ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 325 ถอนขนห่านป่าที่บินผ่าน
ตอนที่ 325 ถอนขนห่านป่าที่บินผ่าน
การคัดลอกอะไรนั่น ช่างเป็นเรื่องที่ไม่สง่างามเลย
สิ่งที่จารึกไว้ในห้องนี้ นอกจากความหมายที่แฝงอยู่ในเนื้อหาแล้ว ทุกขีดตัวอักษรที่ตู๋กูฉิวไป้ทิ้งไว้ก็แฝงส่วนที่ดีที่สุดของแนวทางกระบี่อันลึกซึ้งไว้ด้วยเช่นกัน หากเทียบกับการคัดลอก แน่นอนว่าการพิมพ์ต่างหากถึงจะรักษาคุณค่ามหาศาลที่แฝงอยู่ในจารึกเหล่านี้ได้มากที่สุด
หลังจากรู้ว่าที่นี่มีจารึกบนผนังที่ตู๋กูฉิวไป้ทิ้งไว้ ที่จริงของที่เยี่ยเว่ยหมิงเตรียมมาไม่ได้มีเพียงเท่านี้
นอกจากอุปกรณ์ที่จำเป็นต่อการทาบพิมพ์แล้ว เขายังพกค้อนและสิ่วมาด้วย
หากไม่ใช่เพราะเสียงแจ้งเตือนของระบบเมื่อครู่นี้ที่บอกไว้ว่าผู้ใดเจตนาทำลายจารึกของที่นี่จะถูกขอบเขตกระบี่ที่ซ่อนอยู่ในจารึกนี้โจมตีกลับ เขาก็ถึงขั้นเตรียมที่จะเกี่ยวจารึกเหล่านี้ลงมาจากผนังแล้ว
จะยัดทั้งหมดเข้ากระเป๋าแล้วเก็บกลับสำนักมือปราบ!
[หนังสือจารึกของตู๋กู: หนังสือจารึกที่ตู๋กูฉิวไป้สลักไว้ก่อนตาย ในนั้นบันทึกเรื่องราวชีวิตตู๋กูฉิวไป้รวมทั้งความเข้าใจและตระหนักรู้มากมายที่เขามีต่อแนวทางกระบี่ (ผู้ที่ไม่ใช่ยอดฝีมือระดับหัวกะทิไม่อาจเข้าใจแก่นสารของมันได้)]
ยอดฝีมือระดับหัวกะทิ?
เยี่ยเว่ยหมิงเกิดความคิดบางอย่างขึ้นในใจ มุมปากเผยรอยยิ้มตื่นเต้น
คิดไม่ผิดจริงๆ ที่ข้าเตรียมตัวมาเยอะ!
หลังจากเก็บหนังสือจารึกที่เรียบเรียงแล้วอย่างระมัดระวัง เยี่ยเว่ยหมิงถึงได้หันตัวกลับมาบอกน้องดาบว่า “ที่จริงเมื่อครู่นี้ข้าตระหนักรู้อะไรบางอย่างจากจารึกบนผนัง อีกทั้งสถานที่นี้ หากออกไปแล้วก็เลิกคิดไปเลยว่าจะกลับมาได้อีก ตอนนี้พวกเรามาฝึกกันหน่อยไหม ทดสอบสิ่งที่ต่างฝ่ายต่างเข้าใจสักหน่อย”
น้องดาบได้ยินแล้วสงสัยไม่ได้ “สิ่งที่จารึกบนผนัง เจ้าอ่านไม่เข้าใจไม่ใช่หรอกหรือ”
เมื่อครู่นี้นางยังรู้สึกภาคภูมิใจที่ตัวเองอ่านเข้าใจแต่เยี่ยเว่ยหมิงอ่านไม่เข้าใจอยู่เลย
“ทีแรกก็อ่านไม่เข้าใจ แต่พอเห็นเจ้าใช้วิชาดาบตั้งนานขนาดนั้น หลายอย่างที่เคยไม่เข้าใจ ตอนนี้ก็ย่อมเข้าใจแล้ว” ขณะที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็เรียกกระบี่แสงทองมาไว้ในมือ ตัวเดินตามกระบี่ไป ใช้ท่าไซซีกุมดวงใจแทงไปทางหน้าอกของน้องดาบ “อย่าเปลืองคำพูดเลย มองกระบี่!”
ผ่านไปแบบนี้ เยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบอยู่ในห้องหินแห่งนี้สามวัน
ในระหว่างนั้นทั้งสองจะฝึกวิชาคู่กันเป็นระยะเวลาหลายชั่วยาม จากนั้นก็พักหาคำตอบจากจารึกบนผนังโดยอิงตามความก้าวหน้าและข้อบกพร่องของตัวเอง แล้วค่อยต่างคนต่างลองรวมสิ่งที่ตัวเองเข้าในกับทักษะยุทธ์ของตัวเอง ก่อนจะฝึกคู่กันอีก…
ทำอย่างนี้ซ้ำไปซ้ำมาเป็นเวลาสามวัน ทำให้ทั้งสองได้รับประโยชน์เยอะมาก
หากดูจากข้อมูล บางทีอาจไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ของเยี่ยเว่ยหมิงก็ยังได้ค่าประสบการณ์สามแสนแต้มจากขั้นตอนการฝึกคู่และการสรุปเนื้อหาเหล่านี้
ขาดค่าประสบการณ์อีกสี่ล้านเจ็ดแสนแต้มก็จะได้เพิ่มเลเวลจนถึงระดับสมบูรณ์แล้ว!
ส่วนทักษะอื่นๆ กลับไม่ได้มีการเปลี่ยนชัดเจน
เพียงแต่ในระหว่างที่ปฏิบัติจริง เยี่ยเว่ยหมิงก็เป็นเหมือนน้องดาบเช่นกัน ประทับตราของเขาเองลงบนเคล็ดกระบี่ทั้งสามอย่าง เคล็ดกระบี่วีรสตรี เคล็ดกระบี่ฉวนเจินและมังกรร่อนล่อหงส์
ทุกกระบวนท่าที่แสดงออกมา ล้วนเป็นสไตล์เฉพาะตัวของเยี่ยเว่ยหมิงเอง ไม่คร่ำครึเหมือนวิธีการของกระบวนท่าเดิมอีก แม้ไม่มีความก้าวหน้าด้านประสิทธิภาพ แต่ความคล่องตัวในการใช้งานกลับเพิ่มขึ้นเยอะมาก
เหมือนเกมอีสปอร์ตในยุคที่ใช้เมาส์และแป้นพิมพ์ ทักษะทั้งหมดของตัวละครในเกมล้วนถูกกำหนดไว้ตายตัว แต่ผู้เล่นเก่งๆ บางคนกลับเล่นให้ทักษะนั้นกลายเป็นสไตล์เฉพาะของตัวเองได้
บางทีก็แข็งกร้าว บางทีก็เฉียบคม บางครั้งก็หยาบคาย บางครั้งก็เปลี่ยนแปลงบ่อย…นี่ก็คือเส้นทางที่ต้องผ่านไปให้ได้ก่อนจะเป็นยอดฝีมือที่แท้จริง
นี่ก็คือประสบการณ์การเปลี่ยนแปลงที่เยี่ยเว่ยหมิงกับน้องดาบเจอในสามวันที่ผ่านมา!
จะว่าไปแล้ว นี่ก็นับเป็นความดีความชอบของน้องดาบเช่นกัน
ในระหว่างการประลองและการแลกเปลี่ยนความรู้สามวันนี้ เยี่ยเว่ยหมิงได้เรียนรู้ท่วงท่าจากตัวนางไม่น้อยเลย…แค่กๆ เป็นความรู้วิทยายุทธ์และบางอย่างที่มีเพียงเขาที่เข้าใจแต่พูดออกมาไม่ได้
ถ้าเปลี่ยนเป็นซานเย่ว์หรือสะพานสวรรค์น้อย ต้องทำไม่ได้ขนาดนี้แน่นอน
“มือปราบหน้าเหม็น พวกเราควรจะออกจากที่นี่ได้แล้ว” หลังจากผ่านไปสามวัน ตอนที่รู้ว่าเยี่ยเว่ยหมิงเตรียมจะใช้ซ่างฟู่ขอทานมารับมือกับตนอีกครั้ง น้องดาบก็เสนอให้ออกจากที่นี่อย่างไม่ลังเล
แน่นอน การที่นางกล่าวเช่นนี้ก็ย่อมมีเหตุผลของนางอยู่แล้ว “ความก้าวหน้าของวิถียุทธ์ คือกระบวนการของการสะสมทีละน้อย จารึกบนผนังที่ตู๋กูฉิวไป้ทิ้งไว้ สำหรับพวกเราก็เหมือนกุญแจดอกหนึ่งที่กระตุ้นเนื้อหาวิชาที่พวกเราเคยสะสมในเกมออกมา ถึงได้ทำให้พวกเราก้าวหน้าชัดเจนขนาดนี้ในเวลาสั้นๆ”
เยี่ยเว่ยหมิงได้ยินแล้วส่ายหน้าเล็กน้อย หลักการที่น้องดาบพูดมา มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจ
“ความก้าวหน้าแบบนี้ก็ทำให้เจ้าใช้ความรู้ที่สะสมมาก่อนหน้านี้ไม่น้อยเช่นกัน” เยี่ยเว่ยหมิงเก็บกระบี่แสงทองแล้วกล่าวเสริมว่า “ถ้าอยู่ที่นี่ต่อ นอกจากไม่มีความหมายอะไรมากแล้ว กลับส่งผลกระทบต่อความก้าวหน้าของเกมด้วยซ้ำ ได้ไม่คุ้มเสียจริงๆ”
พอย้ายสายตาไปยังเส้นทางยาวแคบที่ผ่านตอนเข้ามา จู่ๆ เยี่ยเว่ยหมิงก็บอกว่า “เดิมที ก่อนที่จะมาถึงที่นี่ ข้ายังนึกว่ามีของอะไรที่ทำให้อีกาโลหิตกลัวหรือรังเกียจเป็นพิเศษเสียอีก ถึงได้ทำให้ที่นี่กลายเป็นรังของพวกมัน กลับนึกไม่ถึงว่าลมพายุจะกลายเป็นแนวป้องกันตามธรรมชาติของที่แห่งนี้”
น้องดาบได้ยินแล้วถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ต่างกันอย่างไรหรือ”
“แน่นอนว่ามีความแตกต่างอยู่แล้ว” เยี่ยเว่ยหมิงกล่าว “ถ้าที่นี่มีของอย่างนั้นจริงๆ ก็เหมือนแร่หรดาลที่งูกลัว ถ้าพวกเราสะสมและพกติดตัวไว้ ตอนออกไปจะได้ลดความยุ่งยากได้เยอะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น น้องดาบกลับเลิกคิ้ว “อย่าบอกนะว่าหลังจากฝึกหนักมาแล้วสามวัน เจ้ายังกลัวราชันกาโลหิตตัวนั้นอยู่อีก”
“ถ้าจะบอกว่ากลัวก็เหลวไหล ประเด็นก็คือยุ่งยากต่างหาก” เยี่ยเว่ยหมิงส่ายหน้าอย่างจนใจ “เจ้าตัวนั้นคือ BOSS เลเวลหกสิบห้าเชียวนะ แต่กลับไม่ได้อยู่ในร่างมนุษย์ นอกจากจะไม่ดรอปไอเทมแล้ว เนื้อก็กินไม่ได้ บวกกับลักษณะพิเศษที่มันบินได้ ถ้าจะฆ่าให้ตายก็ยุ่งยากมาก ถ้ามันจะหนีขึ้นมาพวกเราก็ขัดขวางได้ยาก”
ประเด็นสำคัญก็คือเก็บศพไม่ได้ด้วย!
“แต่ข้าอยากสังหารเจ้านกเวรนั่นให้ตายจริงๆ นะ” น้องดาบหยั่งเชิง “อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่มีวิธีการดีๆ อะไรที่ทำให้มั่นใจว่าจะฆ่านกนั่นได้แล้วจริงๆ”
พอนึกว่าสามวันนี้ตัวเองได้รับความช่วยเหลือจากอีกฝ่ายไม่น้อย เยี่ยเว่ยหมิงก็ตัดสินใจว่าจะเติมเต็มความปรารถนาเล็กๆ ของนาง ตอบทันทีว่า “วิธีการก็มีอยู่หรอก แต่จะสำเร็จหรือไม่ก็ต้องดูที่ความสามารถของเจ้าแล้ว”
“ไหนลองพูดมาให้ฟัง”
“คืออย่างนี้นะ…”
“หึหึ สมกับเป็นเยี่ยเว่ยหมิง ในท้องมีแต่น้ำเสีย”
“ขอบคุณที่ชม” พอพูดจบ เยี่ยเว่ยหมิงก็เดินไปทางเตียงหินอีกครั้ง
น้องดาบเห็นแล้วอึ้ง “นี่ เจ้าต้องการจะออกไปไม่ใช่หรอกหรือ แล้วไปทำอะไรตรงนั้นอีก”
“เอาของไปสักหน่อย” ตอนที่พูด เยี่ยเว่ยหมิงก็ใช้สองมือคว้าขอบเตียงหิน พอออกแรงที่สองแขนพร้อมกัน เตียงหินที่หนักหลายร้อยจิน[1]ก็ถูกเขายกลอยขึ้นมาแล้ว
วินาทีต่อมา เตียงหินที่ถูกเขายกขึ้นก็หายไปแล้ว เพราะถูกเขาเก็บเข้ากระเป๋าตัวเอง
พอเห็นการกระทำแบบนี้ของเยี่ยเว่ยหมิง น้องดาบก็อดกลอกตามองบนไม่ได้ “เจ้านี่เวลาห่านป่าบินผ่านก็คงถอนขน[2]มันเก็บไว้ ไม่น่าเชื่อว่าแม้แต่เตียงหินหลังเดียวก็ไม่ยอมปล่อยไป”
เยี่ยเว่ยหมิงยิ้มบางๆ ไม่อธิบายอะไรเช่นกัน เพียงส่งลิ้งก์ไอเทมเข้าไปในช่อมทีมเงียบๆ
[1] 1 จิน = 500 กรัม
[2] ถอนขนห่านป่าที่บินผ่าน หมายถึง คนที่ตักตวงผลประโยชน์ทุกอย่างเท่าที่จะทำได้