ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 316 เหยี่ยวเกิดใหม่
ตอนที่ 316 เหยี่ยวเกิดใหม่
ก่อนไปเสินหนงจย้า เยี่ยเว่ยหมิงต้องเตรียมตัวให้ดีสักหน่อย
อย่างแรกคือโลงแก้วหลิวหลี เขาสั่งจองล่วงหน้าที่ร้านขายโลงศพฉี่หลิง ราคาเดิมคือหนึ่งหมื่นเหรียญทอง หลังจากเป็นลูกค้าวีไอพีแล้วลดราคาเหลือเหลือแปดพันเหรียญทอง พรุ่งนี้เขาต้องไปจ่ายเงินที่เหลือก่อนถึงจะรับสินค้าได้
นอกจากนี้ ก่อนสังหารเถียนปัวกวง เขายังรับภารกิจที่เกี่ยวข้องมาอีกเป็นกอง หลังจากทำภารกิจสำเร็จแล้ว เขายังไม่ทันกลับไปรายงานผลภารกิจที่สำนักมือปราบเทพเลย
ก่อนหน้านี้คิดแค่เรื่องประมูลขายประกาศิตสร้างพรรคกับซื้อปลาหลีฮื้อทอง ผลปรากฏว่าลืมเรื่องนี้ไปเลย วันนี้ถ้าจัดการสองเรื่องนี้เสร็จอย่างราบรื่น ก็ถึงเวลาเคลียร์ภารกิจที่อยู่ในคอลัมน์ภารกิจทีละอย่างแล้ว
แต่การเคลียร์ภารกิจครั้งนี้กลับทำให้เยี่ยเว่ยหมิงได้ค่าประสบการณ์อีกจำนวนมาก รวมทั้งค่าตบะเกือบหนึ่งแสนแต้มและเงินอีกหนึ่งพันเหรียญทอง
ในด้านค่าตบะก็ยังถือว่าไม่พอให้เขาเพิ่มเลเวลทักษะยุทธ์ใดๆ ของเขาตอนนี้ แต่ค่าประสบการณ์มหาศาลที่เพิ่งเข้าบัญชีของเขาเมื่อครู่นี้ กลับทำให้เลเวลของเขาก้าวหน้าขึ้นอีกขั้น ตอนนี้เลเวลเขาสูงถึงสามสิบเก้าแล้ว ห่างอีกเลเวลเดียวก็จะถึงสี่สิบ ซึ่งจะตรงตามเงื่อนไขภารกิจจวนอ๋องจ้าว
ส่วนค่าผลงานสำนักจำนวนมากที่ได้จากการสังหารเถียนปัวกวง ก็ยิ่งทำให้เยี่ยเว่ยหมิงได้เลื่อนขั้นจากมือปราบขั้นหกเป็นมือปราบขั้นห้า ห่างอีกขั้นเดียวก็จะยศเท่าจ่านเจา หนึ่งในสี่มือปราบเทพแล้ว!
หลังจากเลื่อนยศแล้วสวัสดิการก็จะเพิ่มด้วย มีสิ่งดีๆ ตามมามากมาย ผลประโยชน์ที่ชัดเจนที่สุดก็คือสวัสดิการของสำนักจะยกระดับขึ้นทุกด้าน
นอกจากเงินเดือนที่ได้ในแต่ละเดือนแล้ว ยังได้ยาลูกกลอนฟรีจำนวนหนึ่งด้วย ทั้งยังได้ใช้ห้องฝึกวิชาของสำนักฟรีเดือนละสามสิบชั่วโมง
สวัสดิการแบบนี้สำนักอื่นไม่มี
หลังจากจัดการเรื่องพวกนี้แล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็นำไอเทมสำคัญที่เกี่ยวข้องกับภารกิจอย่างขี้ผึ้งหยกดำต่อกระดูก ยาผึ้งหยกและปลาหลีฮื้อทองไปเก็บในโกดังของสำนักมือปราบเทพ ไม่ต้องกังวลว่าของจะเสียหรือปลาหลีฮื้อจะตาย เพราะโกดังของสำนักก็เหมือนกระเป๋าสัมภาระติดตัวผู้เล่น เป็นสุญญากาศส่วนตัวที่หยุดเวลาได้ ตอนเก็บของเข้าไปเป็นอย่างไร ตอนนำออกมาก็เป็นอย่างนั้น
หลังจากคลายความห่วงหน้าพะวงหลังที่ต้องพกของล้ำค่าติดตัวแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็เตรียมจะกลับไปพักผ่อนที่ห้องส่วนตัวของตัวเอง แต่โหยวจิ้นกลับเรียกเขาไว้
“เว่ยหมิง” บุรุษหน้ากากเหล็กโหยวจิ้นยังเรียกเขาอย่างเป็นกันเองเหมือนเดิม “ข้าได้ยินว่าเจ้าได้ขี้ผึ้งหยกดำต่อกระดูก ยาเทวดาของแดนซีอวี้มา เรื่องนี้จริงหรือเปล่า”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วอึ้งทันที จากนั้นก็ถามกลับด้วยสีหน้าไม่พอใจ “หัวหน้าโหยวเห็นได้หรือว่าในโกดังส่วนตัวของข้ามีของอะไรบ้าง”
“ไม่เห็น” โหยวจิ้นส่ายหน้าอธิบาย “แต่เจ้าใช้มันที่เขาอู่ตังเพื่อรักษาแขนขาให้อวี๋ไต้เหยียน เรื่องนี้ไม่ใช่ความลับอะไร”
พอพูดจบ เขาก็กล่าวสิ่งที่มีความหมายล้ำลึกเสริมอีก “ที่เขาอู่ตังมีคนของข้า”
มารดาเจ้าเถอะ!
พอได้ยินโหยวจิ้นพูดแบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงก็อดมองบุรุษหน้ากากเหล็กผู้นี้ด้วยสายตาใหม่ไม่ได้
แม้แต่สำนักฝ่ายธรรมะอย่างอู่ตังเขาก็ยังแทรกสายลับเข้าไปได้ เจ้าหมอนี่เป็นหมาป่าโหดชัดๆ!
เมื่อเชื่อมโยงกับใบหน้าที่ถูกปิดบังไว้กับกล่องเสียงที่เคยถูกทำลาย ก็ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงนึกถึงตัวละครฉายาหมาป่าโหดอีกคนที่เขาเจอก่อนหน้านี้…ฟ่านเหยา!
จะว่าไปแล้ว เจ้าหมอนี่คงไม่ใช่สายลับที่ทำลายใบหน้าตัวเองเพื่อแฝงตัวเข้ามาในสำนักมือปราบเทพหรอกใช่ไหม
พอลองคิดดู เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกว่าเรื่องนี้เหมือนจะไม่เกี่ยวกับตัวเองมากนัก ไม่มีการขัดด้านผลประโยชน์อยู่ด้วย จึงไม่คิดวนเวียนกับรายละเอียดพวกนี้อีก
ถ้าเขาชอบแทรกสายลับไว้ที่เขาอู่ตังก็เป็นเรื่องของเขา ขอเพียงเขาไม่สอดแนมของส่วนตัวของตนในโกดังก็พอแล้ว
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า แล้วยอมรับอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “ท่านพูดไม่ผิดหรอก ในมือข้ามีขี้ผึ้งหยกดำต่อกระดูกอยู่สี่ตลับจริงๆ หัวหน้าโหยวถามถึงเรื่องนี้เพราะ…”
[ติ๊ง! โหยวจิ้นแจกภารกิจ ‘เหยี่ยวเกิดใหม่’ ให้คุณ]
[เหยี่ยวเกิดใหม่]
ตามหมอที่มีฝีมือและยาดี ช่วยรักษาเหยี่ยวเทพทรงพลังไป๋จ่านจีที่สองมือพิการ
ระยะเวลาภารกิจ: ไม่มี
รางวัลภารกิจ: โหยวจิ้นจะชี้แนะให้ ‘ทะยานบันไดเมฆา’ ของคุณเพิ่มหนึ่งเลเวล
จะรับภารกิจหรือไม่
รับ/ปฏิเสธ
……
รางวัลของภารกิจนี้ทำให้เยี่ยเว่ยหมิงรู้สึกผิดคาดมาก ทำให้เขามองหัวหน้าโหยวที่อยู่ตรงหน้าด้วยความรู้สึกใหม่
นึกไม่ถึงว่าเขายังมีความสามารถแบบนี้อยู่ด้วย ไม่น่าเชื่อว่าชี้แนะ ‘ทะยานบันไดเมฆา’ ของสำนักอู่ตังได้!
ส่วนที่บอกว่าชี้แนะให้ทักษะยุทธ์นี้เพิ่มหนึ่งเลเวล เยี่ยเว่ยหมิงกลับไม่ค่อยสนใจนัก “ตอนนี้ข้าฝึก ‘ทะยานบันไดเมฆา’ จนเลเวลสูงมากแล้ว หัวหน้าโหยวแน่ใจนะว่าจะชี้แนะได้”
สำหรับคำถามนี้ของเยี่ยเว่ยหมิง โหยวจิ้นไม่ได้โมโหเลยสักนิด เพียงตอบเสียงเรียบว่า “เจ้าเด็กนี่ กังวลว่าข้าจะฮุบรางวัลภารกิจของเจ้าอย่างนั้นหรือ…
…จำไว้นะ ถึงอย่างไรที่นี่ก็คือสำนักมือปราบเทพ ภารกิจนี้ข้าก็แจกแทนหวงโส่วจุนเช่นกัน ยังไม่ต้องพูดถึงว่าข้ารู้ท่าร่าง ‘ทะยานบันไดเมฆา’ ของอู่ตัง ต่อให้ข้าชี้แนะให้เจ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ยังมีหวงโส่วจุนไม่ใช่หรอกหรือ”
“ที่ท่านพูดก็ถูก!”
เยี่ยเว่ยหมิงพยักหน้า แล้วเลือกรับภารกิจที่ถือว่าไม่ยากสำหรับเขา
ทั้งเขายังตัดสินใจแล้วว่าอีกประเดี๋ยวจะให้น้องดาบจัดการเรื่องกระดูกแตก และต้องกำชับนางด้วยว่าตอนลงมืออย่าลังเล เจ็บตรงไหนก็บีบตรงนั้น!
มือปราบหนุ่มน้ำใจงามซื่อตรงบางคน ทุกวันนี้ยังจำเรื่องที่ถูกไป๋จ่านจีวางแผนทำร้ายเมื่อปีนั้นได้อยู่เลย
มีเรื่องพูดก็คุยกันยาวๆ ไม่มีเรื่องพูดก็คุยนิดเดียว
เวลาหนึ่งวันก่อนออกเดินทาง นอกจากไปรับสินค้าที่ร้านขายโลงศพแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ใช้เวลาแทบทั้งหมดฝึกวิชาอยู่ในห้องฝึกวิชาของสำนัก
สำหรับผลลัพธ์พิเศษตอนฝึกในห้องฝึกวิชาของสำนัก เดิมทีก็ไม่ได้ถูกใจเยี่ยเว่ยหมิงมากนัก
แต่ช่วยไม่ได้ที่ตอนนี้เขามีเวลาฝึกฟรี
เพราะมีแนวคิดว่า ‘ถ้าไม่ใช้ก็เสียของเปล่าๆ’ กับ ‘มีผลประโยชน์แต่ไม่ตักตวงถือเป็นคนโง่’ ก่อนที่เขาจะออกเดินทาง เขาใช้เวลาฝึกฟรีในห้องฝึกวิชาของเดือนนี้จนหมดแล้ว
หลังจากเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็ไปเจอกับน้องดาบตามวันที่นัดไว้ตั้งแต่เช้าตรู่ ก้าวเข้าสู่เขตเสินหนงจย้าที่ลึกลับที่สุดของภาคกลางอย่างเป็นทางการ
เดิมทีเยี่ยเว่ยหมิงเตรียมจะออกเช้าและกลับค่ำ อาศัยความเร็วที่เพิ่มขึ้นหนึ่งเท่าหลังจากฝึก ‘ทะยานบันไดเมฆา’ รีบไปยังลานกระดูกของตู๋กูฉิวไป้ เมื่อได้ผลประโยชน์แล้วก็จะรีบออกไป พยายาามไม่สร้างปัญหาที่ไม่จำเป็น
หลังจากเข้าเสินหนงจย้ามาแล้ว เขาถึงได้ค้นพบว่าก่อนหน้านี้ตัวเองคิดเกี่ยวกับมนุษย์ในเขตต้องห้ามของภาคกลางนั้นง่ายเกินไป
ตอนที่เพิ่งเข้าเสินหนงจย้าได้ไม่นาน เยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบก็ถูกจู่โจมจากหมาป่าเจ้าถิ่นฝูงหนึ่งแล้ว น้องดาบที่ไม่ทันระวังตัวถูกมอนสเตอร์ประหลาดที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ดินกัดไปหนึ่งที
แม้สุดท้ายทั้งสองจะอาศัยทักษะที่เก่งกาจของตัวเองสังหารมอนสเตอร์จากป่าเลเวลสี่สิบสามเกินร้อยตัวจนตายเกลี้ยง ถึงขั้นถือโอกาสกำจัดจ่าฝูงเลเวลห้าสิบสามของพวกมันไปด้วย แต่หลังจากผ่านศึกครั้งนี้ ก็ไม่เพียงทำให้แผนการเดินทางของทั้งสองล่าช้า ทั้งยังทำให้พวกเขาเกิดความหวาดกลัวป่าดึกดำบรรพ์ผืนนี้อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนด้วย!
หลังจากผ่านศึกต่อสู้กับหมาป่าเจ้าถิ่น เวลาตอนเช้าก็ถูกถ่วงไปจนเกือบเที่ยง
เยี่ยเว่ยหมิงเลิกเสี่ยงเร่งรีบเดินทาง แต่ตัดสินใจเดินทางอย่างมั่นคงและปลอดภัยแทน หลังจากเปิดแผนที่ขึ้นมาดู ก็บอกว่า “เดินจากตรงนี้ไปทางทิศตะวันออก อีกสามร้อยลี้จะมีแม่น้ำสายหนึ่ง เราไปนั่งกินอะไรตรงนั้นแล้วก็คิดหาทางไปด้วย จากนั้นเดินเลียบแม่น้ำขึ้นไป เส้นทางจะเดินง่ายขึ้นเยอะ”
น้องดาบเก็บศพหมาป่าจ่าฝูงแล้วบอกว่า “เจ้านำทางไป ข้ารับหน้าที่เดินตามก็พอ”
เยี่ยเว่ยหมิงเอาแต่ศึกษาเส้นทางข้างหน้า จึงไม่ได้สังเกตการเคลื่อนไหวของน้องดาบเลย หลังจากแน่ใจว่าแผลบนขานางสมานตัวแล้ว ถึงได้นำใช้ท่าร่างเดินไปทางแม่น้ำ
เมื่อมีบทเรียนก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งสองจึงเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวังมากขึ้น ระหว่างทางมีสัตว์ร้ายและงูพิษโจมตีสองครั้ง แต่พวกเขาก็ไม่ถูกพวกมันทำร้าย พวกเขาใช้ดาบและกระบี่พร้อมกัน ไม่นานก็กำจัดภัยคุกคามที่ปรากฏตัวขึ้นมาสำเร็จ เดินทางมาถึงริมฝั่งแม่น้ำอย่างหวาดเสียวแต่ไร้อันตราย
สภาพทางภูมิศาสตร์ที่ซับซ้อนของเสินหนงจย้าเต็มไปด้วยอันตราย แม้แต่ในแผนที่ที่เฟิงชิงหยางให้มา ก็ไม่ได้บอกชื่อของแม่น้ำที่อยู่ตรงหน้าสายนี้ละเอียด แต่แม่น้ำสายนี้ใสจนเห็นก้น เห็นได้ชัดว่าสะอาดมาก
ตอนที่ยืนอยู่บนฝั่ง ก็เห็นปลาสีแดงมากมายแหวกว่ายอยู่ในน้ำ
หลังจากเห็นปลาพวกนี้ เยี่ยเว่ยหมิงกลับอดขมวดคิ้วไม่ได้ เพราะเหมือนจะค้นพบของที่สุดยอดบางอย่างเข้าแล้ว
น้องดาบเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง แม้จะดุร้ายไปบ้าง แต่กลับยังมีธรรมชาติของผู้หญิงที่รักสวยรักงาม เมื่อเดินไปได้เกินครึ่งทาง ก็เกิดศึกเดือดที่โหดร้ายขึ้นอีก แม้ผู้เล่นจะไม่ถูกโจมตีจนฝุ่นเต็มหน้า แต่ความรู้สึกทางใจก็อยากจะอาบน้ำล้างหน้าแทบแย่อยู่แล้ว
เมื่อเห็นแหล่งน้ำที่สะอาดขนาดนี้ นางก็นั่งยองๆ ริมแม่น้ำทันที ม้วนแขนเสื้อขึ้นมาสูง เตรียมจะยื่นมือไปวักน้ำล้างหน้า แต่กลับคัดไม่ถึงว่าตอนที่นิ้วเพิ่งสัมผัสกับน้ำ ระหว่างนิ้วกลับมีน้ำแข็งเกาะหนึ่งชั้นทันที จากนั้นก็ลุกลามขึ้นมาทั้งมือของนางอย่างรวดเร็ว!
นางคุ้นเคยกับการเปิดโหมดความรู้สึกเจ็บเอาไว้ร้อยเปอร์เซ็น ทำให้ร้องอุทานออกมาอย่างอดไม่ไหว “โอ๊ย น้ำเย็นมาก!”
พอได้ยินเสียงอุทานตกใจของน้องดาบ เยี่ยเว่ยหมิงก็หันไปมองทันที แต่กลับพบว่าปลาสีแดงที่อยู่ในน้ำหยุดแหวกว่ายทันทีที่มือของนางสัมผัสน้ำเช่นกัน วินาทีต่อมา พวกมันก็แย่งกันกระโจนเข้ามาหานาง
แม้น้องดาบจะถอยหลังหลบทัน แต่ผลกระทบของไอเย็นในน้ำก็ยังทำให้การตอบสนองของนางช้าไปเกินครึ่ง บนแขนที่ขาวสะอาดหมดจดของนาง ไม่น่าเชื่อว่าจะถูกปลาสีแดงกินเนื้อเหล่านั้นฉีกเนื้อไปหลายชิ้นแล้ว นางเจ็บจนเหงื่อแตกทันที
เยี่ยเว่ยหมิงเห็นดังนั้นจึงเตือนทันทีว่า “ยังไม่รีบปิดโหมดความรู้สึกเจ็บอีกหรือ”
“ข้าไม่ปิด!” ตอนกำลังอดทนกับความเจ็บปวดทรมานบนแขน น้องดาบก็กัดฟันบอกว่า “ความรู้สึกเจ็บเป็นหนึ่งในความรู้สึกที่สำคัญของคน ถ้าปิดใช้มันแล้ว การตอบสนองก็จะอ่อนแอลงเยอะมาก ยามปกติอาจไม่รู้สึกอะไร แต่สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ที่แท้จริง การตอบสนองอ่อนแอลงกลับอันตรายถึงชีวิต ตอนนี้เจ็บนิดหน่อยยังทนไหว”
ตุ้บ! ขณะที่พูด ยาขวดเล็กสีขาวเหมือนไขมันแพะก็ไหลลงจากง่ามนิ้วขอน้องดาบ หล่นลงตรงข้างเท้าของนาง “ตอนนี้สองมือข้าหนาวจนชาไม่ฟังคำสั่งแล้ว มือปราบหน้าเหม็น ช่วยใช้มือหยิบยาขึ้นมาจากพื้นแล้วป้อนข้าสักเม็ดเถอะ”