ผมมีสกิลดูด EXP ขั้นเทพ - ตอนที่ 330 วิชากันผึ้ง
ตอนที่ 330 วิชากันผึ้ง
ที่แท้ สาเหตุที่เยี่ยเว่ยหมิงไม่รีบสังหารพวกเขา ก็เพราะมองออกแล้วว่าจ้าวจื้อจิ้งต้องลอบทำร้ายแน่นอน จากนั้นเขาค่อยหาโอกาสสังหารกลับอย่างสง่าผ่าเผย ด้วยเหตุนี้การกำจัด BOSS ทั้งสองถึงไม่ส่งผลกระทบด้านลบใดๆ
อย่างไรเสีย เมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่ชนะคู่ต่อสู้แล้วแต่ยังตามสังหารไม่เลิก กับการถูกลอบจู่โจมแล้วสังหารกลับเพราะ ‘ไม่มีทางเลือก’ ก็เป็นสองเหตุการณ์ที่ความหมายแตกต่างกันโดยสิ้นเชิงอยู่แล้ว!
[ติ๊ง! ทีมของคุณสังหารจ้าวจื้อจิ้ง BOSS เลเวล 52 สำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 80000 แต้ม ค่าตบะ 15000 แต้ม]
[ประกาศระบบ: ผู้เล่นสำนักมือปราบเทพ เยี่ยเว่ยหมิง ผู้เล่นสำนักสุสานโบราณ สะพานสวรรค์คริสตัล…]
……
เมื่อได้ยินเสียงประกาศระบบดังขึ้น เยี่ยเว่ยหมิงก็แทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง
BOSS ที่ธรรมดาขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่าก่อนหน้านี้จะไม่มีใครกำจัดสำเร็จ ปล่อยให้ตนได้ทำเฟิร์สคิลแล้ว?
ครั้งนี้ได้ชุบมือเปิบแบบไม่ค่อยสมเหตุสมผลกินไปหรือเปล่า
“ศิษย์พี่จ้าว!”
ตอนที่เยี่ยเว่ยหมิงกำลังตะลึงที่จ้าวจื้อจิ้งอยากให้โอกาสตนทำเฟิร์สคิล เจินจื้อปิ่งที่อยู่อีกฝั่งก็คำรามอย่างเกรี้ยวกราดแล้วพลันถือกระบี่โจมตีเข้ามา
ในสายตาของเยี่ยเว่ยหมิง เคล็ดกระบี่ของเขาเต็มไปด้วยจุดอ่อนนับร้อย
เขาเบี่ยงตัวหลบการโจมตีของกระบี่อีกครั้ง แล้วถือโอกาสส่งกระบี่ออกไปหนึ่งที โจมตีถูกหว่างคิ้ว!
ฉึก!
-22121!
เจินจื้อปิ่งรีบตามจ้าวจื้อจิ้งไปแล้วเช่นกัน กลายเป็นศพที่นับว่ายังไม่เย็น
[ติ๊ง! ทีมของคุณสังหารเจินจื้อปิ่ง BOSS เลเวล 52 สำเร็จ ได้รับค่าประสบการณ์ 80000 แต้ม ค่าตบะ 15000 แต้ม]
[ประกาศระบบ: ผู้เล่นเสำนักมือปราบเทพ เยี่ยเว่ยหมิง ผู้เล่นสำนักสุสานโบราณสะพานสวรรค์คริสตัล…]
[ติ๊ง! คุณสู้ชนะเจินจื้อปิ่ง จ้าวจื้อจิ้ง ผู้เฝ้าเขตต้องห้ามของสำนักฉวนเจินได้อย่างอย่างราบรื่น ทั้งยังสังหารปลาเน่าสองตัวของสำนักฉวนเจินที่คิดลอบสังหารขุนนางขั้นห้าของราชสำนักสองคน
ได้รับรางวัล:
ค่าประสบการณ์ 200000 แต้ม
ค่าตบะ 60000 แต้ม!
……
รางวัลบุกด่านบวกกับรางวัลที่ได้จากการฆ่า BOSS รวมแล้วได้ค่าประสบการณ์สามแสนหกหมื่นแต้มกับค่าตบะเก้าหมื่นแต้ม นับว่าได้รับผลตอบแทนที่ไม่เลว
……
เมื่อเห็น BOSS สองคนถูกเยี่ยเว่ยหมิงวางอุบายสังหารตายต่อหน้าตัวเอง ทั้งยังเป็นวิธีการตายที่สูญเปล่า สะพานสวรรค์น้อยที่หลบอยู่ในที่ลับก็ตาเป็นประกาย
แม้วิธีการล่อให้กระทำผิดแบบนี้ไม่ควรค่าแก่การส่งเสริม แต่นี่ต่างหากคือเยี่ยเว่ยหมิงที่ข้ารู้จัก!
สะพานสวรรค์น้อยถลันตัวออกจากที่ซ่อนแล้วยิ้มอย่างสดใสราวกับดอกไม้ “พี่ใหญ่เยี่ย ท่านสุดยอดจริงๆ เพิ่งเจอกันกัน ข้าอยู่ในที่ลับยังไม่ทันปรากฏตัวด้วยซ้ำ ท่านก็พาข้านอนออกทีวีแล้ว”
เยี่ยเว่ยหมิงมองสะพานสวรรค์น้อยอย่างพิกลปราดหนึ่ง แล้วถามว่า “เจ้ากำลังยืนอยู่ดีๆ ไม่ใช่หรอกหรือ ทำไมกลายเป็นนอนออกทีวีแล้วล่ะ”
“คนบ้า อย่าใส่ใจรายละเอียดขนาดนั้นสิ” ประเด็นประหลาดที่เยี่ยเว่ยหมิงสนใจทำเอาสะพานสวรรค์น้อยหน้าแดงเรื่อ จากนั้นก็เปลี่ยนประเด็นสนทนา “BOSS สองคนถูกเจ้าฆ่าตายแบบนี้แล้ว ไม่ดูหน่อยหรือว่าได้ของอะไรบ้าง”
พอสำนึกได้ว่าคำพูดของตัวเองก่อนหน้านี้มีความหมายสองแง่สองง่าม เยี่ยเว่ยหมิงก็รู้สึกอายนิดหน่อย จึงเตะศพสองร่างอย่างแรงเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของสะพานสวรรค์น้อย ขณะเดียวกันก็คลำศพจนเสร็จ
ไอเทมดรอปของจ้าวจื้อจิ้งมีดังนี้
เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน (ระดับกลาง): …(ข้ามคำอธิบาย)
[กระบี่เกาผิวถลอก (ทองคำ)] กระบี่พกติดตัวของจ้าวจื้อจิ้ง ศิษย์รุ่นสามของสำนักฉวนเจิน แสดงจุดเด่นออกมาตามลักษณะเจ้าของ
โจมตี +250
ป้องกัน +250
กำลังภายใน +25%
เสน่ห์ -10!
เงิน: 250 เหรียญทอง
……
ไอเทมดรอปของเจินจื้อปิ่งมีดังนี้
[วิชาห่านทอง (ระดับกลาง)] …(ข้ามคำอธิบาย)
[กระบี่หิวเรือนร่าง (ทองคำ)] กระบี่พกติดตัวของเจินจื้อปิ่ง ศิษย์รุ่นสามของสำนักฉวนเจิน แสดงจุดเด่นออกมาตามลักษณะเจ้าของ
โจมตี +450
กำลังภายใน +20%
ค่าความรู้สึกดีของผู้เล่น -30!
เงิน: 250 เหรียญทอง
……
ไม่รู้เป็นเพราะ BOSS สองคนนี้ถูกทำให้อ่อนแอลงเพราะอยู่ในภารกิจพิเศษหรือเปล่า ของที่ดรอปได้จึงไร้สาระมาก ถึงขั้นแย่กว่าของที่ได้จากหลินจื้อเพ่ยเมื่อก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ
แต่ดูจากค่าสเตตัสของดาบสองเล่มนี้ ในที่สุดเยี่ยเว่ยหมิงก็รู้แล้วว่าทำไมตัวเองถึงไม่ถูกชะตากับผู้ชายสองคนนี้
โดยเฉพาะกระบี่หิวเรือนร่างเล่มนั้น ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประสาทสัมผัสของผู้เล่นลบสามสิบเปอร์เซ็นต์ มิน่าล่ะ ตอนที่เขาเห็นเจินจื้อปิ่งที่แม้จะแต่งกายเรียบร้อยคนนี้ กลับรู้สึกรำคาญยิ่งกว่าตอนเห็นจ้าวจื้อจิ้งเสียอีก
เพื่อขอบคุณน้องสะพานสวรรค์น้อยที่ช่วยเรื่องปลาขาวบึงหนาว เยี่ยเว่ยหมิงเตรียมจะแบ่งไอเทมดรอปของ BOSS คนละครึ่ง
แต่ตอนที่เขาเพิ่งพูดเสนอออกมา สะพานสวรรค์น้อยก็ปฏิเสธด้วยสีหน้ารังเกียจเป็นพิเศษโดยไม่ลังเลแล้ว
เยี่ยเว่ยหมิงดูพวกไอเทมที่ดรอปได้อีกครั้ง สะพานสวรรค์น้อยไม่ยอมรับไว้ก็เหมือนไม่ใช่เรื่องแปลก
‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ กับ ‘วิชาห่านทอง’ ล้วนเป็นของดี แต่พวกเขาเคยดรอปได้จากหวันเหยียนคังตอนประลองยุทธ์เลือกคู่เนี่ยนฉือแชมเปียนส์คัพก่อนหน้านี้แล้ว อีกทั้งตอนนั้นยังเข้ากระเป๋าสะพานสวรรค์น้อยแล้วด้วย
เวลาผ่านไปนานขนาดนั้น เกรงว่าเลเวลคงไม่น้อยแล้ว
ส่วนกระบี่เกาผิวถลอกกับกระบี่หิวเรือนร่าง ไม่เพียงแค่ตั้งชื่อได้น่ารังเกียจ ค่าสเตตัสลดเสน่ห์ก็ยิ่งเป็นศัตรูร่วมกันของผู้เล่นหญิง ไม่มีทางยอมรับได้จริงๆ
สะพานสวรรค์น้อยเป็นผู้หญิงหรือเปล่า
เป็นสิ
นางจึงไม่ใช้มันเด็ดขาด!
พูดถึงเงินที่อยู่รายการสุดท้าย
เงิน แน่นอนว่าเป็นของดี ตัวเลขที่ทั้งสองได้รวมกันคือห้าร้อยเหรียญทอง แม้จะไม่ใช่ตัวเลขที่มากมายอะไร แล้วก็ถือเป็นเงินก้อนหนึ่งที่ทำให้รวยได้เช่นกัน
แต่จำนวนนี้หากแบ่งครึ่งกัน ก็จะกลายเป็นสองร้อยห้าสิบ!
ไม่ว่าจะมองอย่างไร สิ่งที่ดรอปได้จากเจ้าสองคนนี้ก็เต็มไปด้วยขยะ
เยี่ยเว่ยหมิงทำได้เพียงยัดมันเข้ากระเป๋าตัวเอง เตรียมจะไปขายเอาเงินที่ร้านอุปกรณ์กิตติมศักดิ์
เยี่ยเว่ยหมิงมองศพสองร่างนั้น หลังจากลังเลครู่หนึ่ง ก็นำโลงไม้หวงฮว่าสองใบมาเก็บศพ
ที่จริงถ้าอิงตามระดับของเจ้าสวะสองคนนี้ เยี่ยเว่ยหมิงอยากจะนำเสื่ออกมาเก็บศพเสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่พอนึกถึงค่าประสบการณ์ ‘เคล็ดกระบี่ฉวนเจิน’ ที่เขาสะสมมาจนถึงตอนนี้ เจ้าสองคนนี้ถือว่าฝึกเหมือนเขาเช่นกัน เขาถึงได้ยกระดับการดูแลให้สามระดับเป็นกรณีพิเศษ
ได้รับ ‘ตระหนักรู้เคล็ดกระบี่’ ×2!
ได้รับ ‘ตระหนักรู้กำลังภายใน’ ×2!
ได้รับ ‘ตระหนักรู้วิชาตัวเบา’ ×2!
……
หลังจากจัดระเบียบของที่ได้เสร็จแล้ว เยี่ยเว่ยหมิงก็เดินตามหลังสะพานสวรรค์น้อยเข้าไปในเขตอำนาจของสุสานโบราณ ทว่าตอนที่เพิ่งผ่านทางเล็กๆ ของป่าผืนหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงหึ่งๆ ที่ชวนขนหัวลุกดังมา
พอมองดีๆ กลับเห็นผึ้งจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังกรูกันเข้ามาจากสี่ด้านแปดทิศล้อมทั้งสองไว้ตรงกลาง!
“ระวัง!”
เยี่ยเว่ยหมิงเห็นสถานการณ์ดังนั้น ก็ก้าวขึ้นมาปกป้องตรงหน้าสะพานสวรรค์น้อยทันที พร้อมทั้งรีบขมวดคิ้วครุ่นคิดแผนรับมือ
เมื่อเผชิญหน้ากับผึ้งเหล่านี้ ภายในเวลาสั้นๆ เขาก็อาศัยขอบเขตการโจมตีของมังกรซ่อนกบดานเพื่อปกป้องตัวเองได้แล้ว แต่ทำต่อเนื่องได้ไม่นานแน่นอน
ถ้าคิดจะฝ่าวงล้อม มั่วมุทะลุดุดันก็ไม่สำเร็จแน่นอน ต้องคิดหาวิธีการที่ดีกว่านี้!
“พี่ใหญ่เยี่ย ให้ข้าจัดการเถอะ” เหนือความคาดหมายของเยี่ยเว่ยหมิง ตอนนี้สะพานสวรรค์น้อยก้าวขึ้นมาข้างหน้าก้าวหนึ่งพร้อมนำขวดกระเบื้องสีขาวเหมือนไขมันแพะออกมาใบหนึ่ง พอเปิดฝาออกก็มีกลิ่นหอมโชยออกมาทันที เป็นกลิ่นหอมที่มีเฉพาะในยาผึ้งหยก
มือข้างหนึ่งของสะพานสวรรค์น้อยรองก้นขวด ส่วนใบหน้างามของนางก็เผยรอยยิ้มมั่นใจในตัวเอง
ผึ้งพวกนั้นที่เดิมทีท่าทางดุร้าย พอมองดูอีกครั้งกลับพบว่าพวกมันถอยไปประมาณสองสามจั้งแล้ว ทั้งยังบินเรียงกันเป็นอักษรตัวใหญ่สองตัวกลางอากาศที่มีความหมายว่า…
จัดการเรียบร้อย!
ท่ามกลางสายตาตกตะลึงของเยี่ยเว่ยหมิง สะพานสวรรค์น้อยยิ้มสวยพร้อมบอกว่า “นี่คือ ‘วิชากันผึ้ง’ สุดยอดทักษะที่มีเฉพาะสำนักสุสานโบราณ น่าสนใจใช่ไหมล่ะ”
“วิชากันผึ้งของศิษย์พี่หญิงใหญ่ถึงระดับที่แปลงร่างป้องกันผึ้งแล้ว น้องสาวนับถือ”
ยังไม่ทันสิ้นเสียง พวกเขาก็เห็นเงาร่างของสองสตรีกระโดดออกมาจากป่า หนึ่งในนั้นบอกว่า “แต่การที่ท่านทุ่มเทความคิดพาคนนอกมาแย่งทรัพยากรที่มีจำกัดในสุสานโบราณของพวกเรา ถือว่าไร้ความรับผิดชอบต่อศิษย์พี่ศิษย์น้องร่วมสำนักเกินไปกระมัง”