ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 308 ตงฟางส่งด่วน
ตอนที่ 308 ตงฟางส่งด่วน
สำนักมังกรฟ้า ฟังชื่อเหมือนเป็นสำนักของระบบที่มีอำนาจบารมีมาก แต่ความจริงเป็นดันเจี้ยนระดับสี่สิบเท่านั้น
นอกประตูใหญ่ของสำนักมังกรฟ้าตอนนี้ หลังจากแสงสีขาวแวบผ่าน เงาร่างอันงดงามสองร่างก็ก้าวออกมาจากดันเจี้ยน
“น้องสะพานสวรรค์น้อย” ซานเย่ว์มองทิวทัศน์นอกดันเจี้ยนแวบหนึ่งแล้วพูดกับสะพานสวรรค์น้อยที่อยู่ข้างกายว่า “นึกไม่ถึงว่าดันเจี้ยนนี้ยังมีด่านลับอยู่ด้วย หาทางช่วยเหมียวเหรินเฟิงที่ถูกลอบทำร้าย ครั้งนี้ถ้าไม่ใช่เพราะมากับเจ้า พออยู่ในดันเจี้ยนยากๆ แบบนี้ ข้าคนเดียวต้องผ่านไปไม่ได้แน่”
“ที่จริงด่านลับที่สุ่มโผล่ออกมาแบบนี้ เราจะเลือกอ้อมไปเลยก็ได้” สะพานสวรรค์น้อยยิ้มบางๆ “ก่อนหน้านี้ตอนพบความผิดปกติในห้องนั้น ระบบยังถามว่าพวกเราเข้าไปตรวจสอบหรือไม่อยู่เลย”
“จะพูดอย่างนี้ก็ไม่ผิด แต่ปัญหาก็คือพอเราเจอด่านลับแบบนี้ ใครจะอดใจเลือกปฏิเสธไหว”
ซานเย่ว์ส่ายหน้า แล้วจู่ๆ ก็บอกว่า “วิชา ‘ฝ่ามือทรายพิษ’ ของข้ายังขาดค่าประสบการณ์นิดหน่อยกว่าจะอัปเลเวล ถึงอย่างไรวันนี้ก็เล่นดันเจี้ยนนี้ได้อีกครั้ง พวกเราไปต่อกันไหม”
“ดีเลย!” สะพานสวรรค์น้อยตอบรับอย่างตรงไปตรงมามาก “แต่น่าเสียดายอยู่เรื่องหนึ่ง พวกเราไม่ได้เล่นด่านลับนี้ผ่านเป็นกลุ่มแรก”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าไม่ใช่”
“เพราะพวกเราไม่ได้ออกทีวีไงล่ะ”
เหมือนต้องการกระตุ้นอารมณ์ของสาวน้อยที่หมกมุ่นการออกทีวีเป็นพิเศษ ตอนที่นางเพิ่งพูดจบ จู่ๆ ประกาศระบบกลับดังขึ้นข้างหูของสาวน้อยทั้งสองคน
[ประกาศระบบ: เยี่ยเว่ยหมิง ผู้เล่นสำนักมือปราบเทพ…]
พอฟังประกาศระบบจบแล้ว หญิงสาวสองคนก็สบตากันแวบหนึ่ง ซานเย่ว์บอกทันทีว่า “อาหมิงเก่งขึ้นอีกแล้ว ขนาด BOSS โหมดปกติเลเวลเจ็ดสิบเอ็ดยังบุกเดี่ยวไปฆ่าได้! แต่เถียนปั๋วกวงนั่นคือใคร เจ้าเคยได้ยินชื่อมาก่อนหรือเปล่า”
“ข้าเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนเหมือนกัน เหมือนจะเป็นโจรราคะอะไรสักอย่าง”
“ทำได้สวย!”
สะพานสวรรค์น้อยขานรับอยู่ข้างๆ แต่สายตากลับโหยหาและจนใจอยู่บ้างเล็กน้อย
นางก็อยากออกทีวีเหมือนกัน!
……
บนถนนใหญ่ของเมืองจิงโจว เด็กหนุ่มที่ถือกล่องข้าวคนหนึ่งกำลังยืดอกเดินอยู่บนถนน ตรงจุดที่อยู่ข้างหลังเขาไม่ไกล ผู้เล่นสองคนเดินเคียงกัน ตอนที่เดินก็ส่งข้อความคุยในอทีมไม่หยุด
[เสี่ยวปี่ ดูจากท่าทางลำพองใจแบบนี้ เจ้าจินตนาการออกไหมว่าเขาถูกฆ่าตายติดต่อสามครั้งแล้ว]
[เซียวเหยา เจ้าพูดแบบนี้ก็ไม่ถูกแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะเขาตายติดต่อกัน รางวัลของภารกิจนี้ก็คงไม่สูงขึ้นอีก มีความเป็นไปได้ว่าหลังจากครั้งที่สาม รางวัลจะสูงขึ้นจนถึงขั้นที่พวกเราสนใจเลยกระมัง]
ที่แท้ชายสองคนนี้ก็คือเสวียนเสี่ยวปี่กับเซียวเหยาถอนใจ คนที่ตั้งทีมกับพวกเยี่ยเว่ยหมิงในภารกิจ ‘สังเวียนประลองยุทธ์เลือกคู่เนี่ยนฉือแชมเปียนส์คัพรอบแรก’
ตอนที่กำลังเดิน เสวียนเสี่ยวปี่ก็อดส่ายหน้าพูดไม่ได้ว่า [จะว่าไปแล้ว เจ้าคนโชคร้ายคนนี้ก็แค่ได้รับภารกิจให้ไปส่งจดหมายในคุก ทำไมถึงถูกคนอื่นเล็งฆ่าแล้วล่ะ ได้ยินว่าสามครั้งก่อนก็มีผู้เล่นได้รับภารกิจให้คุ้มกันส่งเจ้าหมอนี่เหมือนกัน ผลปรากฏว่าภารกิจล้มเหลวโดยไม่มีข้อยกเว้น ไม่รู้ว่าใครกันที่คิดไม่ตก เพ่งเล็งจะสังหาร BOSS กระจอกที่ไม่มีทรัพยากรคนนี้ให้ได้”
“ใครจะไปรู้ล่ะ” แล้วเซียวเหยาถอนใจก็ตอบอย่างมั่นใจในตัวเองมาก “แต่ตอนนี้ข้าไม่ได้เรียนแค่ ‘สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกร’ ท่าทีสองมาแล้วเท่านั้นนะ ทั้งยังเรียนทักษะยุทธ์ของสำนักที่เปิดให้เรียนเฉพาะคนเลเวลสามสิบห้าด้วย ใช้วิธีดื่มสุราแล้ว ‘เมามายหัวร่อ’ เพื่อเพิ่มพลังต่อสู้ได้ด้วย พลังต่อสู้ตอนแรกเทียบไม่ติดเลย แถมเจ้าก็เรียน ‘วิชากระบี่อิงฟ้าดาบฆ่ามังกร’ ไปได้เกินครึ่งแล้ว ถ้าเจ้ากับข้าร่วมมือกัน ยังต้องกลัวอะไรอีก”
เสวียนเสี่ยวปี่ได้ยินแล้วยิ้ม ก่อนจะพูดเหมือนไม่ได้ใส่ใจว่า “เจ้าก็พูดถูก”
หลังจากทำงานร่วมกันหนึ่งครั้ง เจ้าสองคนนี้ก็ชอบมาอยู่ด้วยกันแล้ว ไม่ว่าจะว่างหรือไม่ว่างก็จะมารวมทีมกันเสมอ กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันแล้ว
เมื่อสองคนนี้ร่วมงานกัน หลายครั้งที่ได้รับภารกิจสำนักก็จะทำสำเร็จได้อย่างราบรื่น ตอนนี้บ่มเพาะจนพวกเขามีลักษณะ ‘ไม่มีใครเก่งเท่าข้าแล้ว’ เหมือนพวกยอดฝีมือ
ทว่าลักษณะแบบนี้กลับถูกทำลายจนหมดสิ้นจากเสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่ง
“เฮ้! คนที่ได้รับภารกิจคุ้มกันส่งวันนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นพวกเจ้าสองคน”
พอมองไปตามเสียง กลับเห็นสาวน้อยชุดแดงคนหนึ่งที่มีดาบเดี่ยวสะพายหลัง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มกำลังมองพวกเขา “พวกเจ้าสองคน วันนี้เตรียมจะขัดขวางไม่ให้ข้ากำจัดอู๋ข่านอย่างนั้นหรือ”
“ใครกัน บังอาจมาขวางข้า… ” พรึ่บ!
อู๋ข่านที่สังเกตได้ถึงเจตนาอันเป็นศัตรูของอีกฝ่ายเพิ่งจะพูดจาแสดงความร้ายกาจ เสวียนเสี่ยวปี่กับเซียวเหยาถอนใจที่อยู่ข้างหลังก็ต่างคนต่างใช้เท้าเตะแล้ว แบ่งเตะที่ฝั่งซ้ายและขวาบนก้นเขา เตะเจ้าคนหลงตัวเองกระเด็นออกไปหน้าคะมำอยู่ตรงหน้าสาวน้อยชุดแดง
ทั้งสองเก็บเท้าพร้อมกัน แล้วเซียวเหยาถอนใจก็พูดกับสาวน้อยชุดแดงพร้อมยิ้มสู้ “พวกเราก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าคนที่จะกำจัดเขาคือเจ้า”
ส่วนเสวียนเสี่ยวปี่ที่อยู่ข้างๆ ก็กล่าวเสริมทันที “พวกเราปล่อยเจ้าหมอนี่ไปแล้ว เจ้าฆ่าได้เลย ไม่ต้องเกรงใจพวกเรา”
ดาบจันทราหิมะเงินฉายประกาย อู๋ข่านถูกสังหารจนกลายเป็นคนไร้หัว จากนั้นน้องดาบก็เก็บดาบเข้าฝักพร้อมบอกกับทั้งสองว่า “หนึ่งครั้งหนึ่งร้อยเหรียญทอง พวกเจ้าสองคนช่วยข้าเฝ้าเจ้าหมอนี่สักสามครั้งเป็นอย่างไร”
“ไม่มีปัญหา!” เสวียนเสี่ยวปี่ตบอกรับประกัน
เซียวเหยาถอนใจถามหยั่งเชิง “ดูจากทักษะยุทธ์ของพี่หญิงใหญ่ตอนนี้ เกรงว่าแม้แต่เยี่ยเว่ยหมิงก็คงสู้ท่านไม่ได้กระมัง”
[ประกาศระบบ: ผู้เล่นสำนักมือปราบเทพ เยี่ยเว่ยหมิง…]
หลังจากได้ยินประกาศระบบว่าเยี่ยเว่ยหมิงโจมตีสังหารเถียนปั๋วกวง น้องดาบก็ถลึงตาจ้องเซียวเหยาถอนใจอย่างหงุดหงิดมาก “ตอนนี้เจ้ารู้คำตอบแล้วสินะ”
……
“หากโลกนี้ไม่มีข้าฉางซิงอวี่ วงการทวนคงเสมือนอยู่ในรัตติกาลอันยาวนาน!”
ตอนที่กำลังโอ้อวดตัวเองอย่างไร้ยางอาย ฉางซิงอวี่ก็แทงทวนทะลุหน้าอก BOSS ที่ชื่อว่าจางจ้าวจ้ง ทำให้อีกฝ่ายเสียดาเมจจำนวนมาก
“จอมยุทธ์น้อยมีวิชาทวนระดับเทพจริงๆ พวกเรามาเจรจากันสักหน่อยเป็นอย่างไร”
ฉึก! อีกหนึ่งทวนตามมาติดๆ แทงจนจางจ้าวจ้ง บอสโหมดภารกิจที่ถูกจำกัดเลเวลให้เหลือห้าสิบตายทันที แล้วฉางซิงอวี่ก็ถามเสียงเย็นว่า “เจ้าได้ฟังบทพูดน้ำเน่าของข้าไปแล้ว ข้าจะปล่อยให้เจ้ารอดชีวิตจากไปได้อย่างไร”
พอพูดจบ ก็ยื่นมือลูบตัวทวนที่มีชื่อว่าดาบสองคมสามแฉกในมือ ท่าทางอ่อนโยนราวกับลูบผมงามของคนรัก “หลังจากผ่านความพยายามช่วงนี้ ข้าก็ฝึกทวนเทพสี่ตระกูลจนได้ที่แล้ว ไม่รู้ว่าถ้าเทียบกับสหายเยี่ย…”
ประกาศระบบ: …
“คิดเสียว่าข้าไม่เคยพูดก็แล้วกัน!”
……
ฉากคล้ายๆ กันเกิดขึ้นกับบรรดาผู้เล่นที่เคยเจอกับเยี่ยเว่ยหมิง
ส่วนเยี่ยเว่ยหมิง ตอนที่ได้ยินประกาศระบบ เขาก็เก็บศพสาวน้อยสองคนให้เรียบร้อยอีกครั้ง แล้วใช้เท้าช่วยเตะปิดตาให้เถียนปั๋วกวง จากนั้นก็คลำศพให้เสร็จเรียบร้อย
เขาใช้วิธีการทำศพด้วยเท้าที่เขาคุ้นเคยที่สุด!
เถียนปั๋วกวงเป็น BOSS โหมดปกติเลเวลเจ็ดสิบเอ็ด อัตราดรอปไอเทมก็ไม่จำเป็นต้องพูดถึงแล้ว
แต่ในฐานะที่เป็นคลื่นลูกใหม่ของยุทธภพที่ใจคอกว้างขวางและไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน เยี่ยเว่ยหมิงไม่คิดจะฮุบไอเทมดรอปของเถียนปั๋วกวงไว้คนเดียว
เขานับไอเทมดรอปของเถียนปั๋วกวงอย่างไม่ปิดบัง แล้วส่งข้อมูลข้าไปในช่องทีม ในเมื่อทุกคนทำงานร่วมกัน เช่นนั้นก็ควรแสดงความจริงใจ ในเมื่อเขาบอกไว้แล้วว่าจะไม่เอาของพวกนี้ เขาก็จะไม่เอาเด็ดขาด!
แม้ตอนนี้สามคนในทีมจะอยู่คนละทิศคนละทาง แต่ก็ยังอยู่ในช่องทีม
แต่เนื่องจากพวกเขาอยู่ห่างกันเกินไป เฟยอวี๋กับอินปู้คุยกลับไม่มีทางได้ส่วนแบ่งพื้นฐานจากการโจมตีสังหารเถียนปั๋วกวงได้
ถึงขั้นที่แม้แต่ประกาศระบบก็ไม่มีชื่อของพวกเขา
[ดาบเร็วพายุ (ระดับกลาง)] วิชาดาบของเถียนปั๋วกวงฉายาเดินเดี่ยวหมื่นลี้ เร็วเหมือนพายุฝน เงื่อนไขการฝึก
พละกำลัง: 60
ความว่องไว: 120
ท่าร่าง: 100
ค่าตระหนักรู้: 20
……
[ดาบเฟิงซา (ทองคำ)] ดาบที่เถียนปั๋วกวงฉายาเดินเดี่ยวหมื่นลี้พกติดตัว
โจมตี +380
ความเร็วตอนใช้ดาบ +10%
……
[เดินเดี่ยวหมื่นลี้ (ระดับสูง)] วิชาตัวเบาเฉพาะของเถียนปั๋วกวงฉายาเดินเดี่ยวหมื่นลี้ สอดคล้องกับวิชาดาบ
เงื่อนไขการฝึก:
ท่าร่าง: 150
ความว่องไว: 150
ค่าตระหนักรู้: 35
……
[หยกพกปืนทองไม่รู้ล้ม (ทองคำ)] หยกโบราณอัศจรรย์ก้อนหนึ่ง บนนั้นสลักภาพปืนทองไว้ หากพกติดตัวจะลดการสูญเสียกำลังภายในได้ กำลังภายในสูงสุด+1000 ลดการใช้กำลังภายในของทักษะยุทธ์ทั้งหมด10%
……
[ยาแรงเยอะ ×20] ยาบำรุงพลังหยางที่ปรุงโดยหมอชื่อดังในยุทธภพ เมื่อกินในระยะยาว จะได้ผลเสริมพื้นฐานร่างกายและบ่มเพาะจิตใจ (ผู้เล่นกินแล้วไม่มีประโยชน์)
เงิน: 1200 เหรียญทอง
ในบรรดาของสี่อย่างนี้ สองอย่างแรกเตรียมไว้ให้เฟยอวี๋แน่นอน
เพราะในบรรดาสามคนในทีม มีเขาคนเดียวที่เป็นนักดาบ
ส่วนวิชาตัวเบาระดับสูงอย่างเดินเดี่ยวหมื่นลี้ ดูจากข้อมูลแล้วเหมือนจะเกี่ยวข้องกับวิชาดาบเหมือนกัน
แม้จะบอกว่าการไม่ได้รับวิชาตัวเบาที่มีหน้ามีตาคือความเจ็บปวดในใจเยี่ยเว่ยหมิงมาตลอด แต่ตอนนี้ก็มีทางเลือกที่ดีกว่ารออยู่ตรงหน้าแล้ว เขาย่อมไม่คิดเพ้อฝันอะไรกับวิชาที่ตัวเองมองว่าเป็นรอง
อย่างไรเสีย ‘เดินเดี่ยวหมื่นลี้’ แม้จะนับว่าเป็นวิชาตัวเบาระดับสูงเช่นกัน แต่ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ยังมีระดับความโดดเด่นและสูงส่งไม่เท่า ‘ทะยานบันไดเมฆา’
เขานำโลงไม้หนานมู่ที่เตรียมไว้แล้วออกมา นำร่างของเถียนปั๋วกวงใส่ไว้ในนั้น
ได้รับ ‘ตระหนักรู้วิชาดาบ’ ×1
‘ตระหนักรู้วิชาตัวเบา’ ×1
‘ตงฟางส่งด่วน’ ×1
???
ตงฟางส่งด่วน?
มันคืออะไรกัน
เขานำตำราลับสองเล่มเข้ากระเป๋า แล้วนำ ‘ตงฟางส่งด่วน’ เล่มนั้นออกมาพิจารณา
[ตงฟางส่งด่วน] เร็วจนไม่รู้จะเร็วอย่างไร กระบี่เร็ว ดาบเร็ว กระบอง หมัด นิ้วเร็วหมด! (หนังสือเนื้อหาซับซ้อนที่บรรยายไม่ได้ จุดประสงค์การใช้งานไม่ชัดเจน)
ตอนที่ยังไม่เห็นข้อมูล ในหัวเยี่ยเว่ยหมิงก็เต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
หลังจากอ่านจบแล้ว จู่ๆ กลับเกิดแสงสว่างแห่งปัญญา ในที่สุดก็เหมือนเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว
เมื่อเห็นชื่อของหนังสือเล่มนี้ แล้วดู ‘หยกพกปืนทองไม่รู้ล้ม’ กับยาแรงเยอะสองเม็ดนั่นอีก
เยี่ยเว่ยหมิงก็เหมือนจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเถียนปั๋วกวงถึงถูกยั่วให้โกรธง่ายขนาดนั้น
เจ้าหมอนี่เด็ดบุปผาย่ำยีไปมากมาย แต่กลับไม่เข้าใจเคล็ดลับว่าจะบำรุงตัวเองอย่างไร ในแต่ละปีปล่อยออกมากกว่าเติมเข้า ทำงานหนักนานจนล้มป่วย ถึงขั้นต้องอาศัยยาภายนอกช่วยประคับประคองร่างกายแล้วอย่างนั้นหรือ
เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้า แต่ก็ไม่ได้คิดมากอีก อย่างไรเสียเมื่อดูจากสถานการณ์ตอนนั้น ไม่ว่าเถียนปั๋วกวงจะถูกยั่วโมโหหรือไม่ เยี่ยเว่ยหมิงตบฝ่ามือเดียวก็ทำให้เขาพิการได้อยู่แล้ว เขาจะโมโหหรือไม่ก็ไม่ต่างกัน
เขานำของทั้งหมดรวมทั้งศพของเถียนปั๋วกวงเข้ากระเป๋า แล้วส่งข้อความในช่องทีมทันที “เมืองหลวงเปี้ยนจิง โรงเตี๊ยมเย่ว์ไหล รีบมาแบ่งของกัน!”