึ่งเท่า อันไหนเจ๋งกว่ากันล่ะ
สำหรับผู้เล่นทั่วไป แบบแรกอาจจะเห็นประสิทธิภาพชัดเจนกว่าหน่อย อย่างไรเสียความว่องไวของพวกเขาก็อาจยังไม่ถึงห้าร้อยแต้ม ถ้าได้เพิ่มหนึ่งเท่าก็อาจไม่ถึงห้าร้อยแต้มด้วยซ้ำ
แต่หากมองในระยะยาว แบบหลังได้เพิ่มเยอะกว่าแน่นอน
แต่เยี่ยเว่ยหมิงจัดเป็นประเภทที่ต่างออกไป เพราะตอนที่เขาเพิ่งเปิดใช้งานค่าสเตตัสนี้ ความว่องไวก็เกินห้าร้อยแต้มแล้ว ตอนนี้ถึงระดับที่น่ากลัวอย่างแปดร้อยหกสิบสองแล้ว
อีกทั้งตอนที่เลเวลเพิ่มขึ้น ทักษะและอุปกรณ์แข็งแกร่งขึ้น ความแตกต่างระหว่างค่าสเตตัสสองแบบก็มีแต่จะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
สำหรับผลลัพธ์แบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงอดกล่าวอย่างตกใจไม่ได้ “แบบแรกกับแบบสองต่างกันมากขนาดนี้ เหมือนจะไม่ค่อยสมเหตุสมผลนะขอรับ”
ส่วนหวงโส่วจุนก็ยิ้มเรียบๆ “หากถามว่าเหตุใดจึงแตกต่างกันมากขนาดนี้ เหตุผลแท้จริงที่อยู่ในนั้น ขอเพียงเจ้าลองเปรียบเทียบก็จะรู้แล้ว”
หวงโส่วจุนชะงักครู่เดียว แล้วบอกว่า “ข้าถามเจ้าหน่อย ยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกคือยอดเขาอะไร”
“ยอดเขาเอเวอเรสต์” เยี่ยเว่ยหมิงตอบอย่างไม่ลังเล
หวงโส่วจุนถามต่อ “แล้วอันดับสองล่ะ”
“ยอดเขาเคทู”
หวงโส่วจุนชะงัก “เช่นนั้นอันดับสามล่ะ”
“ยอดเขากันเจนชุงคา”
หวงโส่วจุนเงียบไปสองวินาที “ไม่มีอะไรแล้ว เจ้าออกไปเถอะ”
“แล้วเหตุผลที่ท่านจะบอกข้าก่อนหน้านี้…” เยี่ยเว่ยหมิง
“ไสหัวไป!”
……
หลังจากถูกหวงโส่วจุนไล่ออกมา เยี่ยเว่ยหมิงก็กลับห้องพักส่วนตัวของตัวเองที่สำนักมือปราบเทพทันที หลังจากปิดประตูแล้ว ก็เปิดคอลัมน์ทักษะขึ้นมา มองดูค่าตบะ 235484 แต้มของตัวเองแวบหนึ่ง แล้วอดพึมพำอย่างจนใจไม่ได้ “เป็นอย่างที่คาดไว้ ค่าตบะคือของที่มักจะรักษาไว้ไม่ได้”
พูดจบก็ไม่ลังเลอีก เพิ่มเลเวล ‘แปดก้าวไล่ทันคางคก’ จากเก้าให้เป็นสิบซึ่งเป็นระดับสมบูรณ์ทันที!