ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 302 เถียนปั๋วกวง เจ้าเร็วจริงๆ!
ตอนที่ 302 เถียนปั๋วกวง เจ้าเร็วจริงๆ!
บนผาสำนึกตน ไม่น่าเชื่อว่ามีชายวัยกลางคนสองคนกำลังร่ำสุรากันอย่างสุขสันต์หรรษา!
หลังจากแยกแยะหน้าตาของสองคนนี้ละเอียดแล้ว เฟยอวี๋ก็เตือนในช่องทีมว่า [คนที่ยังหนุ่มก็คือลิ่งหูชง ศิษย์ใหญ่ของสำนักหัวซาน อีกคนก็อาจเป็นเถียนปั๋วกวงละมั้ง]
ตอนแรกที่อยู่เขาชิงเฉิง เฟยอวี๋เคยเห็นกับตาว่าลิ่งหูชงถูกอวี๋ชางไห่ซ้อมหลังจากตัวเองซ้อมสี่ปัญญาชนแห่งชิงเฉิง เขาจึงจำคนคนนี้ได้
หลังจากวิเคราะห์หน้าตาแล้ว เขาก็ตรวจดูที่ข้อมูลในหน้าทักษะทันที แล้วกล่าวอย่างมั่นใจมากว่า “ยืนยันข้อมูลที่ทักษะ ‘สืบเสาะหมื่นลี้’ ของข้าให้มา คนผู้นี้คือตัวการที่สร้างมลทินให้แม่นางเหมียวฟู่กับแม่นางหวังเซิงที่อำเภอชิงฉวี่ จึงทำให้พวกนางทนความอัปยศไม่ได้ ปลิดชีพตัวเองโดยการแขวนคอ เป็นเถียนปั๋วกวงไม่ผิดแน่!”
“ไม่ถูกสิ!” เมื่อเห็นฉากที่อยู่ตรงหน้า อินปู้คุยก็อดส่งข้อความในช่องทีมไม่ได้ [ระหว่างทางที่มาที่นี่ ข้าก็รู้สึกว่าไม่ชอบมาพากลแล้ว อิงตามการดำเนินเนื้อเรื่อง ลิ่งหูชงควรกำลังอยู่ระหว่างทางไปที่งานเกษียณอายุขุนนางของหลิวเจิ้งเฟิงแล้วทำความรู้จักกับเถียนปั๋วกวง แต่เนื้อเรื่องช่วงงานล้างมือในอ่างทองคำ[1]ก็ยังไม่เริ่ม พวกเขาสองคนมาสมคบอยู่ด้วยกันได้อย่างไร”
“มีอะไรน่าแปลกใจ” เยี่ยเว่ยหมิงอธิบายอย่างไม่เห็นด้วย “ตามต้นฉบับเดิม ที่งานล้างมือในอ่างทองคำยังมีบทของอวี๋ชางไห่ด้วย แต่ตอนนี้บนหลุมศพของเจ้าหมอนั่นมีหญ้าขึ้นสูงเท่าตัวคนแล้ว อีกทั้งตามต้นฉบับเดิม ก่อนงานวันเกิดครบรอบร้อยปีของจางซานเฟิง อวี๋ไต้เหยียนมีโอกาสรักษาการตัวให้หายดีแล้วหรือ”
ความหมายที่เขาจะสื่อก็คือ ในเมื่อพวกเราเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องได้ คนอื่นก็ย่อมทำได้เช่นกัน
อย่างมากต้นฉบับเดิมก็เป็นได้เพียงเรื่องราวเบื้องหลังที่ใช้อ้างอิง แต่จะเชื่ออย่างสุดจิตสุดใจเหมือนเป็นกลยุทธ์ตายตัวไม่ได้แน่นอน
ถ้าจะเชื่อในหนังสือทั้งหมด สู้ไม่มีหนังสือเลยจะดีกว่า!
ขณะที่พูด ทั้งสามก็กระโดดขึ้นมาบนแท่นหินของผาสำนึกตนแล้ว การกระทำของพวกเขาย่อมดึงดูดสายตาของลิ่งหูชงกับเถียนปั๋วกวงที่กำลังร่ำสุรา
พอเห็นว่ามีคนนอกมาที่ผาสำนึกตน เถียนปั๋วกวงก็มองเพียงแวบเดียว หลังจากแน่ใจแล้วว่าในบรรดาผู้ที่มาไม่มีสาวงาม ถึงได้หันตัวกลับไปดื่มสุรากินเนื้อต่อ ขี้คร้านจะมองพวกเยี่ยเว่ยหมิงอีก
ส่วนลิ่งหูชงก็ลุกขึ้นยืนอย่างมีมารยาทมากแล้วถามอย่างสงสัยว่า “ผาสำนึกตนแม้จะอยู่ที่เขาหัวซาน แต่ก็เป็นสถานที่ที่น้อยคนนักจะมาถึง ไม่ทราบว่าทั้งสามมาที่นี่ด้วยธุระอะไร”
ตอนนี้กระบี่อาญาสิทธิ์ปรากฏอยู่ในมือของเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว เขาหมุนคมกระบี่ ชี้ไปยังเถียนปั๋วกวงพร้อมบอกว่า “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า พวกเรามาหาเถียนปั๋วกวง”
“หา?” พอได้ยินว่าเยี่ยเว่ยหมิงมาหาตน เถียนปั๋วกวงก็วางเนื้อลงแล้วยิ้มยิงฟันถามว่า “คนของทางการสองคนกับศิษย์อู่ตังหนึ่งคนมาหาข้า คงไม่ได้คิดจะมาจับข้าหรอกใช่ไหม”
“ไม่หรอก เจ้าเข้าใจผิดแล้ว” เมื่อเผชิญหน้ากับเถียนปั๋วกวง เยี่ยเว่ยหมิงก็พูดตรงๆ ตามวิถีทางแห่งชาวยุทธ์ของเขา “พวกเราไม่คิดจะจับเป็น”
ตอนที่พูด สายตาก็กวาดมองดาบเดี่ยวที่วางอยู่ข้างกายเถียนปั๋วกวงแวบหนึ่งเหมือนไม่ตั้งใจ แล้วบอกในช่องทีมว่า [เตรียมพร้อมลงมือทุกเมื่อ พยายามอย่าให้โอกาสเถียนปั๋วกวงหยิบดาบ]
“เจ้าเด็กนี่ช่างกล้านักนะ!” พอได้ยินว่าเยี่ยเว่ยหมิงประกาศตรงๆ ว่าจะสังหารตน เถียนปั๋วกวงก็โมโหจนหัวเราะประชดทันที พอด่าเสร็จก็ยื่นมือไปคว้าดาบสั้นที่อยู่ข้างกาย
ตอนนี้เอง เยี่ยเว่ยหมิงที่เตรียมตัวมานานแล้วก็พลันดีดนิ้วหนึ่งที ลูกเหล็กลูกหนึ่งกลายเป็นลำแสงสีเงินแล้ว ท่ามกลางเสียงฝ่าลมของโลหะที่แหลมเล็ก มันยิงไปทางด้ามดาบสั้นที่อยู่ข้างกายเถียนปั๋วกวงแล้ว
ถ้าเถียนปั๋วกวงยื่นมือไปคว้าดาบต่อโดยไม่เปลี่ยนท่า ก็ย่อมถูกวิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ที่มีอานุภาพน่าทึ่งของเขาโจมตีจนมือขวาพิการอยู่แล้ว แต่ถ้าเขาไม่ไปคว้าด้ามของดาบสั้น ลูกดีดเหล็กก็จะยิงไปโกร่งดาบของดาบสั้น จากนั้นอาศัยหลักการเดียวกับการยิงสนุกเกอร์ ทำให้อาวุธของเขากระเด็นออกไปไกล
แม้แต่จุดที่อาวุธจะไปตก เยี่ยเว่ยหมิงก็ถึงขั้นวางแผนเอาไว้แล้ว นั่นก็คือทางหน้าผาสูงที่อยู่ข้างแท่นหินนั่นเอง!
ครั้งนี้กล่าวได้ว่าเยี่ยเว่ยหมิงวางแผนได้หลักแหลม ถ้าเปลี่ยนเป็น BOSS ทั่วไป ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดก็คือเสียอาวุธที่พกติดตัวโดยสิ้นเชิง
แต่ถึงอย่างไรเถียนปั๋วกวงก็ไม่ใช่ศัตรูทั่วไป
ก่อนหน้านี้เจ้าเด็กนั่นหล่อจริงบอกไว้ว่าเถียนปั๋วกวงคือ BOSS เลเวลห้าสิบห้า ทั้งสามรู้ดีว่าเป็นเพียงเวอร์ชันถูกตอนในโหมดภารกิจเท่านั้น
ถ้าเขาเป็น BOSS เลเวลห้าสิบห้าจริงๆ เยี่ยเว่ยหมิงคนเดียวก็สู้ได้แล้ว จำเป็นต้องวางแผนแบบนี้อีกหรือ
อย่างไรเสียในเนื้อเรื่องของต้นฉบับเดิม พลังต่อสู้ของเถียนปั๋วกวงก็อาจไม่ด้อยกว่าอวี๋ฉางไห่ก็ได้!
ดังนั้น ร่างแท้ของเถียนปั๋วกวงโหมดปกติ เลเวลไม่ต่ำกว่าเจ็ดสิบแน่นอน!
ความจริงก็เป็นอย่างที่เยี่ยเว่ยหมิงคาดไว้ พอรู้สึกได้ถึงความร้ายกาจของวิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์ มือขวาที่จะจับดาบของเถียนปั๋วกวงเลี้ยวเปลี่ยนทิศทางทันที เปลี่ยนจากคว้าจับเป็นตบ ตบฝ่ามือไปบนพื้นหินที่อยู่ห่างจากดาบสั้นครึ่งฉื่อ
แปะ!
หลังจากเกิดเสียงนี้ ดาบสั้นก็สะเทือนจนเก่งขึ้นมาจากพื้นครึ่งฉื่อทันที
ตอนนี้เอง ลูกดีดเหล็กที่เยี่ยเว่ยหมิงใช้ ‘วิชาดรรชนีศักดิ์สิทธิ์’ ยิงออกไปกลับเฉียดบนตัวของดาบสั้นไปจมลงในหินด้านล่างโดยตรง ทิ้งรูกลมเล็กขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือเอาไว้หนึ่งรอย!
แทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่เยี่ยเว่ยหมิงลงมือ เฟยอวี๋กับอินปู้คุยเพิ่งขึ้นมาข้างหน้าพร้อมกัน คนหนึ่งควงดาบ คนหนึ่งส่งกระบี่ แยกกันโจมตีคอหอยและหัวใจของเถียนปั๋วกวง
เมื่อเห็นท่าไม้ตายมาถึงตัว เถียนปั๋วกวงกลับแสยะยิ้มดูถูก
เขาเพียงยื่นมือไปคว้าดาบสั้นที่ถูกดีดขึ้นมาก่อนหน้านี้ไว้ จากนั้นก็ดีดร่างตัวเองขึ้นมาจากพื้น ฟันดาบออกมาต่อเนื่องสองครั้งด้วยความเร็วที่ตาเนื้อแยกไม่ออก ฟันไปบนกระบี่ล้ำค่าในมืออินปู้คุยกับดาบเหยียนหลัวในมือเฟยอวี๋
แกร๊ง! แกร๊ง! หลังจากเกิดเสียงดังสองครั้งที่แทบแยกไม่ออกว่าเสียงไหนมาก่อนมาหลัง เฟยอวี๋กับอินปู้คุยก็ต่างคนต่างถอยหลังคนละก้าว
ทั้งสองร่วมมือกันโจมตี เพียงชั่วพบหน้ากันก็ถูกอีกฝ่ายทำพังทลายทันที
ขณะเดียวกันนี้เอง เหนือศีรษะของเถียนปั๋วกวงก็ปรากฏข้อมูลของ BOSS แล้ว
[เถียนปั๋วกวง]
โจรราคะเด็ดบุปผา เดินเดี่ยวหมื่นลี้
เลเวล: 71
พลังชีวิต: 580000/580000
กำลังภายใน: 329550/330000
……
เถียนปั๋วกวงที่อยู่ในโหมดปกติ ไม่น่าเชื่อว่าจะเลเวลสูงกว่าหยวนเจินโหมดภารกิจที่เมืองต้าตูเสียอีก!
หลังจากเห็นเลเวลของอีกฝ่ายแล้ว ผู้เล่นทั้งสามกลับไม่ถอยเลยแม้แต่น้อย พวกเขาควงอาวุธเข้าไปล้อมโจมตีอีกฝ่ายพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
เฟยอวี๋ใช้ท่าเหยี่ยวนกกระจอกหมุนกายา ฟันดาบไปที่ซี่โครงซ้ายของเถียนปั๋วกวงในแนวขวาง
ส่วนกระบี่ล้ำค่าในมืออินปู้คุยก็กลืนคายแสงกระบี่สลับกัน ราวกับคาดเดาเวลาของศัตรูได้ ชิงฟันข้อมือที่กุมดาบของเถียนปั๋วกวงก่อนหนึ่งก้าว โดยใช้เคล็ดกระบี่ระดับสูงของสำนักอู่ตัง…สิบสามกระบี่ประตูเทพ!
เยี่ยเว่ยหมิงที่อยู่ตรงกลางเดินตามกระบี่ออกไป ใช้ท่าไซซีกุมดวงใจแทงทะลุหน้าอกของเถียนปั๋วกวงในคราเดียว!
ทว่า สำหรับการล้อมโจมตีของยอดฝีมือสามคนนี้ เถียนปั๋วกวงกลับไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย
ที่จริงวิชาดาบของเถียนปั๋วกวงอาจไม่ได้เลิศล้ำกว่าทักษะยุทธ์ของทั้งสาม จุดเด่นเพียงอย่างเดียวที่เขามีก็คือ…ความเร็ว!
ตอนนี้เถียนปั๋วกวงใช้ความเร็วจนถึงขีดจำกัดสูงสุดพอดี ดาบสั้นที่อยู่ในมือเขากลายเป็นเงาเลือนรางโดยสมบูรณ์ ความเร็วดาบของเขาคนเดียว เร็วกว่าพวกเยี่ยเว่ยหมิงสามคนรวมกันเสียอีก!
เป็นไปตามนั้น เถียนปั๋วกวงอาศัยความความเร็วของวิชาดาบฉีกทำลายวงล้อมของทั้งสามออกโดยสิ้นเชิง แล้วก็บีบให้ทั้งสามต่างคนต่างถอยหลังต่อเนื่องไปยังทิศทางที่ต่างกัน
ชั่วพริบตาเดียวเขาก็กลายเป็นฝ่ายที่อยู่เหนือกว่า ตอนนี้เถียนปั๋วกวงยิ่งไม่ปรานีใคร เขาพลันหมุนเลี้ยวอย่างรวดเร็ว แล้วไล่โจมตีไปทางอินปู้คุยที่มีความสามารถอ่อนด้อยสุดในบรรดาพวกเขาสามคน
เห็นได้ชัดว่าแม้เถียนปั๋วกวงจะเป็นโจรราคะเด็ดบุปผาคนหนึ่ง แต่เขาก็รู้หลักการที่ว่านิ้วไหนร้ายก็ตัดนิ้วนั้น
เดิมทีสู้แบบสามต่อหนึ่งก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเถียนปั๋วกวง พออินปู้คุยเผชิญหน้ากับ BOSS ที่น่ากลัวคนนี้เพียงลำพัง แค่นี้ก็รู้แล้วว่าผลเป็นอย่างไร เพียงชั่วพบหน้ากัน ก็ถูกอีกฝ่ายฉวยโอกาสฟันหัวไหล่ซ้ายแล้วหนึ่งดาบ ทำให้เขาเสียพลังชีวิตไปเกือบครึ่ง
เป็นเพราะดาบของเถียนปั๋วกวงทั้งเร็วทั้งโหด แต่พลังโจมตีไม่ได้โดดเด่นเมื่อเทียบกับ BOSS เลเวลเดียวกัน ถ้าเปลี่ยนเป็นหยวนเจินแล้วอีกฝ่ายโจมตีหมัดเดียว ต่อให้อินปู้คุยไม่ตาย แต่ก็ทำให้บาดเจ็บสาหัสจนเสียพลังต่อสู้แน่นอน
แต่จะว่าไปแล้ว ถ้าไม่มีความเร็วของเถียนปั๋วกวง แม้อินปู้คุยจะไม่มีทางสู้กับ BOSS เลเวลเจ็ดสิบขึ้นไปได้ แต่ก็ไม่ถึงขั้นถูกโจมตีเร็วขนาดนี้
เถียนปั๋วกวงที่โจมตีครั้งเดียวสำเร็จ ในดวงตาทั้งคู่ยิ่งเผยแววดุร้ายกว่าเดิม ตอนที่เตรียมจะส่งอินปู้คุยกลับไปรายงานตัวที่จุดคืนชีพในคราเดียว กลับรู้สึกได้ถึงจิตสังหารอันน่าสะพรึงที่มาทางด้านหลัง
ด้วยการกระตุ้นจากจิตสังหารอันเข้มข้น เถียนปั๋วกวงขนลุกไปทั่งตัว ขณะเดียวกันนี้เอง เสียงของเยี่ยเว่ยหมิงก็ดังขึ้นตามมา “ดาบเร็วของเถียนปั๋วกวง ข้าเคยได้ยินมานานแล้ว วันนี้ถึงได้รู้ว่าเมื่อก่อนประเมินเจ้าต่ำเกินไป เจ้าช่างเร็วเหลือเกิน เร็วจนเหลือเชื่อ”
“บนโลกนี้ ในบรรดาชายหมื่นคน เกรงว่าเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าคนคงไม่มีใครเร็วสู้เจ้าได้!”
เมื่อได้ยิน ‘คำชม’ ที่แฝงการทำร้ายของเยี่ยเว่ยหมิง ต่อให้เถียนปั๋วกวงรู้ชัดว่าเป็นกลยุทธ์ล้อมเว่ยช่วยจ้าว[2] แต่ก็ยังหันตัวมาทันที ทิ้งอินปู้คุยไว้แล้วถลันร่างไปตรงหน้าเยี่ยเว่ยหมิงด้วยความเร็วสูงสุด ดาบสั้นในมือก็ยิ่งกลายเป็นเงาดาบว่อนเต็มฟ้า ทำให้ทั้งตัวเขาถูกปกคลุมอยู่ท่ามกลางแสงดาบ
“เจ้าเด็กน่ารังเกียจ หุบปากเดี๋ยวนี้!”
“ข้านับถือเจ้าจริงๆ!” ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงใช้ ‘มังกรร่อนล่อหงส์’ ต้านการโจมตีอันบ้าระห่ำเหมือนพายุของเถียนปั๋วกวงไว้ ปากก็ยังไม่ลืมที่จะพูดต่อว่า “เจ้าดูสิว่าตัวเองเร็วขนาดไหน ดาบว่าเร็วแล้ว คนเร็วยิ่งกว่า…
…คาดว่าความเร็วของเจ้าคงไม่ได้แสดงออกทางด้านทักษะยุทธ์อย่างเดียว กับเรื่องอย่างว่าเจ้าจะต้องเร็วกว่านี้แน่นอน!…
…ไม่แปลกใจที่มีผู้อาวุโสบู๊ลิ้มมากมายขนาดนั้นอยากให้เจ้าตายแต่ก็จับเจ้าไม่ได้ ก็เป็นเพราะความเร็วของเจ้าอย่างไรล่ะ! เพียงชั่วประกายไฟตอนตีหินเจ้าก็จบศึกแล้ว เจ้าคงไม่กลัวอะไรอยู่แล้วละ ข้าว่ารอให้ผู้อาวุโสเหล่านั้นตามมาถึง เกรงว่าคงไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะกินฝุ่นที่ตลบตามก้นเจ้าไปด้วยซ้ำ”
ท่ามกลางคำพูดเสียดสีที่ร้ายกาจถึงขีดสุดของเยี่ยเว่ยหมิง ดวงตาทั้งคู่ของเถียนปั๋วกวงเริ่มแดงแล้ว เขาด่าเสียงดังว่า “ไอเด็กเวรนี่รนหาที่ตาย!” พร้อมใช้ท่าไม้ตายที่มั่นใจว่าต้องชนะแน่นอนไปทักทายเยี่ยเว่ยหมิงแล้ว
ความได้เปรียบด้านสติปัญญาที่มีเฉพาะใน BOSS โหมดปกติ ตอนนี้เขาโยนความได้เปรียบนี้ทิ้งไปไกลสุดขอบฟ้าแล้ว
[1] ล้างมือในอ่างทองคำ เป็นสำนวนจีน อุปมาหมายถึงการ วางมือ เลิกยุ่งเกี่ยวกับเรื่องราวบุญคุณความแค้นต่างๆ ในยุทธภพ
[2] กลยุทธ์ล้อมเว่ยช่วยจ้าว 围魏救赵 หนึ่งในกลยุทธ์จากเรื่องสามก๊ก เป็นการแยกกำลังของศัตรูให้กระจัดกระจาย ทำให้ศัตรูห่วงหน้าพะวงหลังแล้วค่อยโจมตี