ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 312 เยี่ยเว่ยหมิงหล่อสุดในใต้หล้า!
ตอนที่ 312 เยี่ยเว่ยหมิงหล่อสุดในใต้หล้า!
ในเกมนี้ทั้งปีล้วนเป็นฤดูใบไม้ผลิ และไม่มีการเปลี่ยนแปลงวันเดือนปีชัดเจน ดังนั้นวันเวลาจึงไม่มีความหมายที่แท้จริง
ดังนั้นรายละเอียดว่าวันไหนเดือนไหนจึงไม่มีความหมายใดๆ ไม่สู้พูดว่า ‘วันนี้’ จะแม่นยำกว่า
วันนี้ร้านประมูลวั่นซานของเมืองหังโจวกล่าวได้ว่าคึกคักจนประตูบ้านก็เหมือนตลาด มีผู้เล่นเข้าออกไม่ขาดสาย บางคนก็มีสีหน้าตื่นเต้น บางคนก็ถือกระดาษใบหนึ่งในมือ ในดวงตาเผยความมั่นใจว่าต้องได้
หลงัจากบรรดาผู้เข้าร่วมประมูลดำเนินการยืนยันทรัพย์สินแล้ว ก็ถือบัตรหมายเลขของการประมูลเข้าไปนั่งประจำที่ในโถงใหญ่ ทำให้โถงประมูลที่มีขนาดเท่าโรงภาพยนตร์เต็มไปด้วยผู้คน ไม่มีตำแหน่งว่างให้นั่งแล้ว
อย่ามองว่าในโถงใหญ่ดูเหมือนต้อนรับไม่ดีเท่าที่ควร ที่จริงต้องจ่ายเงินสดหนึ่งพันเหรียญทองถึงจะมีสิทธิ์เข้ามาในนี้
ถ้าไม่มีแม้กระทั่งเงินติดตัว แล้วยังจะเข้าร่วมงานประมูลขายไปทำไมอีก เดินออกจากประตูเลี้ยวซ้ายไปจนสุดทางก็จะเจอถนนที่มีแต่ร้านแผงติดดิน ไปสำนึกตัวเองอยู่ตรงนั้นสักหน่อยสิ!
ท่ามกลางกลุ่มคน มีสาวน้อยชุดแดงคนหนึ่งที่สะพายดาบไว้ข้างหลัง ตอนนี้ดวงตาโตฉ่ำน้ำของนางกำลังเหลียวซ้ายแลขวา เหมือนกำลังมองหาอะไรสักอย่าง
“น้องสาว กำลังหาคนอยู่หรือ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงชายคนหนึ่งที่คิดเข้าข้างตัวเองว่าหล่อแต่ความจริงน่าเกลียดมากดังขึ้นข้างหูนาง
พอหันไปมอง ก็เห็นเห็นศิษย์คุนหลุนหน้าตาธรรมดาแต่จัดแต่งทรงผมจนน่าสะอิดสะเอียนคนหนึ่ง อีกฝ่ายสะบัดผมที่ไม่ได้ยาวมาก แล้วถือโอกาสยักคิ้วหลิ่วตาให้นางพอดี
สาวน้อยชุดแดงอดทนไม่ให้ตัวเองอาเจียนออกมา แล้วถามไปเรื่อยว่า “รู้หรือเปล่าว่าเขตลูกค้าผู้มีเกียรติไปอย่างไร”
“คนมีเงินล้วนไม่มีมโนธรรม อยู่คุยเป็นเพื่อนพี่ชายก่อนเป็นอย่างไร”
ใช่แล้ว แม้หนุ่มน้อยฮอตเนิร์ดที่คิดเข้าข้างตัวเองจะมีให้เจออยู่ทุกที่ แต่ในเกมนี้ นอกจากพูดคุยกันแล้ว จะให้คิดอะไรอย่างอื่นก็คงยาก
พอได้ยินว่าอีกฝ่ายไม่รู้ทางไปเขตวีไอพี สาวน้อยชุดแดงก็เผยสีหน้าผิดหวัง จากนั้นมองไปทางหนุ่มน้อยฮอตเนิร์ดที่คิดว่าตัวเองเท่มาก แล้วหันตัววิ่งไปตรงทางแยกซึ่งไม่ใช่ทางไปงานประมูล
พอหนุ่มน้อยฮอตเนิร์ดคุนหลุนเห็นดังนั้น มุมปากก็เผยรอยยิ้มที่คิดเข้าข้างตัวเองว่ามีเสน่ห์ แต่ความจริงแล้วเป็นรอยยิ้มที่ดูโง่มาก จากนั้นก็รีบก้าวตามไป เป็นอย่างที่เขาคาดไว้ เพิ่งจะเลี้ยวผ่านปากซอยก็เห็นสาวน้อยชุดแดงกำลังรออย่างเหนียมอายแล้ว
“ดูจากท่าทางของเจ้า ต้องรู้แน่เลยว่าเขตวีไอพีไปทางไหนกันแน่”
ขณะที่พูด สาวน้อยชุดแดงก็ยังยื่นมือเข้ามาใกล้ใบหน้าของอีกฝ่าย แล้วใช้นิ้วลูบไล้ผ่านผิว ทำให้หนุ่มน้อยฮอตเนิร์ดคนนี้ใจสั่นหวั่นไหวทันที เขาตอบโดยสัญชาตญาณว่า “เจ้าเดินผ่านมาแล้ว เดินกลับไปอีกสิบเมตรก็จะเจอบันไดขึ้นชั้นสอง ที่จริงเขตแขกผู้มีเกียรติอยู่ชั้นสอง…”
พอได้ยินคำตอบที่ต้องการแล้ว ในที่สุดสาวน้อยชุดแดงก็เผยยิ้มอย่างพึงพอใจออกมา นางใช้นิ้วถูขึ้นไปบนหน้าอีกฝ่ายช้าๆ จนกระทั่งถึงกลางศีรษะ เขาถึงได้เผยรอยยิ้มหลงใหลออกมา “เจ้าช่างเป็นยัยตัวแสบจริงๆ!”
-6250!
ปลิดชีพ!
ไม่สนใจหนุ่มน้อยฮอตเนิร์ดที่กลายเป็นแสงสีขาวไปแล้วอีก สาวน้อยชุดแดงปัดเลือดในมือที่ถูกระบบล้างทิ้งให้แล้วอย่างรังเกียจ จากนั้นหันตัวเดินไปทางบันได
ตอนที่เดินไป มุมปากนางกลับเผยยิ้มอย่างมีเลศนัย “วิธีการของเจ้ามือปราบหน้าเหม็นนั่นใช้ได้ผลหลายครั้งเหมือนกัน”
สาวน้อยชุดแดงย่อมเป็นใครไปไม่ได้นอกจากน้องดาบ ไม่รู้ว่าเพราะลักษณะดิบเถื่อนไม่เหมือนใครของนางทำให้คนอื่นมาหาเรื่องได้ง่ายหรือเปล่า อยู่ในเกมมานานขนาดนี้ นางมักจะเจอพวกผู้ชายประเภทเดียวกับหนุ่มน้อยฮอตเนิร์ดสำนักคุนหลุนมาหยอกเสมอ
ในเกมที่มีผู้เล่นออนไลน์พร้อมกันหนึ่งล้านคน แน่นอนว่าไม่ขาดพวกที่ทำตัวพิลึกอยู่แล้ว
แต่ผู้หญิงคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นซานเย่ว์ผู้อ่อนโยน คนสง่าผ่าเผยอย่างโหยวโหยว หรือสะพานสวรรค์น้อยที่โดดเด่นเกินมนุษย์ปุถุชน กลับไม่ค่อยเจอพวกผู้ชายแบบนี้เท่าไรเลย
แต่พอเป็นน้องดาบ คนประหลาดที่นางเจอในเกม ถ้าเทียบกับจำนวนที่ผู้หญิงสามคนข้างบนเจอรวมกันแล้วยังเยอะกว่าอีก!
พอน้องดาบขึ้นมาชั้นสอง ก็พบว่ามีห้องส่วนตัวเรียงรายอยู่อีกฝั่งของทางเดิน นางเดินตรงไปตลอดทาง สายตาจ้องชื่อห้องส่วนตัวแต่ละห้องอยู่ตลอด
เดินผ่านไปได้เกินครึ่งทาง ในที่สุดก็ถึงจุดหมายปลายทางในครั้งนี้ของนางแล้ว…ศาลาเจินสุ่ย
ตอนที่นางวางมือบนประตูห้อง ก็ได้ยินเสียงของระบบดังขึ้นทันที “ประตูควบคุมด้วยเสียง ใส่รหัสลับยืนยันแล้วเข้าได้ทันที”
พอได้ยินดังนั้น น้องดาบก็เผยสีหน้าหงุดหงิดทันที
เมื่อครู่ตอนอยู่ชั้นล่าง นางเพิ่งรู้สึกสะอิดสะเอียนเพราะหนุ่มน้อยฮอตเนิร์ดคุนหลุน
นึกไม่ถึงว่าพอขึ้นมาชั้นบน ก็ได้เจอกับเรื่องน่าสะอิดสะเอียนขนาดนี้อีกแล้ว
ด้วยความจนใจ น้องดาบทำได้เพียงพยายามกดเสียงให้ต่ำจนมีเพียงตัวเองที่ได้ยิน แล้วพูดรหัสผ่านประตูที่เยี่ยเว่ยหมิงส่งให้ล่วงหน้าออกมา “เยี่ยเว่ยหมิงหล่อสุดในใต้หล้า”
เสียงระบบดังขึ้นอีกครั้ง “พูดดังกว่านี้ ปลดล็อกรหัสผ่านต้องพูดให้ดังเกินสามสิบเดซิเบล”
มารดาเจ้าเถอะ!
มือปราบหน้าเหม็น เจ้ายังกล้าทำให้ข้าสะอิดสะเอียนอีก
ถ้าไม่ใช่เพราะตอนนี้ข้ายังสู้เจ้าไม่ได้ ข้าจะไล่ฆ่าเจ้าสามวันสามคืนแน่นอน ฟันให้เจ้าตายสักร้อยรอบ!
น้องดาบสูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง แล้วเตือนตัวเองว่าต้องใจเย็น วู่วามเป็นมารร้าย จากนั้นก็พูดรหัสลับที่ทำให้นางรู้สึกสะอิดสะเอียนจนแทบทนไม่ไหวออกมา “เยี่ยเว่ยหมิงหล่อสุดในใต้หล้า!”
“ถูกต้อง!”
เสียงที่ตอบนางครั้งนี้ เป็นเสียงตอบที่เยี่ยเว่ยหมิงบันทึกไว้ล่วงหน้า
เพียงแต่เสียงนี้ น้องดาบฟังแล้วรู้สึกว่า…ต่ำทราม!
ยังไม่ทันได้บ่นอะไร น้องดาบก็ถูกส่งตัวเข้ามาในห้องส่วนตัวแล้ว
ห้องส่วนตัวถูกตั้งค่าให้เหมือนดันเจี้ยนหนึ่ง แม้มองจากภายนอกจะเป็นประตูหลายบานอยู่ติดกัน แต่ข้างในกลับมีพื้นที่ประมาณห้าสิบตารางเมตร ขนาดประมาณบ้านทรงสี่เหลี่ยมของครอบครัวคนทั่วไป กว้างขวางมาก
พอกวาดสายตามองรอบๆ ห้องส่วนตัว ก็เห็นเยี่ยเว่ยหมิงที่นั่งอยู่บนโซฟากำลังยิ้มยั่วประสาทมาก เขายกนิ้วหัวแม่มือให้นางพร้อมบอกว่า “ข้าชอบคนที่พูดตรงๆ อย่างเจ้านี่แหละ นิสัยเปิดเผยตรงไปตรงมา!”
“เชอะ!” พอชูนิ้วกลางให้เยี่ยเว่ยหมิงอย่างเหยียดหยาม น้องดาบก็นั่งบนโซฟาแล้วหันหน้าไปอีกทาง “พูดเหมือนเจ้าได้ยินอย่างนั้นแหละ”
“ก็ตั้งค่าได้นี่” เยี่ยเว่ยหมิงพูดอย่างเต็มปากเต็มคำว่า “แม้ข้าจะไม่ได้ยินไกลกว่านี้ แต่ก็ตั้งค่าให้ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวตรงประตูห้องส่วนตัวได้”
น้องดาบได้ยินแล้วหงุดหงิด “เจ้านี่อารมณ์ดีจริงๆ!”
“ขอบคุณที่ชม” เยี่ยเว่ยหมิงตอบแบบหนึ่งประโยคสองความหมาย
ไม่รู้ว่าขอบคุณที่น้องดาบชมว่าเขาอารมณ์ดี หรือชมว่าเขาหล่อ
ตอนนี้เอง จู่ๆ ก็มีเสียงดังมาจากนอกประตูสองครั้ง พิสูจน์แล้วว่าเยี่ยเว่ยหมิงไม่ได้โกหก
“เยี่ยเว่ยหมิงหล่อสุดในใต้หล้า!”
“เยี่ยเว่ยหมิงหล่อสุดในใต้หล้า!”
หลังจากใส่รหัสผ่านที่ถูกต้องเสร็จโดยไม่ลังเล ร่างของซานเย่ว์กับสะพานสวรรค์น้อยก็ถูกส่งเข้ามาในห้องส่วนตัว
ผู้หญิงสองคนนี้เห็นน้องดาบแล้วพากันงง แต่พอเห็นนางกับเยี่ยเว่ยหมิงนั่งแยกกันคนละฝั่งของโซฟา ก็เข้าใจพร้อมกันทันทีว่าสองคนนี้ร่วมงานกันเพราะผลประโยชน์เท่านั้น พวกนางจึงไม่ถามอะไร ต่างคนต่างนั่งลงตรงกลางวง
แม้พวกนางจะไม่ได้ถามอะไร แต่น้องดาบกลับรู้สึกอึดอัดเพราะสายตาของพวกนางก่อนหน้านี้ไปแล้ว อดเป็นฝ่ายอธิบายเองไม่ได้ว่า “อย่าเข้าใจผิดนะ ประกาศิตสร้างพรรคแผ่นนั้น ที่จริงพวกเราได้มันมาด้วยกัน”
“แต่หลังจากแบ่งของกัน มันก็กลายเป็นของส่วนตัวของข้าแล้ว” เยี่ยเว่ยหมิงกล่าวเสริมทันที
พอได้ยินเยี่ยเว่ยหมิงพูดแบบนี้ นางก็กลุ้มใจอยู่พักหนึ่ง
หลังจากแบ่งของกันครั้งนั้น เห็นได้ชัดว่านางขาดทุนเยอะมาก!
แต่นั่นคือเรื่องที่นางไม่มีทางเลือก ต่อให้เลือกใหม่อีกครั้ง น้องดาบก็ยังเลือกดาบจันทราหิมะเงินเหมือนเดิม
น้องดาบไม่อยากพัวพันอยู่กับคำถามที่ทำให้คนกลุ้มใจอีกแล้ว จึงเปลี่ยนประเด็นสนทนาทันที “ที่พวกเราร่วมงานกันครั้งนี้ ก็เพราะในรายการสินค้าประมูลมีของชิ้นหนึ่ง มันเป็นไอเทมภารกิจของภารกิจพิเศษที่พวกเรารับด้วยกัน คนบางคนก็เลยต้องการให้ข้าออกเงินครึ่งหนึ่ง”
“ไม่! ไม่! ไม่!” เยี่ยเว่ยหมิงรีบปฏิเสธ “ถ้าเจ้าอยากออกเงินมากกว่านี้ ข้าก็ไม่ถือสาเลย ข้ารับรอง”
ตอนที่พูดคุยกัน บนผนังตรงข้ามโซฟาก็มีภาพโปรเจคเตอร์เสมือนจริงปรากฏขึ้น เป็นการถ่ายทอดสดมุมบนลงล่างตรงหน้าโถงใหญ่ประมูลสินค้าชั้นหนึ่ง
จากนั้นแสงไฟทั้งหมดก็ส่องไปบนตัวของผู้ดำเนินรายการประมูลที่แต่งกายเหมือนผู้มีความรู้ งานประมูลขายเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว!
“สุภาพบุรุษ สุภาพสตรีและจอมยุทธ์ทุกท่าน…บลาๆ…” ผู้ดำเนินรายการประมูลที่อยู่บนเวทีสร้างบรรยากาศคึกคักได้อย่างเป็นมืออาชีพมาก แค่พูดคำง่ายๆ ไม่กี่ประโยคก็ดึงความสนใจของทุกคนในงานมารวมอยู่ที่เขาได้แล้ว จากนั้นบอกว่า “ไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงแล้ว ต่อไปพวกเราจะเข้าสู่ช่วงการประมูลขายของล้ำค่า สินค้าประมูลชิ้นแรกของวันนี้ อุปกรณ์ทองคำ กระบี่ควันเหิน…”
ต้องบอกเลยว่าเพื่อยกระดับของงานประมูลขายครั้งนี้ ร้านประมูลวั่นซานในเกมลงทุนไปเยอะมาก แค่สินค้าประมูลชิ้นแรกที่นำมาดึงดูดคนก็เป็นกระบี่ล้ำค่าระดับทองคำที่มีค่าสเตตัสเหนือกว่ากระบี่มังกรคำรามแล้ว
แต่สำหรับหญิงสามชายหนึ่งที่นั่งอยู่ในห้องส่วนตัวศาลาเจินสุ่ย กระบี่ล้ำค่าเล่มนี้กลับไม่ได้มีแรงดึงดูดมากขนาดนั้น
ยังไม่ต้องพูดถึงเศรษฐีที่มีอาวุธคมล้ำค่าอยู่ในมืออย่างเยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบ ไม่ต้องพูดถึงซานเย่ว์ที่ไม่ใช้กระบี่ด้วย แม้แต่สะพานสวรรค์น้อยที่มีกระบี่มังกรคำรามกับกระบี่จินสยาแล้ว แม้ค่าสเตตัสจะด้อยกว่ากระบี่ควันเหินเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แตกต่างกันขนาดนั้น
สำหรับอาวุธที่เพิ่มพลังต่อสู้จำนวนมากไม่ได้อย่างกระบี่ควันเหิน ถ้าตัวเองฆ่ามอนสเตอร์แล้วดรอปได้ ก็ย่อมเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว แต่ไม่ยอมจ่ายเงินก้อนใหญ่เพื่อซื้อมันมาแน่นอน
“กระบี่ควันเหินเล่มนี้ ปรมาจารย์นักหลอมอาวุธใช้วิธีการพิเศษทำขึ้นมา บนตัวกระบี่เต็มไปด้วยลวดลายที่เหมือนหมอกและควัน ค่าสเตตัสของมันก็คือ โจมตี +430 ท่าร่าง +50 พละกำลัง +20 ราคาเริ่มต้น…”
หลังจากผู้ขายประมูลแนะนำค่าสเตตัสของกระบี่ควันเหินเสร็จ ผู้เล่นในโถงใหญ่ก็เริ่มแย่งกันประมูลซื้อทันที
ในห้องส่วนตัว จู่ๆ ซานเย่ว์กลับถามด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่า “จะว่าไปแล้ว ภารกิจที่พวกเจ้าสองคนรับด้วยกัน คงจะยากในระดับหนึ่งเลยสินะ”
น้องดาบยิ้มบางๆ ตอบอย่างภูมิใจว่า “ภารกิจระดับเก้า รางวัลภารกิจก็คือได้สุดยอดวิชาคนละวิชา”
“ภารกิจสุดยอดวิชา โอ้สวรรค์!” ซานเย่ว์อุทานอีกครั้ง “พวกเจ้าเก่งขนาดนั้นแล้ว ตอนนี้ก็รับภารกิจสุดยอดวิชาอีก เหลืออะไรไว้ให้คนอื่นบ้างเถอะ”
“ก็แค่สุดยอดวิชาเอง ไม่ต้องทำท่าตกใจขนาดนั้นหรอก” ตอนนี้น้องดาบกลับนำเมล็ดทานตะวันสามห่อออกมา แบ่งให้สองสาวคนละห่อ มองเยี่ยเว่ยหมิงอย่างท้าทายแวบหนึ่ง แล้วบอกว่า “เมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าเพิ่งกำจัดผู้เล่นคนหนึ่งที่เคยฝึกสุดยอดวิชามาก่อน แถมไม่ใช่สิบแปดฝ่ามือพิชิตมังกรที่ขาดไปสิบเจ็ดฝ่ามืออะไรนั่นด้วย เขาฝึกสุดยอดวิชาฉบับสมบูรณ์เลย”
“อ้อ?” เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วเลิกคิ้ว “สุดยอดวิชาอะไร”