ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 296 เคล็ดกระบี่วีรสตรี (ระดับต้น)
ตอนที่ 296 เคล็ดกระบี่วีรสตรี (ระดับต้น)
ถ้าจะบอกว่ากระบวนท่าของลิงตัวนี้ร้ายกาจขนาดไหน ก็บอกได้เลยว่าไม่ถึงขนาดนั้น ถึงอย่างไรมันก็ใช้ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ เหมือนกัน แม้กระบวนท่าของมันจะเหนือกว่า ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ของเยี่ยเว่ยหมิงนิดหน่อย แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นทำให้เขารับมือไม่ไหว
สิ่งที่ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงตกใจจริงๆ ก็คือ ลิงตัวนี้ตอบสนองเร็วมาก!
แทบจะทุกครั้งที่เยี่ยเว่ยหมิงลงมือ อีกฝ่ายก็จะรับมือกับเหตุฉุกเฉินได้อย่างแม่นยำทันที
ความรู้สึกที่เหมือนคาดเดากระบวนท่าได้ล่วงหน้าแบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงคุ้นเคยมาก
นี่ต้องเป็นเงาของเทพกระบี่แน่นอน!
BOSS เล็กที่เฝ้าด่านแรกตัวนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะฝึก ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ จนถึงเลเวลสิบซึ่งเป็นระดับสมบูรณ์แล้ว!
อีกทั้งกระบวนท่ายังเหนือชั้นกว่าเยี่ยเว่ยหมิงด้วย ประสิทธิภาพก็ยิ่งแข็งแกร่งเพราะเป็น ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ระดับสมบูรณ์!
ตอนที่ทั้งสองประมือกัน ก็ได้สู้กันไปแล้วหลายสิบกระบวนท่า ตอนแรกเยี่ยเว่ยหมิงมีความทะเยอทะยาน ยังคิดจะประลองเคล็ดกระบี่กับลิงใหญ่ตัวนี้สักหน่อย ทว่าเมื่อการต่อสู้ดำเนินไปเรื่อยๆ เขากลับจนใจเพราะพบว่าถ้าอาศัยการเปลี่ยนกระบวนท่าของเคล็ดกระบี่อย่างเดียว ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะทำอะไรลิงที่อยู่ตรงหน้าไม่ได้เลย!
ในบรรดาเคล็ดกระบี่ที่เยี่ยเว่ยหมิงเคยเรียนมา กระบวนท่าของ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ก็ย่อมไม่ต้องพูดถึงอยู่แล้ว เมื่อเจอกับ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ของอีกฝ่ายที่เหนือชั้นกว่า คาดว่าเขาคงไม่ใช่ฝ่ายที่ได้เปรียบเลยสักนิด
แม้กระบวนท่าของ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ จะเหนือกว่าอีกฝ่ายอยู่หนึ่งระดับ แต่ช่วยไม่ได้ที่เขายังฝึกไม่ชำนาญมากพอ เมื่อเผชิญหน้ากับ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี ‘ของวานรก้นแดงที่ไม่มีจุดอ่อนแสดงให้เห็นชัดเจน ก็ฉวยโอกาสเอาเปรียบอะไรไม่ได้อยู่ดี
‘มังกรร่อนล่อหงส์’ กับ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ก็เป็นวิทยายุทธ์ระดับกลางเหมือนกัน กระบวนท่ายอดเยี่ยมกว่าเคล็ดกระบี่ของอีกฝ่ายหนึ่งระดับ เยี่ยเว่ยหมิงฝึกมังกรร่อนล่อหงส์จนถึงเลเวลสิบซึ่งเป็นระดับสมบูรณ์แล้วเช่นกัน แต่ก็ช่วยไม่ได้ที่เคล็ดกระบี่นี้ไม่มีพลังโจมตี!
การต่อสู้ดำเนินไปอย่างนี้ เยี่ยเว่ยหมิงกับวานรก้นแดงสู้กันร้อยกว่ากระบวนท่าในอึดใจเดียว จนกระทั่งเขาดูการพลิกแพลงเคล็ดกระบี่ของอีกฝ่ายจนเพลิน ถึงได้ล้มเลิกความคิดดื้อดึงที่จะอาศัยเคล็ดกระบี่นี้เอาชนะ เปลี่ยนไปใช้กลยุทธ์อาศัยค่าสเตตัสที่ได้เปรียบกว่าบดขยี้ฝ่ายแทน
อันดับแรกคือใช้ ‘มังกรซ่อนกบดาน’ ที่ถูกเปิดใช้งานล่วงหน้าโจมตีฝ่ายจนกระเด็นถอยหลัง จากนั้นก็ฉวยโอกาสตอนที่อีกฝ่ายติดสถานะลอย แล้วก็เสริมดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ไปอีกหนึ่งที
ถูกหว่างคิ้ว!
โจมตีคริติคอล!
ปลิดชีพ!
เยี่ยเว่ยหมิงอาศัยความได้เปรียบของค่าสเตตัสอุปกรณ์และเคล็ดวิชาระดับสูงที่สะสมมา คว้าชัยชนะในด่านแรกอย่างไร้ยางอาย
แต่หลังจากเอาชนะคู่ต่อสู้ได้แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่แสดงสีหน้าดีใจใดๆ
นี่คือบททดสอบด่านแรก ขนาดเป็นแค่คู่ต่อสู้เลเวลสี่สิบยังรับมือยากขนาดนี้ เช่นนั้นถ้าอิงตามจังหวะของด่านแรก คู่ต่อสู้ของด่านต่อไปจะต้องเป็น BOSS ใหญ่เลเวลแปดสิบแน่นอน!
เมื่อถึงเวลานั้น ความได้เปรียบของค่าสเตตัสที่เขาภาคภูมิใจจะต้องหายไปแน่นอน จะกลับกลายเป็นจุดด้อยของเขาด้วยซ้ำ
ถึงตอนนั้นเกรงว่าจะมีเพียงผลลัพธ์เดียว นั่นก็คือถูก BOSS ด่านที่สองจับกดและบดขยี้จนตาย
ขณะกำลังจ้องมองจุดที่วานรก้นแดงหายไป จู่ๆ เยี่ยเว่ยหมิงกลับพบว่าวัตถุและฉากที่อยู่ตรงหน้าเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าพลิกดินอีกครั้ง
จากนั้นเขาก็เห็นเพดานหอพักของสำนักมือปราบเทพ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของเตียงที่อยู่ข้างหลังเช่นกัน
นึกไม่ถึงว่าหลังจากผ่านด่านแรกแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ถูกดันเจี้ยนเขตลับไผ่เขียวดีดออกมาทันที
ตอนนี้เอง เสียงแจ้งเตือนของระบบก็ดังขึ้นตรงเวลา
[ติ๊ง! คุณผ่านบททดสอบของด่านแรก ‘เขตลับไผ่เขียว’ ได้อย่างราบรื่น ได้รับรางวัล: ความว่องไว+100 ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ เพิ่มคุณภาพหนึ่งระดับ]
ไม่น่าเชื่อว่าเคล็ดกระบี่วีรสตรีจะได้เพิ่มคุณภาพแล้ว!
เยี่ยเว่ยหมิงฮึกเหิมทันที เปิดหน้าอินเตอร์เฟสระบบขึ้นมาดูทันที
[เคล็ดกระบี่วีรสตรี (ระดับต้น)]
เคล็ดกระบี่ที่ตกทอดมาในสมัยชุนชิว อานุภาพทั่วไป
เลเวล: 9 (+1)
ค่าประสบการณ์: 0/600000
โจมตี +135% (+95%)
แม่นยำ +135% (+95%)
เอฟเฟ็กต์พิเศษ: เงาของเทพกระบี่
เงาของเทพกระบี่: คุณฝึก ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ถึงระดับสมบูรณ์แล้ว ในที่สุดก็ได้เข้าใจถึงท่วงท่าอันสง่างามของเทพกระบี่
เอฟเฟกต์พาสซิฟ: ค่าสเตตัส ‘ความว่องไว’ เพิ่มหนึ่งเท่า!
……
หลังจากเคล็ดกระบี่วีรสตรีเพิ่มคุณภาพขึ้นหนึ่งระดับแล้ว เลเวลกลับลดลงไปเหลือเก้า อีกทั้งถ้าต้องการเพิ่มให้เป็นเลเวลสิบอีกครั้ง ก็จะต้องใช้ค่าประสบการณ์เคล็ดกระบี่อีกหกแสนแต้ม!
แต่กล่าวโดยสรุปก็คือ ขีดจำกัดของเคล็ดกระบี่นี้ถูกดึงให้สูงขึ้นแล้วไม่น้อย
และหากมองค่าสเตตัสของมันอย่างเดียว หลังจากเพิ่มคุณภาพแล้ว ค่าสเตตัสพื้นฐานของเลเวลเก้าก็ยังแย่กว่าค่าสเตตัสของเลเวลสิบแบบเดิมอยู่นิดหน่อย แต่หลังจากนับโบนัสค่าสเตตัส ‘เลเวลเคล็ดกระบี่ +1’ ของกระบี่แสงทองแล้ว กลับพบว่าสูงกว่าเยอะมาก
ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ถือว่าได้กำไร
เขามองกระบองไผ่เขียวที่อยู่ในมืออีกครั้ง
กระบองไผ่เขียว: กระบองไผ่เขียวที่ไม่ทราบที่มา ในนั้นเหมือนซ่อนความลับที่เกี่ยวข้องกับ ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ หาก ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ (ระดับต้น) ถึงเลเวลสิบแล้วจะเปิดใช้งานได้อีกครั้ง หลังจากเปิดใช้งานแล้วจะเข้าท้าสู้ในด่านต่อไปได้
หลังจากเห็นค่าสเตตัสของกระบองไผ่เขียวนี้แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็อดหัวเราะเยาะตัวเองไม่ได้
เสียแรงที่ก่อนหน้านี้เขากลุ้มใจที่หาวิธีท้าสู้ BOSS ด่านที่สองไม่ได้ ทว่าความจริงกลับโหดร้ายกว่าที่เขาจินตนาการไว้
เขาในตอนนี้ แม้แต่สิทธิ์ที่จะท้าสู้ด่านที่สองก็ยังไม่มีเลย!
พอเก็บกระบองไผ่เขียว เยี่ยเว่ยหมิงถึงตระหนักได้ถึงเรื่องที่น่าสนใจมากเรื่องหนึ่ง
เช่นนั้นหลังจากเพิ่มคุณภาพให้เคล็ดกระบี่แล้ว ‘เคล็ดกระบี่วีรสตรี’ ของเขาก็ได้แทนที่ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ อีกครั้ง กลายเป็นเคล็ดกระบี่ประเภทโจมตีที่มีโบนัสค่าสเตตัสสูงสุดของเขาในตอนนี้
เคล็ดกระบี่ทั้งสองนี้มีทั้งส่วนที่เพิ่มขึ้นและส่วนที่ลดลง ทำให้เกิดการแข่งขันกันเอง กลายเป็นวิธีการโจมตีหลักที่เยี่ยเว่ยหมิงคิดเอาไว้
น่าสนใจจริงๆ!
……
คืนนี้เยี่ยเว่ยหมิงไม่ทำอะไรทั้งนั้น ได้แต่นอนเงียบๆ อยู่บนเตียง ตั้งใจผ่อนคลายเส้นประสาทที่ตึงเครียดในช่วงนี้
เช่าตรู่วันต่อมา เขาส่ง ‘ฝ่ามือทรายพิษ’ กับ ‘นวมหวั่งเหลี่ยง’ ที่ดรอปจากหลี่เปียวให้ซานเย่ว์ก่อน เดิมทีคิดจะส่งเพื่อเป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ปรากฏว่าน้องสาวคนนี้กลับดึงดันไม่รับไว้เพราะตัวเองไม่ได้สร้างผลงานอะไร หลังจากปฏิเสธอยู่พักหนึ่ง สุดท้ายก็ใช้เงื่อนไขว่านางไม่เอาส่วนแบ่งจากการประมูลขาย ‘ประกาศิตสร้างพรรค’ ถึงได้รับของสองสิ่งนี้ไว้
จะว่าไปแล้ว ชุดวิชาฝ่ามือพิษกับวิชาหมัดระดับทองคำก็เหมาะกับซานเย่ว์มาก
ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้เล่นทั่วไป นอกเสียจากจะเป็นสำนักพิเศษอย่างสำนักถังเหมิน ไม่อย่างนั้นหากใช้พิษบ่อยก็จะต้องถูกหักค่าวีรบุรุษแน่นอน ยิ่งใช้มากก็จะยิ่งถูกหักเยอะด้วย
แม้จะได้ค่าวีรบุรุษมาหลังจากฆ่ามอนสเตอร์ด้วยกัน นับรวมแล้วพอๆ กับที่ถูกหักไป แต่หากใช้นานไปก็จะเกิดผลกระทบไม่น้อยเลย
ก็เหมือน ‘กระบี่ชิงจู๋’ ที่เยี่ยเว่ยหมิงได้มาตอนแรก ทำให้ค่าวีรบุรุษของเขาเติบโตช้ามากช่วงหนึ่ง
แต่ซานเย่ว์กลับเป็นข้อยกเว้น
น้องสาวคนนี้เป็นคนบ้าทำภารกิจ ใช้เวลาส่วนใหญ่ทำภารกิจ ใช้เวลามากกว่าตอนฆ่ามอนสเตอร์อัปเลเวลแน่นอน ต่อให้ใช้วิชาพิษบวกกับอาวุธที่มีพิษร้าย อย่างมากก็ได้แค่โจมตีบอสที่อยู่ระหว่างทำภารกิจเท่านั้น
การตั้งค่าแฝงที่ว่าใช้พิษแล้วจะถูกหักค่าวีรบุรุษ สำหรับคนอื่นถือว่ามีผลกระทบไม่น้อย แต่สำหรับนางผลกระทบกลับน้อยนิดมาก
หลังจากบอกลาซานเย่ว์แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ออกเดินทางอีกครั้ง ไปยังจุดอัปเลเวลที่เขากระบี่เกาะเผิงไหล
การฝึกอัปเลเวลครั้งนี้ใช้เวลาสองวันสองคืน ในที่สุดจากเดิมที่เลเวลสามสิบหกและมีค่าประสบการณ์เหลืออยู่เกินครึ่ง ตอนนี้ทะลุถึงจุดที่เข้าใกล้เลเวลสามสิบเจ็ดแล้ว
ตอนหลังกลับมาบำรุงร่างกายที่สำนักมือปราบเทพ แล้วก็ฝึกอีกห้าวันในอึดใจเดียว ทำให้เลเวลของเขาทะลวงไปถึงสามสิบแปดอย่างเป็นทางการ!
แม้จะเห็นว่าเหลือเวลาอีกเพียงสามวันก็จะถึงวันประมูลขาย ‘ประกาศิตสร้างพรรค’ เยี่ยเว่ยหมิงก็ยังเตรียมจะใช้ประโยชน์จากสามวันนี้ไปฆ่ามอนสเตอร์เพื่ออัปเลเวลที่เขากระบี่เกาะเผิงไหลอีกครั้ง
ต่อให้ไม่มีทางเพิ่มเลเวลให้ถึงสามสิบเก้าได้ก่อนงานประมูลขาย แต่สะสมค่าประสบการณ์กับค่าตบะได้นิดหน่อยก็ยังดี
ทว่าแผนการที่งดงามเช่นนี้กลับปั่นป่วนเพราะพิราบสื่อสารตัวหนึ่งที่ส่งมาจากอินปู้คุย
[สหายเยี่ยกำลังยุ่งงานอะไรอยู่หรือเปล่า]…อินปู้คุย
[ไม่มีธุระสำคัญอะไร เตรียมจะไปฆ่ามอนสเตอร์อัปเลเวลสักสามวัน]…เยี่ยเว่ยหมิง
[ไม่ต้องฝึกแล้ว! มาอู่ตังสักรอบ มีภารกิจ ภารกิจที่ได้รางวัลเป็นวิทยายุทธ์ระดับสูง!]…อินปู้คุย
หลังจากเห็นข้อความ เยี่ยเว่ยหมิงก็อึ้งทันที
[ข้าไม่ใช่สิทธิ์สายนอกของสำนักของอู่ตังสักหน่อย ภารกิจสำนักอู่ตังของพวกเจ้า ทำไมต้องเอาข้าติดไปด้วยตลอด]…เยี่ยเว่ยหมิง
[เพราะข้าบอกอาจารย์ปู่ไว้แล้ว ว่าเจ้าเป็นคนเจอ [ขี้ผึ้งหยกดำต่อกระดูก] ท่านก็เลยให้ข้ามาชวนเจ้าไปทำภารกิจด้วยกัน]…อินปู้คุย
เมื่อเห็นคำตอบของอีกฝ่าย บนใบหน้าเยี่ยเว่ยหมิงก็เผยรอยยิ้มที่สื่อว่าเข้าใจ
ตนนำขี้ผึ้งหยกดำต่อกระดูกส่งให้เขาเพื่อให้ภารกิจสำเร็จ เดิมทีคิดจะตอบแทนน้ำใจเขาสักครั้ง แต่กลับนึกไม่ถึงว่าตอนที่เจ้าหมอนี่ได้รับผลประโยชน์ ก็ยังไม่ลืมที่จะพาตนไปด้วย
แบบนี้หมายความว่าอะไร
หมายความว่าเยี่ยเว่ยหมิงมองคนไม่ผิด!
สหายคนนี้มีคุณธรรม!
วันนี้มี5ตอนคะ